วันที่ 7-9
กรกฎาคม 2553 ทีมผู้เชี่ยวชาญเรื่องเบาหวานจากโรงพยาบาลลำปางได้ไปสอน
และเปิด 'workshop' หรือการประชุมเชิงปฏิบัติการที่โรงพยาบาลห้างฉัตร
การประชุมนี้มีการทดลองให้หมอ พยาบาล หมออนามัย
และผู้เข้าร่วมประชุมเจาะเลือดตัวเองหลังอาหาร และที่หวาดเสียวเล็กน้อย คือ
ทดลองให้ใช้ปากกาอินซูลินฉีดตัวเอง เลียนแบบว่า
ถ้าเราเป็นคนไข้เบาหวานจะรู้สึกอย่างไร และจะฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง...
ตรงข้างๆ สะดือ ซึ่งควรหมุนเวียน เปลี่ยนที่ฉีดไปเรื่อยๆ ได้อย่างไร
...
เรื่องที่ควร
นำมานินทาเล็กน้อย คือ ผู้เข้ารับการอบรมที่ยอมให้เจาะเลือดหลังอาหาร 2
ชั่วโมงมีประมาณ 3/4 (จริงๆ แล้วทีมอาจารย์วิทยากรแนะนำให้เจาะทุคน)
แถมตอนให้ฉีดน้ำเกลือกับปากกาอินซูลิน (เป็นเข็มเล็กมากๆ
และเคลือบสารหล่อลื่น ซึ่งน่าจะเป็นเทฟลอน... ลื่นจนพอวางตรงหน้าท้องแล้ว
แทบจะแทรกผ่านผิวหนังไปอย่างนุ่มนวล) หายไปครึ่งห้อง
ซึ่งนี่ก็บอกให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้วพวกหมอๆ ก็ "กลัวเข็ม"
ไม่น้อยกว่าคนไข้เลย
...
อาจารย์ที่มา
สอนทุกท่านต่างทำหน้าที่เป็นวิทยากรชั้นเยี่ยม คือ
ทุกท่านกินวุ้นเ้ส้นทะเลแห้ง 1/2 จานกับแกงจืด...
กินแบบนี้สงสัยชาตินี้เป็นเบาหวานยากมากๆ
ผู้เขียนเรียนถามท่านอาจารย์หมอชุติมาว่า
ท่านใช้วิธีออกกำลังอย่างไรถึงได้หุ่นดี ท่านบอกว่า
ใ้ช้วิธีปั่นจักรยานอยู่กับที่ ปั่นไปดู TV ไป...
นี่เป็นเคล็ดลับที่คล้ายกับอาจารย์หมอท่านอื่นๆ ใช้
...
อาจารย์หมอผ่า
ตัดท่านหนึ่งก็แนะไว้คล้ายๆ กัน คือ ให้ซื้อลู่เดิน-วิ่งไฟฟ้า ติดตั้งจอ TV
ไว้ข้างหน้า แล้วเดินไปวิ่งไประหว่างดู TV... ไม่นั่งดู สงสัยแบบนี้ยิ่งดู
TV ยิ่งผอม
อาจารย์หมอกระดูกท่านหนึ่งเกษียณแล้วเป็นเบาหวาน... ท่านใช้วิธีเลิกเบียร์
หัดไปปั่นจักรยานวันละนานๆ ปรากฏว่า น้ำตาลในเลือดดีขึ้นจนไม่ต้องใช้ยา
กลายเป็นคนแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันประมาณ 15-20 ปี
...
อาจารย์เภสัชกรท่านอธิบายเรื่องยาโคเลสเตอรอล (ไขมันในเลือด) ไว้น่าสนใจมาก คือ ยานี้ควรกินตอนก่อนนอน
โคเลสเตอรอลในร่างกายส่วนใหญ่สร้างจากตับ (70-80%),
ส่วนน้อยมาจากอาหารที่เรากินเข้าไป และตับสร้างโคเลสเตอรอลมากตอนกลางคืน
เพราะฉะนั้นถ้ากินตอนก่อนนอน...
ระดับยานี้จะสูงตรงเวลาที่ตับจะสร้างโคเลสเตอรอลพอดี [ netwellness ]; [ statinanswers ]
...
ถ้ายานั้นออก
ฤทธิ์นานอาจจะกินเวลาอื่นได้ ทว่า... ถ้าเป็นยาที่ออกฤทธิ์สั้นหน่อย
(และถูกหน่อยด้วย เช่น simvastatin (ซิมวาสเททิน หรือซิมวาสเตติน -
ยากลุ่มนี้เรียกว่า กลุ่ม "สเตติน" ตามชื่อท้าย) ฯลฯ
ควรกินก่อนนอนเป็นดีที่สุด
องค์ความรู้นี้อาจนำไปประยุกต์ใช้เรื่องอื่นๆ ได้ด้วย เช่น
เราควรลดไขมันทรานส์ (trans fats)ให้มากที่สุด
ไขมันนี้ทำให้โคเลสเตอรอลชนิดดีต่ำ (ลดฝ่ายดี - HDL)
และโคเลสเตอรอลชนิดร้ายสูง (เพิ่มฝ่ายร้าย - LDL) ฯลฯ
...
ไขมันทรานส์พบมากในเบเกอรี ขนมใส่ถุง ขนมสำเร็จรูป อาหารจานด่วน (ฟาสต์ฟูด)
ไขมันอื่นๆ ที่ร้ายรองลงไป คือ ไขมันอิ่มตัว ซึ่งพบมากในกะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม น้ำมันสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ฯลฯ
...
ไขมันอิ่มตัวทำให้โคเลสเตอรอลฝ่ายร้าย (LDL) สูงขึ้น
ไขมันตัวต่อไปที่เป็น "ผู้ช่วยฝ่ายร้าย" คือ ไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides /
TG) นี่เป็นธรรมดาของโลกที่มักจะมีผู้ช่วยฝ่ายร้าย ไม่ค่อยมีผู้ช่วยฝ่ายดี
...
ไขมัน TG
ทำให้โคเลสเตอรอลฝ่ายร้าย (LDL) ตัวเล็กลง แทรกซึมออกจากกระแสเลือด
ไปเกาะที่ผนังหลอดเลือดได้มากขึ้น ทำให้เจ้าฝ่ายร้ายนั้น "ร้ายยิ่งขึ้น"
ขณะเดียวกัน, ไขมัน TG จะไปทำให้โคเลสเตอรอลฝ่ายดี (HDL) ตัวเล็กลง
และอายุสั้นลง... นั่นคือ ทำให้ฝ่ายดีอายุสั้น-ตายเร็ว-หมดสภาพเร็ว
...
วิธีลดไขมัน
TG ที่สำัคัญ คือ ไม่ดื่มหนัก (แอลกอฮอล์ - เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ),
ไม่กินแป้ง-ข้าวมากเกิน (หลังอายุ 20 ปีควรลดลงสัก 1/4
และถ้าน้ำหนักเกินควรลดลงอีก 1/4 หลังเวลาผ่านไป 2 เดือน)
คนที่กินแต่ข้าวกับแป้งเป็นหลัก (เกินครึ่งหนึ่งของพลังงานทั้งหมด) จะเสี่ยงต่อการมี TG สูง ซึ่งถ้าลดข้าว-แป้งลงสักหน่อยน่าจะดี
...
ทีนี้ถ้าลดข้าว-แป้งไป... จะทำให้ไม่อิ่ม จึงต้องหาอะไรมา "เติมกระเพาะฯ ให้เต็ม" ไว้เสมอ วิธีที่ดี คือ เพิ่มผัก 2 เท่า
อาจารย์ด้านโภชนาการท่านแนะนำว่า ผักที่ดีควรมีทั้งผักสีเข้ม เช่น คะน้า
ตำลึง บรอคโคลี มะเขือเทศ ฯลฯ และผักสีอ่อน เช่น แตงกวา ฯลฯ ปนๆ กัน
...
การกินข้าว-แป้ง
พร้อมโปรตีน (เนื้อ-ถั่ว-เต้าหู้-โปรตีนเกษตร ไข่-เนื้อ-ปลา-เมล็ดพืช)
และไขมันชนิดดี (เช่น น้ำมันรำข้าว คาโนลา ถั่วเหลือง ถั่วลิสง
มะกอก-เฉพาะน้ำมันมะกอก ไม่ควรใช้ทอด เนื่องจากไม่ทนความร้อนสูง ฯลฯ)
มีส่วนช่วยป้องกันไขมัน TG สูงได้
ถ้าเรารู้ว่า ร่างกายสร้างโคเลสเตอรอลมากตอนนอนหลับหรือกลางคืน...
มื้อเย็นก็ควรพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ คือ ออกกำลังตอนเย็นสักหน่อย
ขอให้มื้อเย็นเป็นแบบ "น้อยๆ หน่อย (หวานน้อย-มันน้อย-เค็มน้อย)"
โดยเฉพาะปริมาณนั้น... กินให้น้อยไว้น่าจะดี
...
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ที่มา
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร
ลำปาง. 7 สิงหาคม 2553.
-
ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อ
การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค
ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล
ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.