สองวัดสองแผ่นดิน : วัดโสมมนัสราชวรวิหาร (จบ)
วิหาร
พระประธานในพระวิหารคือ พระสัมพุทธโสมนัสวัฒนาวดีนาถบพิตร ขนาดหน้าตักกว้าง 52 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ในบุษบก และมีพระอัครสาวก 2 รูป นั่งประนมมือซ้าย - ขวา ทั้งพระประธานและพระอัครสาวกเป็นของหลวง อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวัง
ในวิหารนอกจากจิตรกรรมระหว่างช่องหน้าต่างที่เขียนเรื่องอิเหนา และจิตรกรรมเหนือช่องหน้าต่างที่เขียนเรื่องปัญจราชาภิเษกแล้ว ที่บริเวณเสาช่างยังเขียนจิตรกรรม ไล่เรียงสีมาตั้งแต่ประตูทางเข้า ที่เป็นสีน้ำเงินเข้ม เขียว แล้วค่อยๆอ่อนลงไปเป็นโทนอ่อนไปเรื่อยๆ ยิ่งใกล้พระประธานมากเท่าไหร่สีของเสาก็ยิ่งสว่างขึ้น เปรียบได้ดั่งจิตของคน ยิ่งไกลพระเท่าไหร่กิเลสจะหนานัก แต่ถ้าใจใกล้ศาสนามากเท่าไหร่กิเลสเบาบาง จิตใจก็จะใสสว่างขึ้น นอกจากนี้บนเสาแต่ละต้นยังมีภาพเขียนอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม เรียกว่า ฉฬาภิชาติ หรือคนหกประเภท
เสาคู่ที่หนึ่งเป็นสีน้ำเงิน ภาพคนกำลังฆ่าโค และภาพคนนับถือศาสนาอื่น เสาคู่ที่สองเป็นสีเขียว ภาพคนกำลังออกล่าสัตว์ป่าและภาพคนกำลังหาปลา เสาคู่ที่สามเป็นสีส้ม ภาพชาวประมงกำลังหาปลาและภาพคนกำลังลงโทษพวกข้าทาส เสาคู่ที่สี่เป็นสีขาวแกมแดง ภาพคนกำลังทำมาหากินด้วยการค้าขายและภาพคนกำลังฟังพระเทศน์ เสาต้นที่ห้าสีขาว ภาพการออกบวชเป็นภิกษุและภาพพระสงฆ์กำลังบูชาพระเจดีย์ เสาต้นที่หกสีขาวยิ่งขึ้น ภาพการเข้าถึงพระศาสนาด้วยการสำเร็จเป็นอรหันต์ และภาพพระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน มีพระภิกษุสงฆ์แวดล้อม ซึ่งเป็นคติที่พบเฉพาะบางวัดที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เช่นวัดบวรวิหาร เป็นต้น
หน้าต่างด้านนอกเขียนเป็นภาพสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งเรียงลำดับ จากบนสุดลงมาด้านล่างตามลำดับ ดังนี้ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว ขุนคลังแก้ว และ ขุนพลแก้ว
หน้าต่างด้านในเป็นภาพผ้าม่านแหวก มีโคมระย้าห้อยลงมาตรงกลาง ด้านล่างโคมเป็นภาพบุคคลถือช่อดอกไม้บูชา -----------------------------------------------------------------อุโบสถ รอบพระอุโบสถมีซุ้มเสมาตามประเพณี แต่ไม่มีใบเสมา โดยเปลี่ยนไปติดรอบพระอุโบสถ นอกจากนี้ยังมีใบเสมาที่ติดอยู่รอบกำแพงวัด เช่นเดียวกับหลายวัดในรัชกาลนี้ เช่น วัดราชประดิษฐฯ เป็นต้น ทำให้พระสงฆ์สามารถทำสังฆกรรมได้ภายในเขตวัด มิได้จำกัดแต่เพียงในพระอุโบสถ เช่นการปลงอาบัติ เป็นต้น (หากผิดขออภัย ผมไม่แน่ใจ)
ภายในประดิษฐาน พระสัมพุทธสิริ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบ ครองจีวรแสดงรอยริ้วจีบคล้ายรอยริ้วผ้า เค้าพระพักตร์ดูคล้ายมนุษย์ปุถุชน ใบพระกรรณหดสั้นลง ไม่มีเปลวรัศมีเหนือพระเศียรเหล่านี้บ่งถึงศิลปะแนวเหมือนจริง
ด้านหน้าพระประธานประดิษฐานพระนิรันตรายที่จะพบได้เฉพาะวัดสังกัดธรรมยุติกนิกายเท่านั้น
จิตกรรมฝาผนังระหว่างช่องประตูและหน้าต่าง เป็นภาพอสุภกรรมฐาน 10 ประการ ตามที่ปรากฏในคัมภีร์พระสูตร ดังนี้ คือ ซากศพที่เน่าพองขึ้น ซากศพที่มีสีเขียว ซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลออกซากศพที่ขาดกลางตัว ซากศพที่แร้งกาสุนัขเป็นต้นยื้อแย่งกัดกินแล้ว ซากศพที่มือเท้าและศีรษะขาดไปอยู่คนละทาง ซากศพที่ถูกสับบั่นเป็นท่อน ๆ ซากศพที่ถูกฟันด้วยศัตรามีโลหิตไหลอาบอยู่ ซากศพที่มีหนอนคลาคล่ำอยู่ และซากศพที่มีแต่ร่างกระดูก โดยมีความเชื่อว่าภาพพระภิกษุหนึ่งในจิตกรรม คือรูปเหมือนของสมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทธสิริ) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ที่เชื่อกันว่าเป็นพระสายวิปัสสนาธุระในสมัยนั้น บานประตูด้านในด้านหน้าเขียนรูปคนและสัตว์ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้าม ไม่ให้พระภิกษุสามเณรฉันเนื้อของคนและสัตว์เหล่านี้ รวม 10 ชนิด บานประตูละ 5 ชนิด ดังนี้ สิงโต ม้า แมว หมี สุนัข คนคู่ ช้าง เสือเหลือง เสือโคร่ง และงู
บานประตูด้านในด้านหลัง เขียนภาพมหาผล 10 คือผลไม้พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต ให้ใช้ทำน้ำอัฏฐบาน เพราะเป็นผลไม้ผลใหญ่ ได้แก่ มะพร้าว ลูกตาล ทุเรียน ขนุน ฟักเขียว ฟักทอง แตงโม แตงไทย น้ำเต้า และข้าวสาลี
บานหน้าต่างด้านในเขียนภาพผลไม้ที่สามารถทำน้ำอัฏฐบานได้ 8 ชนิด พร้อมทั้งภาพต้นไม้เหล่านั้น ซึ่งเขียนแยกไว้ต่างหากที่ส่วนฝาผนังริมหน้าต่าง โดยเขียนไว้ให้ตรงกันกับผลไม้นั้น ๆ ดังนี้ กล้วยไม่มีเม็ด มะม่วง ลูกจันทร์ เง่าอุบล กล้วยมีเม็ด ชมพู่กับลูกหว้า มะทราง และมะปรางกับลิ้นจี่
ที่ฝาผนังด้านหน้าตอนบนเป็นภาพแปลนวัดโสมนัสวิหารสมัยแรกสร้าง ตอนที่ยังไม่มีการตัดถนน ต่ำลงมามีภาพเมรุพร้อมด้วยศาลา มีพระเข้าไปชักผ้าบังสุกุลศพ ซึ่งผ้านั้นทอดไว้บนศพ ซึ่งเป็นการชักผ้าบังสุกุลในสมัยโบราณ การประกอบพิธี และการละเล่น
ที่ฝาผนังด้านทิศใต้เหนือบานหน้าต่างขึ้นไปเขียนภาพธุดงควัตร หรือการปฏิบัติธุดงค์ของพระกรรมฐาน ประเภทต่าง ๆ เช่น อยู่ป่าช้าเป็นวัตร อยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นวัตร อยู่โคนไม้เป็นวัตร อยู่ป่าเป็นวัตร การใช้ผ้า 3 ผืนเป็นวัตร ผ่านฉากของวัดต่าง ๆ ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำลำคลอง พร้อมด้วยภาพป่า อันประกอบด้วยต้นไม้นานาชนิด
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือเจดีย์ ซึ่งมีอยู่ 2 องค์ หนึ่งคือพระเจดีย์องค์ใหญ่ อันเป็นพระเจดีย์แบบทรงระฆัง ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ภายใน และพระเจดีย์องค์เล็กเป็นพระเจดีย์แบบลอมฟางแบปรินิพพานสถูปในอินเดีย ในประเทศไทยมีอยู่ 2 แห่งเท่านั้น คือที่วัดโสมนัสวิหารและวัดกันมาตุยาราม
Create Date : 03 พฤษภาคม 2564 |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2564 9:10:32 น. |
|
8 comments
|
Counter : 1693 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณkatoy, คุณทนายอ้วน, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณ**mp5**, คุณเริงฤดีนะ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณKavanich96, คุณnewyorknurse, คุณอุ้มสี, คุณtuk-tuk@korat |
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 พฤษภาคม 2564 เวลา:16:31:28 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 4 พฤษภาคม 2564 เวลา:12:14:31 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 5 พฤษภาคม 2564 เวลา:7:56:45 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 9 พฤษภาคม 2564 เวลา:21:49:33 น. |
|
|
|
| |