เรือผีหลอก
เรือผีหลอก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"รื่น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรือหาปลาตอนกลางคืน

สมัยหนุ่มๆ ผมอยู่ที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ ชาวบ้านริมน้ำล้วนแต่หากินทางจับกุ้งจับปลาเป็นอาชีพหลักกันทั้งนั้นแหละ ครับ ไม่ว่าตกเบ็ด ทอดแห ยกยอ หรือว่าพายเรือผีหลอกออกไปหาปลาตอนกลางคืน

ปากน้ำโพเคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจในสมัยก่อน การคมนาคมใช้ทางน้ำเป็นส่วนใหญ่ สินค้าจากเหนือล่องมาที่นั่นเหมือนตลาดนัด พ่อค้าจากกรุงเทพฯ ก็ขึ้นไปซื้อหาสินค้าสารพัดอย่าง ตั้งแต่ขี้ไต้ไปจนถึงไม้ซุงโน่นแน่ะ

ว่ากันว่า ถึงหน้าน้ำหลากเมื่อไหร่ ปากน้ำโพก็คือเมืองสวรรค์ของนักเผชิญโชคเมื่อนั้น!

เงินทองสะพัดเป็นว่าเล่น ผู้คนพลุกพล่าน ไม่ว่าพ่อค้าใหญ่ นักเลงหัวไม้และการพนันที่มีแทบทุกชนิด ร้านเหล้าคึกคัก ผีเสื้อราตรีก็โบยบินจากทุกสารทิศไปขุดทองที่นั่น เดินขึ้นเดินลงโรงแรมกันขวักไขว่

วันนี้ผมมีประสบการณ์ขนหัวลุกสุดสยองมาเล่าสู่กันฟังครับ

ครอบครัวเราเป็นประมงน้ำจืดมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าก็เหลือแต่ผมกับพี่ชายสองคนที่เจริญรอยตาม เพราะเคยติดเรือไปกับพ่อตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าตกปลา ทอดแห...แต่เมื่อมาถึงรุ่นพวกผมก็ออกหาปลาด้วยเรือผีหลอกเป็นประจำ

สมัย นั้นปลาชุมมาก ขอแต่รู้จักทำเลเหมาะๆ ค่อนข้างเงียบสงบก็แล้วกัน ยิ่งแถวท้ายเกาะยมที่จะไปทางบึงบอระเพ็ด เลยค่ำไปแล้วไม่ค่อยมีเสียงเรือยนต์รบกวน...คืนไหนโชคดีก็ปลาตั้งครึ่งค่อน ลำ

จนกระทั่งคืนสยองขวัญ!!

เราสองคนออกเรือกันตามปกติ สรรพสิ่งค่อนข้างเงียบเชียบ จันทร์ครึ่งดวงลอยพ้นทิวไม้มืดครึ้มขึ้นมา ระลอกคลื่นเล่นไล่เข้าหาฝั่ง สายลมพัดวู่หวิวเหมือนเสียงใครถอนใจยาวด้วยความเหน็ดเหนื่อยเต็มประดา

พี่รุ่งถือท้าย ผมประจำหัวเรือ มองดูกิ่งไม้ชายน้ำที่โน้มลงมาเหนือฟองผุดพราย...ครั้นพี่รุ่งพยักหน้าให้ สัญญาณ ผมก็เอนตัวไปทางแผ่นกระดานทาสีขาวขนาบลำเรือ แหวกน้ำจนกระเซ็นเป็นฟอง...

พวกปลาเล็กปลาน้อยเห็นสีขาวเว่อวูบวาบลงมาดื้อๆ ก็ตระหนกตกใจ กระโดดแผล็วขึ้นมาเหนือน้ำ...ส่วนหนึ่งหล่นลงในเรือที่เอียงกราบรอ ส่วนหนึ่งโชคดีก็ตกลงไปในน้ำตามเดิม...

เสียงซ่า...ดังมาจากิ่งไม้ใหญ่ที่โน้มลงมาเหนือหัว!

"เอ๊ะ...เสียงอะไรวะ?" พี่รุ่งร้องถามเบาๆ ผมก็ส่ายหน้า รู้สึกอากาศเย็นยะเยือกชอบกล ขนอ่อนที่ต้นคอลุกซ่า ปากคอแห้งผากไปถนัด

พี่รุ่งจ้วงพายลงน้ำเสียงจ๋อมๆ จนกระทั่งเลยไปถึงคุ้งน้ำที่มีพงอ้อกอหญ้าขึ้นรกครึ้ม...แถวนั้นน่ะเขาลือ กันว่าเคยเป็นป่าช้ามาก่อน แต่เกิดโรคไข้ทรพิษระบาดตั้งแต่ก่อนสงครามจนผู้คนอพยพหนีกันจ้าละหวั่น กลายเป็นหมู่บ้านร้างมานับสิบๆ ปีแล้ว...ขนาดป่าช้ายังพลอยร้างไปด้วยเลยครับ

...เราได้ปลาสร้อยปลาปลาซ่ามากโขจนเรือหนักอึ้ง ตกลงใจกันว่ากลับบ้านได้แล้ว ก็พายเรือย้อนกลับมาตามทางเดิม

จนกระทั่งถึงใต้กิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่โน้มลงมาเหนือน้ำ แสงจันทร์ที่ระยิบระยับอยู่บนระลอกคลื่นไม่อาจจะส่องทะลุเข้าไปถึงภายในที่ มืดครึ้ม ดูเยือกเย็น เร้นลับ คล้ายกับจะซุกซ่อนความชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวอยู่ในนั้น...

ผมรู้สึกว่าเรือของเราชักจะหนักอึ้งขึ้นทุกที!

"พี่รุ่ง...เรือติดอะไรหรือเปล่า?" ผมหันไปถาม แต่เห็นพี่ชายกำลังผงะหน้าเบิกตาโพลง จ้องมองอะไรบางอย่างกลางลำเรือ ครั้นมองตามสายตานั้นก็พลันตัวแข็งทื่อในบัดดล!

นรกเป็นพยาน! ส่งที่เห็นชัดอยู่ในแสงจันทร์ก็คือปลาตัวใหญ่ขนาดศอกเศษ ดูไม่ออกว่าเป็นปลานรกจกเปรตอะไรแน่...แต่มันกำลังขยายใหญ่ขึ้นทุกที ท่ามกลางนัยน์ตาที่เบิกโพลงด้วยความตื่นตะลึงของเรา

คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด! ปลาอุบาทว์ตัวนั้นดิ้นกระแด่วๆ พลางร้องอุแว้ๆ เหมือนทารกแรกเกิด เล่นเอาเราผงะหน้า แทบจะตะพลัดตกเรือ ขณะที่เสียงสยองดังถี่เร็วก่อนจะดีดตัวลงน้ำเสียงตูมสนั่น...เสียงพี่รุ่ง ตะโกนลั่น...ผีหลอกโว้ย!!

จ้ำเรือกันน้ำบานน่ะซีครับ ไม่ตกน้ำตกท่าจนมีหวังช็อกตายก็บุญโขแล้ว...ต่อมาเราก็เลิกหาปลาด้วยเรือผี หลอกเด็ดขาด ขนหัวลุกครับ! บรื๋อออ...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEzTURFMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB3Tnc9PQ==



Create Date : 07 มกราคม 2552
Last Update : 7 มกราคม 2552 19:28:15 น.
Counter : 925 Pageviews.

0 comment
เสียงเรียกจากวิญญาณ
เสียงเรียกจากวิญญาณ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"เกศ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณพี่ชาย

เมื่อถึงเทศกาลใหญ่ประจำปีเช่น ปีใหม่และสงกรานต์ มีประชาชนเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเดิมเป็นจำนวนมากมายถึงสองสามแสนคน ตอนนี้เองที่จะเริ่มมีการรณรงค์ให้งดดื่มสุราอย่างแพร่หลายทั่วไป

คำขวัญต่างๆ ทยอยออกมาลานหูลานตา ทั้งทางวิทยุ ทีวีและโปสเตอร์ริมถนนหนทาง ล้วนแต่ระบุออกถึงโทษภัยอันร้ายแรงต่างๆ ของสุรา รวมทั้งผิดกฎหมายอีกต่างหาก

"ดื่มแล้วขับ ถูกจับแน่!!"

แม้ว่าจะตั้งจุดตรวจคนขับขี่ยานยนต์ ไม่ให้มีแอลกอฮอล์เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มีจุดแจกน้ำ จุดที่ให้พักผ่อน ดื่มกาแฟ งีบหลับจนถึงกับมีหมอนวดบริการให้เลือดลมฉีดแรง...การเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ก็แทบจะไม่ได้ลดน้อยลงไปกว่าปีก่อนๆ เลย

เสียชีวิตหลายร้อย บาดเจ็บนับหมื่น อาการค่อนข้างสาหัสอีกหลายพันคน!

สิ่งน่าเศร้าก็คือ คนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย ต้องพลอยมารับเคราะห์ถึงแก่บาดเจ็บ ล้มตายและพิกลพิการเพราะพวกที่ "เมาแล้วขับ" กับ "ขับรถโดยประมาท" น้อยนักที่จะเกิดอุบัติเหตุเพราะเครื่องยนต์ขัดข้อง หรือเกิดเหตุสุดวิสัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

"พี่วุฒิ" ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันบ้านอยู่ติดๆ กันที่ถนนนางลิ้นจี่ แม้ว่าจะไม่ได้ขับรถเลย แต่ก็ตกเป็นเหยื่อของพวก "ตีนผี" กับ "ปีศาจสุรา" อย่างน่าสลดใจ

เมื่อปลายปีที่แล้ว พวกเพื่อนๆ ที่บริษัทชวนพี่วุฒิไปเที่ยวส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ทางภาคเหนือ ดูเหมือนจะแวะตั้งแต่สุโขทัยขึ้นไปเรื่อยๆ มีเป้าหมายที่เชียงใหม่และดอยอินทนนท์ เพราะมีเวลาหลายวัน ตั้งแต่คืนวันศุกร์ไปจนถึงวันที่ 1 ซึ่งตรงกับวันอังคาร

ตามโปรแกรมจะเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ตอนค่ำวันที่ 1 เลยค่ะ

"รถตู้กับคนขับเจ้าประจำ" พี่วุฒิบอกกับพี่ๆ น้องๆ อย่างร่าเริง "ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ว่าแต่ขากลับรับรองว่ามีของฝากให้ทุกคนแน่ๆ ใครอยากได้อะไรมั่งล่ะ?"

ดิฉันมองหน้าพี่ชายซึ่งปกติเป็นคนผิวขาว หน้าตาผ่องใส แต่เหตุใดก่อนจะออกเดินทางเพียงวันเดียวจึงดูหน้าตาดำคล้ำเหมือนไปตากแดดที่ ไหนมานาน? ถามว่าไปเที่ยวชายทะเลมาตอนคริสต์มาสหรือเปล่า พี่วุฒิก็ส่ายหน้าบอกว่าบริษัทไม่ได้หยุดงาน ดิฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่านั้น

จนกระทั่งถึงวันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม ป้าแหวน-แม่ของพี่วุฒิก็แวะเข้ามาหาพวกเราที่บ้าน หน้าตาท่าทางเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม ปรับทุกข์กับแม่ดิฉันว่า...เมื่อคืนพี่ฝันร้ายจนแทบจะร้องไห้แน่ะ!

แล้วป้าแหวนก็เล่าความฝันให้ฟัง...

ในฝันนั้น พี่วุฒิกำลังเล่นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่เพียงคนเดียว สรรพสิ่งรอบตัวมีแต่ป่าเขาลำเนาไพรอันเปล่าเปลี่ยวสิ้นดี เสียงน้ำตกสาดซ่าลงมากระทบแก่งหินก็ฟังคล้ายเสียงใครร้องไห้น่าขนหัวลุก ป้าแหวนตกใจก็ตะโกนเรียกลูกชายสุดเสียง...กระทั่งพี่วุฒิหันหน้ามาช้าๆ

คุณพระคุณเจ้าโปรดช่วยด้วยเถิด! ใบหน้าของลูกชายคนเดียวเปรอะไปด้วยเลือดสดๆ แดงฉาน ไหลย้อยลงมาตามลำคอและทรวงอก ทุกสิ่งเต็มไปด้วยเลือด...เลือด...และเลือดทั้งนั้น...

"วุฒิลูกแม่!!" ป้าแหวนร้องตะโกนสุดเสียง ผวาตื่นขึ้นมาอกสั่นขวัญหาย...หัวใจเต้นแรงจนแทบกระทบโพรงอก สามีก็พลอยตื่นขึ้นมาถามไถ่ ครั้นรับรู้เรื่องฝันร้ายก็ปลอบโยนให้คลายใจ ก่อนจะบอกว่าตอนสายๆ ให้โทร.ไปหาลูกชาย คิดว่าคงไม่มีอะไรแน่ๆ

จริงดังคาด เมื่อป้าแหวนโทร.ไปหา พี่วุฒิก็เล่าว่าวันนี้มีโปรแกรมจะไปดูสถานที่พืชสวนโลกเพราะตอนมีงานไม่ได้ ไป กับมีรายการไปเที่ยวบ่อสร้างที่โด่งดังเรื่องการทำร่มสวยๆ ตอนกลางคืนก็ว่าจะไปเดินเที่ยวไนท์บาซ่าร์ ซื้อของฝากก่อนจะเข้าโรงแรม...มีกำหนดแวะตลาดวโรรสตอนเช้า ซื้ออาหารพื้นเมืองแล้วกลับกรุงเทพฯ ทันที

แม่ดิฉันก็ช่วยปลอบและชวนพูดคุยให้สบายใจก่อนป้าแหวนจะลากลับบ้านไป...

วัน รุ่งขึ้น พวกเราออกไปทำบุญใส่บาตรในวันปีใหม่ หาของขวัญไปหาญาติๆ และเลี้ยงอาหารกันที่บ้าน ป้าแหวนกับลุงชิตมาร่วมวงด้วยอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งราวห้าโมงเย็นก็ได้ยินเสียงพี่วุฒิดังขึ้นที่หน้าบ้าน...แม่ๆ วุฒิมาแล้ว!

ป้าแหวนลุกถลาออกไป ไม่ช้าก็เดินหน้าซีดเซียวกลับมา...ไม่เห็นลูกชายแม้แต่เงา

"สงสัยมันเดินเลยกลับบ้านแล้วมั้ง?" พ่อของพี่วุฒิเดาแล้วขอตัวไป ดิฉันกับแม่มองหน้ากัน..เอ๊ะ! ยังไง? พี่วุฒิก็รู้ว่าพ่อแม่อยู่ที่นี่แล้วทำไมไม่เข้ามาก่อน?

พวกเรา ได้ยินเสียงพี่วุฒิทุกคน...ทั้งๆ ที่รถตู้เกิดอุบัติเหตุแถวประตูน้ำพระอินทร์ เพราะโดนขี้เมาขับมอเตอร์ไซค์ปาดหน้า คนขับหักหลบจนรถพลิกคว่ำ เสียชีวิตคาที่ 3 คน...สิ่งที่พวกเราได้ยินก็คือเสียงจากวิญญาณพี่วุฒิเท่านั้นเองค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEyTURFMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB3Tmc9PQ==



Create Date : 06 มกราคม 2552
Last Update : 6 มกราคม 2552 19:23:34 น.
Counter : 743 Pageviews.

0 comment
สาวจากฮวงซุ้ย
สาวจากฮวงซุ้ย

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"เอก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากงานวัดเพรียว

ผมเป็นเด็กสระบุรีจนกระทั่งแตกเนื้อหนุ่ม บ้านช่องก็อยู่แถวข้างตลาดหลังสถานีรถไฟนั่นแหละครับ สมัยนั้นยังมีข่าวเรื่องไข้ป่าชุกชุม โดยเฉพาะแถวหินลับ, ทับกวาง, ไปถึงปากช่องและมวกเหล็ก ขนาดเปลี่ยนชื่อจากดงพญาไฟมาเป็นดงพญาเย็นแล้วนะเนี่ย!

ส่วนในตัวเมืองน่ะยังสงบสุข ชาวบ้านร้านช่องยังทำมาหากินกันตามปกติ เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ รวมทั้งลอยกระทงก็ยังสนุกสนานกันทั่วหน้า ตอนค่ำๆ ก็มีตลาดของกินทั้งคาวและหวานสารพัด หนุ่มสาวควงคู่กันชมวิวแควป่าสักบนสะพานอำนวยสงคราม ตอนเย็นๆ บางคู่ก็ไปดูหนังที่ศรีสราภรณ์เธียเตอร์ ก่อนจะนั่งสามล้อกลับอย่างมีความสุข

แต่ที่สนุกสนานมากที่สุดก็คืองานวัดประจำปีน่ะซีครับ

ไม่ว่าวัดเพรียว, วัดศาลาแดงหรือวัดทองพุ่มพวง ล้วนแต่สนุกครึกครื้นทั้งนั้น...แสง, สี, เสียง ครบครัน พวกผมไม่ยอมพลาดหรอกครับ แหม! งานวัดเมืองปากเพรียวบ้านผมน่ะ มีแต่สาวๆ สวยๆ อื้อซ่า เห็นแล้วน่าตื่นตาตื่นใจพิลึกละคุณเอ๋ย

จนกระทั่งถึงงานวัดปีนั้น! งานที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือนไปจนชั่วชีวิตสลาย...

วัดปากเพรียวครับ มีถึง 3 วัน 3 คืน ยังไงผมก็ไปแน่ๆ เพราะนอกจากจะใกล้บ้านแล้ว ผมยังนัดพบกานดา-สาวคนรักที่เป็นลูกสาวร้านชำในตลาดอีกต่างหาก

ตกค่ำ...หัวใจเต้นตึกตักเมื่อได้ยินเสียงกลองดังกระหึ่มมาจากเครื่องขยาย เสียง พวกเพื่อนๆ คือไอ้หวิงกับไอ้ซ้อนมาชวนยิกๆ ตั้งแต่เย็น เร่งให้ผมอาบน้ำแต่งตัว จะได้รีบไปเดินดูสาวๆ ให้ฉ่ำตาฉ่ำใจ

โอ้โฮ! พอเลี้ยวเข้าวัดที่อยู่ติดกับแควป่าสักเท่านั้นแหละครับ แสงไฟสว่างไสวเสียงดนตรีดังกระหึ่มไปหมด สาวๆ แต่งตัวสวยๆ หลากสีสันจนลานตาไปหมด...บ้างก็มากับแฟน บ้างก็มากับพ่อแม่ หรือไม่ก็ญาติพี่น้อง ส่วนมากมากับเพื่อนเป็นกลุ่มๆ หัวเราะต่อกระซิกเสียงระริกคิกคัก มีชีวิตชีวาน่าดูชมอย่าบอกใครเชียว

ผมมองหากานดา...ไม่รู้ว่าเธอจะบินเดี่ยวหรือมากับเพื่อนๆ แต่คิดว่าคงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ไอ้หวิงรู้ใจเพราะมันบอกว่าให้ไปเดินดูตามแผงของกินก่อน เผื่อจะโชคดี

ตอนนั้นลิเกกำลังออกแขก หนังเริ่มฉาย ส่วนลำตัดตาผูกเริ่มเล่นกลอนเกี้ยวกับแม่จรูญกันแล้ว เดี๋ยวก็ว่ากันแดงๆ จนคนแก่ที่ปูเสื่อดูหัวเราะจนน้ำหมากกระเซ็นเหมือนทุกครั้ง

เที่ยวมองสาวรักตามโต๊ะอาหาร ไม่ว่าก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น, หอยทอด, ผัดไทย, หมูสะเต๊ะ ฯลฯ จนกระทั่งไอ้ซ้อนสะกิดเอวบอกว่า...แฟนมึงมากับแม่ว่ะ นั่งกินขนมน้ำแข็งอยู่นั่นไง

ผมหันไปมองก็ถอนใจเฮือก...กานดาสวมเสื้อเหลืองแสนสวย ผมยาวสยายเต็มหลัง หันมามองทางผมพอดี ผมบุ้ยใบ้เป็นสัญญาณไปทางริมแควเธอก็พยักหน้า...ผมใจเต้นแรง ขณะหันไปมองบอกเพื่อนทั้งสองว่าขอแยกทางไปก่อน แล้วค่อยมาพบกันที่โรงลิเกทีหลัง

เสียงระนาดกับเสียงฆ้องกลอง เสียงพากย์หนังพากย์โขน กับเสียงกลองรำมะนาดังระคนปนเปกับเสียงหัวเราะครึกครื้นอยู่ในแสงไฟและอากาศ เยือกเย็น...ผมเดินเบียดคนไปทางศาลาและโบสถ์มืดสลัว...แต่หันไปเห็นกานดา เข้าพอดี!

สาวรักของผมกำลังเดินไปที่ดงไม้เงียบเชียบริมแควป่าสัก...ผมรีบเดินตามไป อย่างรวดเร็ว ตื่นเต้นจนใจเต้นแรงที่จะได้มีโอกาสอยู่กับเพียงลำพัง...แต่เมื่อมองไปอีกที ก็ต้องชะงักกึก กลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว

สุสานบนตลิ่งน่ะซีครับ มีฮวงซุ้ยขาวโพลนตั้งโดดเด่นอยู่ในแสงจันทร์นับสิบ...สายลมจากแควป่าสักใน หน้าน้ำหลากพัดโชยมาเยือกเย็น แถมเกิดเสียงวู่หวิวน่าวังเวงใจสิ้นดี!

เสียงฆ้องกลองจากงานวัดดังแว่วๆ เอาล่ะ! ไหนๆ ก็ได้มีโอกาสใกล้ชิดคนรักทั้งที ทำให้ผมรีบเดินเร็วๆ เข้าไปหาพลางเรียกชื่อเธอดังๆ กานดา...จนเธอหยุดชะงักใกล้เจดีย์สีขาวข้างฮวงซุ้ย ก่อนจะหันมามองอย่างเชื่องช้า ใบหน้าขาวผ่องนั้นยิ้มหวานอยู่ในแสงจันทร์

คุณพระช่วย! นั่นไม่ใช่ใบหน้าของกานดานี่นา แต่เป็นสาวสวยผมยาวที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

ขณะที่ผมยืนตะลึงอยู่นั้น รอยยิ้มของเธอก็ยิ่งหวานเยิ้ม นัยน์ตากลมโตดำขลับมองมาอย่างยั่วเย้า...ก่อนจะหันกลับออกเดินช้าๆ เหมือนลอยไปเหนือพงหญ้า มุ่งหน้าสู่ฮวงซุ้ยอันเรียงราย...หันมายิ้มหวานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเลือน รางจางหายไปต่อหน้าต่อตา

น่าแปลกที่ผมไม่ได้หวาดกลัวสุดขีดอย่างที่น่าจะเป็น นอกจากจะรู้สึกพร่ามึนขณะที่หันกลับ เดินช้าๆ กลับไปสู่บรรยากาศอันครึกครื้นของงานวัดเหมือนคนใจลอย...

คืนนั้นผมไม่มีโอกาสได้พบกานดาหรอกครับ แต่กลับจดจำใบหน้าของสาวสวยจากฮวงซุ้ยผู้นั้นไม่มีลืมเลือนจนถึงทุกวันนี้!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREExTURFMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB3TlE9PQ==



Create Date : 05 มกราคม 2552
Last Update : 5 มกราคม 2552 19:15:27 น.
Counter : 882 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend