* = * * = * * = * รีวิวไหว้พระ 9 วัด ณ อยุธยา ไม่ใช่วัด แต่เป็นศาลากลางจังหวัด * = * * = * * = *
สวัสดีค่ะ
หลังจากพาไปเที่ยวอยุธยามาแล้วหกที่ได้แก่
1. วัดสุวรรณดาราราม (คลิกเพื่ออ่าน)
2. วัดมหาธาตุ (คลิกเพื่ออ่าน)
3. วัดธรรมิกราช (คลิกเพื่ออ่าน)
4. วัดหน้าพระเมรุฯ (คลิกเพื่ออ่าน)
5. วิหารหลวงพ่อมงคลบพิตร (คลิกเพื่ออ่าน)
6. วัดพระศรีสรรเพชญ (คลิกเพื่ออ่าน)
วันนี้จะพาไปสถานที่ที่ (สำหรับเราแล้ว) ค่อนข้างสำคัญอีกจุดหนึ่งของอยุธยานะคะ
นั่นก็คือ ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้นี่เองงงงงง
สำหรับตำแหน่งแห่งที่ตั้งของศาลากลางหลังนี้นะคะ จะอยู่ตรงสามแยกเลยค่ะ กล่าวคือ ถ้าเราข้ามสะพานเข้าสู่เกาะเมืองอยุธยาเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงดิ่งยาวๆๆ อย่างเดียว จนเจอสามแยกทีตันดังแผนที่ก็จะเห็นศาลากลางหลังนี้เลยค่ะ
ตัวอาคารศาลากลางค่ะ ปัจจุบันนี้ไม่ใช่ศาลากลางแล้วนะคะ ทำเป็นศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวแทนแล้ว (แต่ตอนเราไป มันซ่อมแซมอะค่ะ)
ประวัติของศาลากลางค่ะ
ข้อมูลจาก //www.ayutthaya.go.th/showatg.php?selatg=21
ศาลากลางจังหวัดเดิมตั้งอยู่ที่ ตำบลประตูชัย อำเภอกรุงเก่า (อำเภอพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน) สร้างเป็นตึก ๓ ชั้น รูปร่างคล้ายตัวที ซึ่งได้ทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ สมัยหลวงบริหารชนบท (ส่าน) เป็นข้าหลวงประจำจังหวัด โดยการสนับสนุนจากนายปรีดี พนมยงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลังในสมัยนั้นซึ่งเป็นชาวอยุธยาที่ตัวตึกด้านหน้าศาลากลางจังหวัด ได้ก่อสร้างพระบรมรูปวีรกษัตริย์วีรสตรี ซึ่งได้ประกอบคุณาประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่กรุงศรีอยุธยาและชาติไทยใน ครั้งอดีตรวม ๖ พระองค์
เรามาดูกันทีละองค์นะคะ เรียงจากซ้ายไปขวา (เมื่อหันหน้าเข้าอาคารค่ะ)
องค์แรก สมเด็จพระเจ้าอู่ทองค่ะ
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง)
พระหัตถ์ซ้ายถือปราสาทสังข์ปฐมกษัตริย์ผู้สร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อ พ.ศ. ๑๗๙๓
องค์ที่สองค่ะ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
พระหัตถ์ทั้งสองถือประมวลกฎหมายผู้ทรงพระปรีชาสามารถในทางปกครอง
องค์ที่สาม สมเด็จพระศรีสุริโยทัย
วีรสตรีซึ่งได้เสด็จออกไปสู้รบกับข้าศึก เมื่อ พ.ศ.๒๐๙๓และได้เสียสละพระชนม์ชีพเพื่อสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระราชสวามี
องค์ที่สี่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. ๒๐๓๓ - พ.ศ. ๒๑๔๘)
พระหัตถ์ขวาถือพระแสงของ้าวพระหัตถ์ซ้ายถือพระมาลา ผู้ทรงกอบกู้พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเสียแก่พม่าครั้งแรกและได้สู้รบกับข้าศึกถึง ๗ ครั้ง
องค์ที่ห้า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - พ.ศ. ๒๒๓๑)
พระหัตถ์ทั้งสองถือพระราชสาสน์ได้ทรงทำสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ เช่น ประเทศฝรั่งเศส ครั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ และทรงนำเอาวัฒนธรรมทางตะวันตกมาเผยแพร่ไว้มากครั้งเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ในรัชสมัยของพระองค์ การค้าขายเจริญรุ่งเรืองมาก
องค์ที่หก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - พ.ศ. ๒๓๓๕)
พระหัตถ์ทั้งสองถือดาบ ได้ทรงกอบกู้ความเป็นเอกราชไว้ได้ในคราวเสียกรุงครั้งสุดท้าย เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ และย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่กรุงธนบุรี
ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ก็อย่างที่บอกนะคะว่า ได้มีการย้ายศาลากลางไปอยู่ที่อื่นแล้ว
ส่วนที่นี่ก็ได้กลายเป็นศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยาแทน ซึ่งเราเคยได้ขึ้นไปชมครั้งหนึ่งค่ะ เราว่าน่าสนใจดี
แต่ตอนไปรอบนี้ เค้าซ่อมแซมอยู่ ไม่รู้ว่า ณ ปัจจุบันขณะเป็นอย่างไรอะนะคะ
ปิดท้ายเอนทรี่นี้ด้วยอาคารแบบเต็มๆ อีกรูปค่า
สำหรับเอนทรี่นี้ก็คงจะจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ
ตอนหน้าจะพาไปสำนักงานททท.อยุธยาแล้วก็จะพาไปไหว้ศาลหลักเมืองกันด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
925385+53617+17431+5188+31855/6689/615
Create Date : 25 สิงหาคม 2554 |
|
43 comments |
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 6:57:52 น. |
Counter : 8869 Pageviews. |
|
|
|
ผมเลือกคำว่าแช่มช้อย
เพราะคิดว่ารถไฟเหมือนการเดินทางของผู้หญิงน่ะครับ
ผมว่าแช่มช้า ดูช้าแต่ไม่หวานครับ 555
ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ
ผมเองไม่ค่อยได้ให้น้ำหนักอะไรมากกว่า
ก็คงเลือกที่จะให้ไปพร้อมๆกันเลยครับ
แต่ถ้าให้ลงลึกแบบนั่งท่องจำคัมภีร์
หรือเปิดดูเปิดอ่านพระไตรปิฏกตลอดเวลา
คงไม่สามารถจริงๆครับ
ผมว่าคัมภีร์ที่แท้จริง
อยู่ในตัวเรา
ไม่ได้อยู่ในตำรา
ตอนที่พระพุทธองค์ทรงพบธรรม
ก็พบธรรมในตัว
มิได้หาจากตำราที่อยู่นอกตัวสเลย