สวัสดีค่า
หลังจากที่รีวิวทริปน่านมาแล้วดังนี้
วันนี้ก็จะพาไปหม่ำอาหารเช้าของที่นี่กันบ้างนะคะ แต่ก่อนจะไปหม่ำอาหารเช้า เช้ามืดวันนั้นพวกเราก็ไปที่วัดพระธาตุเขาน้อยกันก่อนค่ะ โดยออกกันตั้งแต่เช้ามืด แล้วก็ไปเฝ้ารอกันนานมากเลยแหละค่ะ ตอนแรกก็เห็นแค่ฟ้าเปลี่ยนสีแบบนี้ก่อน จะเห็นว่า ตามบ้านเรือนนี่ยังเปิดไฟกันอยู่เลยนะคะ ไปกันเช้ามากกกกจริงๆ
สำหรับพระพุทธรูป อันเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของวัดนี้นั่นก็สร้างเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมายุครบ 6 รอบ (72 พรรษา) นะคะ ซึ่งก็สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2542 เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่เองหละค่ะ
ซึ่งก็จะเป็นจุดที่สามารถชมวิวของเมืองน่านได้อย่างเต็มตามากๆ เลยค่ะ แล้วการมาในเวลาเช้าก็ทำให้ได้รับอากาศเย็นๆ บริสุทธิ์ด้วย เราเคยมาตอนกลางวันนี่ร้อนเกิ๊น ไม่มีความประทับใจใดเลยค่ะ แต่พอมาตอนเช้านี่..โอ้ว...คนละเรื่องเลยยยย
ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นอยู่นานมากกกกกกกกก จนท้ายที่สุดก็มีเสียงพูดว่า คงไม่ขึ้นแล้วมั้ง ฟ้าปิดแบบนี้ (เหมือนตอนรอพระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านหาดผาขนกันเลยทีเดียว ฮา) ก็เลยไปทำบุญกันแทนค่ะ จะมีตู้รับบริจาคให้ทำบุญสามแบบตามภาพเลยนะคะ
ซึ่งถ้าทำบุญกระเบื้องก็จะได้เขียนชื่อบนกระเบื้องด้วย เหมือนวัดอื่นๆ ทั่วไปแหละ ค่ะ แล้วก็มีตราประทับดอกไม้ด้วยแหละ อันนี้น่าจะเป็นโครงการอะไรสักอย่างด้วยนะคะ แต่เราไม่มีข้อมูลง่า แหะๆ
หันหลังให้กับองค์พระ (และวิว) หันไปทางซ้ายมือก็จะมีอุโบสถ (เห็นใบเสมามั้ยคะ) กับตัวองค์พระธาตุตามภาพเลยหละค่ะ
งั้นเราลองมาทราบประวัติของวัดนี้กันซะหน่อยดีกว่านะคะ อิอิ
วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.น่านสันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 240 ม. หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น
ทางรถขึ้นถึงตัววัด เมื่อขึ้นไปยืนบนยอดเขา จะมองเป็นทิวทัศน์ของเมืองน่าน ได้อย่างชัดเจน ตามประวัติ พระธาตุองค์นี้ สร้างโดยมเหสีรองของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่าน เมื่อราวพุทธศตวรรณที่ 20 เจ้าผู้ครองนครน่านอีกหลายองค์ต่อมา ได้บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุโดยตลอด จนกระทั่งมีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ในปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า ชื่อหม่องยิง
กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2523 ด้วยความเป็นวัดที่อยู่บนเขาสูง จึงเป็นจุดชมทิวทัศน์ ที่สวยงาม อยู่ตรงลานปูน พระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่ คือพระพุทธมหาอุตมมงคมนันทบุรีศรีเมืองน่าน สร้างเมื่อปี พ.ศ.2542 ถีอเป็นจุดเดียวที่เห็นเมืองน่านจากมุมสูง เราจะเห็นขุนเขาน้อยใหญ่ ตั้งทะมึนโอบล้อมเมืองน่านเป็นฉากหลัง จุดนี้ยังแสดงให้เราเห็นชัดถึงลักษณะการตั้งเมือง ของทางภาคเหนือที่มักเลือกทำเลที่ตั้งบนที่ราบลุ่ม และหุบเขาด้วย
ส่วนทางขวามือจะเป็นวิหารแบบโล่งๆ ตามภาพค่ะ เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจนะคะ
จากนั้นก็มีภิกษุหนึ่งรูปมารับบิณฑบาตค่ะ ซึ่งทางผู้จัดงานได้แจ้งเราแล้วว่า ถ้าอยากตักบาตรก็ให้ซื้อของเตรียมมาได้ ซึ่งคนที่ตั้งใจจะตักก็เตรียมกันมา แต่มากกว่าหนึ่งชุด ทว่ามีพระอยู่ ณ ขณะนั้นหนึ่งรูปค่ะ เลยรับไปรูปเดียวเลย แหะๆ
ว่าแล้วก็ขอเข้าไปสำรวจอุโบสถกันหน่อยค่ะว่ามีอะไรบ้างเนาะ
เราถ่ายรูปมาไม่ครบด้านเลยไม่แน่ใจว่าอุโบสถหลังนี้สร้างเป็นตรีมุขหรือจตุรมุขนะคะ แหะๆ
แต่ด้านหน้าก็จะเป็นบันไดนาคสามร้อยกว่าขั้นตามข้อมูลหละค่ะ แต่คณะเราไม่มีใครยอมเสียพลังงาน รถตู้ขึ้นมาส่งตรงลานข้างๆ อุโบสถกันเลยหละค่ะ
เข้าไปด้านในก็จะพบกับพระพุทธรูปดังกล่าวนะคะ มีตู้สำหรับทำบุญโต๊ะหมู่บูชาและห้องน้ำด้วยค่ะ
ที่ชอบคือเณรน้อยข้างพระพุทธรูปค่ะ ถ้าเราหยอดลงไปจะมีเสียงอำนวยพรด้วยหละค่ะ เก๋อ้ะ (คลิกดูได้ที่คลิปที่เราแปะด้านล่างรูปนะคะ)
VIDEO
ทำบุญเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ไปเก็บภาพก่อนกลับ (ทำใจแล้วค่ะว่าไม่ได้เห็นพระอาทิตย์แหงๆ เศร้า )
แต่แล้วววววววววว...แถ่นแท้ แล้วเธอก็มาาาาาาาาาาา เย้ๆๆ
เนื่องจากดีใจจัด ขอลงรูปเยอะหน่อยนะคะ แบบว่า..เห่อๆ (นี่ขนาดตัดออกไปหลายรูปแล้วนะคะ แหะๆ)
ปิดท้ายก่อนพาไปกินอาหารเช้าด้วยรูปสุดท้ายของเช้าวันนั้น ณ วัดพระธาตุเขาน้อยค่ะ
ตัดฉับกลับมาที่โรงแรมบ้านน่านค่ะ ซึ่งห้องอาหารเช้าของโรงแรมนี้ก็จะอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์ที่ติดต่อสอบถามและเช็คอินอย่างที่เคยแปะรูปไว้ในเอนทรี่รีวิวห้องพักหละนะคะ โดยอาหารเช้าที่นี่จะเริ่มที่ 7 โมงเช้าถึง 10 โมงเช้าค่ะ จากนั้นพอ 11 โมงก็จะเป็นร้านอาหารต้อนรับทั้งแขกโรงแรมและแขกทั่วไปนะคะ ส่วนคูปองนี่จำไม่ได้แล้วจริงๆ ค่ะว่าต้องใช้หรือเปล่า แหะๆ
เดินเข้าไปในห้องอาหาร ก็จะเจอโต๊ะที่นั่งบางส่วนเรียงรายทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือก็จะเป็นไลน์อาหารเช้า เรียงเป็นรูปตัวแอลไปเลยหละค่ะ
ไล่เรียงกันไปเลยเนาะคะ ก็จะมีทั้งอาหารสไตล์ไทยและตะวันตกหละค่ะ
ชอบเก้าอี้ของที่นี่มากค่ะ มันหมุนไปหมุนมาได้ด้วยอ้ะ หนุกดี อิอิ
สำหรับวันนั้นที่เราได้กินก็ตามภาพเลยนะคะ รสชาติโอเคอยู่ค่ะ ขนมไทยอร่อยมากๆ อยากรู้มากเลยค่ะว่าทำเองหรือไปซื้อจากไหนมา คนที่ไปด้วยกันชอบกันเยอะมากๆ เลยค่ะ ชมกันเปาะเลยทีเดียว
ต่อไปเป็นการสรุปคะแนนของโรงแรมบ้านน่านนะคะ
ความสะดวกในการเดินทาง B โรงแรมอยู่ในตัวเมืองน่านค่ะ น่าจะหารถมาได้ไม่ยาก แต่ไม่เห็นข้อมูลว่ามีการบริการรับส่งจากโรงแรมหรือไม่อย่างไร ก็เลยให้ไว้ที่คะแนนกลางๆ ก่อนนะคะ
ความสวยงามของห้องพัก B ก็โอเคอยู่นะคะ ชอบที่มีระเบียง และในห้องน้ำที่มีตู้ชาวเวอร์ทำให้แบ่งระหว่างส่วนเปียง-แห้งชัดเจน แต่การตกแต่งก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษน่ะค่ะ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องพัก B โดยรวมก็มาตรฐานทั่วไปค่ะ ไม่มีอะไรที่โดดเด่นกว่าที่อื่น แต่ก็ครบถ้วนตามสิ่งที่ต้องใช้ค่ะก็เลยให้ไว้ที่เกรดนี้
สิ่งอำนวยความสะดวกของที่พัก B ตามปกติของโรงแรมระดับนี้หละนะคะ ก็ไม่ได้เน้นว่าจะต้องมีสปา ฟิตเนสใดๆ แต่อย่างน้อยก็มีมุมอ่านหนังสือ และมีห้องอาหารให้บริการ รวมทั้งไวไฟฟรี เลยให้ไว้ที่เกรดนี้อีกเช่นกันค่ะ
อาหารเช้า B+ เทียบกับราคาแล้ว(แอบถามคนจัดงานมา) เราว่าอาหารเช้าค่อนข้างโอเคมากสำหรับคนไทยค่ะ หลากหลายและมีปริมาณเพียงพอ แถมขนมไทยอร่อยมาก เลยให้เกรดไว้ดีหน่อยค่ะ เย้
การบริการ B โดยรวมโอเคเลยค่ะ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่าย ณ ขณะนั้น N/A กรมการท่องเที่ยวจ่ายค่ะ (ฮา) แต่ถ้าเราเอาจ่ายเองตามเรทของเค้า เราให้ที่บีบวกค่ะ
สรุปเรื่องข้อดี-เสียของโรงแรมอีกทีนะคะ ข้อดี
ค่อนข้างเดินทางไปได้ง่ายเนื่องจากอยู่ในตัวเมือง ห้องกว้างขวางดีค่ะ อาหารเช้าดีเลยเมื่อเทียบกับราคา มีมุมหนังสือให้อ่านด้วยค่ะ ห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งชัดเจนค่ะ และมีไวไฟฟรีด้วยค่ะ และราคาค่อนข้างสมเหตุสมผลค่ะ
ข้อเสีย สำหรับคนที่พักชั้นหนึ่ง (แบบเรา) ระเบียงมันติดกับฝั่งลานจอดรถเลยค่ะ ทำให้ไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ ที่ระเบียงยุงค่อนข้างชุมพอสมควรเลยหละค่ะ ส่วนบริการต่างๆ ไม่ได้มีมากมายนักค่ะ
สำหรับเอนทรี่นี้ก็คงแต่เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังหาที่พักที่น่านกันบ้างนะคะ
น่านเมืองน่ารักเนี่ย