ทานเทมปุระ ที่ร้าน Misato ผู้เชี่ยวชาญเทมปุระ


เท็มปุระ เป็นอาหาร ที่นำอาหารทะเล และ ผัก มาชุบแป้งทอด อาหารนี้ญี่ปุ่นรับมาจากฝรั่ง Portugal และ Spainที่เข้ามาทำการค้าขายที่ญี่ปุ่น ช่วงศตวรรษที่ 16

ในประเทศญี่ปุ่น จะมีร้านอาหารที่ขายแต่เท็มปุระเท่านั้น โดยขายเท็มปุระอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีอาหารอื่นๆ ร้านเท็มปุระจะมีตั้งแต่ธรรมดา ไปจนถึงแบบ 5 ดาว ที่เท็มปุระมื้อเย็นอย่างเดียว ราคาแพงมากๆๆ

ตอนไปญี่ปุ่นก็ได้ถือโอกาศไปทานดูอยู่ 3 ร้าน ตั้งแต่ ราคา ธรรมดา ไปถึวง ราคาระดับปานกลาง ระดับสูงไม่กล้าเข้าไปกลัวไม่มีตังจ่าย เพราะไม่ติดราคาไว้ที่หน้าร้านเลย

ร้านเท็มปุระเขาจะจัดเป็นเคาเตอร์ ให้ลูกค้านั่งทานและดูพ่อครัวทอดเท็มปุระ แบบเดียวกับการจัดร้านซูชิเลย

เนื่องจากเท็มปุระเป็นอาหารทอด ต้องทานตอนทอดเสร็จใหม่ เท็มปุระยังร้อน ถึงจะอร่อย ถ้าทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว ความอร่อยก็จะหายไปเยอะ

ร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปถ้าสั่งเท็มปุระเขาก็จะทอดเท็มปุระมาให้ทั้งชุดเลยประมาณ 8 - 10 ชิ้น ช่วงแรกก็ยังร้อยอยู่ พอทานไป ชิ้นที่เหลืออขู่ก็จะเย็นลง ความอร่อยก็หายไปเรื่อยๆ

ดังนั้นพ่อครัวเท็มปุระก็จะทะยอยทอด เท็มปุระมาให้ลูกค้าทานทีละ ชิ้น 2 ชิ้น ไปเรื่อยๆ จยครบชุด

ดังนั้นร้านเท็มปุระจะเป็นร้านอาหารเล็กๆ เท่านั้น รับลูกค้าได้ไม่มาก พอลูกค้าทานเสร็จก็ลุกไป รายใหม่ก็มาแทน และคงจะไม่มีลูกค้ามานั่งแช่ดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ แน่

ที่กรุงเทพร้านเท็มปุระแท้ๆ ที่ขายแต่เท็มปุระยังไม่เคยเจอ แต่มีร้านมิซาโตะซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องเท็มปุระโดยตรง มีเคาว์เตอร์ขายเท็มปุระอยู่ในร้านเลย แต่มิซาโตะก็มีอาหารอย่างอื่นบริการด้วย ที่มีชื่อเสียงอีกอย่างได้แก่ ทงคัตสึ

ตอนไปทานเท็มปุระที่มิซาโตะ ก็จะไปนั่งทานที่เคาเตอร์สั่งเทมปุระ 1 ชุดใหญ่

พ่อครัวก็เอาจานมาวางแล้วก็เอากระดาษขาวมาวางบนจาน โดยพับกระดาษ ต้องพับกระดาษให้เอียงๆ หน่อย เขาจะไม่พับครึ่งพอดี คงจะเป็นธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันมานาน
และก็ยกน้ำจิ้มเท็มปุระมา 1 ถ้วย


เริ่มจาก กุ้งทอด 2 ตัวก่อน ตัวแรกจะใช้ใบโอบะพันรอบกุ้งก่อนไปชุบแป้งทอด 1 ตัว อีกตัวก็ชุบแป้งทอดธรรมดา และเห็ดหอม 2 ชิ้น (หยิบทานไปก่อน 1 ชิ้น แล้วถึงถ่ายภาพ)


ทานเท็มปุระแล้วมันเลี่ยน ดังนั้นก็ต้องดื่มไปด้วย


กุ้ง 2 ตัวก็หมดไปแล้วในเวลารวดเร็วเพราะหิว พ่อครัวก็ทอด รากบัวกับถั่ว ตามมา


และก็มีไข่แดงเท็มปุระ ชามนี้สั่งพิเศษ ไม่ได้อยู่ในชุด


ตามมาด้วยกระเจี้ยบ 1 ดอก


เริ่มทานช้าลง ไม่ทันการทอดของพ่อครัว ซึ่งทอดปลาทรายมาอีก 1 ตัว


เท็มปุระปลาทรายนี้ ให้ทานโดยบีบมะนาวแล้วโรยเกลือ เกลือทางร้านก็มีให้เลือกหลายแบบในกล่อง โรยได้ตามชอบ


ตามมาด้วยปลาหมึกทอด


และสุดท้ายเป็น เท็มปุระผักรวมใส่กุ้งสับ


อิ่มมากๆ นานๆ ก็ไปทานครั้ง

ถ้าไปตอนเที่ยง ทางร้านก็จะมีชุดอาหารเที่ยงเท็มปุระ แต่จะทอดมาพร้อมๆ กันทั้งจานเลย เสริฟพร้อมซุปและข้าว แบบอาหารเที่ยงทั่วๆไป ราคาถูกกว่าทานตอนค่ำมาก


ชอบเท็มปุระก็แวะไปชิมได้

อาหารอื่นที่อร่อยๆ ได้แก่

แกงกะหรี่หมูทอด


แซลมอนเทอริยากิ






ร้านอยู่ที่ตึกชาญอิสระ 1 ถนนพระราม 4 ตรงข้าม รพ. จุฬาฯ

โทร. 0 2237 2266

เวลา 11 - 14.30, 17 - 22 น.

แผนที่







 

Create Date : 30 ตุลาคม 2551   
Last Update : 13 กันยายน 2555 11:16:07 น.   
Counter : 12752 Pageviews.  


เจ๊จง หมูทอดจับกัง หลังห้างโลตัส - พระราม 4 ยังไม่ปรับราคา

ร้านนี้ไปเจอโดยบังเอิญ (มิ.ย. 2550) ตอนไปซื้อของที่ห้างโลตัส ไปจอดรถใกล้ๆกับประตูทางเข้า-ออก ห้างด้านถนนรถไฟสายปากน้ำ มองออกไปทางด้านถนนรถไฟฯ ก็เห็นคนยืนมุงร้านอาหารอยู่ ก็รู้โดยทันทีว่าอาหารร้านนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่ ถึงมีลูกค้าเยอะ ทั้งๆที่ตอนนั้นก็เวลาบ่ายโมงแล้ว

เดินไปดูก็เห็นเป็นร้านขายข้าวหมูทอด มีหมูทอดที่หั่นแล้วอยู่เต็มเขียง หมูทอดขีดละ 20 บาท ข้าว 5 บาท เติมข้าวได้ตามต้องการ





นอกจากหมูทอดก็จะมี หมูยอ กุนเชียง ห่อหมก ปูจ๋า


ก็จัดการสั่งอาหารข้าวหมูทอด หมูยอ


อีกจานก็เป็น ข้าวหมูทอด ปูจ๋า ไข่ต้ม


หมูทอด 1 ขีด


แจ่ว


ผักแนม Self Service


รับจานข้าวจ่ายเงินแล้ว ก็ไปหาที่นั่งในร้าน ในร้านก็มีโต๊ะยาวๆให้ลูกค้านั่งประมาณ 25 ที่ นั่งทานเสร็จก็ลุกไป ลูกค้าใหม่ก็มานั่งแทน
ถ้าเป็นช่วง 11 - 13 น. ลูกค้าจะแน่นมาก มีทั้งทานที่ร้าน และ ใส่ถุงไปทานข้างนอก

บนโต๊ะก็จะมีขวดซีอิ้ว แจ่ว ซอสพริก พร้อมทั้งผัดสด วางไว้ให้ลูกค้าเติมได้ตามชอบ

ถ้าทานไปแล้ว ข้าวหมกก็ไปเติมข้าวได้อีก ฟรี

รสชาติ อร่อยมาก โดยเฉพาะหมูทอด เนื้อหมูนิ่ม ไม่อมน้ำมัน จึงไม่แปลกใจที่ทางร้านได้รับประกาศนียบัตรชวนชิมหลายสำนัก

ป้ายในร้าน


ภาพร้าน


ช่วงนี้ (28 ส.ค. 2551) เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ร้านเจ๊จงก็ยังขายหมูขีดละ 20 บาท เหมือนเดิม ไม่ได้ขึ้นราคา
แต่ในวันที่ 28 ส.ค. 2551 เวลา 13 น. หมูทอดหมดแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะหมดตอนบ่าย 2 เลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจหรือไม่ทำให้มีลูกค้ามาอุดหนุนเยอะขึ้น ลูกค้าที่มาด้วยมอเตอร์ไซด์เยอะมากๆ

หมูทอดแบบเดียวกันนี้ร้านอื่นๆ ขายขีดละ 25 - 35 บาทแล้ว

ตอนเช้า เจ๊จง ขายเป็นบุฟเฟ (ไม่เคยมาอุดหนุน) สายๆ ก็ขายตามปกติ
วันอาทิตย์หยุด

ถ้าผ่านไปก็ไปแวะอุดหนุนได้

แผนที่ร้าน





 

Create Date : 29 สิงหาคม 2551   
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2558 13:58:31 น.   
Counter : 9748 Pageviews.  


อาหารเช้าที่เชียงใหม่ ข้าวต้ม หมูพะโล้ เครื่องในหมู หมูกรอบ ไข่พะโล้

ไปเชียงใหม่มาครั้งนี้ก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมการทานอาหารเช้า
ของชาวเชียงใหม่อีกแบบ เพื่อนมาต้อนรับก็เลยบอกว่าอยากทานอาหารเช้าแบบชาวเชียงใหม่ แบบที่ยังไม่เคยทาน แบบที่ชาวบ้านทานกัน ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะพาไปทานพวกอาหารเหนือ หมูทอด น้ำพริกหนุ่ม
ปรากฎว่าเพื่อนพาไปทานข้าวต้มกับ ที่มีกับข้าวเป็น พะโล้ทั้งหลาย
ตามปกติที่กรุงเทพ เราจะทานกันเป็นมื้อค่ำ ที่เชียงใหม่เขาทานกันตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงเลย แปลกดีแต่ไม่ปฏิเสธ ไปทานก็ใช้ได้เลย

ร้านที่เพื่อนพาไปอยู่แถวสถานีรถไฟเชียงใหม่ เป็นเพิง ริมถนน ที่ถนนทุ่งโฮเต็ล ลูกค้าแน่นมาก ต้องรอโต๊ะ
ภาพร้าน


อาหารก็เริ่มจากลิ้นหมูพะโล้ก่อน


ไข่พะโล้ 2 ฟอง


หมูกรอบ


เต้าหู้พะโล้


ข้าวต้ม


ข้าวสวย


น้ำจิ้ม แม่ค้ายกมาให้แบ่งใส่ถ้วยเล็ก


ทานเสร็จแล้วก็ไปเดินชมอาหารในร้าน
หมูกรอบ ปลาเค็ม


หัวหมูพะโล้ กระเพาะหมู


เต้าหู้ ไข่พะโล้ในหม้อ


ภาพร้าน


อาหารเช้ามื้อนี้ จ่ายไป 60 บาท เท่านั้น ทานกัน 2 คน
ถูกมากๆ อร่อยดี
เพื่อนเล่าให้ฟังว่ามีร้าน ข้าวต้มปฐม อยู่ที่หน้า ม. ราชภัฏ เชียงใหม่อีกร้าน
ที่ทำข้าวต้มกับแบบนี้ได้อร่อย

ก็ถึอว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ได้รู้จักอาหารเช้าของชาวเชียงใหม่อีกแบบ
ไปเชียงใหม่ก็ไปเชิญไปชิมได้
แผนที่





 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2551   
Last Update : 21 กรกฎาคม 2551 19:23:29 น.   
Counter : 3788 Pageviews.  


โคขุนโพนยางคำซอยรัชดา 36 จตุจักร

ร้านโคขุนโพนยางคำ ร้านดังประจำถนนนวลจันทร์ ปัจจุบันเป็นร้านยอดนิยม ทำเอาการบริการต่างๆ เริ่มด้อยลง
จากที่ชอบไปทานตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก จนกระทั่งไปทานไม่ไหวแล้วเพราะลูกค้าเยอะเหลือเกิน
ทำเอาไม่มีเนื้อย่างอร่อยๆ ราคาแบบไทยๆ ทาน

ตอนหลังก็มีชาวก้นครัวมาโพสถึงร้านโคขุนที่ซอยรัชดาภิเษก 36 ใกล้ๆกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อโคขุน ก็คิดว่าจะหาโอกาสไปทาน ก็รีๆรอๆ มาพักนึงถึงได้ฤกษ์
แวะไปชิม ร้านนี้เป็นร้านเปิดใหม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร้านที่ซอยนวลจันทร์

ร้านเป็นเพิงขนาดใหญ่ ไปทานประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง เลยมีโต๊ะว่าง
พนักงานต้อนรับก็เอาเมนูมา ก็เป็นอาหารคล้ายๆ กัยที่โคขุนโพนยางคำ เนื้อก็แบบเดียวกัน
ดังนั้นรสชาติก็คงขึ้นอยู่กับน้ำจิ้มแล้ว เพราะเนื้อก็มาย่างในกระทะเอง
ภาพร้าน


เนื้อย่างมา 1 ชุด
ภาพเตาและกระทะย่างเนื้อ


สั่งเนื้อมา 2 แบบ

เนื้อหนอก


เนื้อสันนอก

เนื้อย่างในกระทะ


รสชาติใช้ได้ อร่อยดี น้ำจิ้มก็ใช้ได้
เลยสั่งพวกเนื้อย่างอื่นๆมา ปรากฎว่า ย่างแห้งไปซักนิด คงจะสุกเกินไป


เลยเรียกน้องพนักงานมาถามดู น้องเลยแนะนำให้สั่งเนื้อสันนอกกระทะร้อน
เพราะเราสามารถย่างเองได้ให้สุกมากสุกน้อยตามชอบ ปรากฎว่า
เมนูนี้ อร่อย ใช้ได้ เนื้อหนาดี


จานนั้นก็สั่งแกงอ่อมเนื้อมาลองดู แต่รสชาติอ่อนไปหน่อย
ไม่เหมือนแกงอ่อมอิสานแท้ๆ


ทางร้านก็มีอาหารจากเนื้อหลากหลาย ตามแบบร้านอิสาน
ลูกค้าก็จะสั่ง เนื้อกระทะ หรือ จิ้มจุ่ม มาทานกันเป็นส่วนใหญ่ แนมด้วย
ส้มตำต่างๆ
เมนู จิ้มจุ่ม เนื้อกระทะ


แผนที่ร้าน


ร้านเปิดบริการ 17 - 24 น.
เบอร์โทรศัพท์


โดยสรุป รสชาติอาหารใช้ได้ อร่อย เนื้อคุณภาพดี
โดยเฉพาะเนื้อกระทะ ส่วนจิ้มจุ่ม เพราะเราปรุงเอง

สำหรับการบริการ ก็ขอชมเชยพนักงานร้านเพราะให้บริการดีมาก
ตอนไปครั้งที่ 2 อาหารถูกแซงคิว เจ้าของร้านก็มาขอโทษ ตอนหลังก็ลดราคาอาหารให้ 10 % ก็ยุติธรรมดี

ก็ถือได้ว่า ร้าน โคขุนโพนยางคำซอยรัชดา 36 นี้เป็นร้านเนื้อย่างอีกร้าน
ที่จะแวะไปเป็นลูกค้าอีก รวมทั้งร้านวัวหัวเราะที่แยกบางพลัด




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 20 พฤษภาคม 2551 19:50:45 น.   
Counter : 7087 Pageviews.  


อาหารชาวบ้านที่กรุง Kuala Lumpur มาเลเซีย

ไปอบรมที่ กรุง Kuala Lumpur หรือ KL ที่ประเทศ มาเลเซีย ไปอยู่มา 5 วัน
เวลาไปประเทศอื่นๆ ก็จะสนใจที่จะชิมอาหารที่ชาวบ้านเขาทานกันปกติทุกวัน พวก ได้แก่ อาหารจานเดียว ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ต่างๆ
อาหารตามภัตตาคารส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ กันเพราะ Globalization หรือ การคมนาคมที่ถึงกันทุกที่

ประเทศมาเลเซียก็จะมี คนอยู่ 3 กลุ่ม คือ คนมาเลเซีย จีน และ อินเดีย
อาหารของมาเลเซียจึงได้รับอิทธพลมาจาก อาหารอินเดีย และ อาหารจีน
ดังนั้น ร้านอาหารก็จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม อาหารมาเลยเซีย อินเดีย และ จีน
อาหารมาเลเซียและอินเดียก็จะอยู่คู่กัน ส่วนจีนจะแยกไปต่างหากเพราะมีเนื้อหมูอยู่

กรุง KL เป็นเมืองหลวง เจริญ เต็มไปด้วยตึกสูง รถติดช่วงเที่ยงและตอนเย็น
แต่ บ้านเมืองเขาสะอาดมาก ไม่มีแผงลอยล้ำมาที่ทางเท้า ยกเว้นย่านที่เขาอนุญาติให้ ตั้งเป็น ย่านขายอาหาร หรือ ตลาดโต้รุ่งตามที่คนไทยเรียก

ไปอบรม เวลาเที่ยงก็ตามเพื่อนมาเลย์ไปทานข้าวกับเขา
สถานที่อบรมก็อยู่กลางเมือง ย่าน Time Square เวลาไปทานอาหารก็ลัเลาะไปตามซอยหลังตึกคล้ายๆ กับแถบสีลม
ร้านอาหารที่ไปทานก็เป็นร้านข้างแกง โรตี หมี่ผัดต่างๆ แบบ มาเลญ และ อินเดีย
ที่น่าสนใจคือร้านอาหารเขาสะอาดมาก ร้านข้าวแกงที่มีมาตรฐานหน่อยก็จะมีถาดอาหารวางไว้ มีอาหารให้เลือกประมาณ 20 - 30 ชนิดพร้อมทั้งอุ่นให้ร้อนโดยมีเตาไฟฟ้าอุ่นน้ำร้อนลองใต้ถาด ทำให้อาหารร้อน
ภาพนี้ถ่ายมาตอนเช้าตอนที่เขายังเริ่มวางอาหารในตู้ เลยได้เห็นการทำอาหารให้ร้อน ร้านข้าวแกงบ้านเราน่าจะทำบ้าง


เวลาไปสั่ง พนักงานเขาก็จะตักข้าวใส่จานให้ เราก็เดินไปตักอาหารเอง
จะตักมากตักน้อยเดี๋ยวเขาก็มาคิดราคาเอง ราคาอาหารก็แพงกว่ากรุงเทพไม่มาก
อาหารก็จะมีเครื่องเทศมาก แบบอินเดีย ถ้าคนไม่ชอบเครื่องเทศก็คงต้องไปทานอาหารจีน หรือ พวกผัดผัก
ที่น่าสังเกตุคือ จะมีเมนูปลาเยอเมาก พวกแกงกระหรี่ปลา พะแนงปลา ปลาทอด และ อื่นๆ

ถ้าเป็นร้านข้าวแกงที่มีระดับรองลงมาก็จะไม่มีน้ำร้อนอุ่นอาหารให้ร้อน
อาหารอยู่ในถาดวางอยู่ในตู้หรือบนโต๊ะ แต่ข้าวจะร้อน
ภาพร้านข้าวแกงอินเดีย มีเนื้อแพะ ไก่ ปลา



ร้านอาหารอินเดีย ไก่ย่าง Tandoori นำไก่เสียบไม้ย่างในโอ่ง


หมี่ผัดใส่น้ำพริก(แบบมาเลย์) Mee Goreng Mata Kerbau ใส่ไข่ดาว จากร้านอินเดีย

น้ำพริกมาเลย์จะเรียกว่า Sambal ทำคล้ายๆกับขอวไทย มีหลายสูตร
ส่วนประกอบหลัก็เป็น พริก กระเทียม หอมแดง ส่วนประกอบก็มี มะเขือเทศ กะปิ กุ้งแห้ง และ อืนๆ

เนื่องจากมื้อเที่ยงไปทานกับชาวมาเลย์ที่เป็นมุสลิม ดังนั้นมื้อค่ำก็ถือโอกาศทานอาหารจีน โดยไปที่ย่านตลาดโต้รุ่ง กลางเมืองใกล้ Time Square เพราะพักอยู่แถวนี้
ตลาดโต้รุ่งอยู่ที่ถนน Jalan Alor (Jalan = Road)
ร้านอาหารก็เปิดตอนกลางคืน เป็นอาหารจีนทั้งนั้น ตั้งโต๊ะอยู่ริมถนน


อาหารที่ชอบคือพวกปลาทะเลทอดทั้งหลาย
ปลาทะเลย่างนี้มีที่สิงคโปร์และมาเลเซีย เขาทานปลาทะเลมากกว่าคนไทย มีปลาทะเลหลายแบบ
ปลายอดนิยมของเขาได้แก่ ปลากระเบนและปลาไก่ (Chicken Fish)
ภาพปลาไก่

ปลาไก่คลุกขมิ้นทอด จิ้มกะปิ

ทานอาหารจีน ก็ดื่มได้ Tiger 1 ขวด

เบียร์ที่ประเทศมาเลเซียนี้แพงมาก ขวดละ 140 บาท (ราคาซื้อตามร้านทั่วไป) คงเป็นเพราะประเทศมุสลิม เลยตั้งราคาไว้สูง หรือเก็บภาษีแพง ประเทศที่เบียร์ถูกกว่าประเทศไทยในย่านนี้ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และ พม่า

ภาพปลากระเบน

ปลากระเบนทอด และน้ำจิ้มกะปิ

(ทางภาคใต้แถวภูเก็ต พังงา กระบี่ ก็จะมีปลากระเบนรมควันขาย เขาไปทานกับน้ำพริกกะปิ)
ืพ่อครัวทอดปลากระเบน


มามาเลย์ก็ต้องชิมสะเต๊ะ เนื้อวัวและเนื้อแพะ

แผงขายสะเต๊ะ


หมี่ซั่วน้ำหมูสับ

แผงขายโจ๊ก หมี่ซั่ว


ก็สนุกดี ได้ทานอาหารหลากหลาย ที่ชอบมากคือ ปลาทะเลทอด




 

Create Date : 29 เมษายน 2551   
Last Update : 29 เมษายน 2551 11:47:40 น.   
Counter : 11121 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

swin
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 442 คน [?]




[Add swin's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com