Bloggang.com : weblog for you and your gang
happy memories
Group Blog
ใต้ร่มโพธิ์ทอง
ใต้ร่มโพธิ์ทอง (๒)
ถวายอาลัย ในหลวงรัชกาลที่ ๙
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
หนังสือ ท่ามกลางประชาชน : เรื่องเล็ก ๆ ในรัชสมัยอันยิ่งใหญ่
Haiku
A Haiku Journey
ศิลปะ (๑)
ศิลปะ (๒)
อังคาร กัลยาณพงศ์
เสพงานศิลป์
เสพงานศิลป์ (๒)
เสพงานศิลป์ (๓)
เสพงานศิลป์ (๔)
พู่กันจีน
หยกใสร่ายคำ
ภาพวาดของละครศักดิ์ พิบูลพล
ผ่านตามาตรึงใจ
ชาวอิตาเลียนในราชสำนักสยาม
Movies in memory
ละคร "บุพเพสันนิวาส"
ดนตรี
เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
เจษฎาภรณ์ ผลดี
Song Seungheon
แต่งเนื้อแต่งตัว
หนังสือ
ทักทายกันหน่อย
อยากคุยก็คุย
พ่อฉันเป็นช่างตัดเสื้อ
บล็อกนี้ให้อ่านเล่น เม้นท์หรือโหวตไม่ต้องจ๊ะ
บล็อกนี้ให้อ่านเล่น เม้นท์หรือโหวตไม่ต้องจ๊ะ (๒)
<<
ธันวาคม 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
27 ธันวาคม 2553
Giorgio Berlingieri
Corrado Feroci
All Blogs
ภาพเก่าเล่าเรื่อง
นิทรรศการ "The Siamese Pavilion in Turin" (๒)
นิทรรศการ "The Siamese Pavilion in Turin" (๑)
๑oo ปีสยามผ่านสายตาอิตาเลียน
Vittorio Zeggio
Altri Artisti Italiani
Alberto Nazzari
Vittorio Novi
Mario Tamagno
Giorgio Berlingieri
Corrado Feroci
Carlo Rigoli
Galileo Chini
Ercole Manfredi
Annibale Rigotti
Cesare Ferro
Carlo Allegri
Gerolamo Emilio Gerini
ชาวอิตาเลียนในราชสำนักสยาม - บทนำ
Corrado Feroci
Santa Lucia - Elvis Presley
คอร์ราโด เฟโรชี
(พ.ศ. ๒๔๓๕ - ๒๕o๕)
คอร์ราโด เฟโรชี หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม ศิลป์ พีระศรี เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ ที่เมืองฟลอเรนซ์ บิดาเป็นคนหัวรุนแรง จึงไม่สามารถจุนเจือครอบครัวได้ดีนัก ในวัยเด็ก แทนการหย่อนใจด้วยวิธีการที่สิ้นเปลืองเงินทอง บิดาจะพาไปชมวิหารและพิพิธภัณฑ์เมืองฟลอเรนซ์ ทำให้เฟโรชีซาบซึ้งและแสดงพรสวรรค์ทางด้านศิลปะมาแต่เยาว์วัย ครอบครัวจึงพยายามสนับสนุนและส่งเสริมอย่างเต็มความสามารถ จนเฟโรชีสามารถเข้าเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ได้เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี
ภาพถ่ายและบทความเกี่ยวกับครูศิลป์
เฟโรชีศึกษาที่สถาบันนี้รวมเวลา ๗ ปี และเมื่อบวกกับสิ่งที่เรียนรู้จากผลงานทางศิลปะประดามีที่อยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ ก็นับว่าเฟโรชีมีพร้อมทั้งความรู้และเครื่องมือที่จะนำมาใช้ในการเรียนการสอนที่กรุงเทพฯ ในภายหลัง
รูปปั้นครูในสวนของมหาวิทยาลัยศิลปากร
ศาสตรจารย์ประหยัด พงษ์ดำ จิตรกรและอาจารย์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็นศิษย์ของเฟโรชีเมื่อ ๔o ปีมาแล้ว เล่าถึงวิธีการสอนของเฟโรชีไว้ว่า "เราเรียนโดยยึดการฝึกฝนทุกวันเป็นพื้น ปีแรกเรียนเรื่องโครงสร้างร่างกายมนุษย์ ปีที่ ๒ เรื่องกล้ามเนื้อตามภาพวาดของเลโอนาร์โด ดา วินซี ปีที่ ๓ เรียนเกี่ยวกับสัตว์ และปีสุดท้ายเรื่องแสงและเงา โดยเรียนจากธรรมชาติ
ห้องทำงานของครูศิลป์
พิมพ์ดีดตัวเก่งของครู
ครูศิลป์เขียนบทความศิลปะภายในห้องทำงาน
อาจารย์ศิลป์ พีระศรี มักพาเราไปตามชายทะเล ภูเขา และพวกเราก็ดีอกดีใจตามอาจารย์ไปทุกแห่ง อาจารย์สอนเรื่องศิลปะโรมัน กอธิค ศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา สอนเกี่ยวกับสไตล์และรสนิยมของยุคสมัยที่ล่วงเลยเนิ่นนานมาแล้ว..." และยังกล่าวถึงบุคลิกของคอร์ราโดในขณะนั้นว่า "อาจารย์เฟโรชีรูปหล่อ เป็นเทพบุตรกรีกสำหรับลูกศิษย์สาว ๆ และเป็นครูสำหรับพวกเราทุกคน"
โรมาโน บุตรชายซึ่งปัจจบุันเป็นอาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์ กล่าวถึงความเป็นครูของบิดาในลักษณะเดียวกัน "คุณพ่อจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกศิษย์ แต่ก็ต้องการให้พวกเขาพยายามเรียนรู้อย่างมากที่สุดเป็นการตอบแทน..."
โต๊ะรูปทรงโค้งที่ครูออกแบบ อยู่ในโรงแรม Royal กรุงเทพฯ
ก่อนหน้าลูกศิษย์คนไทย เฟโรชีมีลูกศิษย์อิตาเลียนด้วยเช่นกัน เนื่องจากได้เข้าสอนสถาบันวิจิตรศิลป์ที่ฟลอเรนซ์ แต่ขณะเป็นอาจารย์ที่นี่เอง เฟโรชีได้รับการว่าจ้างให้เข้ารับราชการ ในตำแหน่งช่างปั้นสังกัดกรมศิลปากรที่กรุงเทพฯ ในพ.ศ. ๒๔๖๖ ขณะอายุได้ ๓๑ ปี
ตราประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
เมื่อเริ่มทำงานที่กรมศิลปากรใหม่ ๆ เฟโรชีประสบปัญหาทั้งทางกายซึ่งเกิดจากห้องทำงานที่คับแคบ เพราะต้องใช้ร่วมกับช่างปั้นชาวไทยอีก ๒ คน และในทางปัญญาอันเนื่องมาแต่วิธีคิดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับศิลปะ เพราะในเมืองไทยขณะนั้นยังยึดติดอยู่กับประเพณี และรูปแบบที่เคยปฏิบัติตาม ๆ กันมาโดยไม่ยอมรับของใหม่
บ้านนรสิงห์ ผลงานการออกแบบของครูศิลป์
ในช่วงนี้เองที่เฟโรชีได้สร้างผลงานชิ้นสำคัญ ซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียง คือการปั้นพระบรมรูปสัมฤทธิ์ครึ่งองค์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านริศรานุวัตติวงศ์ พระบรมรูปนี้แลดูมีพลัง เอาการเอางาน แต่ในขณะเดียวกันก็บ่งบอกถึงพระปรีชาญาณอันแรงกล้าขององค์ต้นแบบอย่างพอเหมาะอีกด้วย
พระบรมรูปสัมฤทธิ์ครึ่งองค์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
หลังจากนั้น เป็นการปั้นพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ ซึ่งล้วนครองราชย์ในยุคที่ประเทศประสบความวิกฤต คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย
พระบรมรูปรัชกาลที่ ๑
รูปปั้นพระบรมรูปทรงม้า
พระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนลุมพินี
เพียงชั่วเวลา ๑o ปี เฟโรชีก็มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะศิลปิน ผลงานชิ้นสำคัญคือการก่อตั้งโรงเรียนศิลปากรขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๗๗ โดยเป็นทั้งผู้บริหารและอาจารย์ จากเดิมที่เป็นอาจารย์และช่างปั้น อันเป็นบทบาทที่กระตุ้นให้มีการศึิกษาศิลปะในรูปแบบใหม่ นักศึกษารุ่นแรกมีด้วยกันทั้งหมด ๗ คน ที่ภายหลังมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างสรรค์ศิลปะไทยสมัยใหม่ คือ เฟื้อ หริพิทักษ์, พิมาน มูลประมุข และสิทธิเดช แสงหิรัญ ซึ่งสำเร็จการศึกษาในพ.ศ. ๒๔๘๑
โลโก้งานนิทรรศการครบรอบร้อยปีศิลป์ พีระศรี
โปสเตอร์นิทรรศการ
แสตมป์ที่ระลึก
ของที่ระลึกวันฉลองครบรอบร้อยปี ศิลป์ พีระศรี
แต่แม้จะมีชื่อเสียง ก็ใช่ว่าเฟโรชีจะมีฐานะร่ำรวย ความร่ำรวยเพียงประการเดียวที่เขาเห็นจะเป็นความรักที่มีต่อลูกศิษย์เท่านั้น ในห้องทำงานนั้นมีสิ่งของเครื่องใช้อยู่เพียงไม่กี่ชิ้น คือพิมพ์ดีดเก่า ๆ ๑ เครื่อง เครื่องเล่นแผ่นเสียง ๑ เครื่อง ลูกโลก ๑ อัน และพระพุทธรูป ๑ องค์ เท่านั้น พิมพ์ดีดโอลิมเปียเครื่องเก่า ๆ นี้เองที่เฟโรชีพิมพ์บรรดาตำราต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ศิลปะของประเทศไทย ได้แก่ "ทฤษฎีสี" (พ.ศ. ๒๔๘๘) "ทฤษฎีแห่งองค์ประกอบ" (พ.ศ. ๒๔๘๗) "คู่มือศัพท์" "ศิลปะอังกฤษ - ไทย" (พ.ศ. ๒๔๘๗) "ศิลปกับวัฒนธรรม" (พ.ศ. ๒๔๙๖) "ศิลปะเป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่" (พ.ศ. ๒๕o๑) "สุดโต่งในศิลปะ" (พ.ศ. ๒๕o๓) "รูปเปลือยและศิลปะอนาจาร" (พ.ศ. ๒๕o๔)
พระพุทธรูปที่ครูปั้น
นอกจากผลงานเกี่ยวกับศิลปะตะวันตกเหล่านี้แล้ว ยังมีงานเขียนเกี่ยวกับศิลปะไทยอีกหลายเล่ม เช่น "จิตรกรรมไทย" "ประติมากรรมพุทธศาสนา" "ที่มาและพัฒนาการจิตรกรรมฝาผนังของไทย" และ "การเข้าถึงศิลปะสุโขทัย" ซึ่งแสดงถึงแนวคิดพื้นฐานที่ว่า ค่านิยมทางวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมจะต้องอยู่ร่วมกับลักษณะสร้างสรรค์ของศิลปะสมัยใหม่ ๆ ผลงานของศิลปินไทยจะต้องเป็นไทยอยู่ ต่างจากงานศิลปินชาติอื่น ๆ ที่มีวัฒนธรรมผิดแผกออกไป งานเขียนเหล่านี้แสดงว่าเฟโรชีสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง โดยที่มิได้ขาดจากวัฒนธรรมเดิมของตน แน่นอนว่าปัญหาที่ยังโต้เถียงกันอยู่ก็คือ การก่อให้เกิดความกลมกลืนกันระหว่างโลกศิลปะที่ต่างกันจนยากที่จะรวมกันได้เช่น ตะวันออกกับตะวันตกนี้ ในทางปฏฺิบัติแล้วสามารถทำได้หรือไม่
ผลงานของครู
รูปปั้นบรอนซ์ คุณมาลินี พีระศรี ค.ศ. ๑๙๕๘
อนุสาวรรีย์ประชาธิปไตยเป็นตัวอย่างของงานในลักษณะนี้ เฟโรชีได้รับมอบหมายให้ออกแบบอนุสาวรีย์นี้ ซึ่งสร้างประมาณช่วงท้ายของพุทธศตรวรรษที่ ๒๔ รายละเอียดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ ลูกศิษย์ของเฟโรชีเองเป็นแบบสำหรับการปั้นรูปบุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของอนุสาวรีย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การให้ศิลปินเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยและมีบทบาทในสังคม อันเป็นสิ่งที่เฟโรชีพยายามให้เกิดขึ้นนับแต่มาถึงเมืองไทย พ.ศ. ๒๔๖๗ นั้น ได้บรรลุผลอย่างแท้จริงในการสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้เอง ศิลปินและสังคมได้ประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน และนำไปสู่ความสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณ
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ลายปูนปั้นนูนต่ำ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ในพ.ศ. ๒๔๘๖ โรงเรียนประณีตศิลปกรรมได้รับการยกสถานะเป็นมหาวิทยาลัย และเฟโรชีได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งกำเนิดศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทย ในพ.ศ. ๒๔๘๗ เฟโรชีเปลี่ยนชื่อเป็น ศิลป พีระศรี กลายเป็นคนไทยซึ่งมีความผูกพันกับประเทศไทยเช่นเจ้าของประเทศคนหนึ่ง
ลายปูนปั้นนูนต่ำ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ลวดลายน้ำพุอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ศิลปะในประเทศไทยก็ได้พัฒนา ต่อมามีการจัดงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติใน พ.ศ. ๒๔๙๒ ครั้งที่ ๒ ใน พ.ศ. ๒๔๙๓ ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การยูเนสโกใน พ.ศ. ๒๔๙๖ และใน พ.ศ. ๒๕o๓ ศิลปินไทยก็ได้เข้าร่วมงานนิทรรศการประติมากรรมนานาชาติ ที่หอศิลป์แห่งลอนดอน ร่วมกับศิลปิน "ใหญ่" เช่น มัวร์ คัลเดอร์ ฟอนตานา และมารีนี
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ศิลปินไทยมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งที่นิวยอร์คและโตเกียวด้วยเช่นกัน และศิลป์ พีระศรี ก็คงต่อสู้เพื่อให้ศิษย์เด่นดังในระดับนานาชาติจนถึงวาระสุดท้ายในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕o๕ ขณะกำลังเตรียมโครงการจัดตั้งหอศิลป์สมัยใหม่ ร่างของศิลป์ พีระศรี ถูกนำไปยังเมืองฟลอเรนซ์ มีนักศึกษาและศิลปินจากมหาวิทยาลัยศิลปากรไปคารวะอยู่เป็นเนืองนิจ ในฐานที่ศิลป์ พีระศรี คือบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทยและเป็นบิดาของพวกเขาด้วย
"พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" พระพุทธรูปยืนปางลีลาขนาดใหญ่ ประดิษฐาน ณ ใจกลางพุทธมณฑล
ภาพและข้อมูลจากหนังสือ "ชาวอิตาเลียนในราชสำนักไทย"
บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่
Free TextEditor
Create Date : 27 ธันวาคม 2553
Last Update : 18 กันยายน 2556 8:44:41 น.
0 comments
Counter : 8005 Pageviews.
Share
Tweet
haiku
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [
?
]
New Comments
Friends' blogs
โจเซฟิน
สาวไกด์ใจซื่อ
ป้ามด
ณ มน
Sweety-around-the-world
อุ้มสี
angy_11
JewNid
กะว่าก๋า
เนยสีฟ้า
ยิปซีสีน้ำเงิน
มาเรีย ณ ไกลบ้าน
SevenDaffodils
Insignia_Museum
มัชชาร
chinging
เริงฤดีนะ
ร่มไม้เย็น
Million Stars
ยายกุ๊กไ่ก่
dingtech
เป็ดสวรรค์
sawkitty
หมีปุ๊
ณ ปลายฉัตร
สายหมอกและก้อนเมฆ
toor36
กิ่งฟ้า
คนผ่านทางมาเจอ
ญามี่
tui/Laksi
พรหมญาณี
ข้ามขอบฟ้า
nulaw.m
ซองขาวเบอร์ 9
เกศสุริยง
mastana
diamondsky
pantawan
Schnuggy ชนุ๊กกี้
Close To Heaven
AppleWi
somjaidean100
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
**mp5**
Rinsa Yoyolive
แฟนlinKinPark
lovereason
ที่เห็นและเป็นมา
newyorknurse
multiple
เนินน้ำ
Tristy
ชมพร
Sweet_pills
ชีริว
mambymam
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน
กาบริเอล
พรไม้หอม
kae+aoe
tuk-tuk@korat
หอมกร
moresaw
ดอยสะเก็ด
ไวน์กับสายน้ำ
mariabamboo
voneye
ก้นกะลา
ปรัซซี่
ผีเสื้อยิปซี
auau_py
เรียวรุ้ง
ตุ๊กจ้ะ
ฟ้าใสวันใหม่
The Kop Civil
Sai Eeuu
noirathsub
วลีลักษณา
mcayenne94
JinnyTent
จอมใจจอมมโน
ล้งเล้งลัลล้า
ruennara
ตะลีกีปัส
ชานไม้ชายเขา
สันตะวาใบข้าว
อาจารย์สุวิมล
wicsir
Cherry_Wawa
โอน่าจอมซ่าส์
PANDIN
โอพีย์
นกสีเทา
ปรศุราม
เพรางาย
katoy
ตุ๊กตาไขลาน
Sakormaree
ลำเนา
nonnoiGiwGiw
Sleepless Sea
ทนายอ้วน
สิงห์ริมถนน
บ่งบ๊ง
สมาชิกหมายเลข 5106714
มยุรธุชบูรพา
มาช้ายังดีกว่าไม่มา
ทูน่าค่ะ
SertPhoto
จอมแก่นแสนซน
LittleMissLuna
Kero Is My Remedy
tanjira
Rain_sk
กาปอมซ่า
Webmaster - BlogGang
[Add haiku's blog to your web]
Links
www.seungheonplanet.com
ไทยโพสต์
ผู้จัดการ
แนวหน้า
Alongkorn.com
Takase Studios
กลอนไทย
บ้านกลอนไทย
คำคมไทย
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.