อาจารย์เดล
รัสซาคอฟฟ์ ตีพิมพ์เรื่อง 'Old
age in American, by the numbers' = "ตัว
เลขเกี่ยวกับคนสูงอายุในอเมริกา" ในนิวยอร์คไทมส์,
ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ [
nytimes ]
----//----
ผลการศึกษาที่
ทำโดยสำันักงานภาครัฐ 15 แห่งรายงานว่า
ประชากรอเมริกันสูงอายุกำลังเพิ่ม... และัเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ [ agingstats.gov ]
คนอเมริกันวัย 65 ตอนนี้หวังได้ว่า จะมีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีก 18.5 ปี =
83.5 ปี ทว่า... ก็ยังน้อยกว่าอีกหลายๆ ประเทศที่มีอายุเฉลี่ยสูงมาก
โดยเฉพาะญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง คิวบา คอสตาริกา ยุโรป และออสเตรเลีย
...
คนอเมริกัน
อายุ 65 ปีขึ้นไปมีประมาณ 39 ล้านคนในปี 2008 (พ.ศ. 2551) = 13%, ปี 2030
(พ.ศ. 2573) จะเพิ่มเป็น 72 ล้านคนหรือ 20%
ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพหลังหักค่าเงินเฟ้อออกที่นั่นเพิ่มจากปีละ $9,224 =
฿297,935 ในปี 1992 (พ.ศ. 2535) เป็น $15,081 = ฿487,116 ในปี 2006 หรือ
พ.ศ. 2549 หรือเพิ่มจากปีละ 3 แสนบาท
เป็น 5 แสนบาท [ คิดที่ 32.3 บาทหรือ ฿/$ ]
...
ค่าใช้จ่าย
เหล่านี้มาจากรัฐส่วนหนึ่ง จ่ายเองส่วนหนึ่ง... ส่วนที่คนไข้ต้องจ่ายเอง
(out-of-pocket) เพิ่มจาก 12% ในปี 1977 หรือ พ.ศ. 2520 เป็น 28% ในปี 2006
หรือ พ.ศ. 2549
นั่นคือ คนไข้สูงอายุที่นั่นต้องจ่าย (ค่าใช้จ่ายสุขภาพ) เองปีละ
28/100*487,116 = 136,392 บาท
...
โรคหัวใจยัง
เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 สำหรับคนอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมา คือ มะเร็ง,
สโตรค (กลุ่มหลอดเลือดสมองตีบ-แตก อัมพฤกษ์ อัมพาต), ปอดบวม,
และสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
แนวโน้มอย่างหนึ่งที่พบในคนสูงอายุ คือ ซึมเศร้า และฆ่าตัวตายมากขึ้น
...
ผู้ชายอายุ 85
ปีขึ้นไปที่นั่นฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิง คิดเป็น 43 ต่อแสนเทียบกับ 3
ต่อแสน หรือ 14.3 เท่า
ทีนี้มาดูฟันกันบ้าง... คนอายุ 85 ปีขึ้นไปที่นั่นฟันหมดปาก 34%
มากกว่าตอนอายุ 65 ปีขึ้นไป
...
ความหลอ
(ไม่ใช่หล่อ) มีความสัมพันธ์กับฐานะ คือ คนจนจะหลอ 42% มากกกว่าค่าเฉลี่ย
23%
คนอเมริกันสูงอายุอ้วนมากประมาณ 1/3 หรือ 32% ในปี 2008 (พ.ศ. 2551)
...
ตอนนี้คน
อเมริกันสูงอายุมีค่าใช้จ่ายสุขภาพตกปีละ 1.4 แสนบาท (136,392 บาท)
คนที่นั่นบางคนรู้เรื่องเมืองไทยคงจะอยากถามว่า ประเทศยูทำแบบ "30
บาทรักษาทุกโรค" ได้อย่างไร
...
เอ...
แต่ตอนนี้เมืองไทยเลิกเก็บ 30 บาทแล้วไม่ใช่เหรอ, คำแนะนำตอนนี้ คือ
ขอให้สะสมทุนทางด้านสุขภาพ เช่น ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ, นอนให้พอ,
ระวังน้ำหนักเกิน ฯลฯ ไว้
เนื่องจากถึงแม้ค่ารักษาในไทยตอนนี้จะฟรี ทว่า... ค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ เช่น
ค่ารถ ค่าจ้างคนเฝ้าไข้ ฯลฯ ไม่ฟรี และถ้าคนสูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...
ระบบสุขภาพแบบนี้ก็อาจจะรองรับไม่ไหว เช่น
คิวรักษาพยาบาลคงจะยาวมากขึ้นเรื่ีอยๆ ฯลฯ
...
ไม่ว่าจะมองใน
มุมมองใด... การป้องกันโรค
และใส่ใจสุขภาพตั้งแต่ก่อนแก่ดูจะคุ้มค่ามากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ที่
มา
-
Thank nytimes;
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร
ลำปาง. 22 กรกฎาคม 2553.
-
ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อ
การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค
ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล
ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.