สวัสดีค่ะ
สรุปการเขียนบล็อกประจำสัปดาห์
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปเที่ยวอีกหนึ่งที่เที่ยวจากไหดองของเรานะคะ นั่นก็คือ Camel Republic นั่นเองค่ะ พิกัดก็ตามแผนที่นี้เลยนะคะ
credit : //cherryfunlife.pixnet.net/blog/post/41588686-camel-republic
ผังของที่นี่ค่ะ จะได้เห็นภาพรวมกันก่อนเนาะคะ
credit : //camel-republic.com/th/park
หลังจากจอดรถแล้วก็เดินไปที่ซุ้มทางเข้าสีนี้กันเพื่อไปซื้อตั๋วค่ะ
ราคาค่าเข้าก็ผู้ใหญ่คนละ 120 บาทนะคะ แต่ถ้าผู้สูงอายุกับเด็กที่สูงเกินกว่า 90 เซนติเมตรก็ 90 บาท วันธรรมดาจะเปิดช้าและปิดเร็วกว่าศุกร์-อาทิตย์ค่ะ
หน้าตาตั๋วที่ได้มาค่า
พนักงานที่ตรวจตั๋วค่ะ แต่งตัวแบบนี้เลย โฮะๆๆ ส่วนรูปขวานี่เป็นจุดหนึ่งที่คนที่มามาถ่ายรูปกันเยอะเลยค่ะ
เข้าไปด้านในกันค่ะ จะเจอรูปอูฐหลากสีสันตามภาพเลยนะฮับ
ไม่ไกลกันนักก็มีเครื่องเล่นตัวนี้ด้วยนะคะ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างหากค่ะ แต่จำราคาไม่ได้แล้วอ้ะ
อีกหนึ่งมุมที่มีคนมาถ่ายรูปเยอะค่ะ
ร้านขายไอติมและของกินเล่นต่างๆ นะคะ
เครื่องเล่นอื่นๆ ค่ะ เสียค่าใช้จ่ายต่างหากอีกเช่นกันค่ะ ถ้าจำไม่ผิดก็อันละ 120 บาทนะคะ
ซ้ายมือคือ Midi dance 360 ขวามือคือ Drop Twist ค่ะ
เราเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือก่อนค่ะ จะเจอน้องอูฐก่อน ซึ่งตัวหญ้าแห้งนี่เราสามารถให้อูฐกินได้ฟรีค่ะ รวมอยู่ในตั๋วแล้วนะคะ
ขนตายาวจัง ปิ๊งๆๆ ซึ่งขนตายาวๆ นี้ก็มีประโยชน์ด้วยนะคะ
ข้อมูลต่อไปนี้จากวิกิฯ เช่นเคยนะคะ
ลักษณะของอูฐซึ่งเหมาะแก่การเป็นพาหนะในทะเลทราย
1. หนอกของอูฐเป็นที่เก็บไขมัน ซึ่งจะดึงออกมาใช้เมื่อไม่มีอาหารกิน และความร้อนที่สะสมในตัวอูฐก็จะลอดออกมาทางหนอกนี้ด้วย
2. อูฐสามารถอุดจมูกได้ทันทีที่ต้องการ ทำให้พายุทรายกวนใจมันได้ยาก
3. อูฐมีขนตายาวมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดทรายเข้าตา
4. อูฐมีพื้นเท้าที่กว้างกว่าสัตว์อื่น ๆ ช่วยไม่ให้จมลงในทรายอ่อน ๆ ได้
5. อูฐเป็นสัตว์ที่ขยับขาทางด้านเดียวพร้อม ๆ กัน
6. ท้องของอูฐเป็นที่เก็บน้ำชั้นดี แล้วจะปล่อยออกมาทางระบบย่อยทีละน้อย ๆ ทำให้ย่อยแม้แต่หญ้าแห้งได้
7. นมของอูฐเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญมาก ในการเดินทางไกลในทะเลทราย
8. อูฐสามารถเดินฝ่าทะเลทรายได้วันละ 40 กม. ทั้งที่บรรทุกสัมภาระกว่า 100 กก.
9. ขนของอูฐใช้ทำเสื้อผ้าได้ดีมาก และสามารถทอเป็นพรมได้ด้วย
10. มูลของอูฐใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงจุดผิงไฟในคืนที่หนาวจัดในทะเลทราย
เจ้าตัวล่างขวานี่ทำไมผิวดูแห้งจัง ป่วยหรือเปล่าคะ หรือไม่ได้ทาโลชั่น (ไม่ใช่แระป้า)
ก่อนจะไปโซนอื่น เอาข้อมูลอูฐมาให้อ่านกันนะคะ จากวิกิฯ เช่นเคยฮับ
อูฐ (อังกฤษ: Camel; อาหรับ: جمليات, ญะมัล) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในสกุล Camelus จัดอยู่ในวงศ์ Camelidae เป็นสัตว์ที่มีความอดทนสูง สามารถอาศัยอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหารหรือน้ำเลย 2 สัปดาห์ เพราะมีไขมันสะสมไว้ในหนอกและร่างกายเก็บรักษาน้ำได้เป็นอย่างดี จึงสามารถอยู่ในที่ทุรกันดารเช่นทะเลทรายได้เป็นอย่างดี กินอาหารประเภทใบไม้ในทะเลทราย ตัวโตเต็มที่มีความสูงถึงบ่าประมาณ 1.85 เมตร และหนอกสูงอีก 75 เซนติเมตร ความสามารถ วิ่งได้เร็ว 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเดินด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบกน้ำหนักได้ 150-200 กิโลกรัม อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงได้จาก 34 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืนมาเป็น 41 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน ปัจจุบันสัตว์ในตระกูลอูฐได้ถูกนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจในบางประเทศ แต่ใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ เป็นอาหาร ตัดขน รีดนม และใช้เนื้อเพื่อบริโภค
จุดต่อไปค่ะเป็นหงส์ (หรือห่านหว่า?) กับนกเป็ดน้ำนะคะ
ต่อไปเป็นตัววัลลาบีหรือจิงโจ้แคระ นั่นเองค่าา
ต่อไปเป็นอัลปาก้า ค่ะ
ข้อมูลจากวิกิฯ เช่นเคยนะคะ
อัลปากา (สเปน: alpaca) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vicugna pacos เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในวงศ์อูฐ (Camelidae) มีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวยามา อัลปากาเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูง พบได้ในที่สูงบริเวณแถบเทือกเขาแอนดีสในทวีปอเมริกาใต้ซึ่งได้แก่ ตอนใต้ของประเทศเปรู ตอนเหนือของประเทศโบลิเวีย ประเทศเอกวาดอร์ และตอนเหนือของประเทศชิลี อัลปากาเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนมาก โดยจะอยู่บริเวณที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 3,500 เมตร (11,000 ฟุต) ถึง 5,000 เมตร (16,000 ฟุต)
อัลปากาเป็นสัตว์ที่ไม่มีฟันหน้า มีความสูงเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 180 เซนติเมตร ลักษณะคล้ายยามา แต่จะแตกต่างกันตรงที่อัลปากาไม่ได้ถูกเลี้ยงไว้ใช้ขนสัมภาระ แต่จะถูกเลี้ยงเพื่อนำขนมาทำเป็นเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ขนอัลปากานำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตั้งแต่ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ และเครื่องนุ่งห่มประเภทต่าง ๆ โดยขนของอัลปากาตามธรรมชาติมีหลายสี โดยในเปรูมีการจำแนกสีขนออกเป็น 52 สี ขณะที่ทางออสเตรเลียจำแนกไว้ 12 สี และสหรัฐอเมริกาจำแนกเป็น 16 สี
ขนอัลปากาได้ชื่อว่าเป็นขนสัตว์ที่นุ่มที่สุดในโลกจนได้รับการขนามนามว่า "เส้นใยจากพระเจ้า" ขนของอัลปากาเมื่อตัดแล้วจะมีราคาขายสูงถึงกิโลกรัมละ 30,000 บาท
อัลปากามีเสียงร้องหลายเสียง มักร้องเสียงแหลมสูงเมื่อตกอยู่ในภัยอันตราย หมาหรือแมวที่แปลกหน้าอาจทำให้อัลปากานึกว่าตนตกอยู่ในภัยอันตรายได้ มักทำเสียงดูดเพดานอ่อนหรืออาจทำเสียงในโพรงจมูกเมื่อแสดงความเป็นมิตร
อัลปากามักฮัมเป็นเพลงสั้น ๆ เมื่ออยากแสดงให้อัลปากาตัวอื่นรู้ว่าตนอยู่ใกล้หรือกำลังมีความสุข โดยมีเสียงฮัมที่แตกต่างกันไปในแต่ละตัว
มักร้องสูงเหมือนนกเมื่อตัวผู้ต่อสู้กัน ซึ่งอาจเป็นเสียงที่ทำให้ศัตรูหวาดกลัว อัลปากาจะรู้สึกว่าเป็นอันตรายหรือถูกคุกคามเมื่อถูกสัมผัสที่ช่วงก้น และจะป้องกันตัวด้วยการพ่นน้ำลายออกมาเหมือนอูฐ
อัลปาก้าเป็นสัตว์ที่เราชอบนะคะ เราว่ามันน่ารักเป็นมิตรแหละ
ต่อไปค่ะกับนกกระจอกเทศ
นกกระจอกเทศ (อังกฤษ: Ostrich; ชื่อวิทยาศาสตร์: Struthio camelus[3]) จัดอยู่ในประเภทสัตว์มีกระดูกสันหลัง เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา ขนาดโตเต็มที่สูงประมาณ 2 2.5 เมตร น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่จะหนักประมาณ 160 กิโลกรัม มีอายุยืนได้ถึง 65 75 ปี หัวเล็ก คอยาว ตาโต ขนตายาว มีขาใหญ่แข็งแรง บินไม่ได้แต่วิ่งได้เร็ว ลูกนกอายุเพียง 2-3 วันก็จะวิ่งได้แล้ว หากินในทุ่งกว้างเป็นฝูงใหญ่ อยู่ร่วมฝูงกับม้าลายและยีราฟ การต่อสู้ป้องกันตัวของนกกระจอกเทศจะกระโดดเตะได้ ระวังตัวสูง จึงหลบหลีกสัตว์กินเนื้อได้ดี ไข่ของนกกระจอกเทศเป็นไข่นกที่ใหญ่ที่สุดในโลก กินพืช, เมล็ดพืช, ผลไม้สุกและสัตว์ตัวเล็ก ๆ โดยใช้ปากงับแล้วกระดกเข้าลำคอ จากนั้นยืดคอให้ตรง ให้อาหารไหลลงไปตามหลอดอาหารในลำคอ นอกจากนั้น ยังชอบกินของแปลกปลอม โดยเฉพาะสิ่งที่สะท้อนแสงได้ เช่น นาฬิกา, ขวดพลาสติก
นกตัวผู้มีขนาดโตกว่าตัวเมีย ตัวผู้เมื่อโตเต็มวัยขนตามลำตัวจะเปลี่ยนไปเป็นสีดำ ส่วนขนปีกและขนหางจะเป็นสีขาวสวยงามมาก สำหรับตัวเมียจะมีขนตามตัวสีน้ำตาลเทาอ่อน ปากมีลักษณะแบนและกว้างมาก ดวงตากลมโต หัวเล็ก ศีรษะล้าน มีขนอ่อนบางสีเทา น้ำตาลอ่อนคล้ายสีครีมหรือผลมะอึก คอยาวและมีขนอ่อนเช่นเดียวกับหัว ปีกเล็กไม่สมตัว ขนที่ปีกยาวพอสมควรแต่ก็ไม่ใช่ขนสำหรับการบิน ซึ่งขนปีกมีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น ขาและโคนขาเป็นขาเกลี้ยง ๆ ไม่มีขน นกตัวผู้มีลำคอหย่อนยานกว่าตัวเมีย จึงโป่งคอและทำเสียงร้องเลียนแบบสิงโตได้ นกตัวผู้ 1ตัวจะคุมนกตัวเมียหลายตัว
ลักษณะเท้าของนกกระจอกเทศจะพบว่ามีนิ้วเท้าข้างละ 2 นิ้ว ใต้นิ้วเป็นเนื้ออ่อน ๆ ปลายนิ้วทู่ ๆ ใหญ่ ๆ นิ้วทั้งสองจัดเป็นนิ้วกลางและนิ้วนางเท่านั้น นิ้วที่ใหญ่มากคือนิ้วกลาง ซึ่งเป็นธรรมชาติของสัตว์โลกอย่างหนึ่งคือ สัตว์ที่ไม่ใช้ความเร็วของฝีเท้าจะมีนิ้วครบชุดมือ เท้าข้างละ 5 นิ้ว หากสัตว์นั้นต้องการความเร็วของฝีเท้าเพื่อวิ่งหนีศัตรู ธรรมชาติก็จะวิวัฒนาการให้นิ้วหายไปทีละนิ้วสองนิ้วจนเหลือแต่เพียงนิ้วเดียว เช่นเท้าของม้า มีเพียงนิ้วเดียวที่เรียกว่ากีบเท้าม้า
ระหว่างนี้ก็มีห้องน้ำนะคะ ก็ยังเข้าธีมอยู่เนาะ
ต่อไปค่ะเป็นอีกโซนที่เราชอบนะคะ กับโซนนกแก้ว-นกสวยงามนั่นเองค่ะ
มีทั้งนกที่อยู่ในกรงและนอกกรงนะคะ ตามภาพเลยฮับ
มาคอว์ (อังกฤษ: Macaw) เป็นสัตว์ปีกอยู่ในวงศ์ Psittacidae มาคอว์จัดเป็นนกในตระกูลปากขอที่มีขนาดใหญ่ นิยมเลี้ยงกันมากเนื่องจากมีสีสันที่สวยงาม เชื่อง และสามารถพูดเลียนเสียงคนได้
มาคอว์ถือเป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกาใต้ มีสีสันสวยงาม มีเสียงร้องที่ดังมากจะงอยปากจะใหญ่เป็นพิเศษ เหนือปากด้านบนจะมีสีขาวเส้นเล็กๆ คาดระหว่างปากกับหัว บนหัวมีขนสีเขียวสดและสีฟ้า ดวงตามีขนเป็นลายเส้นดำ 4-5 เส้น ขนบริเวณคอจนถึงหน้าอกเป็นสีเหลืองเข้มและขนหางมีสีแดงสด ขาสั้นใหญ่ แข็งแรง ขนที่ปีกบางทีก็เป็นสีฟ้าและสีเหลืองหรือสีเขียวเหลือง ขนาดของนกแก้วมาคอว์มีขนาดตั้งแต่ 32-35 นิ้ว
อาหารของมาคอว์คือ ผลไม้และเมล็ดธัญพืช ชอบอยู่กันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ในฤดูผสมพันธุ์จะจับคู่กันแบบคู่ใครคู่มัน และไปสร้างรังตามต้นไม้ใหญ่เพื่อวางไข่ วางไข่ครั้งละ 3-4 ฟอง ใช้เวลาฟักไข่ 30-35 วัน ขนของลูกนกจะขึ้นหลังจาก 3 สัปดาห์และขึ้นจนเต็มตัวและมีสีสันสวยงาม ลูกนกจะแข็งแรงเต็มที่เมื่ออายุสามเดือน ในระหว่างที่ยังเล็กต้องอาศัยอาหารจากแม่นกที่นำมาป้อน โดยจะใช้ปากจิกกินอาหารจากปากแม่ของมันจนกระทั่งลูกนกสามารถช่วยตนเองได้ และในที่สุดมันก็จะบินและหาอาหารเองโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่อีกต่อไป
มาคอว์จัดเป็นนกที่สามารถฝึกให้เชื่อง เป็นนกที่มีความจำดีและมีความพยาบาทรุนแรง ดุร้าย น่ากลัวมากเท่ากับความอ่อนโยนอ่อนน้อมน่ารักชวนให้ปราณีของมัน โดยอุปนิสัยแล้วมาคอว์เป็นนกที่ชอบสะอาด หากผู้เลี้ยงอาบน้ำให้มันเป็นประจำ มาคอว์จะมีความสุขมาก ดังนั้นผู้เลี้ยงควรใช้น้ำจากฝักบัวรดให้นกได้อาบน้ำบ่อยครั้ง ในฤดูฝนควรอาบน้ำให้ในกลางแจ้ง เพื่อให้นกได้อาบน้ำฝนบ้าง แล้วควรนำนกมาไว้ในที่มีแดดอ่อนๆ และอากาศบริสุทธิ์ มาคอว์เป็นนกที่ไม่ชอบอยู่โดดเดี่ยวเช่นเดียวกับนกแก้วชนิดอื่นๆ
มาคอว์ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจะสนิทสนมกับผู้เลี้ยง หากผู้เลี้ยงห่างเหินมาคอว์จะโศรกเศร้าแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน ดังนั้นคนที่เลี้ยงมาคอว์ควรจะให้ความสนใจและดูแลอย่างใกล้ชิด มาคอว์เป็นนกที่มีขนาดใหญ่มาก มีปากที่แหลมคม ประสาทตาไวมาก มีความฉลาดและน่ารักในตัวของมันเอง เป็นนกที่เชื่องมาก หากเจ้าของเอาใจใส่มัน มันก็จะรักเราเหมือนที่เรารักมัน สามารถสอนให้เล่นจักรยาน สอนกิจกรรมต่างๆ ได้แต่ต้องหมั่นฝึกฝนจึงจะเป็น
ส่วนที่ชอบคือ ถ้าหันหน้าเข้ากรง ฝั่งขวาสุดจะเป็นโซนที่เราให้อาหารกับนกแก้วได้ค่ะ เสีย 20 บาทจะได้มาถุงเล็กๆ ถุงหนึ่งตามภาพนะคะ
เข้าไปปุ๊บ เราก็เทลงฝ่ามือ เดี๋ยวเค้าจะบินมากินที่มือเราเองค่ะ แต่ห้ามลูบหัวเค้านะคะ เค้าจะหนีแหละ
มีบางตัวเห็นนิ้วเราอร่อยกว่าซะงั้นแทะนิ้วเฉย งืออออออ
นอกจากนั้นบางตัวก็เกาะหัวจิกผมเล่นซะงั้น เอ่อ..ค่ะ
ส่วนตัวนี้เอาไปทั้งถุงเลยค่ะ สามารถมาก
บางทีเค้าก็บินมาเกาะเป็นคู่ด้วยนะคะ ค่ะ..เชิญสำราญบนมืออิชั้นให้เต็มที่ค่ะ
หลังจากให้นกแทะมือเล่นเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมากันค่ะ ถ่ายย้อนกลับไปตรงโซนนกสวยงามอีกทีค่ะ
เงยหน้าไปก็เห็นอีกเครื่องเล่นหนึ่งของที่นี่นะคะ กับ Eagle Zipline
ส่วนด้านล่างก็ยังมีกรงของนกฟลามิงโก อยู่นะคะ
นกฟลามิงโก เป็นนกน้ำจำพวกหนึ่ง ในวงศ์ Phoenicopteridae และอันดับ Phoenicopteriformes มี 4 ชนิดในทวีปอเมริกา และ 2 ชนิดในโลกเก่า
นกฟลามิงโก เป็นนกที่มีซากฟอสซิลสามารถนับย้อนไปไกลได้กว่า 30 ล้านปีก่อน นกฟลามิงโกอาศัยอยู่เป็นฝูงขนาดใหญ่ ซึ่งสถานที่ ๆ พบนกฟลามิงโกได้มากที่สุดในโลก คือ ทะเลสาบนากูรู ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบนากูรู ทางตอนเหนือของประเทศเคนยา ซึ่งมีจำนวนประชากรนกฟลามิงโกมากได้ถึง 1,500,000 ตัว นกฟลามิงโกเป็นนกที่บินได้เป็นระยะทางที่ไกล และมักบินในเวลากลางคืน ด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และหากมีความจำเป็นต้องบินในเวลากลางวันก็จะบินในระดับสูงเพื่อหลบเลี่ยงสัตว์นักล่า ส่วนในทวีปเอเชียสามารถพบได้ที่ทุ่งหญ้าสเตปป์แถบตอนเหนือของคาซัคสถานในภูมิภาคเอเชียกลางเท่านั้น โดยผสมพันธุ์กันในฤดูใบไม้ผลิ ก่อนอพยพไปที่อื่น
นกฟลามิงโก ได้ชื่อว่าเป็นนกที่ไม่มีประสาทรับกลิ่น และเป็นนกที่ส่งเสียงดังตลอดเวลา ซึ่งลูกนกแม้แต่อยู่ในไข่ก็ยังส่งเสียงร้องแล้ว ซึ่งพ่อแม่นกจะจดจำลูกของตัวเองได้จากเสียงร้องอันนี้
นอกจากนี้แล้ว นกฟลามิงโกยังเป็นนกที่ได้ชื่อว่าเป็นนกที่มีขนสีชมพู จนได้รับชื่อว่า "นกฟลามิงโกสีชมพู" ซึ่งขนของนกฟลามิงโกนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดตั้งแต่สีชมพูซีดจนถึงสีแดงเลือดหมูหรือแดงเข้ม ทั้งนี้เป็นเพราะการกินอาหารที่ได้รับสารอาหารจากกุ้งและเห็ดรามีสารประเภทอัลฟาและเบตาแคโรทีน แต่โดยมากแล้วนกที่เลี้ยงตามสวนสัตว์ขนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวเพราะขาดสารอาหารเหล่านี้ ซึ่งหากให้ในสิ่งที่ทดแทนกันได้เช่น แครอท หรือบีทรูท สีขนก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม อีกทั้งยังเป็นนกที่มีพฤติกรรมยืนด้วยขาเดียวอยู่นิ่ง ๆ แช่น้ำได้เป็นเวลานานมากถึง 4 ชั่วโมง นั่นเพราะขาของนกจะได้รับจะได้รับเลือดสูบฉีดต่ออัตราการเต้นของหัวใจได้มากเท่า ๆ กับที่กล้ามเนื้อหลักได้รับ ซึ่งเลือดจะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย การที่นกฟลามิงโกมีขายาวมาก ก็ยิ่งทำให้มีพื้นที่สูญเสียความอบอุ่น อีกทั้งขาข้างที่ไม่ถูกแช่น้ำก็จะไม่เหี่ยวแห้งอีกด้วย
ที่นี่ขนสีซีดนะคะนี่ ต้องเพิ่มแครอทหรือบีทรูทให้มันกินแล้วหละนะคะ แหะๆ
ต่อไปก็ไปที่อาคารที่อยู่ใกล้เครื่องเล่นตัวหนึ่งค่ะ จะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ อยู่นะคะ
ใกล้ๆ กันก็มีซุ้มขายพวกอาหารฟาสต์ฟู้ดอยู่ค่ะ หลานบ่นหิว เลยแวะซื้ออะไรให้กินรองท้องหน่อยหนึ่งก่อนค่ะ
ไม่ไกลจากกันนักก็จะมีอีกเครื่องเล่นหนึ่งนะคะกับ Flying Macaw ค่ะ น่าเล่นมากๆ เลยอ้ะ
ปิดท้ายกันที่ช็อปขายของที่ระลึกของที่นี่ค่ะ
จากนั้นก็เดินออกไปที่ด้านนอกก็เห็นอีกเครื่องเล่นหนึ่งค่ะ แต่ตอนเราไปยังไม่เปิดให้เล่นแฮะ เหมือนจะเล่นโชว์เฉยๆ อะค่ะ คิดถึงตอนไปเก็นติ้งเลย ชอบอ้ะ
แต่พอมีกั้นเตี้ยๆ แบบนี้ ไม่ใช่โถใสปิดแบบที่เก็นติ้ง ก็กลัวกระเด็นออกมาเหมือนกันนะคะนั่น แหะๆ
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
เราว่าก็ดีค่ะ คือ ได้เห็นสัตว์แปลกๆ แบบที่ไม่ได้เห็นตามสวนสัตว์ทั่วไปพอสมควร มีกิจกรรมให้ทำสนุกๆ อย่างการให้อาหารอูฐและนกแก้ว หรือใครจะเล่นเครื่องเล่นก็ได้อีกเช่นกัน (แต่เสียค่าใช้จ่ายต่างหาก เราว่าควรทำเป็นแพ็คเก็จพิเศษที่ซื้อรวมเครื่องเล่นแล้วถูกกว่านะคะ จะทำให้คนเล่นกันมากขึ้นอ้ะ) ซึ่งถ้าถามว่าไม่เล่นเครื่องเล่นกับค่าเข้า 120 บาทคุ้มมั้ย อย่างเราเราว่าคุ้มค่ะ เพราะหลานเราได้เห็นสัตว์แปลกๆ เยอะ ได้บอกเค้าว่ามันเป็นสัตว์อะไร มีที่ประเทศไหน ให้เค้าได้เรียนรู้สัตว์ที่แตกต่างออกไปจากสัตว์ที่เค้าเคยเห็นในสวนสัตว์อื่นๆ ค่ะ อย่างน้องสะใภ้ (แม่หลาน) เราก็ชอบการให้อาหารนกแก้วมากค่ะ เพราะฉะนั้นโดยรวมเราว่าสนุกดีนะคะสำหรับที่นี่ แต่ถ้ามาตอนร้อนๆ อาจจะเหนื่อยที่จะเดินก็ได้ค่ะ (ที่จริงก็ไม่ได้เดินเหนื่อยอะไรมากนะคะ แต่ใครที่ไม่ชอบแดดแล้วมาเจอแดด อาจจะเซ็งน่ะค่ะ แหะๆ)
ปฏิทินธรรม
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2559 (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (เดือนนี้งานทอดกฐินด้วยค่ะ) ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447 วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 11 - 12 มีนาคม 2559
1. มุทิตาสักการะอายุวัฒนมงคล 80 ปี หลวงปู่อุทัย สิริธโร ณ วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง นครราชสีมา
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1510853665886058&id=1482592958712129
วันอาทิตย์ที่ 13 และ 27 มีนาคม 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.netวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 26 - 27 มีนาคม 2559 1. ขอเชิญร่วมงานบุญประเพณี ผ้าป่า 12 เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯhttps://www.facebook.com/siangdhamluangta/posts/1060056840717061 ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+3129559 =4599255/12057/1080