ข้าวต้มปลาทูสด
ข้าวต้มปลาทูสด
ขนหัวลุก
ใบหนาด
"น้าทรง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากทะเล
สมัย หนุ่มผมอยู่หมู่บ้านคลองมะขาม จังหวัดภาคตะวันออกใกล้ชายแดนกัมพูชานั่นแหละครับ พวกเราส่วนใหญ่หากินกับท้องทะเล จับปูจับปลาหาหอยมากินมาขายแบบเดียวกับชาวน้ำเค็มทั่วๆ ไป
พูดถึงกัมพูชาสมัยนั้นก็คล้ายกับกัมพูชาสมัยนี้ละครับ
คือ ชาวบ้านเขาทำกะปิชั้นดีจาก "กุ้งเคย" ตัวเล็กๆ รับรองว่าคุณภาพชั้นหนึ่ง ขนาดเอากะปิอย่างเดียวมาตำน้ำพริกยังอร่อยนี่นา ปัดโธ่! กะปิเขมรต่อให้ดีวิเศษแค่ไหนก็สู้ของเราไม่ได้หรอกครับ อย่างเก่งก็พอจะไล่ๆ กันเท่านั้นเอง
ตอนนั้นเราตัดสัมพันธไมตรีกับ กัมพูชา ทางชายแดนก็ยังตึงเครียดกันอยู่ไม่เบา อ้าว? นักการเมืองตัวเบ้งๆ ดันผ่าลักลอบเอากะปิเขมรมาขายตัดราคาเราป่นปี้ ชาวบ้านร้านตลาดเจ็บอกเจ็บใจสุดๆ เพราะทำให้สนนราคาตกต่ำลงไปตั้งพะเรอ เคยทำมาหากินคล่องๆ ก็แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังไปตามๆ กัน
สมัยนี้ กัมพูชาก็ตั้งกองทหารประชิดชายแดน ยิงปืนเปรี้ยงปร้างเข้ามาบ่อยๆ ทั้งที่ได้ปราสาทพระวิหารไปเป็นมรดกโลก เชิดหน้าชูตาและชูคอกันทั้งประเทศแล้วนะเนี่ย
มาเล่าเรื่องขนหัวลุกกันดีกว่าครับ!
ผม กับพี่ก้านวัยฉกรรจ์เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันมาก แม้จะอายุห่างกันราวสิบปี แต่เราก็รักใคร่กันเหมือนพี่น้อง วันดีคืนดีก็ออกเรือจากคลองมะขามไปหาปลาในทะเลด้วยกัน ทำข้าวต้มปลาทูแกล้มเหล้ากันในเรือนั่นแหละ สนุกอย่าบอกใครเชียว
วันนั้นก็เช่นกัน...
พี่ ก้านได้เหล้ามาหลายขวด มะยมสดกับมะขามเปียกจิ้มเกลือไล่ความขื่นคอ...แหม! นึกถึงแล้วน้ำลายสอไม่หาย พับผ่า! แกชวนผมไปจับปลากับทำต้มปลาทูของโปรดกินกันในทะเลยามค่ำคืนน่ะซีครับ
เราช่วยกันหอบหิ้วเครื่องมือจับปลาลงเรือ ไม่ลืมเหล้าและกับแกล้มนิดหน่อย ก่อนจะบึ่งเรือออกจากคลองไปสู่ท้องทะเลที่อยู่ไม่ไกลนัก
พวก เราชาวคลองมะขามทำประมงน้ำตื้นกันเป็นส่วนมาก เรือก็ใช้ขนาดเล็กติดเครื่องไม่เกินสิบแรง เครื่องมือจับปลาก็คืออวนขนาดย่อมๆ แค่คนสองคนก็จับปลาได้สบายมาก
พี่ ก้านจัดการสำรวจดูความขุ่นของน้ำ กระแสน้ำ คลื่นและทิศทางของลม ก่อนจะหาที่เหมาะๆ วางอวนจับปลา...หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ร่ำสุราแกล้มมะขามเปียกจิ้มเกลือ หรือไม่ก็มะยมสดๆ กัดกรวบเข้าไปเสียวกรามกันซ่านซ่าไปพร้อมๆ กัน! ฮ่า...
เรื่อง สนทนาฮาเฮกันตามประสาผู้ชายน่ะ หนีไม่พ้นเรื่องสาวน้อยสาวใหญ่ ไม่ว่าไก่แก่แม่ปลาช่อน หรืออีนางเนื้อเกลี้ยง อวบอั๋นสั่นกระเพื่อมไปหมดไม่ว่าหน้าอกหน้าใจ หรือว่าก้นกอยผึ่งผายงอนงามของแม่เจ้าประคุณ
ยิ่งอีตอนที่ออดอ้อน ออเซาะอยู่กับเราตามร่มไม้ใบหนา หรือว่าโรงร้างเปล่าเปลี่ยวน่ะหรือครับ? เฮ้อ...ไม่รู้ว่าจะมาอยู่ในเรือกลางค่ำกลางคืนทำไม?
อ้อ! เขาว่าข้าวต้มปลาทูนี่น่ะ นอกจากจะอร่อยเหลือหลายแล้วยังมีสรรพคุณยิ่งกว่า ฉลามพล่า พุงกระเบนต้มยำ หรือต่อให้ดุกทะเลย่างน้ำตกซะอีกแน่ะ! คือทำให้เข้มแข็งเหลือล้น ทรหดอดทนเหลือหลาย...ยังงี้จะไม่ให้สาวน้อยสาวใหญ่ชอบมากระแซะๆ ซะรุ่มได้ไง?
ซดเหล้าไปคุยไป ข้าวต้มเปล่าๆ เดือดจนต้องเติมน้ำไปหลายหน เดี๋ยวจะได้ปลาทูตัวโตๆ ที่ยังดิ้นกระแด่วๆ จับใส่หม้อข้าวต้มกำลังเดือดพล่าน ผสมเครื่องปรุงแล้วทิ้งไว้ให้เดือดอีกครั้งเป็นได้การ
เอาละ! ได้เวลาไปเก็บอวนซะที!
ผม วางแก้วแล้วไปช่วยพี่ก้านลากอวนขึ้นเรือ แหม! หนักอึ้งบ่งบอกว่าได้ปลาบานตะไทไปเลย...เราช่วยกันลากอวนจนแขนสั่น กระทั่งมันโผล่พ้นน้ำขึ้นมา
นรกเป็นพยาน! ไม่ใช่ปลาทูอ้วนๆ เป็นโขยงหรอกครับที่ติดอวนขึ้นมาน่ะ แต่กลับเป็นซากศพหัวโต หน้าดำ ตาโบ๋ เล่นเอาเราร้องเฮ้ย! ออกมาพร้อมกัน ตกอกตกใจที่มีศพมาติดอวน แต่ตาโบ๋นั่นกลับมีแสงแดงจ้า ปากหนาเปอะอ้าปะหงับๆ จนเราหงายหลังตึง ปล่อยอวนหลุดมือ เรือไม่ล่มตกน้ำตกท่าเป็นลูกหมาตกน้ำก็บุญโขแล้วคุณเอ๋ย
ตั้ง หลักได้ก็ติดเครื่องตีวงแล่นอ้าวมุ่งหน้าเข้าคลอง มือสั่นปากสั่นไปตามๆ กัน...ตั้งแต่นั้นพี่ก้านชวนผมออกไปทำข้าวต้มปลาทูกินอีก ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าดิกๆ ทุกครั้ง! บรื๋อออ...
//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF6TURjMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB3TXc9PQ==