* + * + * + * รีวิวนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ คุณรู้จักเมืองหลวงของเราดีหรือยัง? * + * + * + *




สวัสดีค่ะ



ก่อนอื่นก็ขอหาเสียงเช่นเดิมค่า


หากคิดว่าอ่านบล็อกนี้แล้วมีประโยชน์ต่อการกิน-การเที่ยวเมืองไทยบ้าง ก็กดโหวตให้หน่อยนะคะ



ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ









วันนี้จะพาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งของกรุงเทพมหานครนะคะ

นั่นก็คือ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์นั่นเองค่ะ





ก่อนอื่นขอเตือนว่า วันนี้บล็อกเนื้อหายาวมากค่ะ ทำใจก่อนอ่านด้วยนะคะ แหะๆ










เ็ว็บไซต์ของที่นี่นะคะ

//www.nitasrattanakosin.com/

เบอร์โทร.ติดต่อสำหรับที่นี่นะคะ ๐๒ - ๖๒๑ ๐๐๔๔


เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ค่ะ ส่วนเวลาทำการถ้าเป็นวัน อังคาร – ศุกร์ เวลา ๑๑.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ๑๐.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.ค่ะ

เปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ทุกๆ ๒๐ นาที **รอบเข้าชมสุดท้าย เวลา ๑๘.๒๐ น. **
(จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่าได้ที่รอบละเต็มที่ 23 คน ดังนั้นจะได้ประมาณ 23-25 รอบต่อวันค่ะ)








สำหรับแผนที่การไปที่นี่ ก็เอามาจากเว็บไซต์เค้าหละค่ะ ตามนี้เลย



บรรยายเพิ่มก็คือ ถ้ามาจากทางสะพานผ่านฟ้า ให้ดูทางซ้ายมือไ้ว้นะคะ

อาคารของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์จะอยู่ติดกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์เลยค่ะ













แต่วันนั้นเรามาจากทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นิทรรศน์ฯ ก็เลยอยู่ทางขวามือตามภาพค่ะ


















จะเห็นว่าอยู่ใกล้กับลานพลับพลาฯ นะคะ





















เดินไปที่ทางเข้ากันดีกว่า มียักษ์ตัวเล็กเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าคู่หนึ่งด้วยค่ะ





















ที่จริงจากเว็บไซต์ ค่าเข้าผู้ใหญ่อยู่ที่คนละ 200 บาทเด็กคนละ 50 บาท (สูงไม่เกิน 110 ซม.)

แต่ตอนนี้มีโปรฯ อยู่ค่ะ ผู้ใหญ่เสียแค่ 100 บาท เด็ก 30 บาท

สำหรับนักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ นักบวช ภิกษุ ผู้สูงอายุและคนพิการ ฟรีค่ะ




















เข้าไปด้านในปุ๊บ ตรงด้านหน้าจะเป็นจอ Interactive ค่ะ เป็น LED Wall นะคะ

ซึ่งลักษณะตัวสีทองๆ นั่น ทำเป็นลายย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะไทยอย่างหนึ่งด้วยค่ะ

ถ้าเรายืนหน้าจอแล้วโบกๆ มือก็จะมีนกบินออกมาตามรูปเลยค่ะ





















ส่วนทางขวามือ จะเป็นที่จำหน่ายตั๋วเข้าชมนะคะ ด้านหลังเคาน์เตอร์ก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ส่วนชั้นลอยที่เห็นนั่นเป็นห้องสมุดค่ะ (ที่นี่จะเปิดเป็นรอบๆ ให้เข้าชมด้วยนะคะ โดยมีเจ้าหน้าที่พาชม เพราะฉะนั้นเนี่ย ถ้ามีเวลาเหลือระหว่างรอรอบ ก็สามารถจะไปอ่านหนังสือปูพื้นฐานให้ตัวเองที่ห้องสมุดได้ค่ะ )




















ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ติดต่อ-สอบถาม

กรณีที่ดีลมาเป็นกรุ๊ปส่วนตัว ก็ต้องมาติดต่อตรงนี้นะคะ





















ตอนเราไปถึงก็ก่อนเวลา ก็เดินเที่ยวเก็บภาพก่อนค่ะ

อันนี้โบรชัวร์ของที่นี่ค่ะ
























หันหน้าเข้าจอภาพ Interactive ถ้าไปทางขวามือ เดินไปจนสุดทางจะเจอร้าน COFFEE BEANS by Dao ด้วยนะคะ





















ตรงข้างๆ ทางเดินไปร้านคอฟฟี่บีนฯ ก็มีร้านขายของอยู่ค่ะ


แต่ยังไม่ใช่ของที่มีโลโก้ของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์นะคะ ต้องเดินทะลุร้านนี้ไปที่อีกฝั่งค่ะถึงจะเป็นร้านขายของที่ระลึกของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ (หรือจะเดินไปข้างเคาน์เตอร์ขายตั๋ว โดยไม่ต้องมาเดินทะลุผ่านร้านนี้ก็ไดค่ะ เดี๋ยวจะโดนคนขายเขวี้ยงค้อนใส่เอานิ )





















เสียดาย วันนั้นไม่ได้ไปเยี่ยมห้องสมุดเลยหละค่ะ

เพราะอยากไปโลหะปราสาทกันมากกว่า (จะพาไปเที่ยวบล็อกหน้านะคะ )

ก็เลยได้แต่เก็บภาพจากด้านล่าง และไม่มีรายละเอียดมาบอกว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างค่ะ























ของที่ระลึกที่มีโลโก้ของที่นี่นะคะ ก็มีหลากหลายค่ะ

อย่างพวกเสื้อ กางเกง กระเป๋า แก้วกาแฟ ของตั้งโชว์ ฯลฯ

























นอกจากนั้นตรงหลังจออินเตอร์แอคทีฟ LED Wall ก็จะเป็นล็อกเกอร์นะคะ

โดยต้องเอาบัตรประชาชนไปแลกที่เคาน์เตอร์ ถึงจะได้กุญแจล็อกเกอร์มาค่ะ บริการฟรีนะคะ

ส่วนโต๊ะที่อยู่ไกลๆ ในภาพนั่น เป็นโต๊ะสำหรับให้เขียนแสดงความคิดเห็นที่ได้มาชมที่นี่ค่ะ





















จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่จะดูแล+ให้ข้อมูลของกรุ๊ปเราก็มาค่ะ


ก่อนอื่นก็บอกก่อนว่า นิทรรศน์รัตนโกสินทร์นั้นมีทั้งหมด 4 ชั้น 7 ห้อง และสำหรับโลโก้นั้นก็เป็นอัญมณีทั้ง 9 ชนิดแทนห้องแต่ละห้อง (คือเหมือนว่าจะมี 9 ห้องค่ะ แต่อีก 2 ห้องยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ก็เลยได้ดูแค่ 7 ห้อง แหะๆ)

และสำหรับการเข้าชมที่นี่ อนุญาตให้ถ่ายเฉพาะภาพนิ่งค่ะ ห้ามถ่ายวีดีโอหรือบันทึกเสียงนะคะ แต่ถ้าเป็นห้องรัตโกสินทร์เรืองโรจน์นี่ห้ามหมดค่ะ ภาพนิ่งก็ห้าม





















หลังจากที่บอกเล่าข้อมูลและกฎกติกาในเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว

เจ้าหน้าที่ก็พาไปยังจุดแรกที่เรียกว่า อุโมงค์กาลเวลา ค่ะ





















ในแต่ละแถบของอุโมงค์กาลเวลานี้ จะห่างกันอันละ 25 ปีค่ะ โดยเริ่มจากปีพ.ศ. 2325 ซึ่งเป็นปีที่สร้างกรุงรัตนโกสินทร์นะคะ แต่เท่าที่เราสังเกตนะคะ ฝั่งภาษาอังกฤษซึ่งเป็นฝั่งซ้ายมือจะมีแค่ 6 แถบค่ะ แต่ฝั่งภาษาไทยจะมี 9 แถบ

ในแต่ละแถบก็จะมีเรื่องราวหรือเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นนะคะ โดยด้านบนจะเป็นเหตุการณ์หรือเรื่องราวในประเทศไทย ส่วนด้านล่างจะเป็นเหตุการณ์หรือเรื่องราวของต่างประเทศค่ะ























ดูๆ ไป แอบเห็น false หน่อยหนึ่งด้วยค่ะ อิอิ





















หลังจากเดินผ่านอุโมงค์กาลเวลาไปจนสุดทางแล้ว เราก็ขึ้นบันไดไปชั้นสองกันค่ะ

ที่จริงมีลิฟท์ด้วย แต่เค้าบริการให้คนพิการและคนชรานะคะ เนื่องจากไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างก็เดินสิคะ





















ห้องต่อไป ดื่มด่ำย่านชุมชน ค่ะ

เป็นห้องที่เป็นเรื่องราวของ 12 ชุมชนสมัียช่วงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ค่ะ

ซึ่งห้องนี้ก็เปรียบเสมือนอัญมณีคือ เพทาย นะคะ


12 ชุมชนนั้นก็ได้แก่ ถนนดินสอ ชุมชนช่างทอง ชุมชนบ้านลาน ชุมชนบ้านพานถม ชุมชนกรงนก ชุมชนบ้านธูป ชุมชนบ้านสาย ชุมชนบ้านดอกไม้ (ทำดอกไม้ไฟอยู่รอบๆ วัดสระเกศ) ชุมชนบ้านบาตร (ถ.บริพัตร) ย่านสังฆภัณฑ์ ถนนตีทอง (พเยียมาศ) และบ้านน้ำอบอยู่แถวถ.มหาไชยค่ะ


บนพื้นของห้องนี้ ก็สามารถที่จะเหยียบแล้วก็จะมีแสงนำไปยังชุมชนนั้นๆ ได้ด้วยนะคะ




















ข้างใต้แต่ละชุมชนก็มีรายละเอียด ข้อมูลต่างๆ ให้อ่านด้วยค่ะ

ซึ่งก็จะทำให้เราทราบที่มาของชื่อสถานที่หรือชุมชนนั้นๆ ด้วยนะคะ





















แต่เราชอบชุมชนนี้มากเลยค่ะ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน ชุมชนกรงนกค่ะ






จากนั้นปรากฏว่า...แบตหมดค่ะ เลยต้องไหว้วานเจ้าหน้าที่ให้ไปเสียบชาร์จแบตให้ เลยไม่มีรูปข้อมูลของชุมชนอื่นๆ ในห้องนี้นะคะ รวมทั้งส่วนต่อมาด้วยค่ะ



ส่วนต่อมาจะเป็นจอภาพก่อนเข้าห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์ (ซึ่งเป็นห้องที่ห้ามถ่ายรูป) ในจอจะเป็นการไปถามประชาชนหลายๆ อายุ อาชีพว่าชื่อเต็มๆ ของกรุงเทพมหานครฯ แห่งนี้ชื่อว่าอะไร รวมทั้งคำถามที่ว่า นึกถึงกรุงเทพฯ แล้วนึกถึงอะไร

ซึ่งคำตอบก็มีทั้งรถติด วัดพระแก้ว การทอ่งเที่ยว ศูนย์กลางความเจริญ หนังจักรๆ วงศ์ๆ วัด ฯลฯ ค่ะ บางอย่างก็ตลกดีค่ะ แหะๆ


















จากนั้นเป็นห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์ค่ะ เป็นห้องเดียวที่ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาดนะคะ (แบตหมดพอดี ถ่ายไม่ได้ด้วย เหอๆ) ใช้บรรยายด้วยตัวอักษรแทนแล้วกันนะคะ


จะเป็นห้องที่ให้นั่งชมมีแถวที่นั่งทั้งหมด 3 แถวค่ะ แล้วก็มีดอกมณฑารพโปรย ถือเป็นฤกษ์มงคล ห้องนี้จะเปรียบเป็นเหมือนเพชร อันเป็นยอดมณีเลยนะคะ แล้วก็มีแบบจำลองวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยกรุงศรีอยุธยา (แบบยังไม่โดนเผา) การก่อสร้างกรุงธนบุรี 15 ปี การสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ แล้วตอนแรกก็เหมือนว่าเพดานของห้องนี้มันต่ำลงมาค่ะ (แต่ที่จริงแล้วมันเป็นอีกอย่างต่างหาก ) พร้อมกับมีละอองน้ำโปรยปรายมาด้วยค่ะ แล้วก็เป็นเรื่องความหายของชาวกรุงเทพฯ ก่อนปิดท้ายด้วยแบบจำลองวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังค่ะ




เซอร์ไพรซ์มันอยู่ตรงที่ พอจบการแสดงนี้แล้ว เราก็มาอยู่ที่ชั้น 3 ทันทีค่ะ อยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องลองไปเองนะคะ


















มาสู่ห้องต่อไปค่ะชื่อว่า เกียรติยศแผ่นดินสยาม

ห้องนี้จะเปรียบเป็นบุษราคัมค่ะ มีแบบจำลองวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังให้เราดูค่ะ





















แล้วก็มียักษ์คู่ (ที่ไม่ใช่ไอติม - มุขโบราณจริงๆ ตรู ) เจ้าหน้าที่ (รู้สึกจะเปลี่ยนคนแล้วมั้งคะ มีสองคนมาสลับกันน่ะค่ะ) ก็ให้ข้อมูลเรื่องของความหมายของทวารบาล ครุฑ-นาคที่หน้าบัน ค่ะ





















นอกจากนั้น ก็ยังมีมุมหนึ่งที่เป็นเรื่องของศิลปกรรมไทยด้วยค่ะ อันได้แก่ ภาพจิตรกรรม งานประดับกระจก งานประดับกระเบื้อง งานประดับมุก และลายรดน้ำค่ะ





















นอกจากนั้นก็ยังมีมุมหนึ่งให้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติพระแก้วมรกต ตั้งแต่เจอที่วัดป่ายะ (ไม่ใช่ป่าเยียะเหรอ?) ที่จ.เชียงราย และเอ่ยชื่อว่าวัดแก้วเมืองมา ก็เลยให้สงสัยว่า มันเป็นชื่อเดิมของวัดพระแก้วเชียงรายหรือเปล่าหนอ? เพราะเท่าที่รู้ เราค้นพบพระแก้วมรกตที่นี่น่ะค่ะ จนถึงตอนเชิญไปเชียงใหม่แล้วช้างเตลิดมาทางลำปาง จนต้องไปอยู่ลำปาง 32 ปีค่ะ จนตอนหลังเชิญไปเชียงใหม่ และกษัตริย์องค์หนึ่ง (พระเจ้าไชยราชาธิราช ซึ่งเป็นลูกครึ่งระหว่างลาว-เชียงใหม่) ได้เชิญพระแก้วไปไว้ที่ลาวนะคะ

จนปีพ.ศ. 2321 รัชกาลที่ ๑ ครั้งยังเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ไปตีเมืองลาวก็อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่โรงพระแก้ว พระราชวังเดิมค่ะ และอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดพระแก้วเมื่อปีพ.ศ. 2327 ค่ะ



นอกจากนั้นก็มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องทรงของพระแก้วมรกตมาเล่าให้ฟังด้วยค่ะ

ในสมัยรัชกาลที่ ๑ นี่ท่านทำเครื่องทรงเพียงสองฤดูนะคะ กล่าวคือ

เครื่องทรงฤดูร้อน จะสวมตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๔

เครื่องทรงฤดูฝน แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘



จนมาสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ได้สร้างเครื่องทรงฤดูหนาวเพิ่ม โดยเริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๑๒ ค่ะ












ในรูปจะเป็นผัง interactive ค่ะ (ที่อยู่ตรงด้านล่างของภาพ) กดจุดไหน ก็จะมีข้อมูลส่วนนั้นๆ ขึ้นมาให้





















จากนั้นก็จะเข้าสู่โซนต่อไปแล้วค่ะ จะเป็นเขตของพระราชฐานชั้นในนะคะ

ซึ่งเราต้องเข้าไปสู่โซนนี้ด้วยการลอดผ่านประตูสนามราชกิจค่ะ

ประตูเล็กมากค่ะ ถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าคนตัวใหญ่ๆ จะทำยังไง เจ้าหน้าที่บอกว่ามันมีอีกประตูใหญ่ซ้อนกันอยู่ค่ะ

ดังนั้นถ้าคนตัวใหญ่ๆ มาก็จะเปิดบานใหญ่แทนค่ะ





















เข้าไปด้านในก็จะเป็นส่วนที่อยู่ของบรรดาผู้หญิงทุกคนนะคะ ทั้งสาวและไม่สาว

มีมุมของเรื่องงานฝีไม้ลายมือของสาวในวังทั้งหลายด้วยค่ะ





















มีจ่าโขลน ซึ่งเป็นคนแจ้งกฎกติกามารยาท ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า หุ่นจำลองสามตัวนี้จำลองมาจากจ่าโขลนสมัยก่อนจริงๆ มีชื่อว่า จ่ามวล จ่าตรี และท้าวศรีสัจจาค่ะ อย่างเรื่องเวลาไฟดับ ตอนค่ำ ต้องปิดประตูทั้งหมด เหลือไว้แต่ประตูราชกิจเท่านั้น เป็นต้นค่ะ





















และก็ยังมีบานหน้าต่าง ซึ่งมีรายละเอียดบอกถึงตำหนักต่างๆ ด้วยนะคะ





















นอกจากนั้นในโซนนี้ ก็จะมีเรื่องของการอบผ้าให้หอมร่ำ (แบบที่เขาลือกันว่า ถึงขนาดหอมติดกระดานกันเลยทีเีดียว) อัดกลีบ การแต่งกายแบบหญิงสาวชาววัง ซึ่งจะมีว่าวันไหนนุ่งสีอะไร ห่มสีอะไร แต่งกายตามวันสวัสดิรักษา และเจ้าหน้าที่มีการให้ทายด้วยนะคะ ว่าหุ่นที่นั่งอยู่นั้นแต่งกายสีประจำวันอะไร ใครอยากรู้ก็ไปชมด้วยตนเองนะคะ อิอิ






ถัดจากตรงนี้ก่อนจะไปโซนต่อไป จะมีบานหน้าต่างต่างๆ ซึ่งก็มีคนมาซ้อมร่ายรำให้เราดูด้วยค่ะ ซึ่งก็จะนุ่งโจง (กระเบน) แดง ซึ่งใช้ในกรณีฝึกซ้อมรำ สไบก็ต้องใช้สีตัดกันตามประสาชาววังด้วยค่ะ

นอกจากนั้นก็มีโมเดล (ที่เหมือนเชียว) จำลองของกินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโสมนัส กง ข้าวตู และขิงดองค่ะ แต่โสมนัสที่นี่หน้าตาไม่เหมือนที่เพชรบุรีแฮะ


















ต่อไปเป็นเรืองนามมหรสพศิลป์ ค่ะ โดยก่อนเข้าก็จะมีเรื่องราวบอกว่า เมื่อเมืองฟื้น มหรสพก็เฟื่องฟู (เท่ากับมหรสพเป็นตัวชี้วัดความผาสุขของเมืองนั้นได้นะนี่ อิอิ)





















จากนั้นก็จะเป็นห้องให้เราเข้าไปชมมหรสพแบบ 360 องศาค่ะ ซึ่งมีบางคนเลือกนั่งตรงที่นั่งกลมๆ ตรงกลาง แต่สาวไกด์ฯ ขออนุญาตแนะนำว่า เลือกนั่งชิดผนังด้านใดด้านหนึ่งจะดีต่อการไม่มึนหัวมากที่สุดค่ะ






















ซึ่งก็จะมีการฉายมหรสพต่างๆ สั้นๆ มาให้เราดูค่ะ ซึ่งบางอย่างเราก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนค่ะ ได้แก่ ระบำดาวดึงส์ หนังใหญ่ (เล่นกลางวัน) โขน งิ้ว ละครใน หุ่นหลวง (หุ่นกระบอก) โมงครุ่ม (ตีไม้เป็นกลุ่มๆ) กายกรรมนานา


ซึ่งในส่วนนี้นั้น เข้าทางหนึ่งแล้วก็ออกทางหนึ่งนะคะ





















ออกไปจากห้องชมมหรสพ 360 องศา ก็จะมีแผนภูมิวิัวัฒนาการจากระบำรำเต้นเป็นมหรสพค่ะ ต้องดูจากซ้ายไปขวานะคะ




















จากนั้นเลี้ยวขวาไปก็จะเป็นภาษาท่าทางโขนค่ะ ซึ่งก็จะมีสี่แบบให้เลือกคือ

พระ นาง ยักษ์ และลิง

แล้วก็มีท่อนไม้เล็กๆ ให้เราเลือกว่าจะให้แสดงอาการแบบไหน เช่น ตัวเรา ตัวท่าน รัก โกรธ อาย ร้องไห้เสียใจ ปฏิเสธ

ขอบอกว่าอาการอายของยักษ์กับลิงน่ารักมากค่ะ

แล้วก็...นางนี่แบบ..อะนะ แต่ละอาการแทบดูไม่ออก เก็บอาการไปไหมเนี่ย


จากภาพนี่จะเห็นว่าไกลๆ นั่นมีรูให้แอบดูลิงด้วยนะคะ 2 รูค่ะ























แล้วก็มีมุมโชว์หัวโขนให้ดูด้วยนะคะ สวยดี





















นอกจากนั้นในโซนนี้ก็ยังมีรำ ระบำ ละคร กดเลือกตัวอย่างดูได้ค่ะ ซึ่งก็มีดังนี้นะคะ (หลายคนอาจจะสงสัียว่าทำไมบล็อกนี้รูปน้อย เนื่องจากแบ็ตชาร์จได้แป๊บเดียว เลยพยายามใช้ถ่ายรูปอย่างประหยัดมากๆ เลยหละค่ะ )

- รำประเลง
- รำกิ่งไม้เงินทอง
- ฉุยฉายกิ่งไม้เงินทอง
- รำฉุยฉายเบญจกายแปลง
- ระบำดาวดึงส์
- ละครในอุณรุท
- ละครดึกดำบรรพ์ อิเหนา
- ละครร้องสาวเครือฟ้า


นอกจากนั้นก็ยังมีโซนหุ่นกระบอกมีให้ลองเชิดเล่นกับกระจกและมีทีวีถ่ายทอดสดให้ดูด้วยนะคะ








จากนั้นเราก็เดินออกประตู EXIT สีแดง แล้วก็เลี้ยวซ้ายไปห้องเยี่ยมยลถิ่นกรุงค่ะ

ซึ่งห้องนี้เปรียบเสมือนอัญมณีก็คือมรกตนั่นเองค่ะ





















ผ่านประตูบานนั้นไปปุ๊บ ก็จะเจอกับร้านฉายาราชดำเนินทางซ้ายมือค่ะ เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้สมาชิกแต่ละคนไปถ่ายรูปโบราณ

ป.ล. เจ้าหน้าที่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้นี่ หน้าบึ้งที่สุดเท่าที่เจอในวันนั้นเลยค่ะ เหอๆ























จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เราเดินเลยฉายาราชดำเนินไปก็จะเป็นห้องที่มีที่นั่งอยู่ตรงกลางค่ะ

จะมีเซอร์ไพรซ์ให้เราดู เรียกเสียงหัวเราะกันได้เฮฮาเลยค่ะ
(แต่ถ้ารวมกลุ่มกับคนที่ไม่รู้จักนี่ ไม่รู้จะหัวเราะกันได้เต็มที่หรือเปล่านะคะ อิอิ)























นอกจากนั้นในที่นี้ แต่ละจอก็จะมีแบ่งออกเป็นหมวดๆ ทั้งหมด 6 หมวดค่ะ เช่น ที่กิน พิพิธภัณฑ์ วัด ฯลฯ

อย่างเรื่องที่กินนี่ เค้าจะแบ่งออกเป็นโซนๆ เลยค่ะ (จดมือเป็นระวิงเลย แต่จดได้ไม่ครบอ้ะ เสียดายเหมือนกัน)

ที่จดมาได้ก็มีดังนี้นะคะ

- เล่าตั้งห่านพะโล้
- ห่านพะโล้ทรงวาด
- ไทเฮงข้าวมันไก่ไหหลำ
- ไทเฮงสุกี้โบราณ
- ข้าวพระรามลงสรง
- ผัดไทยกุ้งสดทิพย์สมัย สำราญราษฎร์
- เนื้อวัวซุปเปอร์ยอดเยี่ยม
- ข้าวเสียโป
- บะหมี่จับกัง

ส่วนที่อยู่เวิ้งก็จะมี
- เนื้อไร้เทียมทาน
- เกาเหลาเนื้อตุ๋น
- หมี่หวาน
-ตือฮวนจุกปี้

ท่าเตียน
- สมทรงโภชนาก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย

ท่าพระอาทิตย์
- โรตี มะตะบะ
- กรมพลา (โส่ย) ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น

ฯลฯ


เยอะมากๆ อะค่ะ ใครอยากได้ลิสต์ ก็อยู่ห้องนี้แล้วจดหรือบันทึกวีดีโอเอาแล้วกันนะคะ แฮ่...





















ออกจากห้องนี้ เจ้าหน้าที่ก็ให้เราขึ้นไปที่จุดชมวิวชั้น 4 ค่ะ ก่อนจะลงมาชม 2 ห้องสุดท้าย


แ่ต่วิวงามน่าทอดหุ่ยเป็นอันมากเลยหละค่ะ (เสียแต่ฟ้า ครึ้มน่ากลัวมาเชียว)
























นอกจากเห็นภูเขาทองแล้วก็ยังเห็นโลหะปราสาทด้วยค่ะ เดี๋ยวบล็อกหน้าจะพาไปเที่ยวนะคะ























ซึ่งที่ชั้นสี่นี่ก็มีกาแฟยี่ห้อหนึ่งขายด้วยนะคะ (แต่ซื้อมาแล้วเอาเข้าห้องที่จะชมไม่ได้นะคะ ต้องฝากวางไว้หน้าห้องก่อนค่ะ)





















ต่อไปก็จะเป็นห้องลือระบิลพระราชพิธีค่ะ ซึ่งเปรียบเป็นอัญมณีคือ มุกดาหาร

จะมีที่นั่ง 3 แถวให้นั่งชมค่ะ ซึ่งตอนแรกจะรู้สึกว่าระยะใกล้จอไปนะคะ





















แต่พอจบแล้วเอาจอออกก็จะเป็นอีกห้อง ให้เลือกนั่งดูจากจอเล็ก ซึ่งจะมีเก้าอี้อยู่ 4 ตัวหรือจะเดินดูเอาก็ได้ค่ะ





















ในห้องนี้ก็จะมีพระราชพิธีต่างๆ ดังนี้นะคะ
- พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
- พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ
- พระราชพิธีทรงผนวช
- พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
- พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเฉลิมพระราชมณเฑียร
- พระราชพิธีเนื่องในพระมหากษัตริย์ค่ะ






นอกจากนั้นก็ยังมีพระราชพิธี ๑๒ เดือน พระบรมราชาธิบายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยค่ะ


อย่างเดือนอ้ายก็จะเป็นการพระราชกุศลเลี้ยงขนมเบื้องแก่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ชั้นพระราชาคณะจำนวน ๘๐ รูป เนื่องจากเดือนนี้กุ้งในแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีมันมาก เหมาะนำมาปรุงขนมเบื้องถวายพระสงฆ์ ซึ่งได้ยกเลิกพระราชพิธีนี้ไปแล้วนะคะ





















นอกจากนั้นก็ยังมีพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญด้วยค่ะ ซึ่งห้องนี้นะ สวยหละ ชอบ มีทั้งฟ่อนข้าว (จำลอง) รอบห้อง เสาทำจากข้าวเปลือก และโคทำนายกินอะไรจะเป็นยังไง ซึ่งก็มีด้วยกัน 7 สิ่งนะคะคือ ถั่ว งา หญ้า ข้าวเปลือก ข้าวโพด น้ำและเหล้าค่ะ

























นอกจากนั้นก็ยังมีพระราชพิธีอื่นๆ อีกค่ะ เช่น พระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช พระราชพิธีรับและสมโภชขึ้นระวางช้าง พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ฯลฯ



























ต่อมาเป็นห้องที่ ๗ ค่ะ ชื่อสง่าศรีสถาปัตยกรรมค่ะ




















จากนั้นก็จะมีโซนวังเจ้านายค่ะ จะมีหน้าต่าง 2 บาน ให้ความรู้เรื่องของการสร้างวังที่ก่อให้เกิดชุมชน ส่วนบาน 2 จะเป็นตัวอย่างวังต่างๆ และอธิบายรูปแบบทางสถาปัตยกรรมให้ฟังค่ะ

ตรงนี้ผู้บรรยายจะเป็นสุภาพสตรีหน้าตางดงามค่ะ ชอบเลย























จากนั้นก็มีบานหน้าต่างอีกค่ะ คราวนี้คนเล่าเป็นผู้ชาย มีสองบานเหมือนกัน ก็จะเล่าเรื่องวังสร้างใหม่มีการปรับเปลี่ยน มีการนั่งเก้าอี้แทนนั่งพื้น มีเครื่องเรือน การแต่งกายของผู้ชายผู้หญิง ฯลฯ





















จากนั้นก็เป็นเจดีย์จำลองที่อยู่ในวัดพระแก้วค่ะ




















ต่อไป เป็นส่วนที่จำลองลานบริเวณวัดสุทัศน์ฯ ค่ะ





















นอกจากนั้นก็จะมีเครื่องให้เล่นเล็กๆ ค่ะ คือเป็นการเดินทางสมัยก่อนสามแบบ ได้แก่ การขับรถ ขี่ม้า และพายเรือ ซึ่งคนที่ไปชมก็ต้องขับรถจริงๆ (เหยียบคันเร่งอย่างเดียว สบายสุดค่ะ) ถึงสายบังเหียนเหมือนขี่ม้า (อันนี้เมื่อยสุด) และพายเรือ ภาพบนจอถึงจะเคลื่อนไหวให้เราไปชมเมืองในยุครัตนโกสินทร์ได้นะคะ


แต่ก่อนอื่นต้องเลือกภาษาก่อนด้วยนะคะ























สรุปสำหรับที่นี่นะคะ



สำหรับเราก็ถือว่าได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเพิ่มเติมขึ้นมากเลยหละค่ะ

เสียดายว่ามีเวลาอยู่แต่ละที่น้อยไปหน่อย ก็กะว่าจะพาคุณแม่ไปอีกซักรอบหละค่ะ
(ติดว่าจะพาคุณแม่ไปๆ นี่ หลายที่เลยค่ะ แหะๆ)



แต่ถ้าเทียบกันแล้วในเรื่องของความสนุกในการมีส่วนร่วมที่จะได้ชม ที่นี่ยังสู้มิวเซียมสยามไม่ได้นะคะ แต่ว่าตอนเราไป นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ยังมีห้องที่ยังไม่เปิดอีก 2 ห้อง เพราะฉะนั้นอีก 2 ห้องอาจจะมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านี้อีกก็ได้ค่ะ

แต่เรื่องของการดูแลรักษา ที่นี่น่าจะง่ายกว่า เพราะมีเจ้าหน้าที่พาชมทุกจุด จะได้ความรู้เพิ่มเติมมากกว่า (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหลายๆ คนน่ะนะคะ บางคนก็ชอบฟังมากกว่าต้องอ่านเองเนาะ) แล้วก็ทำให้ไม่เจอคนที่แบบ...เล่นแล้วไม่รักษาของจนของพังไปเยอะเหมือนที่มิวเซียมสยามด้วยหละค่ะ




ก็หวังว่าคงพอจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่หาที่เที่ยวในกรุงเทพฯ อยู่บ้างนะคะ



















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

768396/6063/522






Create Date : 15 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2553 7:56:42 น. 32 comments
Counter : 10832 Pageviews.

 
ตามคุณสาวไกด์มาเที่ยวชมด้วยคนค่ะ
โอว..คุณสาวไกด์รีวิวซะละเอียดยิบ
อย่างนี้แสดงถึงความตั้งใจในการอัพบล๊อคจริงๆนะคะเนี่ย

การมาเที่ยวชมในสถานที่อย่างนี้ ไกด์ช่วยเหลือเราได้มากเลยนะคะ
ถ้าให้อ่านเองสงสัยคงง่วงและเบื่อตั้งแต่ต้น คริคริ

ขอว้าว..กับร้านคอฟฟี่บีนด้วยนะค้า มาเปิดร้านถึงนี่เชียว
เวลาไปเที่ยวยุ้ยชอบหมกตัวอยู่ในร้านขายของฝากกับร้านเครื่องดื่มอ่ะค่ะ อย่างนี้ถ้าไปคงชอบมากๆเลย

xoxo บวกหนึ่ง 367 แว้วคร้า


โดย: nLatte วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:18:11 น.  

 
หลงรัก กทม แล้วละครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:22:25 น.  

 
น่าตามรอยจังเลยค่ะ


โดย: เหมือนพระจันทร์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:51:02 น.  

 
บ้านเรา มีดีกว่าประเทศอื่นเยอะแยะ แต่ทำไม คนไทย ชอบไปเที่ยวประเทศอื่นกันจัง ทั้งที่ เมืองไทย ก็ยังเที่ยวไม่หมดเลยอ่า

แวะมาโหวตค่ำ


โดย: like 2 hear from u วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:07:44 น.  

 
ว่างเมื่อไหร่ ไปกินข้าวกันนะจ๊ะ


โดย: cakecode วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:39:47 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ...อยากบอกว่า น่าสนในทีเดียว...ต้องไปชมสักครั้งค่ะ....


โดย: Miacara วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:53:21 น.  

 
คุณสาวไกด์คะ หลังไมค์หน่อยค่า


โดย: nLatte วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:03:02 น.  

 
อิอิ เผอิญเม้นท์ก่อน แล้วค่อยไปหลังไมค์

น่าจะไปถึงแล้วนะค้า


โดย: nLatte วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:09:27 น.  

 

ข้อมูลแน่นมาก น่าสนใจเชียวค่ะ
เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่าคือดินสอพอง


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:26:35 น.  

 
แวะมา+1ให่ค่าคุณสาวไกด์
งานนิทรรศกาลนี้ พี่ที่ทำงานก้อชวนพุทราไปค่ะ
แต่พอดีเราว่างไม่ตรงกันซะที
เลยไม่ได้แจมไปกะพี่เค้า
น่าสนใจและถ้ามีเวลาก้อน่าไปศึกษานะคะ

สำหรับร้านก๋วยเต๊ยวที่เพชรบ้านเพื่อนพุทรา
เจอเพื่อนเมื่อไหร่จะถามชื่อร้านมานะคะ
เผื่อคุณสาวไกด์ได้ไปเพชรอีก
จะได้ไปลองชิม
ยิ่งถ้าได้มารีวิวด้วย
เพื่อนพุทราคงดีใจมากๆ
ขอบคุณค่ะ


โดย: prizella วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:58:19 น.  

 
อยากไปจังค่ะ แต่... ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ไปสักที


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:33:58 น.  

 
ยังไม่ได้ไปซักที ขอบคุณที่เอามาให้ชมนะคะ ^^



โดย: Panino วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:13:37 น.  

 
หวาดดีคะพี่สาว

อยากไปเที่ยวจังเลย

มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: น้องจ๋า-weraj IP: 124.121.11.177 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:00:43 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนนะจ๊ะ


โดย: ziemlung วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:03:50 น.  

 
มาให้กำลังใจกันเหมือนเคยจ้ะ เต้ย...

เจดีย์ภูเขาทอง...มุมนี้งามมากเลยจ้ะเต้ย...

นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ยังไปไม่ถึงซักที โฉบเฉี่ยวไปมา...


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:12:57 น.  

 
มาแอบโหวตให้อีกทีค่ะ ^^

รู้สึกว่าสมัยก่อนเค้าจะเป็นแหล่งปลูกทับทิมมั้งคะ ทับทิมสเปนลูกใหญ่ สีสดมากๆค่ะ ภาษาสเปน กรานาดา ก็มีความหมายว่าทับทิมด้วยค่ะ ^^


โดย: Panino วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:15:30 น.  

 
พี่สาวไกด์พาไปซะทั่วเลย
แต่แอมยังไม่ได้อ่านเนื้อหานะคะ
ดูรูปเรื่อยๆ
วันนี้ป่วยๆ ค่ะ แต่แวะมาดูว่ามีที่เที่ยวอะไรในเกาะแห่งนี้

วันก่อนแอมก็เพิ่งไปวังพญาไทมาค่ะ
แต่อยู่ไม่ครบรอบที่เขาพาชม
เจ้าหน้าที่พูดเก่งมาก
แล้วแอมมีนัดต่อ
เลยได้ชมและได้ฟังพอสังเขป
กะจะพาเที่ยวเหมือนกัน
แต่ทำรีวิวเที่ยวเนี่ยใช้พลังงานมากช่วงนี้เลยสงสัยจะขอบาย
แหะแหะ
ได้แต่เอารูปลงไว้ใน FB
กทม.มีพิพิธภัณฑ์และวังเยอะ
สวยๆ และน่าสนใจทั้งนั้น
รีวิวกันไม่ไหวแน่ๆ
แต่แนะนำพี่เต้ยไว้เป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์นะคะ
อิอิ

^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:16:30 น.  

 
วังพญาไท แอมก็ว่าจะไปอีก
อยากถ่ายรูป สวยดี
มีรอบ
9.30 กับ 13.30 ค่ะ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:41:54 น.  

 
ปกติไม่ค่อยได้เที่ยวพวกพิพิธภัณฑ์ค่ะ
เพราะความรู้สึก ไปบางทีมันแอบน่ากลัว แล้วก็หลอนๆ
ยิ่งถ้าพิพิธภัณฑ์ที่สร้างจากบ้านเดิม หรือวังเดิมเนี่ย
ส่วนตัวจะแอบจินตนาการว่าจะเห็นเจ้าของนั่งนอนอยู่บนเตียง
โรคจิตเนอะ 555555

ส่วนที่นี่นั่งรถผ่านหลายทีค่ะ ก็ไม่ได้แวะไปซะที
มิวเซียมสยามก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน 555
สรุปว่าดูบลอกคุณเต้ยแล้วได้เปิดหูเปิดตาเลยล่ะค่ะ


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:54:49 น.  

 
+ อีก 1 จ้ะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:30:39 น.  

 
คุณสาวไกด์พาไปเที่ยวอีกแล้ว อิจฉาคนอยู่ กท.ค่ะ มีงานอะไรให้ไปก็ไปได้สะดวก อยู่ ตจว. อยากไปไหนทีต้นทุนสูงเชียว 555

นิทรรศกาลเค้าน่าสนใจดีนะคะ

ขอบคุณนะคะที่เข้าไปเยี่ยมชม blog อย่างสม่ำเสมอ เดี๋ยวจะทำทริปไต้หวันต่อค่ะ แล้วคุณสาวไกด์ตามไปชมอีกนะคะ ดีใจเวลามีคนไปเยี่ยมอะค่ะ


โดย: p_pat_p วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:05:33 น.  

 
แวะมาเที่ยวด้วยค่ะ
ได้แต่ผ่านแต่ยังไม่ได้
เข้าไปชมคงต้องหาวันว่าง
ไปบ้างแล้วค่ะ


โดย: oonrak_baby วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:10:55 น.  

 
อยู่แถวพุทธมณฑลสาย4 ค่ะ ฝั่งเลียบคลองทวีวัฒนา
ผ่านมาแถวนี้จะพาไปกินอาหารอร่อยแถวนี้มีเยอะ


โดย: cakecode วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:18:33 น.  

 
หลับเมืองไทยคราวนี้จะแวะไปดูมั่ง ตอนนี้ลิสต์ยาวเฟื้อยเลยอ่ะ ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า เหอะๆๆ


โดย: settembre วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:32:51 น.  

 
ดูแล้วเหมือนกับไปเดินเองเลยเนาะ

ร้านป้ากฐิน วันนั้นเมตก็หิวมั้งคะ รู้สึกว่ารอนานผิดปกติ

ปกติก็นานพอประมาณน่ะค่ะ 555


โดย: เมต (SingleMate ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:08:50 น.  

 
มากดโหวตให้เหมือนเคย
ตึกสภาทนายความเก่านี่เอง เคยไปรอรถเมล์เมือปีที่แล้วตอนนั้นยังทำอยูเลยค่ะ เห็นทีต้องไปตามรอยคุณสาวไกด์แล้วล่ะค่ะ


โดย: คุณหนูคั่วกลิ้ง วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:19:11 น.  

 
+ 1 สุดท้ายของวันนี้จ้ะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:16:04 น.  

 
เคยนั่งรถผ่านที่นี่เหมือนกันค่ะ
แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าสนใจในนั้นบ้าง
ก่อนหน้าเห็นรีวิวจากเพื่อนบล็อกเหมือนกัน
อ่านแล้วน่าสนใจค่ะ พอมาเจอรีวิว
พี่เต้ยอีกรอบยิ่งกระตุ้นความอยาก (เที่ยว) เลยค่ะ

ปล.คำที่เขียนผิดคือฝรั่งเศสเนาะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:40:52 น.  

 

386 แล้วจ้าพี่อุ้มแวะมาโหวต


โดย: อุ้มสี วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:55:35 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณสาวไกด์
ขอตามมาเที่ยวชมด้วยคนค่ะ
ขอให้มีความสุขนะคะ
บวก 1 จ้า


โดย: iamorange วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:08:45 น.  

 
สวัสดี ยามเช้าๆ
ขอบคุณครับ ที่แวะไปทักทาย
และแนะนำ สิ่งที่ดีๆ เพื่อพัฒนาการ ต่อไป


โดย: dvdevd วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:16:38 น.  

 
ภาพสวยงามและข้อมูลดีมากๆค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะที่แบ่งปัน ^_^


โดย: NaPa IP: 124.122.26.8 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:32:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.