* = * * = * * = * รีวิวพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ตอนที่ ๒ * = * * = * * = *
สวัสดีค่ะ
หลังจากที่ได้พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ แล้ว ที่นี่ (คลิกเพื่ออ่าน)
วันนี้จะพาไปชมต่อนะคะ (เนื่องด้วยมีวิทยากรบรรยาย ข้อมูลจะเยอะ แล้วก็รูปจะเยอะหน่อยน่ะค่ะเลยต้องแบ่งเป็นหลายตอน แหะๆ)
ความเดิมจากตอนที่แล้ว วิทยากรก็ได้พาพวกเราไปที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุงจำลองค่ะ
ด้านหน้าห้องนี้ก็จะมีนิทรรศการที่แสดงให้เห็นว่าล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ทรงสนพระทัยเรื่องของการถ่ายรูปและภาพยนตร์ด้วยนะคะ
มาค่ะ ไปห้องฉายภาพยนตร์กัน
โอ้ มีอุปกรณ์ตัวนี้ด้วย (แต่ไม่ได้ไปลองส่องนะคะ แหะๆ )
นี่หรือเปล่าเป็นที่มาของสำนวน "ถ้ำมอง" เนี่ย
ในห้องก็ไม่ได้กว้างมากนะคะ นั่งได้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 20-25 คนได้อะค่ะ
อย่างที่บอกว่า พระองค์ท่านสร้างให้ประชาชนทั้งหมดสามสิ่ง และนี่ก็คืิอหนึ่งในนั้นนะคะ
่จากนั้นวิทยากรก็บอกว่า เก้าอี้นั่งสมัยก่อนจะเป็นเก้าอี้ไม้แบบรูปข้างล่างนี่เลยหละค่ะ (เก๋เนาะ)
ค่าดูหนังสมัยนั้น 70 สตางค์ค่ะ แพงสุดอยู่ที่ 1.40 บาทค่ะ
วันนั้นเขาฉายเรื่องแผ่นดินพระปกเกล้าให้ดูค่ะ
หนังฉายไม่นานนะคะ ประมาณ 10 นาทีเองได้ค่ะ จากนั้นก็มาเก็บภาพด้านหน้าห้องอีกที
ทั้งตัวกล้องของพระองค์ท่าน แล้วก็ป้ายโฆษณาเรื่องแหวนวิเศษ
เอิ่ม...ในโลกนี้มีคนชื่อ "สมิงถุ่ย" ด้วยยยยยยย
รูปตอนพระองค์ท่านใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์ค่ะ (น่าจะใ่ช่นะคะ)
ส่วนนี่ก็กับกล้องถ่ายรูป ข้างๆ นี่น่าจะเป็นสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีนะคะ
ส่วนเจ้าเครื่องนี้นี่ สารภาพว่าถ้าวิทยากรไม่บอกก็ไม่รู้เลยค่ะว่ามันคือ "เครื่องยิงลูกเทนนิส"
ส่วนนี่ก็เป็นโต๊ะทรงงานของท่านค่ะ
ลำดับต่อไปเป็นราชหัตถเลขาตอนพระองค์ท่านสละราชสมบัติค่ะ
วิทยากรเ่ล่าข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่จริงได้มีพระยาพหลฯ พระองค์เจ้าบวรเดชกระทำการต่อต้านขึ้น (ที่เรียกว่า กบฎบวรเดชน่ะค่ะ) แต่ไม่สำเร็จ เดินทางไปต่างประเทศ ตัวล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ เองก็ไปสงขลาค่ะ และปรึกษาสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี แล้วก็เลยตัดสินใจไปยังประเทศอังกฤษค่ะ แต่คณะราษฏร์ฯ ก็ทูลขอให้สละราชบัลลังก์ถึง 5 ครั้ง ท่านจึงตัดสินใจสละราชสมบัติค่ะ เมื่อพระองค์สละราชสมบัติแล้ว ก็เลยมีพระราชหัตถเลขามาค่ะ
เราถ่ายมาให้ดูบางส่วนนะคะ รวมทั้งตัวพระตำหนักของท่านที่อังกฤษด้วย
อย่างที่หลายๆ ท่านทราบนะคะว่าล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ไม่มีลูก
แต่ท่านก็มีพระราชโอรสบุญธรรมที่ท่านโปรดมากค่ะ ตามรูปข้างล่างเลยนะคะ
วิทยากรให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตามกฎหมายไทยแล้ว ผู้ขอบุตรบุญธรรมต้องมีอายุมากกว่า 25 ปีแล้วก็จะต้องอายุห่างกันอย่างน้อย 15 ปีด้วยค่ะ
ที่จริงในช่วงที่เศรษฐกิจแย่นั้น ตัวพระองค์ท่านเองก็ได้ลดรายรับที่เคยได้จากรัฐลง 1 ใน 3 ด้วยค่ะ เป็นสิ่งหนึ่งที่ท่านได้พยายามทำอะไรเพื่อประเทศชาติและประชาชนนะคะ แต่..ก็นั่นแหละค่ะ ท้ายที่สุดก็ัยังจบลงแบบนี้อยู่ดีนะคะ
ท่านทรงสวรรคตเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2484 เป็นพระองค์เดียวที่สวรรคตที่ต่างประเทศค่ะ
จากนั้นวิทยากรก็เล่าข้อมูลเพิ่มเติมอีกค่ะว่า ปี 2482 เป็นปีที่เปลี่ยนชื่อจากสยามมาเป็นไทย แล้วก็การเดินทางจากประเทศอังกฤษ ก็มาที่สิงคโปร์แล้วก็มาที่เกาะ..ง่า..อ่านลายมือตัวเองไม่ออก แล้วก็ค่อยมาขึ้นที่ท่าราชวรดิษฐ์ค่ะ
โดยพระอัฐิของท่านจะอยู่ที่วัดราชบพิธและพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนะคะ
จากนั้นวิทยากรก็ไล่วัดประจำรัชกาลให้ฟังดังนี้นะคะ
รัชกาลที่ ๑ - วัดโพธิ์ รัชกาลที่ ๒ - วัดอรุณฯ รัชกาลที่ ๓ - วัดราชโอรส รัชกาลที่ ๔ - วัดราชประดิษฐ์ รัชกาลที่ ๕ - วัดราชบพิธ รัชกาลที่ ๖ - วัดบวรฯ รัชกาลที่ ๗ - วัดราชบพิธ (เอ๋? ซ้ำกับรัชกาลที่ ๕?) รัชกาลที่ ๘ - วัดสุทัศน์ฯ รัชกาลที่ ๙ - วิทยากรบอกว่า น่าจะเป็นวัดพระราม ๙ ค่ะ
ต่อไปเป็นส่วนของการสืบสันตติวงศ์ค่ะ
ตรงช่วงๆ นี้วิทยากรก็เล่าข้อมูลเพิ่มเติมว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ นะคะ แล้วก็เป็นน้องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖)
แต่เราจำการไล่สายไม่ได้แล้วค่ะถ้าจำไม่ผิด ที่เหลือของสายนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์แล้ว (อย่างมีอยู่ท่านหนึ่ง...อ่าจำไม่ได้ ที่แต่งงานกับรัสเซีย ก็ผิดกฎมณเฑียรบาลที่ห้ามแต่งงานกับชาวต่างชาติก็เลยไม่มีสิทธิ์ค่ะ) ก็เลยมาที่สายของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๘ แทนน่ะค่ะ
สำหรับเอนทรี่นี้ ก็คงจะมีแต่เพียงเท่านี้นะคะ (บอกแล้วว่าที่นี่เรารีวิวได้มหากาพย์มากๆ ค่ะ เหอๆ)
เดี๋ยวตอนหน้าจะพาไปศึกษาชั้นล่างสุดซึ่งเป็นเรื่องของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีกันบ้างค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1001621+63560=1,065,121/6755/625
Create Date : 28 กันยายน 2554 |
Last Update : 28 กันยายน 2554 7:05:00 น. |
|
41 comments
|
Counter : 5299 Pageviews. |
|
|
|