กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อโรคนี้มากที่สุด คือ คนที่เคยเป็นสโตรคชนิดชั่วคราว
หรือไม่รุนแรง (minor stroke) มาก่อน, คนกลุ่มนี้มีโอกาสเป็นซ้ำ 10%/ปี
...
ถ้ามองในระดับชุมชน (community) จะพบว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญมีดังต่อไปนี้ (สัดส่วนอาจรวมกันได้เกิน 100% ในคนบางคน)
ถ้าลดปัจจัยเสี่ยงข้อใดได้ก็เท่ากับเราป้องกันโรคได้แล้ว
...
(1). อายุที่เพิ่มขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด... คนไข้สโตรค 3/4
มีอายุมากกว่า 65 ปี ทำให้เราพอจะมองไปข้างหน้าได้ว่า
ต่อไปเมืองไทยจะมีคนไข้โรคนี้เพิ่มขึ้น
ซึ่งจะทำให้ภาระในการดูแลรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทั้งค่าใช้จ่าย
และภาระงานของพยาบาล-หมอ-ญาติ-ผู้ดูแลคนไข้
...
(2). ความดันเลือดสูง > 30-50%
ความดันเลือดค่าบน (systolic) ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 13 หน่วย(มม.ปรอท)
หรือความดันเลือดตัวล่าง (diastolic) ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 7 หน่วย (มม.ปรอท)
เพิ่มเสี่ยง 2 เท่า (ในช่วง 130-180/76-120)
...
ถ้าลดความดันเลือดด้วยยาจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในช่วง 24-40%
ปัญหาใหญ่ที่พบบ่อยทั่วโลก คือ คนที่เป็นโรคความดันเลือดสูงประมาณ 1/2
รู้ว่า เป็นโรคนี้ (โรคนี้ไม่ค่อยทำให้เกิดอาการ เช่น ปวดหัว ฯลฯ,
ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ รู้อีกทีก็ตอนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตเสื่อม ไตวาย
ฯลฯ)
...
และคนที่เป็นโรคนี้ควบคุมความดันเลือดให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (140/70
หรือต่ำกว่านั้นถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอื่ีนๆ เช่น เบาหวาน ฯลฯ) ได้ประมาณ 1/2
ข่าวดี คือ เมืองไทยมีการรณรงค์ตรวจความดันเลือดสูง
ซึ่งถ้าท่านพลาดการตรวจก็ไปขอวัดได้ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐ
หรือสถานีอนามัยทุกแห่ง ซึ่งถ้ารณรงค์กันจริงๆ
เมืองไทยน่าจะทำลายสถิติในเรื่องการควบคุมโรคนี้ได้
...
(3). สูบบุหรี่ > 25%
ข่าวดี คือ ถ้าเลิกบุหรี่ได้นาน 5 ปีขึ้นไป...
ความเสี่ยงสโตรคจะลดลงจนเท่ากับประชากรทั่วไป, การรณรงค์ไม่ให้คนสูบบุหรี่
และส่งเสริมให้เลิกบุหรี่จึงมีส่วนช่วยชาติได้อย่างมากมายมหาศาล
...
(4). เบาหวาน > 10%
ถึงแม้เบาหวานจะเป็นสาเหตุในระดับชุมชนค่อนข้างน้อย (10%) -
ที่ดูต่ำเนื่องจากประชากรทั่วโลกส่วนน้อยประมาณ 3-8% เป็นเบาหวาน
ไม่ใช่คนส่วนใหญ่เป็น ต่างจากความดันเลือดสูง
ซึ่งถ้าคนอายุยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณครึ่งหนึ่งจะเป็นโรคความดันเลือดสูง
ทว่า... ถ้ามองในระดับบุคคลแล้ว, คนที่เป็นเบาหวานเพิ่มเสี่ยงสโตรค 2 เท่า,
ยารักษาเบาหวานชนิดหนึ่ง (metformin)
มีแนวโน้มจะป้องกันสโตรคได้ทั้งด้านการลดระดับน้ำตาล และผลทางอ้อมอื่นๆ
ร่วมกัน
...
(5). หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ (atrial fibrillation / AF - หัวใจห้องบนเต้นรัว) > 10-15%
หมอที่ดูแลอาจพิจารณาให้ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน ฯลฯ
กับคนที่เป็นโรคนี้ (รู้ได้ด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ) เพื่อลดเสี่ยงสโตรค
...
(6). โคเลสเตอรอล / ไขมันในเลือดสูง > 20%
สโตรคในซีกโลกตะวันตกเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ 85% (แตก 15%) มากกว่าซีกโลกตะวันตออกที่เกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ 70% (แตก 30%)
ถ้าลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้, จะทำให้ความเสี่ยงสโตรคชนิดหลอดเลือดสมองตีบลดลง โดยยาลดโคเลสเตอรอลกลุ่มสเตตินลดเสี่ยงได้ประมาณ 20%
...
(7). โรคหลอดเลือดหัวใจ - หลอดเลือดส่วนปลายอุดตัน > 20%
(8). หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ (carotic stenosis) > 5%
...
(9). น้ำหนักเกิน-อ้วน / ออกแรง-ออกกำลังน้อย
(10). แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์มีความสัมพันธ์กับสโตรคเป็นรูปกราฟแบบตัว 'J (J-shaped)'
หรือคล้ายเครื่องหมายถูก คือ ขนาดต่ำมากๆ (1-2 แก้ว) อาจลดเสี่ยง ทว่า...
ถ้าดื่มหนักจะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
...
ถ้ามองในระดับชุมชน (เช่น ประเทศ ฯลฯ) แล้ว... ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่พอจะป้องกันหรือควบคุมได้ (ยกเว้นอายุที่มากขึ้น)
คนส่วนใหญ่ป้องกันสโตรคได้ด้วยการตรวจหาความดันเลือดสูง เบาหวาน
ไขมันในเลือด (โคเลสเตอรอล),
ไม่สูบบุหรี่และไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป
(รวมทั้งควันไฟจากการเผาขยะ-ใบไม้-จุดธูป-ใช้ฟืนในบ้าน),
ระวังน้ำหนักอย่าให้เกินเกณฑ์, ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ
...
การศึกษาที่
ผ่านมาพบว่า การลดระดับสารโฮโมซิสเทอีน (homocysteine)
ในเลือดให้ต่ำลงน่าจะทำให้ความเสี่ยงสโตรคและโรคหัวใจลดลง แต่ไม่พบว่า
การเสริมวิตามินจะช่วยลดความเสี่ยงได้แบบอาหารตามธรรมชาติ
อาหารที่ช่วยลดสารพิษชนิดนี้ คือ วิตามินบีหลายชนิด โดยเฉพาะโฟเลต (folate /
folic acid - พบมากในผัก ผลไม้ อาหารสดจากพืช), B6 (พบในปลาทะเล เนื้อ
กล้วย), B12 (พบในอาหารจากสัตว์ สาหร่ายสไปรูลีนา)
...
อาหารที่มีวิตามินบี และช่วยต้านสารพิษนี้พบมากในอาหารต้านความดันเลือดสูง (DASH - แดช) [ medscape ]; [ ajcn ]; [ lef ]
อาหารแดชประกอบด้วยผัก ผลไม้ทั้งผล นมไขมันต่ำหรือนมไม่มีไขมัน
ธัญพืชไม่ขัดสีี
เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ฯลฯ, ถั่ว, เมล็ดพืช,
ปลา-สัตว์ปีก(ควรนำหนังออก)-เนื้อไม่ติดมัน, ไขมันชนิดดี (ขนาดต่ำๆ),
ไม่กินเกลือโซเดียมสูง (พบมากในน้ำปลา
ซอส เกลือแดง อาหารสำเร็จรูป)
...
...
ที่มา
-
Thank Medical
Progress CME. Vol 9, No 8. August 2010; 25-30 > Dunbabin DW
(อ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แปล-เรียบเรียง).
การควบคุมปัจจัยเสี่ยงเพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง.
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 17 สิงหาคม 2553.
-
ข้อมูล
ทั้งหมดเป็นไปเพื่อ การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค
ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล
ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.