|
|
|
ตัวอย่างปัญหา ประกันสังคม .. โรงพยาบาลเอกชน และ ความต้องการของผู้ป่วย ???
มีผู้ตั้งกระทู้ในห้องสวนลุม เห็นว่า มีประเด็นน่าสนใจ ก็นำมาลงบล๊อกด้วยเลย ช่วงนี้ยิ่งนึกไม่ค่อยออกว่าจะเขียนอะไรซะด้วย ..
//www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8719209/L8719209.html#10
###### ดิฉันจะเลือกใช้ประกันสังคม ระหว่าง โรงพยาบาลเอกชน VS โรงพยาบาลรัฐ ดีคะ ?#######
ตอนนี้เลือกโรงพยาบาลของเอกชนอยู่คะ.... เพราะ สะดวกดี.. บริการดี.. รวดเร็ว..และ ไม่ต้องลางานด้วย
แต่บางครั้งรู้สึกแย่ เพราะ เคยคุยกับหมอว่า ทำไมไม่ให้ดิฉัน พบแพทย์เฉพาะทางคะ ดิฉันอยากส่องกล้องคะ......
คุณหมอก็บอกว่า .... บอกตรงๆ คุณต้องเข้าใจนะว่า ประกันสังคม ปีนึง โรงพยาบาลเบิกได้แค่ 1,300 เท่านั้น ส่วนบัตรทอง โรงพยาบาลเบิกได้ 2,000 ต่อปี (นึกในใจ กรรม เยอะกว่าประกันสังคมอีก )
ตอนนี้ทางเราก็ประคับประคองอยู่ คุณรู้ไหมว่า การส่องกล้องทางเดินอาหาร ครั้งหนึ่ง 12,000 บาท ถ้าเราส่งไปส่องกล้องทั้งหมด ของผู้ใช้ประกันสังคม เราก็แย่ซิ อยู่ไม่ได้....
ถ้าคุณอยากส่องกล้อง ผมแนะนำให้ไปโรงพยาบาลรัฐนะ ถูกกว่ากันเยอะเลย.....
คุณหมอพูดจบ ดิฉันอึ้งเลยคะ พูดไม่ออก.............
หลัง จากวันนั้น หายสงสัยเลย ว่าทำไมให้ยาถูกๆ และ การตรวจก็พอทำเป็นพิธี แยกหมอ และ พื้นที่ ต่างหาก ระหว่าง ผู้ใช้บัตรประกันสังคม กับ ผู้จ่ายสด เพราะ รักษายังไงก็ได้ แต่ทั้งหมด ห้ามไม่ให้เกิน 1,300 ไม่อย่างนั้น ขาดทุน....
เฮ้อ...สุดท้ายก็เงิน
จากคุณ : The greatest voice of all เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 21:03:56
มีคนเข้าไปแสดงความเห็นพอสมควร ..
ผมเลยเข้าไปแจมมั่ง ..
อยากจะแสดงความเห็น ใน ๒ ประเด็น
๑. ถ้าเป็นความต้องการของผู้ป่วยเอง โดยที่ไม่มีข้อบ่งชี้ว่า จำเป็นต้องทำ .. ไม่ว่า มีสิทธิ์อะไร ก็ไม่ควรที่จะทำ
แต่ถ้า " จำเป็น มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ " ... ไม่ว่า มีสิทธิ์อะไร ก็ควรทำ...
... การตรวจรักษา ทุกอย่าง มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ว่า ควรจะทำเมื่อไหร่ ... ทุกอย่าง มีข้อดี ข้อเสีย ทั้งนั้น จึงต้องคิดก่อนว่า คุ้มที่จะเสี่ยง กับผลเสียที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ ???
....... กรณี ของ จขกท. ผมก็ไม่ทราบว่า จำเป็นหรือไม่ ที่ต้องทำ ... แล้วถ้าทำแล้ว เกิดปัญหา กระเพาะทะลุ เกิดแผลจากเครื่องมือในขณะทำ หรือ มีสำลัก อาเจียนเข้าไปในหลอดลม ฯลฯ .. คนที่จะแย่ ไม่ใช่ หมอ (รพ. ) ตัวผุ้ป่วยเอง นั่นแหละ จะ หนักสุด
๒. รพ.เอกชน ( ไม่ว่า อะไร ที่เป็น "ธุรกิจเอกชน" ) ก็ต้องทำใจว่า เขาทำธุรกิจ ก็ต้องหวังกำไร เป็นธรรมดา เขามีต้นทุนที่มากกว่า รพ.รัฐ เยอะ เวลาไปรักษา ก็จะต้องจ่ายเยอะ เพราะนอกจากค่ายา ค่าตรวจ ก็ยังต้องคิดรวม ค่าตึก ค่าแอร์ ค่าจ้างทำความสะอาด ดอกเบี้ย ฯลฯ แถมต้องบวก " กำไร " เข้าไปอีกด้วย ...
.... ธุรกิจ หรือ กิจกรรม อะไรที่เขาเห็นว่า ทำไปแล้ว ขาดทุน เขาก็ต้องเลิกทำ ...( ผมว่า คนทำธุรกิจ ค้าขาย ทุกคน ก็คิดเหมือนกัน ไมว่าจะเป็น แม่ค้าพ่อค้าข้างถนน หรือ ธุรกิจ หมื่นล้านก็ตาม )
...... จึงเห็นว่า ช่วงหลัง ๆ รพ.เอกชน หลายแห่งที่ ยกเลิกเข้าโครงการ ที่ร่วมกับรัฐ เพราะ เขาลองทำแล้ว มันไม่ไหวจริงๆ ( รพ.เอกชน ที่ต่างจังหวัด ก็ยกเลิกสัญญากับ ประกันสังคม เยอะมากเหมือนกัน )
เพียงแต่ การบริการทางแพทย์ นอกจาก " กำไร " ทางธุรกิจแล้ว ยังต้องมี " จรรยาบรรณ " และ " หลักวิชาการแพทย์ " รวมอยู่ด้วย
ซึ่งบางครั้ง ก็ขัดแย้งกัน ... คงขึ้นอยู่กับ แพทย์ หรือ เจ้าของโรงพยาบาล (นักธุรกิจ จะเป็นแพทย์หรือไม่ก็ตาม ) จะเลือกว่า สิ่งไหน สำคัญกว่า ..
แถม ..
แพทย์ต้องมี จรรยาแพทย์ (จรรยาบรรณ) แล้วคนอื่น อาชีพอื่น ไม่ต้องมีหรือ ???
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=30-08-2009&group=7&gblog=31
หมอ ... มีสิทธ ิ... ที่จะปฏิเสธ .... คนไข้ที่ไม่ฉุกเฉิน..... หรือเปล่า ???
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=20-08-2009&group=7&gblog=29
ช่องทางร้องเรียน เกี่ยวกับ เรื่อง ...ยา ....หมอ ....คลินิก .....โรงพยาบาล ...
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-02-2009&group=7&gblog=18
สำหรับท่านที่ใช้สิทธิประกันสังคม .. แนะนำให้อ่านกระทู้นี้ครับ .. คุณ นักอ่านตัวยง เขียนไว้ ละเอียดดีมาก ๆ ครับ
****** เคล็ดลับในการใช้ประกันสังคมให้คุ้ม!!!! ******
//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2009/07/L8067388/L8067388.html
Create Date : 02 มกราคม 2553 |
Last Update : 13 กันยายน 2560 13:37:07 น. |
|
4 comments
|
Counter : 2648 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: อาชา (archa-girl ) วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:13:33:51 น. |
|
|
|
โดย: SuJern (SuJern ) วันที่: 14 มีนาคม 2558 เวลา:10:48:16 น. |
|
|
|
โดย: หมอหมู วันที่: 26 สิงหาคม 2560 เวลา:14:16:58 น. |
|
|
|
โดย: หมอหมู วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:19:11:04 น. |
|
|
|
| |
|
|
หมอหมู |
|
|
|
Location :
กำแพงเพชร Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]
|
ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ
ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )
หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป ) นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ
ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ
นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )
ปล.
ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com
ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..
|
|
|
และไม่แน่ใจว่า เจ้าของกระทู้เคยส่องกล้องมาสักครั้งแล้วหรือยัง แต่หากเป็นตัวอาชา ตอนนี้หมอทุกทีก็ต้องการส่องกล้อง แต่อาชากำลังย้ายโรงพยาบาลหนีแบบสุดหล้าฟ้าเขียวเลยค่ะ
อาชาเป็น Ulcer ที่ลำไส้ใหญ่ กระจายทั่วลำไส้ และเป็น Crohn's ที่ลำใส้เล็กค่ะ เป็นมาสิบสามปี หลายที่ก็ส่องกล้อง ครั้งแรกก็ผ่านไปได้ด้วยความทุลักทุเล เพราะยาซึมไม่ออกฤทธิ์ และหมอที่ส่องให้ในครั้งแรก ก็ไม่มีความประสงค์ที่จะวางยาสลบ ก็ถือว่าเจ็บปวดอยู่เหมือนกันค่ะ ทำให้กลัวไประยะใหญ่ๆ
ครั้งที่สอง ส่องที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใกล้ย่านเซียร์รังสิต แถวๆ ปทุมธานีน่ะค่ะ ครั้งที่สองนี้ทำให้กลัวการส่องกล้องไปเลย แทบจะเรียกได้ว่าหลอนประสาทตัวเอง ทำให้กลัวว่าหากส่องอีก ตัวเองอาจจะเจอสิ่งเลวร้ายกว่านั้น คือในห้องผ่าตัดทางวิสัญญีแพทย์คำนวนน้ำหนักส่วนสูงผิด อาชาตื่นขึ้นมากลางคัน ขณะที่ทำการส่องกล้องอยู่ และจากการตื่นนั้นเราก็ด้วยความตกใจ และคุณหมอก็มือหนักมาก ทำให้เกิดการเจ็บปวดขึ้นอย่างมาก หมอสั่งให้วิสัญญีอัดยาเข้าไปอีก ทำให้เราหลับหลังจากส่องกล้องนานถึงสี่ชั่วโมง กว่าจะรู้สึกตัว และกว่าจะได้ขึ้นห้องพักถือว่าเกือบจะหกชั่วโมง ทำให้รู้สึกว่า การส่องกล้องนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าทำนัก หากอาการเราไม่ได้ส่อถึงเค้าอันตรายที่จะต้องรักษาด้วยวิธีนี้
และการส่องกล้อง หากตัวโรคไม่แอคทีพ ก็ไม่น่าเจอประเด็นการรักษาใดๆ นอกจากมีเค้าว่าจะเป็นเนื้อร้ายเช่น "มะเร็ง" แต่คนเราหากดูแลร่างกาย และใส่ใจความเป็นไปของร่างกายให้มากพอ เราจะทราบค่ะว่า ร่างกายเราเกิดความเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด
ก็อยากให้ทุกคนที่มองการส่องกล้องเป็นทางเลือก ได้โปรดคิดพิจารณาทบทวนให้ละเอียด ให้ทบทวนแล้ว ทบทวนอีก ว่าที่คุณคิดหรือตัดสินใจนั้น มันเหมาะแก่เวลาหรือไม่นะคะ
ด้วยรักและปราถนาดี ห่วงใยสุขภาพคุณค่ะ
อาชา
(สาวรักม้า ไม่พิศมัยการดื่มของมึนเมาค่ะ)