iamZEON Blog : Comics , Anime และอีกสารพัดเรื่อง
|
||||
ปีศาจผมทอง
ปีศาจผมทอง
ขนหัวลุก ใบหนาด "วิมาลา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องผีสิง ถ้า ไม่ติดตามสามีจากชุมพรมากรุงเทพฯ เพื่อธุรกิจของครอบ ครัว ดิฉันคงจะไม่ต้องพบกับเรื่องราวสุดสยอง น่าขนลุกขนพองที่สุดในชีวิตหรอกค่ะ เรา อายุเลยหลักสี่มาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ค่อนข้างเหงาพอสมควร สามีมักจะชวนดิฉันไปด้วยเสมอ แต่นานๆ ถึงจะตกลงสักครั้งเพราะไม่ชอบนั่งรถไกลๆ คอยกังวลไปตลอดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ แม้สามีจะขับรถดีมากก็ตาม...เราไม่ได้ชนเขาก็อาจจะถูกเขาชนเรา! จริงไหมคะ? จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ดิฉันตกลงร่วมทางไปด้วย ทางบ้านมีญาติๆ ที่ไว้ใจได้คอยดูแล... ระหว่างทางพบอุบัติเหตุรถชนกัน 2-3 ราย คือก่อนจะถึงปราณบุรี กับเลยหัวหินก่อนจะถึงเขาย้อย...ดูเหมือนจะสาหัสทั้งนั้นเลยค่ะ จะเป็นลางร้ายอะไรหรือเปล่านะ? ดิฉันอดคิดมากไม่ได้ตามประสาผู้หญิง แต่สามีก็ปลอบใจว่าเป็นเรื่องปกติ เขามักจะพบเห็นอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ บางครั้งก็เจอทั้งขาไปและขากลับ...ถ้ามองในแง่ดีก็คือทำให้เรามีสติ ใช้รถใช้ถนนด้วยความไม่ประมาทไงล่ะคะ วันนั้นเราพักโรงแรมขาประจำแถวสีลม...หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้ว สามีก็ชวนไปช็อปปิ้ง หาอาหารค่ำกินจนเรียบร้อย แล้วออกมาเดินดูของสวยๆ งามๆ รอบสอง ดิฉันเห็นอะไรสวยก็อดพูดไม่ได้ สามีจะยุยงให้รีบซื้อทันที หอบของขึ้นรถแล้วสามียังขับกินลมชมวิว ดูความสวยงามมลังเมลืองของกรุงเทพฯ ยามราตรี...จิตใจแช่มชื่นปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก... ลืมคำพังเพยเก่าๆ ที่เคยเตือนใจจนหมดสิ้น! "ก่อนจะเกิดพายุร้าย ท้องทะเลมักเงียบสงบเสมอ" ใน ที่สุด เราก็ไปนั่งที่บาร์เบียร์บนฟุตปาธข้างโรงแรม ดิฉันดื่มเป็นเพื่อนสามี...พูดคุยกันถึงเรื่องราวเก่าๆ ก่อนวกไปถึงลูกชายอันเป็นที่รักของพ่อแม่...มองรถราและผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็น นักท่องเที่ยว เดินผ่านไปมาอย่างทอดอารมณ์...ขอให้พวกเขาเที่ยวกรุงเทพฯ ให้สนุกและปลอดภัย เมื่อกลับบ้านจะได้บอกญาติมิตรให้มาท่องเที่ยวเมืองไทยเยอะๆ ไงคะ เดี๋ยวเราก็จะขึ้นห้องกันแล้ว สามีนัดพบลูกค้า 2-3 รายตั้งแต่ตอนสายและเที่ยงมีการดื่มกินกันตามมรรยาท...ราวบ่ายสองเราก็จะ เช็กเอาต์กลับชุมพรแล้ว ดิฉันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มผมทอง หน้าตาคมสันนั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียว...เขากำลังมองยิ้มๆ มาที่ดิฉันพอดี! อดบอกสามีไม่ได้ว่าหนุ่มรูปหล่อแท้ๆ มาจ้องคนแก่อยู่ได้ สามีหันขวับ...ไหนๆ ไม่เห็นมีนี่! คราวนี้ดิฉันชักงง นึกว่าตัวเองเมาเบียร์จนตาลาย ก่อนจะถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นหนุ่มผมทองนั่นกำลังเดินไปที่บันไดขึ้น โรงแรม... สามีก็ยิ้มขำๆ บอกว่ายังไม่แก่ แถมสวยจัดอีกด้วย...ดิฉันบอกให้เขาคิดเงินดีกว่า จะได้เข้านอนเร็วๆ เพราะต้องตื่นเช้า... ตอนไปขอกุญแจห้องที่เคาน์เตอร์ ยังเห็นหนุ่มรูปหล่อคนเดิมยืนอยู่หน้าแผนกแคชเชียร์...เขาหันมามองดิฉันพลาง ยิ้มกว้าง ผงกศีรษะเป็นเชิงทักทาย ดิฉันก็ฝืนยิ้มให้แล้วหันกลับทันที...ไม่อยากให้สามีเห็นและคิดมากค่ะ กลางดึกคืนนั้นเอง ดิฉันกำลังหลับสนิทก็รู้สึกหนาวยะเยือกจนลืมตาขึ้น ได้ยินเสียงสามีหายใจลึกแรงอย่างสม่ำเสมอ...แต่ทำไมความหนาวเย็นยิ่งเพิ่ม ขึ้นจนขนลุกซ่า ลืมตาขึ้นโดยที่ยังไม่ได้ขยับตัว คุณพระช่วย! ท่ามกลางแสงสลัวจากไฟหน้าห้องน้ำ หนุ่มผมทองยืนจังก้าอยู่ข้างเตียง นัยน์ตาจ้องมองเขม็งพลางฉีกยิ้มกว้าง...กว้างขึ้นเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ดิฉันร้องกรี๊ดๆ ลั่นห้องจนแก้วหูตัวเองยังสะเทือน สามีลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง "เอื้อมไปเปิดไฟหัวเตียงทันที...แต่ไม่มีร่างน่าสยดสยองนั่นอีกแล้ว...ดิฉัน โผกอดสามีพลางปล่อยโฮ...ผี! ผีหลอก! ผีผู้ชายผมทองคนนั้น... สามีปลอบโยนว่าดิฉันคงฝันร้ายเป็นตุเป็นตะ หรือไม่ก็ตาฝาดไปเอง ไม่มีผีสางที่ไหนหรอก ดิฉันยืนยันถึงผู้ชายผมทองที่บาร์เบียร์ หน้าเคาน์เตอร์ จนกระทั่งตามมาในห้องนอน คิดอีกที ดิฉันอาจจะฝันร้ายหรือตาฝาดเพราะจิตใจคิดถึงภาพก่อนที่จะเข้านอนก็เป็นได้ ...แต่บางสิ่งบางอย่างที่เร้นลับเกินอธิบาย บอกว่าผู้ชายคนนั้นต้องเสียชีวิตในห้องนอนนี้อย่างแน่นอน รุ่งขึ้นดิฉันต้องขอติดตามสามีไปด้วย...ภาพของปีศาจผมทองยังติดหูติดตาจริงๆ ไม่อยากขนหัวลุกอยู่ในห้องนั้นคนเดียวค่ะ! //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkzTURJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5Tnc9PQ== วิญญาณเฮี้ยน
วิญญาณเฮี้ยน
ขนหัวลุก ใบหนาด "ปราโมทย์"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากดาดฟ้าโรงแรม เมื่อ ปลายปีที่แล้วนี่เอง ผมกับเพื่อนๆ ที่ทำงานอีก 5 คนได้ไปเที่ยวภาคเหนือตอนล่าง 3 วัน 3 คืนกับบริษัททัวร์ที่มีโลโก้เป็นรูปแมลงปอบนเสื้อยืดสีม่วง ถือว่าเป็นบริษัททัวร์ติดอันดับท็อปไฟว์ บริการยอดเยี่ยมน่าประทับใจมากๆ นอก จากจะได้ท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ยังเป็นการเปิดหูเปิดตาอีกด้วย...ข้อสำคัญก็คือทำให้เงินทองหมุนเวียนอยู่ใน เมืองไทยดีกว่าไปเที่ยวต่างประเทศอีกต่างหาก สำหรับผมเองนั้น นอกจากจะได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินคุ้มกับเงินค่าทัวร์เกือบหนึ่งหมื่น บาท ยังได้รับของแถมที่แม้ว่าจะไม่ต้องการจะรับ แต่ก็สุดแสนประทับใจไปนานแสนนานเชียวละครับ โธ่! ก็โดนผีหลอกเข้าเต็มรักเต็มใคร่น่ะซี คุณเอ๋ย... ขอข้ามเรื่องการเที่ยวเตร่ตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะวัดวาอารามทุกจังหวัด เพราะจุดหมายของเรื่องนี้ก็คือ...ขนหัวลุก! เหตุเกิดที่โรงแรมหรูหราที่กำแพงเพชรครับ วันนั้นเป็นวันที่สอง หลังจากค้างที่โรงแรมพิษณุโลกมาแล้ว มี การเลี้ยงอาหารกลางวันที่ห้องโถงชั้น 7 เป็นอาหารชั้นดีที่มีทั้งกุ้ง ปลาและไก่ ซีอิ้วรสโอชะที่หากินยาก แถมอาจารย์ชัย-โต้โผใหญ่ผู้นำทัวร์มาเองยังสั่งให้ยกบะหมี่และเกี๊ยวสูตรชา กังราวมาตั้งโต๊ะปรุงกันเดี๋ยวนั้นเพื่อเป็นออร์เดิฟ มีการบรรยาย สรรพคุณก่อนหน้าว่าจะหากินได้ในกำแพงเพชรแห่งเดียว ใส่ทั้งหมูแดงและหมูบะช่อ ใส่ถั่วฝักยาวลวกฝานเฉียงบางๆ ใส่ถั่วป่นมากหน่อย น้ำซุปหวานชุ่มคอชนิดขอให้หายห่วงได้ บรรดา พนักงานทัวร์ทั้งหญิงและชายคอยบริการลูกค้าที่ขี้เกียจยืนเข้าคิวรอ จัดการยกมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ ปรากฏว่าเอร็ดอร่อยถูกปากไปตามๆ กัน ลูกทัวร์บางคนเกรงใจหรือไม่ก็ไม่อยากคอยนาน ถึงกับลุกไปต่อคิวสำหรับชามที่สองเอาเอง ทำไปทำมา ออร์เดิฟกลับขายดิบขายดียิ่งกว่าอาหารหลักบนโต๊ะ บุฟเฟ่ต์เสียด้วยซ้ำไป! อ้อ! มีวงดนตรีขับกล่อมคณะทัวร์ที่แห่กันไปถึง 3 รถบัสด้วยครับ นักร้องก็คือพนักงานของบริษัททัวร์ บางคนเสียงดี ลูกเล่นก็ไม่เลว จนน่าจะไปเป็นนักร้องอาชีพได้เลย... จู่ๆ ผมก็เปรี้ยวปากขึ้นมา... สาเหตุไม่มีอะไรมาก นอกจากอยากสูบบุหรี่เท่านั้นแหละ สมัยนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า คนสูบบุหรี่เป็นส่วนเกินของสังคม ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ทั้งนั้น ก่อนนั้นเคยไปอาศัยห้องน้ำได้แต่เดี๋ยวนี้อย่าหวัง...เจอแต่ป้าย "ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับ 2,000 บาท" ทุกที่ไป อารามอยากบุหรี่ผมเลยเดินเร่ไปที่ประตูเข้าออก นึกว่าจะมีที่ให้สูบบุหรี่แถวหน้าลิฟต์ ที่ไหนได้ล่ะ กลับมีป้ายเด่นสะดุดตาว่า "เชิญสูบบุหรี่ชั้น 8" จำใจเลี้ยวขึ้นบันไดไปสู่ชั้นดาดฟ้า...มิน่าล่ะถึงสูบบุหรี่ได้! ผมหยิบบุหรี่มาคาบแล้ว จุดไฟแช็กทันทีพลางเดินเร่ไปชมวิว เห็นมีที่ดับเพลิงติดอยู่ใกล้ๆ พวกติดบุหรี่เหมือนกัน 2-3 คนกำลังอัดควันก่อนจะพ่นกระจายไปตามสายลมที่พัดค่อนข้างแรงอยู่ภายใต้ท้อง ฟ้าเวิ้งว้าง...หันไปอีกทีพวกนั้นก็หายอยากเรียบร้อย เดิน หัวเราะต่อกระซิกกันลงไปชั้น 7 คงเป็นพวกที่มาทัวร์เดียวกันเพราะดูคุ้นๆ หน้า แต่นั่งรถคนละคัน หันไปอีกทีก็เห็นผู้หญิงในชุดกางเกงดำเสื้อเหลืองเกาะราวลูกกรงเฉียงๆ คล้ายหันหลังให้...ผู้หญิงติดบุหรี่มีเยอะนะครับ เราอยากจะเลิกแต่เลิกไม่ได้นี่นา! โธ่... หลายๆ คนบอกว่าให้ใช้วิธี "หักดิบ" แต่วารสารทางแพทย์ยืนยันว่า ผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ด้วยวิธีนี้จะได้ผลเพียง 23 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง... เดี๋ยว! ผู้หญิงคนนั้นก้าวข้ามลูกกรงไปต่อหน้าต่อตา...ตึก 8 ชั้นนะครับ! ผมร้องเฮ้ยๆ อย่าๆๆ แต่ก็ไม่ทันการณ์ ร่างปราดเปรียวนั่นลอยละลิ่วลงไปในความเวิ้งว้าง หายลับไปจากม่านตา เล่นเอาผมเสียววูบคล้ายหัวใจกระฉอกออกมาจุกลำคอ...เหมือนกำลังหล่นจากตึกไป ด้วย วิ่งปราดเข้าไปชะโงกหน้ามอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ...รถรากับผู้คนยังสัญจรไปมาเป็นปกติ แต่ผมเห็นเธอแน่ๆ แถมจำได้ติดหูติดตาเหมือนเพิ่งดูหนังมาหยกๆ เล่นเอาหายอยากบุหรี่มวนที่สองเป็นปลิดทิ้ง เดินซมซานเหงื่อแตกซิกลงมาที่ชั้น 7 ตามเดิม ใจสั่นหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม ถึงแม้ผมจะเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาดแต่นั้นมา แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์โดนผีหลอกกลางวันแสกๆ แล้วขนหัวลุกตั้งจริงๆ ครับ! //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkwTURJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TkE9PQ== รถผีสิง
รถผีสิง
ขนหัวลุก ใบหนาด "ก้อย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณที่อยู่ในรถ เมื่อ ต้นปีที่แล้วนี่เอง ดิฉันกับเพื่อนได้พบกับเหตุการณ์สยองขวัญที่ยังติดหูติดตามาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเราจะพูดกันภายหลังก็ตาม...ไม่หัวใจวาย หรือช็อกตายเพราะหวาดกลัวก็นับว่าเป็นบุญเต็มที! ตอง - เพื่อนสนิทขับรถมาหาดิฉันที่บ้านแถววงเวียนใหญ่ในตอนเย็นวันเสาร์ หลังจากโทร.มานัดแนะเมื่อชั่วโมงก่อนว่าให้แต่งตัวรอ ขอชวนไปเที่ยวเพื่อฉลองความสำเร็จในการตกลงกับลูกค้ารายใหญ่ได้สำเร็จ "อยากเป็นบ้านนอกเข้ากรุงซักวันนะก้อย" ตองอยู่นครชัยศรีนี่เองค่ะ "อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า จะมาก็รีบมาเถอะ ระวังจะขับรถชนคนตายล่ะ" "เพิ่งตายไปหยกๆ ตอนออกจากบ้านมาแป๊บเดียวเอง!" ดิฉัน ไม่สนใจเพราะรู้ว่าเพื่อนชอบพูดเล่นเป็นประจำ จนกระทั่งเรานั่งรถมาด้วยกัน มาเดินห้างสยามพารากอน ช็อปเสื้อผ้าและเครื่องสำอางเพียบตามประสาผู้หญิง ตองก็อยากไปนั่งดูบรรยากาศที่ลานเบียร์ "เอาสาวสวยสุดเซ็กซี่ไปโชว์ไง ยั่วให้หนุ่มๆ น้ำลายไหลเล่น ดีกว่าอยู่ว่างๆ" เมื่อ เราไปนั่งดื่มเบียร์ที่นั่น ตองมันเขี้ยวถึงกับสั่งเป็นหลอดตั้งเด่นกลางโต๊ะ ดูมากมายจนดิฉันตกใจว่าจะดื่มเข้าไปยังไงหมดกันเนี่ย? มีกับแกล้มพวกอาหารทะเลเผา 2-3 อย่าง ตองชอบแมงดาทะเลไข่เต็มท้อง จิ้มน้ำจิ้มแซบๆ ดิฉันก็อดมองเพื่อนอย่างชื่นชมไม่ได้ ในวัยต้น 30 ตองยังสะสวย เปล่งปลั่ง นัยน์ตากลมโตบอกความเฉลียวฉลาดรู้ทันคน นอกจากรูปร่างดีไม่แพ้นางแบบแล้วยังรู้จักแต่งตัวโฉบเฉี่ยวทันสมัย...คืน นั้นนุ่งกระโปรงรัดรูปสีเข้ม เสื้อเกาะอกสีเหลืองคลุมด้วยแจ๊กเกตสีแดงเลือดนก ผมสลวยกระจายเต็มไหล่ดูโดดเด่นสะดุดตา บรรยากาศคึกคักสว่างไสว ดนตรีแผดลั่นถูกอกถูกใจวัยรุ่นและหนุ่มๆ สาวๆ แม้เราจะมีเลขสามนำหน้าอายุแล้ว แต่ก็ยังโสด ยังอยู่ในวัยทำงานและเที่ยวเตร่หาความสนุกบันเทิงให้ชีวิตได้ตามสมควร หนุ่มๆ หลายโต๊ะชำเลืองมาทางตองบ่อยๆ แต่เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ บางทีก็ปิดปากหัวเราะกับดิฉัน " คนสวยก็งี้แหละตัวเอง มีแต่คนมองจนรำคาญ แต่ไอ้ที่สุดหล่อตรงสเป๊กเราก็กลับไม่สน...ไม่เชื่อก็ค่อยๆ หันไปมองโต๊ะทางขวาซี ผู้ชายบ้าบออะไรก็ไม่รู้ แหม...หล่อซะ!" ดิฉันค่อยๆ ชำเลืองมองก็พบผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้ม ผมหยิกสลวยหน้าตาคมคายสะดุดตาสาวๆ แต่กลับนั่งอยู่เดียวดาย จู่ๆ ตองก็โพล่งขึ้นว่า "สุดหล่อเหมือนที่เราขับรถชนตายแถวๆ บางแคน่ะแหละ...ว้าย! ไม่ใช่นะ แค่เห็นเขาโดนรถกระบะชนท้ายจนกระเด็นออกมาตายนอกรถเท่านั้นเอง! อุ๊ย...พูดแล้วขนลุกจริงๆ ว่ะ ดูซี่..." ว่าแล้วก็ยกแขนให้ดูพร้อมกับลูบไปมา เล่นเอาดิฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตองก็เล่าต่อเนื่องกันไปด้วยสุ้มเสียงตื่นเต้นจนแทบจะมองเห็นภาพ " ตอนนั้นเลือดท่วมตัวเขาเลย หน้าเละไปทั้งแถบ ตอนเราขับรถผ่านเขายังเหลือกตาขึ้นมอง...ติดตาเป็นบ้า! คิดว่าคงจะไม่รอดแหงๆ งานนี้น่ะ! บรื๋อออ..." เธอหันไปมองโต๊ะสุดหล่อคนนั้นก่อนจะหันมาทำตาโต... "เฮ้ย! หายไปแล้ววุ้ย เร็วจัง! สงสัยมีนัด" ดิฉัน หันไปมองก็เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังปราดเข้ามาหาโต๊ะนั่ง เพราะแขกแน่นจริงๆ ค่ะ...เราคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย ตองไขเบียร์ใส่แก้วยกขึ้นดวดอั้กๆ ราวสี่ทุ่มก็เบียร์หมด...เราตกลงกันว่าคืนนี้พอก่อน เดี๋ยวตองจะไปส่งดิฉันที่บ้านแล้วกลับนครชัยศรีเลย เมื่อเราเดินไป ที่ลานจอดรถ บรรยากาศดูเงียบสงบแตกต่างกว่าเสียงครึกครื้นเมื่อครู่ก่อน ตองยกรีโมตขึ้นกด ไฟในรถคันหนึ่งก็สว่างวูบขึ้น เธอบอกว่าใช้รีโมตก็สะดวกไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาหารถ เผลอๆ ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจอดไว้ที่ไหน...แต่ดิฉันมองอีกครั้งแล้วบอกว่าเธอมอง รถผิดคันแล้ว เพราะคันที่เปิดไฟมีคนนั่งอยู่ "ไม่มีทาง จะผิดคันได้ยังไง? แต่เอ๊ะ..." เสียง ตองขาดหาย เราจ้องมองก็เห็นร่างดำๆ ของชายผู้หนึ่งนั่งตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ หันมามองเราอย่างเชื่องช้าจนเห็นเลือดเปรอะใบหน้าไปทั้งแถบ นัยน์ตาลุกวาวน่าสยองสิ้นดี "ผู้ชายคนนั้นนี่นา! ผีหลอก..." ตองตะโกนสุดเสียงจนแก้วหูดิฉันลั่น เปรี๊ยะ ผงะหงายแทบจะก้นกระแทกพื้น หันกลับก็เดินจ้ำอ้าวอย่างคนสติแตก ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว...คืนนั้นเธอต้องนั่งแท็กซี่ไปนอนค้างกับดิฉัน ค่ะ เดี๋ยวนี้ตองขายรถคันนั้นไปแล้ว ใครจะกล้านั่งรถผีสิงล่ะค่ะ?! //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl6TURJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TXc9PQ== ไปเผาผี!
ไปเผาผี!
ขนหัวลุก ใบหนาด "กรรณิการ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในวันเผาศพ ดิฉันเป็นเด็กอัมพวา สมุทรสงครามโดยกำเนิด หรือที่เรียกกันติดปากทั่วไปว่า "แม่กลอง" นั่นแหละค่ะ เมืองแห่งอาหารทะเล ผลไม้โดยเฉพาะลิ้นจี่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุด ไม่แพ้ลิ้นจี่ทางภาคเหนือแน่นอน ไม่ ใช่ว่าลิ้นจี่อัมพวาจะเพิ่งปลูกได้ไม่กี่สิบปีเท่านั้น แต่ขึ้นชื่อลือชามาหลายชั่วคนเต็มที...คิดดูซีคะว่าต้นเก่าแก่นั้นมีอายุ ตั้ง 100 กว่าปีแล้ว ลิ้นจี่ที่นี่ผลโต เม็ดเล็ก เนื้อหนา หวานกรอบและแห้ง ไม่มีน้ำเฉอะแฉะเลอะมือเหมือนลิ้นจี่จังหวัดอื่นหรอกค่ะ ปีนี้อากาศหนาวจัด ทำให้ลิ้นจี่ติดดอกสะพรั่งไปทั้งต้น ถ้าไม่เกิดฝนตกผิดฤดูเสียก่อน ก็คงจะติดผลดกดื่นน่าละลานตา...อีกสองเดือนถึงเมษายนก็จะได้ลิ้มรสหอมหวาน น่าชื่นใจกันแล้วค่ะ อ้อ! ส้มโออัมพวาก็ขึ้นชื่อลือชาเหมือนกันนะคะ คุณ ครูสมทรงมีสวนส้มโอมากมาย ก่อนนั้นก็เป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูก กันมาสมัยปู่ย่าตายาย เมื่อได้ศึกษาค้นคว้าอยู่หลายปีก็พบว่าส้มโอพันธุ์ขาวพวงหรือขาวแป้นอะไรพวก นี้จะเหมาะกับดินและน้ำแถวนครชัยศรี นครปฐมมากกว่าที่อัมพวา ก็เลย ได้พันธุ์ขาวใหญ่มาปลูกแพร่หลาย ใช้ปุ๋ยชีวภาพที่ไม่มีอันตราย กับดินจากนาเกลือมาโรยโคนต้น เขาเรียกเสียไพเราะน่าฟังว่า "ดอกเกลือ" แหม! ดิฉันก็มัวแต่พูดถึงผลไม้ดังๆ ของอัมพวาเสียเพลิน แต่รับ รองว่าไม่ลืมเรื่องขนหัวลุกหรอกค่ะ! สมัย เด็กๆ ดิฉันมีเพื่อนบ้านที่สนิทกันคือ ลุงป่วน กับ ป้ากลีบ สองผัวเมียอายุเกือบห้าสิบแล้วค่ะ แต่ก็ยังแข็งแรงไม่แพ้หนุ่มสาว เพราะ อาชีพชาวสวนทำให้ได้ออกกำลังเกือบทั้งวันมีลูกชายคนเดียวชื่อ พี่เปลว ก็ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ตอนที่ดิฉันใกล้จะขึ้นป.4 พ่อแม่ก็พาไปเยี่ยมญาติที่วงเวียนใหญ่ ยังได้มีโอกาสพบกับพี่เปลวเลยค่ะ เพราะคนบ้านเราไปอยู่ที่นั่นหลายคน ... พ่อแม่พาดิฉันไปไหว้วัดพระแก้ว, วัดโพธิ์และเที่ยวตลาดนัดท้องสนามหลวงน่าตื่นเต้นมากเลย...เกิดมาไม่เคยเห็น ตลาดอะไรจะใหญ่โตเหมือนที่นั่นมาก่อน แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านได้แค่วันเดียว รุ่งขึ้นก็โดนผีหลอกอย่างจัง! เย็น นั้น ดิฉันออกไปเล่นซ่อนแอบกับเพื่อนๆ ที่ถนนหน้าบ้าน ร่มรื่นด้วยกิ่งก้านของต้นลิ้นจี่ที่ออกลูกแดงอร่าม ฝั่งตรงข้ามเป็นคูน้ำกั้นสวนส้มโอที่ดูหนาทึบ คล้ายๆ จะมีความเร้นลับซ่อนเร้นอยู่อย่างนั้นแหละค่ะ ขณะนั้นเอง ป้ากลีบก็เดินถือฟืนท่อนหนึ่งออกจากบ้าน แกนุ่งผ้า ดำสวมเสื้อขาวดิฉันถามว่ายายจะไปไหน? แกก็บอกว่า...ไปเผาผี! ที่ อัมพวาไม่ได้พูดว่า "ไปเผาศพ" หรอกนะคะ แต่นิยมพูดว่า "ไปเผาผี" กันแทบทั้งนั้น คนที่ไปเผาผีก็มักจะมีฟืนติดมือไปด้วยคนละท่อน คล้ายจะเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมานมนานแล้วว่าต้องถือฟืนไปช่วยเผาผีกัน ทุกคน พวกเราเล่นซ่อนแอบกันต่อไป...คิดว่าเดี๋ยวป้ากลีบคงจะเดินกลับบ้านเพราะวัดตาพรหมอยู่ใกล้ๆ นั่นเอง อีกราว ครึ่งชั่วโมง ดิฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพ่อแม่คงจะไปเผาผีกับเขาด้วย เลยเดินย้อนไปที่บ้าน...แต่กลับเห็นป้ากลีบเดินมากับยายทองห่อ รูปร่างผอมสูง ผิวดำ แต่งตัวดำขาวคล้ายๆ กัน ยายทองห่อทำท่าจะเลี้ยวไปบ้านแกก่อน ดิฉันก็ถามป้ากลีบว่า...ไปเผาผีใครมาล่ะป้า คำตอบของแกทำให้ดิฉันใจหายวาบ ผวาไปกอดเอวป้ากลีบอย่างลืมตัว "ไปเผาผียายทองห่อน่ะซี!" "ยายทองห่อเดินมากับป้าหยกๆ นี่นา" ดิฉันบอกเสียงสั่นๆ "นั่นไง! แกยืนตัวแข็งอยู่ที่นั่น!" " เฮ้ย!" ป้ากลีบร้องลั่น กลับเป็นฝ่ายกอดดิฉันแน่นขณะที่หันไปดู...ท่ามกลางเสียงหมาหอนมาจากวัด ยอดลิ้นจี่ไหวซ่าอยู่กับสายลม... ร่างของยายทองห่อค่อยๆ เลือนรางจางหายไปต่อหน้าต่อตาเรา ป้ากลีบนึกขึ้นได้ก็ควักผ้าสีแดงออกมาเช็ดน้ำตา "โถ...อุตส่าห์มาส่ง ถึงบ้านเชียวหรือพี่ทองห่อ? ขอบใจละนะ ขอให้ไปที่ชอบๆ เถอะ อย่ามาให้เด็กเล็กเห็นอีกเลย เดี๋ยวมันจะขวัญหนีดีฝ่อตาย" ดิฉัน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น...ต้องยกมือไหว้ให้ป้ากลีบไปส่งบ้าน พ่อกับแม่เพิ่งกลับมาจากวัดพอดี...ดิฉันนึกถึงหน้าตาของ ยายทองห่อดิฉันก็ปล่อยโฮออกมาตอนนั้นเอง! //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl3TURJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB5TUE9PQ== โรงแรมผี!!
โรงแรมผี!!
ขนหัวลุก ใบหนาด "คุณหวาด" เล่าเรื่องขนหัวลุกในโรงแรมผีดุ ผมเคยได้ข่าวลือหนาหูมาเสียนักต่อนัก เกี่ยวกับเรื่องโรงแรมผีสิง! โรงแรมผีเฮี้ยน! เดี๋ยวจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ แต่ละเรื่องล้วนแต่ขนพองสยองกล้าทั้งนั้น ลองยกตัวอย่างให้ฟังเบาะๆ ซัก 2-3 จังหวัดก็ได้ครับ เมื่อราว 30 ปีก่อน ลือกันว่าที่นครสวรรค์มีโรงแรมเก่าๆ ที่ตั้งศาลพระภูมิบนชั้นดาดฟ้า ตกดึกมักมีสาวสวยแต่งชุดพื้นเมืองแสนสวย ลงมาเที่ยวเคาะห้องพักที่มีแต่ชายหนุ่มล้วนๆ แล้วใช้มนต์สะกดให้ตามขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้า ที่กำลังมีงานฉลองกันอย่างครึกครื้น ชายหนุ่มดวงซวยถึงกับสิ้นสติไป รุ่งเช้าตื่นขึ้นพบว่าตัวเองนอนอยู่บนซีเมนต์เปียกชุ่มด้วยน้ำค้าง ใกล้ๆ ศาลพระภูมิเก่าแก่ผุกร่อน เล่นเอาเผ่นกระเจิงลงบันไดแทบแข้งขาหักในบัดดล! ที่โคราชก็มีโรงแรมหรูหราเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว แขกที่มาพักเกิดยิงตัวตายในห้องโดยไม่ทราบสาเหตุ ต่อจากนั้นก็โจษขานกันว่าผีดุอย่าบอกใครเชียว ดุหรือไม่ดุก็ขนาดโผล่มายืนจังก้าอยู่ข้างเตียง ส่งเสียงครางฮือๆ ไปด้วย จนแขกดวงซวยที่หลับตาฝันหวานอยู่ดีๆ ลืมตามาเห็นภาพสยองสุดขีดถึงกับร้องจ๊าก เผ่นหนีออกจากห้องอุบาทว์จนผ้าผ่อนหลุดลุ่ยก็มี เจอเข้าไป 3-4 ราย ทางโรงแรมเลยต้องปิดตาย แต่วิญญาณเฮี้ยนก็ยังอาละวาดอยู่ในห้อง ต้องนิมนต์พระมาสวดแผ่ส่วนกุศลไปให้ แต่วันดีคืนดีก็ยังมีเสียงตึงตังโครมครามให้ขนหัวลุกไปตามๆ กัน ที่เพชรบูรณ์ดูเหมือนจะดุสุดขีด...ว่างั้น! ห้องชั้น 5 เยื้องๆ กับประตูลิฟต์ ไม่ว่าใครจะกดไปชั้นไหนก็ไม่สน พอถึงชั้น 5 เป็นต้องหยุดกึก ลิฟต์เปิดผาง...โผล่ออกไปจ๊ะเอ๋กับห้องนั้นมหากาฬนั่นพอดี ได้ข่าวว่าทางโรงแรมต้องเอาท่อนไม้มาตอกติดประตู เป็นสัญญาณที่ห้ามเปิดเด็ดขาด แล้วนิมนต์พระมาสวดไล่ผี แต่วันดีคืนดีก็ยังมีลิฟต์ไปหยุดกึก ก่อนจะเปิดผางที่หน้าประตูห้องผีสิง เล่นเอาคนที่พอจะระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน ถึงกับขนหัวลุกตั้งกันเป็นทิว ลองนึกถึงภาพประตูลิฟต์เปิดไปเจอห้องพักที่มีท่อนไม้ขวางประตู ชนิดปิดตายดูซีครับ ว่ามันแสนจะสุดหลอนปานใด? ที่เชียงใหม่น่ะ พูดแล้วก็เหมือนนิทานหลอกเด็ก แต่หลายๆ คนยืนยันว่าเป็นความจริงทั้งเพ! โรงแรมเก่าๆ แบบตึกแถวในตัวเมืองนั่นแหละครับ เหตุเกิดเมื่อราว 30 กว่าปีมาแล้ว มีเจ้าของใหม่ซื้อมาดำเนินกิจการต่อ แต่ทำท่าว่าจะไปไม่รอด เพราะนับวันแขกก็ยิ่งน้อยลง...น้อยลงทุกที ทำท่าว่าจะช้อยปิดฉากอยู่รอมร่อ...เผอิญมีญาติๆ แนะนำให้เชิญคนทรงบรรดาศักดิ์ เป็นสุภาพสตรีชื่อคุณศรีสมรจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปทำพิธีตรวจทางในดูว่าเป็นเพราะอาถรรพณ์เจ้าที่ หรือว่ามีอะไรเป็นอัปมงคลกันแน่เล่าหนอ? ท่านเจ้าของยืนยันว่าตั้งแต่ซื้อกิจการโรงแรมมายังไม่เคยมีใครล้มหายตายจากที่นั่นเลยแม้แต่คนเดียว! คุณศรีสมรเข้าไปนั่งสมาธิ ทำบริกรรมในห้องทำงานของผู้จัดการได้พักใหญ่ๆ ก็ลืมตาขึ้น เหงื่อแตกซิกเต็มหน้าผาก กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่...มองซ้ายมองขวาด้วยความหนักใจก่อนจะบอกกล่าวด้วย เสียงราบเรียบ แต่ไม่วายสั่นเครือว่า "ในห้องนี้มีวิญญาณมาวิ่งเล่นกันรอบห้อง ตอนนี้กำลังมองเราเขม็ง!" เสียงผู้หญิงที่เข้ามาดูการทำพิธีถึงกับร้องวี้ดว้าย ถอยกรูดออกจากห้อง...ลาออกไปหางานใหม่ทำตามๆ กัน ยืนยันว่าตกงานก็ยังดีกว่าถูกผีหลอกซึ่งๆ หน้า มีหวังหัวใจล่มสลายได้อย่างง่ายดาย เจ้าของโรงแรมเหลียวซ้ายแลขวา ไม่คิดจะถามถึงวิธีแก้ไขอีกต่อไป แต่ยอมยกธงขาวเหมือนกับลูกน้อง...หลังจากศรีสมรอธิบายให้ฟังว่า "มีการฆ่าตัวตาย ฆ่ากันตาย จนถึงหัวใจวายตายมาตั้งแต่สมัยเจ้าของเดิม วิญญาณส่วนมากยังสิงสู่อยู่ในห้องหับต่างๆ แทบจะทั่วโรงแรม เป็นวิญญาณที่แรงมาก ยากที่จัดการแก้ไขได้สำเร็จ" เรื่องภูตผีปีศาจตามโรงแรมย่อมรุนแรงเกินกว่าจะมีใครนึกฝัน ไม่ว่าโรงแรมเก่าหรือใหม่ ย่อมมีเจ้าที่เจ้าทางหรือเกิดอาถรรพณ์ผีหลอกวิญญาณหลอนได้โดยง่าย ขอให้ท่านที่จะไปนอนค้างอ้างแรมตามจังหวัดและอำเภอต่างๆ โปรดใช้ความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง ขอให้รอดพ้นจากการโดนผีหลอกทุกๆ ท่านนะครับ! //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU1TURJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB4T1E9PQ== |
iamZEON
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?] ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/ ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
Group Blog
All Blog
Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |