happy memories
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
29 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
ชาวอิตาเลียนในราชสำนักสยาม - บทนำ





Arrivederci Roma - Dean Martin



อัพบล็อคที่เขียนค้างไว้ก่อนคอมเจ๊งเสร็จซะที มีหนังสือน่าสนใจมานำเสนอค่ะ แฮ่บมาจากน้องชายตั้งนานแล้ว เพิ่งจะมีเวลาพิมพ์ ตอนที่เห็นชื่อหนังสือครั้งแรกก็รู้สึกว่าน่าสนใจมาก เนื้อหาเป็นเรื่องราวของชาวอิตาเลียนที่เข้ามาทำงานในราชสำนักไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ มีทั้งสถาปนิก วิศวกร ประติมากร จิตรกร มัณฑณากร และที่ทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้นก็ตรงที่ผู้เขียนเป็นชาวอิตาเลียน มีการค้นคว้าข้อมูลและชีวประวัติของแต่ละท่านไว้ดีมาก ให้ผู้อ่านได้รู้ความเป็นมาเป็นไป รวมไปถึงเหตุจูงใจที่ท่านเหล่านั้นเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ภาพถ่ายในเล่มก็งามขนาด มีทั้งภาพใหม่และเก่า เราแปะภาพขนาดย่อม ๆ ไว้ แต่ถ้าใครอยากเห็นไซส์เต็ม ๆ ตาก็กดที่ภาพได้เลยค่ะ

ถ้าเพื่อน ๆ เคยอยากรู้เหมือนเราว่า ใครกันนะที่ออกแบบและสร้าง พระที่นั่ง, อนุสาวรีย์ และสิ่งก่อสร้างสไตล์ยุโรปหลาย ๆ แห่งในบ้านเราได้อย่างวิจิตรงดงาม เช่น พระที่นั่งอนันตสมาคม พระที่นั่งอัมพรสถาน พระที่นั่งอภิเษกดุสิต พระที่นั่งบางปะอิน วังบางขุนพรหม ตึกไทยคู่ฟ้า กระทรวงกลาโหม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ฯลฯ บล็อคหัวข้อนี้จะให้คำตอบได้ แต่อาจจะแอบไม่ชอบใจก็ตรงที่ แต่ละบล็อคจะยาวได้ใจทั้งน้านนนนน ใครขี้เกียจอ่านตัวหนังสือก็ดูภาพสวย ๆ เอาเพลินละกันค่ะ








บทนำ


กรุงเทพฯ เมืองแห่งตึกระฟ้า ทางด่วน และผู้คนที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตระหนก เป็นเมืองที่ดูราวจะเมินอดีตของตน มุ่งแต่จะโลดแล่นไปสู่การพัฒนาที่ทำให้มิติแห่งความเป็นมนุษย์เลือนหายไป เพื่อให้เป็นเมืองใหญ่ขึ้น ทันสมัยมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่กรุงเทพฯ ก็ยังมีซากแห่งอดีตหลงเหลือปรากฎให้เป็นตามที่ต่าง ๆ โดยที่การจราจรก็ดี สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก็ดีมิอาจลบเลือนได้ สยามในสมัยหนึ่งงดงามไปด้วยสีสัน อาคารอันโอ่อ่าและพิธีกรรมอันตระการตา ซึ่งยังชวนให้ถวิลหาอยู่ท่ามกลางสภาพความสับสนวุ่นวายในปัจจุบัน

แน่นอนว่าประเทศไทยก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมสำคัญอย่างไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้ในช่วง ๑o ปีเศษนี้




แต่ใช่ว่าจะมีแต่ปัญญาชนต่างชาติหรือพวก "ฝรั่ง" เท่านั้นที่โหยหาอดีตแห่งสยาม คนไทยจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกถึงสิ่งที่หายไปนี้เช่นกัน รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเป็นดังปกรณนัม และพระองค์ก็ทรงแทบจะกลายเป็นสิ่งบูชาของผู้คนโดยทั่วไป

จึงมิใช่เรื่องแปลกที่พวกเราชาวอิตาเลียนซึ่งมีโอกาสมาอยู่และทำงานที่นี่ ในสมัยหลังจะเห็นว่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับเพื่อนร่วมชาติของเรา สถาปนิก วิศวกร ประติมากร จิตรกร มัณฑณากร และแม้แต่ช่างฝีมือที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้มารับราชการเป็นจำนวนมากนั้น ช่างเป็นเรื่องราวที่มีเสน่ห์ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่รู้กันแพร่หลาย การศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ เปรียบเสมือนการเปิดนวนิยายหน้าแรกออกอ่าน ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากรู้ว่าตอนต่อไปเป็นอย่างไร

อนึ่ง ในประเทศที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่มีความต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัดกับอดีต ที่แม้จะเพิ่งล่วงไปไม่นานมานี้ ทำให้ดูเหมือนว่าเอกสารหลักฐานต่าง ๆ กำลังจะสูญหายไป เราจึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องเริ่มรวบรวมสิ่งเหล่านี้ไว้ ก่อนที่กระดาษเหล่านั้นจะหมดอายุหรืออ่านไม่ออก และความทรงจำของบุคคลในครอบครัวที่เกี่ยวข้องจะลบเลือนไปจนไร้ทางเยียวยา




เรือสุพรรณหงส์ ถ่ายเมื่อต้นปีค.ศ. ๑๙oo


ในพ.ศ. ๒๔๕๔ เจโรลาโม เอนริโก เจรินี นายทหารชาวอิตาเลียน ซึ่งรับราชการในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เขียนคำนำสำหรับงานนิทรรศการนานาชาติที่เมืองตูริน ซึ่งประเทศสยามได้เข้าร่วมแสดงด้วย กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับอิตาลีตั้งแต่ยุคโบราณ ในบรรดาพ่อค้าและนักเดินเรือชาวอิตาเลียนที่เดินทางมายังดินแดนทางตะวันออกอันไกลโพ้นนี้ก็มี นิโคโล คอนติ ซึ่งเป็นชาวยุโรปคนแรกที่มาถึงเมืองตะนาวศรี (ซึ่งยังขึ้นกับไทย) ในพ.ศ. ๑๙๗๓ โลโดวิโค บาร์เตมา, โจวันนี ดา เอมโปลี, อันโตนิโอ ปิกาเฟตตา และ เซซาเร เดย์ เฟเดริชิ

เจรินียังกล่าวถึงมิชชันนารีชาวอิตาเลียนในสมัยอยุธยา เช่น บาทหลวง โจวันนี มาริอา และบาทหลวงทอมมาโช วัลกวาร์เนรา ซึ่งมาถึงอยุธยาในพ.ศ. ๒๑๙๘ บาทหลวงทอมมาโซ เป็นผู้ออกแบบป้อมล้อมรอบตัวเมืองและพระราชวัง ซึ่งตกแต่งด้วยน้ำพุอย่างงดงาม มิชชันนารีทั้งสองท่านนี้ ถือได้ว่าเป็นผู้เบิกทางให้แก่ศิลปินชาวอิตาเลียนในสมัยรัตนโกสินทร์




ภูเขาทองในอดีต ปีค.ศ. ๑๙oo


อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า ก่อนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยกับอิตาลีมิได้มีการติดต่อสัมพันธ์กันอย่างมากมายและแน่นแฟ้นเท่าไรนัก

เราไม่ประสงค์จะกล่าวถึงประวัติศาสตร์ไทยอย่างวิเคราะห์เจาะลึกโดยยืดยาว ทว่า การจะเข้าใจว่า เหตุใดชาวอิตาเลียนเหล่านั้นจึงเดินทางมายังประเทศสยามในช่วงสิบปีสุดท้ายของคริสต์ศตวรรษที่แล้วนั้น จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยบ้าง

พระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้น ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะที่ทรงประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายในการพัฒนาประเทศอย่างลำ้หน้าและด้วยพระทัยที่เด็ดเดี่ยว เป็นผลให้ประเทศสยามประเทศมีเกียริตภูมิสูงส่งและดำรงซึ่งเอกราชไว้ได้ ทั้งนี้ ทรงเจริญรอยตามพระบรมชนก คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับมหาอำนาจมาก่อนหน้านี้แล้ว ทรงมีพระราชสาส์นติดต่อกับประมุขของนานาประเทศ เป็นพื้นฐานให้พระราชโอรสได้กระชับสัมพันธไมตรีในโอกาสต่อมา




ภาพวาดสีน้ำมัน ค.ศ. ๑๘๙๗ วาดโดย Edoardo Gelli


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพรสวรรค์อย่างพิเศษ ซึ่งสมัยใหม่อาจเรียกได้ว่า ทรงเป็นนักสื่อสารชั้นยอด ทรงสามารถทำให้ผูคนสนใจพระองค์ได้ทั้งยามประทับอยู่ในประเทศไทย หรือเสด็จประพาสประเทศอื่น และทรงใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายของพระองค์ ดังเช่น ทรงเข้าพระทัยดีว่าในการติดต่อกับราชวงศ์ยุโรปนั้น การแสดงให้เห็นว่าทรงเป็นกษัตริย์สมัยใหม่ผู้ทรงงานหนักเท่านั้นยังไม่พอ หากต้องแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของราชสำนักสยามอีกด้วย ซึ่งก็ทรงกระทำได้สำเร็จ ทรงทำให้บรรดาราชสำนักในยุโรปเกิดความรู้สึกที่เกือบจะเรียกได้ว่า ริษยาที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์สมัยใหม่ในแบบฉบับของพระองค์เอง โดยไม่ทิ้งลักษณะของความยิ่งใหญ่แบบกษัตริย์ในเอเชีย ขณะที่ราชสำนักยุโรปในขณะนั้นคงต้องเคารพต่อระเบียบพิธีอันน่าเบื่อหน่ายของยุควิคตอเรียน

นี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับศิลปินชาวอิตาเลียน ทรงเห็นความจำเป็นและปรารถนาที่จะพัฒนาสยามให้เป็นประเทศสมัยใหม่อย่างสง่าผ่าเผย ด้วยการสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นอนุสรณ์ อันจะช่วยฟื้นฟูเกียรติยศของราชอาณาจักร จึงทรงติดต่อโดยตรงกับศิลปินชาวอิตาเลียนให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย ศิลปินเหล่านี้ต่างร่วมแรงร่วมใจกันสนองพระราชดำริในโครงการใหญ่ ๆ จนบางครั้งไม่อาจแยกแยะได้ว่าส่วนไหนเป็นผลงานของผู้ใด




การเจริญพระราชไมตรีครั้งแรกที่อิตาลีเมื่อ ค.ศ. ๑๖๘๘


อาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และศิลปินเหล่านี้ เป็นความสัมพันธ์ทางด้านจิตใจยิ่งกว่าอื่นใด ทรงเอาพระทัยใส่ติดตามการทำงานของพวกเขา และใคร่ทอดพระเนตรผลงานที่จะเกิดขึ้นโดยเร็วไว ทรงตอบแทนพวกเขาอย่างคุ้มค่า ขณะที่พวกเขาก็อุทิศตนเอง สนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างเต็มกำลังความสามารถ

บรรดาวิศวกร สถาปนิก จินตกร ประติมากร ช่างฝีมือและช่างตกแต่งชาวอิตาเลียนเหล่านี้ ซึ่งต่างก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ หรือได้รับการเรียกตัวจากศิลปินสำคัญ ๆ ให้มาช่วยงาน จึงกลายเป็นกลุ่มศิลปินชาวอิตาเลียนที่ตั้งหลักแหล่งอย่างมั่นคงในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจากภาคกลางตอนเหนือของอิตาลี แคว้นทัสคานี ลิกูเรีย ปิเอมองต์ และบางส่วนจากแคว้นลอมบาร์ดี แม้เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้วก็ตาม ก็ยังมีชาวอิตาเลียนที่รับราชการต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อยมาจนถึงราว พ.ศ. ๒๕oo เศษ อันเป็นช่วงเวลาที่คอร์ราโด เฟโรซี หรือศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ถึงแก่กรรมลง




วัดอรุณ ปีค.ศ. ๑๙oo


หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมพยานหลักฐาน และเสนอภาพศิลปินชาวอิตาเลียนสำคัญ ๆ อย่างย่นย่อ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้มีผู้สนใจช่วงเวลาที่ไม่ควรถูกลืมนี้ตลอดไป ผู้เขียนหวังว่าจะสามารถทำให้ผู้่อ่านรู้สึกถึงเสน่ห์ของเรื่องนี้ เช่นเดียวกับที่ผู้เขียนรู้สึกขณะคัดลอกวัตถุดิบที่ใช้ในการเรียบเรียงได้

ช่วงเวลาที่บรรดาชาวอิตาเลียนเหล่านี้ละทิ้งบ้านเกิดมานั้น เป็นช่วงปลายยุคแห่งการต่อสู้เพื่อเอกราชในอิตาลี ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้คนตระหนักถึงความไร้อุดมการณ์ และความชืดชาในชีวิตประจำวัน โลกตะวันออกซึ่งมีสีสันเจิดจ้าสว่างไสว แม้จะมีความทุกข์ยาก แต่มีพลังแห่งชีวิต จึงเป็นสิ่งใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา




ราชฑูตชาวอิตาเลียน Federico Ciccodicola


บทแรกในหนังสือ กล่าวถึงประสบการณ์ในการเดินทางของชาวอิตาเลียนเหล่านี้ จากเอกสารขั้นต้น เพื่อแสดงถึงความรู้สึกของพวกเขา เมื่อได้มาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งมีผลต่อพวกเขาอย่างใหญ่หลวง และนำไปสู่ความรู้สึกผูกพันกับประเทศซึ่งจะเป็นประเทศที่สองต่อไป หลายคนไม่เพียงแต่จะทำงานในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังลงหลักปักฐานสร้งครอบครัวอยู่ในเมืองไทยจนถึงวาระสุดท้าย อีกหลายคนต้องกลับไปยังอิตาลีบ้านเกิดเมืองนอน แต่ก็ยังคะนึงหาดินแดนอันไกลโพ้น อันเป็นประสบการณ์สำคัญในชีวิตอยู่มิเว้นวาย

ในช่วงปีเหล่านี้ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับชาวอิตาเลียนที่กอปรด้วยความสามารถเพียงไม่กี่คน มิใช่ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอิตาลีโดยตรง และท่านเหล่านั้นก็มิได้กระทำตนว่าอยู่ในฐานะที่เหนือกว่า แม้จะได้รับการโปรดเกล้าฯ จากมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีให้มาช่วยในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยก็ตาม แต่ท่านกลับรักประเทศสยามดังที่เป็นอยู่ในขณะนั้น และมีความปรารถนาที่ช่วยพัฒนาประเทศสยามให้ทันสมัยเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ แต่ขณะเดียวกันก็รักษาไว้ได้ทั้งคุณค่าดั้งเดิม ความงดงาม และคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสังคม





ภาพ Fresco หรือภาพเขียนสีบนปูนเปียก
ฝีมือ Galileo Chini และ Carlo Rigoli


ศิลปินเหล่านี้ต่างไม่ต้องการทำลายศิลปะและวัฒนธรรมไทย แม้จะสร้างงานแบบยุโรปตามพระราชประสงค์ขององค์ผู้ว่าจ้าง แต่หากมีโอกาสที่จะก่อสร้างอาคารหรืออนุสาวรีย์ตามแบบนิยมของไทย พวกท่านก็จะพยายามรักษารูปแบบไทย ๆ ไว้มากที่สุด คงให้มีขนาดใหญ่โตแบบยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเหล่านี้ค่อนข้างอ่อนไหวกับค่านิยมทางสุนทรียะแบบไทย ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์งานของท่าน เช่น กาลิเลโอ คีนี ที่ยังคงใช้แรงบันดาลใจจากศิลปะไทยในการสร้างานศิลปะเมื่อกลับถึงอิตาลีแล้ว เห็นได้จากภาพร่างฉากสำหรับการแสดงเรื่อง "ตูรันโด" ในรอบปฐมทัศน์

ตัวอย่างความผูกพันชาวอิตาเลียนที่มีต่อประเทศไทย เห็นได้ชัดเจนในงานของพันตรีเจรีนี ซึ่งเมื่อเข้ารับราชการทหารแล้ว ได้อุทิศเวลาทั้งหมดให้แก่การศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย และทิ้งเอกสารสำคัญไว้ให้แก่พวกเรา




รูปปั้นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผีมืออาจารย์ศิลป์ พีระศรี


การเคารพต่อค่านิยมของไทยเช่นนี้ ทำให้เราสามารถอ้างถึงมรดกด้านจิตใจของบรรดาเพื่อนร่วมชาติเหล่านี้ได้อย่างไม่รู้จบในปัจจุบัน

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอิตาลี ปัจจุบันเป็นไปทั้งในเชิงปริมาณ (ไทยส่งสินค้าออกไปอิตาลีมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘) และเชิงคุณภาพ สิ่งที่ศิลปินชาวอิตาเลียนซึ่งรักประเทศนี้กระทำและต้องการฝากฝีมือไว้ ทำให้เราหวังว่าสามารถเจิรญรอยตามท่าน และสร้างความสัมพันธ์อันยืนยงและมั่นคงยิ่งขึ้นสืบไป


Leopoldo Ferri de Lazara และ Paolo Piazzardi ผู้เขียน
Alberto Cassio ถ่ายภาพ
Keith Mundy ผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษ
ชัตสุณี สินธุสิงห์ ผู้แปลเป็นภาษาไทย



ภาพและข้อมูลจากหนังสือ "ชาวอิตาเลียนในราชสำนักไทย"





ออทั่มตอนล่าสุดค่ะ รักนี้ชั่วนิรันดร์ ๑๒


บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 18 กันยายน 2556 8:40:53 น. 44 comments
Counter : 10407 Pageviews.

 
ที่บ้านผมมีภาพวาดจำลองของพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยครับ
เป็นรูปเดียวกันเลย


ผมเพิ่งทราบวันนี้เองครับว่าใครเป็นคนวาด




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:22:36:13 น.  

 
สวัสดีจ้าคุณ ไฮคุ
เข้ามาวันนี้ได้อ่านเรื่องราวของเมืองไทยเราสมัยก่อนแล้วอึ้งไปเลยอะจ้า
ขอบคุณ คุณไฮคุมากนะจ้าที่นำเรื่องราวดีๆๆมาให้ได้อ่านและรับรู้เกี่ยวกับเมืองไทยมากขึ้น
ว่าแต่ว่า .. คุณไฮคุ สบายดีนะจ้า
ช่วงเนี่ยนัทก็ฟังเพลงไปเรื่อยๆๆแต่ว่าจะชอบเพลงลูกทุ่งมากกว่าเพลงไทยสติงอะ
แบบว่าเบื่อเสียงร้องของนักร้องบางคนที่เสียงไม่ได้เรื่องเลยยยย
ปล .. ช่วงนี้นัทยังอยู่ที่เนเธอร์แลนด์อะจ้า


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:0:19:38 น.  

 

แวะมาส่งเข้านอน(หลับ)ฝันดีนะคะ
หนังสือน่าอ่านมากๆเลยค่ะ..เล่มนี้


Fadas






โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:0:31:02 น.  

 
Spain VS Portugual 1:0
David Villa เป็น Hero ของ Spain เป็นลูกที่ 4 ของ Tournament นี้ เท่ากับ Gonzalo Higuain ของ Agrentina


โดย: cengorn วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:3:41:43 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณหนูไฮกุ สบายดีไหมคะ?
แวะมาทักทายได้รวดเร็ว เพราะวันนี้ลากิจไม่ได้ไปทำงาน หุ หุ เพลงเก่าเพราะจังเลยไฮกุ เราไม่ค่อยจะได้มีโอกาสฟังเพลงเก่าๆแบบนี้เลยจ้า เรื่องราวที่นำมาเล่าก็ไม่ยาวเลยจ้า อ่านกำลังสนุกเลย ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาฝากพวกเราเสมอนะคะ

ด้วยความที่ประทับใจในคนและปท.อิตาลีเป็นทุนเดิม ได้อ่านเรื่องราวความผูกพันของชาวอิตาเลียนที่มีต่อประเทศไทยยิ่งประทับใจเข้าไปอีก ชอบช่วงนี้ที่สุดเลย "ศิลปินเหล่านี้ต่างไม่ต้องการทำลายศิลปะและวัฒนธรรมไทย แม้จะสร้างงานแบบยุโรปตามพระราชประสงค์ขององค์ผู้ว่าจ้าง แต่หากมีโอกาสที่จะก่อสร้างอาคารหรืออนุสาวรีย์ตามแบบนิยมของไทย พวกท่านก็จะพยายามรักษารูปแบบไทย ๆ ไว้มากที่สุด" อ่านแล้วสะท้อนใจนะ มีหลายแห่งเลยโดยเฉพาะบ้านเกิดของเรา เจ้าของทุบตึกเก่าๆ สวยๆทิ้ง แล้วสร้างตึกสมัยใหม่ขึ้นแทน ไม่ช่วยกันรักษาของเก่า คงไม่รู้สินะว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเขามาเที่ยวก็อยากดูของเก่า ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ไม่ใช่ของใหม่ๆ

แอบดีใจอีกอย่างที่หนังสือแปลเล่มนี้ พยายามเขียนชื่อคนอิตาเลียนให้ใกล้เคียงเสียงอ่านแบบอิตาเลียนได้ดีทีเดียว

นำรูป Map of Italian Regions มาแจมด้วยจ้า คิดถึงจัง




โดย: Noshka วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:5:14:32 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ


บล้อกนี้คุณไฮกุตกแต่งบล้อกได้สวยน่าอ่านมากครับ
บีจียังเข้ากันกับเนื้อหาบล้อกเลย









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:6:51:03 น.  

 
หวัดดียามเช้าครับคุณไฮกุ

บล๊อกนี้น่าสนใจและสวยมากเช่นเคย
ความจริงพระราชนิยมของรัชกาลที่ 5 ได้นำสิ่งดีๆมาให้ชาติบ้านเมืองเราเยอะมาก
ต้องยอมรับว่าศิลปะอิตาเลียนเป็นมาตรฐานชั้นสูง
ใครมี ประเทศไหนมีก็เป็นเครื่องวัดความมีอารยะ
ถ้าพระองค์ท่านไม่ได้สร้างพระที่นั่งอนันตสมาคมไว้ คิดหรือว่าสมัยนี้จะทำได้

เห็นหัวเรื่องว่า-บทนำ แสดงว่าจะมี"บทตาม"ตามมาอีกใช่มั้ย
จะรอชมครับ Thx


โดย: Dingtech วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:8:56:18 น.  

 
สังเกตรูปโปรไฟล์คุณไฮกุเปลี่ยน เลยรู้ว่าอัพบล็อกใหม่แล้ว

อ่านได้แค่ครึ่งเดียวเองค่ะ แปะโป้งครึ่งหลังไว้ก่อนนะคะ เลิกงานแล้วจะมาอ่านต่อค่ะ


โดย: somjaidean100 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:17:45:30 น.  

 
ลืมไปค่ะ กะจะมาขอบคุณเรื่อง คำตอบ เพลง น้ำตาแสงใต้ ด้วยค่ะ เข้าไปฟังมาแล้วค่ะ เพราะจริงๆ ไม่แปลกใจที่เป็นเพลงโปรดของคุณไฮกุ


โดย: somjaidean100 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:17:46:54 น.  

 
Favorite หน้านี้ไว้แล้ว

ต้องแวะมาอ่านอีก

ความรู้ทั้งนั้นเลยค่ะ

.
.

ภาพป๋าที่เห็นในบล็อกนั้น

มาจากทีมงานของ OKTV ค่ะ คุณไฮกุ


โดย: หยุ่ยยุ้ย IP: 58.9.29.87 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:19:32:10 น.  

 
อ่านรวดเดียวจบ ไม่ยาวอย่างที่คิด เพลินเชียวครับ
จะว่าไปแล้วคนอิตาลีมีความเป็นมิตรต่อชาวสยาม
มาในอดีต เหมือนเพื่อนสนิท มิตรที่จริงใจ คบได้
สบายใจ หลายท่านมีส่วนไปกับการวิวัฒน์ทางสังคม
ของเราที่สัมผัสได้ก็คือด้านศิลปะ ด้วยฝีมือและ
แนวคิดของช่างชาวอิตาลีที่ฝากไว้ในผลงานต่างๆ
เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บางกอบเป็นดั่งเมืองฟ้าอมร

ขอเปิดเพลงนี้ฟังหลายๆเที่ยวครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:20:36:08 น.  

 
ไม่ยาวอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่ตอบคำถามในใจได้พอดีเลยค่ะ คือสงสัยมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสค้นหาเลยค่ะ ว่าอ.ศิลป์ พีระศรีทำไมมาอยู่นี่และรักที่นี่ได้เท่านั้นค่ะ

แต่ในทางกลับกันตัวเองกำลังรู้สึกเหมือนชาวยุโรปสมัยนั้นเลยค่ะ

ปล. ยยีสวยจัง แต่ภาพในกล่องคอมเม้นท์ก็สวยแต่ไม่เห็นที่ตัวเองเขีบนน่ะค่ะ


โดย: chinging วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:21:01:23 น.  

 
เลยเขียนคำว่าบีจีผิด และบางคำในบรรทัดสุดท้ายผิดค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ


โดย: chinging วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:21:03:15 น.  

 
คุณก๋า... ในหนังสือยังมีอีกหลายภาพที่เห็นกันจนคุ้นแต่ไม่รู้จักเจ้าของผลงาน ไว้คุณก๋ารออ่านบล็อคต่อไปนะคะ จะได้รู้จักคนผู้ที่อยู่เบื้องหลังความงดงามของพระที่นั่ง หรือสิ่งก่อสร้างสไตล์ยุโรปในบ้านเราอีกหลายท่าน

บีจีอันนี้ดูเก่า ๆ ถูกใจดีค่ะ บอกชื่อเจ้าของบล็อคที่ไปแฮ่บบีจีมาผิด เป็นของคุณยายกุ๊กไก่ บล็อคเธอมีบีจีสวยเยอะเลยค่ะ

นัท...ตอนเราได้หนังสือเล่มนี้มาก็รู้สึกแบบเดียวกันเลยค่ะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ ได้รู้เรื่องเมืองไทยจากมุมมองของศิลปินอิตาเลียนที่เข้ามาทำงานในยุคพระพุทธเจ้าหลวง ซึ่งไม่เคยได้อ่านจากที่ไหนมาก่อน ถ้าชอบแบบนี้ ไว้อัพบทต่อไปเสร็จ จะแวะไปบอกให้มาอ่านต่อจ๊ะ

เราก็ชอบฟังเพลงลูกทุ่งเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเพลงเก่า ๆ ถึงยุคนี้เพลงลูกทุ่งจะแต่งได้ไม่เพราะเท่ายุคก่อน แต่นักร้องลูกทุ่งส่วนใหญ่จะร้องเพลงได้ดีกว่านักร้องสตริง อย่างน้อยเสียงต้องถึงและออกเสียงก็ชัดถ้อยชัดคำกว่า

คุณอ้อ...หนังสือเล่มนี้น่าอ่านจริง ๆ ค่ะ ว่าจะอัพให้อ่านตั้งนานแล้ว แต่ไม่ว่างพิมพ์กะสแกนรูปสักที สุดท้ายก็หาเวลาอัพได้สำเร็จ

คุณอร...ขอบคุณมากที่แวะมาบอกผลแข่งบอลนะจ๊ะ เขียนเม้นท์แล้วยังกะใช้โปรแกรมแปลเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

นอร์ช...เคยแต่ถูกเรียกว่าป้าไม่ก็ยาย หนักเข้าถึงขั้นทวดก็ยังเคย(ไม่ใช่ใครอื่น ก็ยัยหลานพจจอมซ่าเจ้าเก่าน่านแหละ ) มาเรียกว่าอะฮั้นว่าคุณหนู ทำเอาเขิลลลล

ดีใจที่นอร์ชชอบเพลงนะคะ เพลงเก่ากึ๋กมากกก อ่านประโยคแรกของบทนำแล้วก็นึกถึงเพลงนี้เลย ชื่อเพลง "กรุงเทพราตรี" ในเวบเจอแต่ที่เป็นคลิป โชคดีมีซีดีเพลงนี้อยู่เลยโหลดมาให้ฟังกัน ที่จริงนึกถึงเพลงกรุงเทพมหานครของอัศนี&วสันต์ด้วย แต่จังหวะเพลงมันโจ๊ะเกินเหตุ ไม่ค่อยเข้ากะโทนของบล็อคเท่าไหร่

เราก็ชอบประเทศอิตาลีมากค่ะ เคยไปทัวร์อยู่หนนึงเมื่อปีมะโว้ ได้เห็นงานศิลปะเต็มเมืองแล้วประทับใจมาก คนอิตาเลียนก็นิสัยน่ารัก คล้าย ๆ คนไทย หนังสือเล่มนี้เพื่อนของน้องชายที่เป็นคนอิตาเลียนให้มา ประโยคที่นอร์ชยกมานั่นเราอ่านแล้วก็ชอบเหมือนกัน เห็นได้ว่าศิลปินอิตาเลียนเหล่านั้นรักและให้เกียรติความเป็นไทยมาก พูดถึงตึกเก่าสวย ๆ ที่โดนทุบทิ้งแบบไม่เห็นคุณค่าแล้วก็ได้แต่เสียดาย ตึกที่สร้างใหม่ถึงจะสวยยังไงแต่คุณค่าก็ไม่มีทางเทียบกันได้เลยค่ะ

ขอบอก ทีแรกหาชื่อคนเขียนหนังสือไม่เจอทั้งที่พิมพ์อยู่ที่หน้าปกนั่นแหละ โก๊ะจริง ๆ เขาพิมพ์เป็นภาษาอิตาเลียนน่ะ พอนอร์ชพูดถึงคนแปลเลยมาดูอีกรอบ อาศัยที่เคยเรียนภาษาอิตาเลียนมานิดหน่อยเลยพอจะจำอ่านออก ที่แท้เขาก็พิมพ์บอกไว้หมดนั่นแหละ ทั้งคนเขียน คนถ่ายภาพ คนแปลภาษาไทยและอังกฤษ เลยพิมพ์ใส่ไว้ในบล็อคด้วย ส่วนชื่อผู้แปล อ่านภาษาอังกฤษแล้วไม่แน่ใจว่าภาษาไทยสะกดยังไง ต้องพึ่งพี่เกิ้ลจนหาเจอ ท่านชื่อ รศ.ชัตสุณี สินธุสิงห์ ท่านเชี่ยวชาญภาษาอิตาเลียนมาก ๆ เรียนจบ MA.(Italina  Language),Middle Bury College, สหรัฐอเมริกา ได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณวุฒิในการสอนภาษาอิตาลีในต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยสำหรับชาวต่างชาติแห่งเมืองเปรูจา ประเทศอิตาลี  (พ.ศ. ๒๕๑๖) และได้รับการประกาศเกียรติคุณจากรัฐบาลอิตาลี  มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น Cavauere Order of Merit of the Italian Republic (พ.ศ.2525) (ข้อมูลจากเวบ www.sf.ac.th)

คุณDingtech...ดีใจที่ทำบล็อคได้ถูกใจนะคะ พระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ห้านำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ประเทศมากมาย พระองค์ทรงมีสายพระเนตรยาวไกลจริง ๆ สมัยนั้นเป็นยุคล่าอาณานิคม พระองค์ทรงทำหลายอย่างให้ประเทศเราทัดเทียมประเทศมหาอำนาจ หนึ่งในนั้นก็คือสิ่งก่อสร้างสไตล์ยุโรปนี่แหละ ก็เพราะพระราชนิยมอันสูงยิ่งของพระองค์บวกกับฝีมือชั้นเยี่ยมของช่างชาวอิตาเลียน ถึงทำให้เมืองไทยมีสิ่งก่อสร้างงดงามอย่างที่เห็นกัน

เนื้อหาเล่มนี้น่าสนใจจริง ๆ ค่ะ อยากให้อ่านทั้งเล่มเลย พิมพ์ได้หลายบทแล้ว เหลือแต่โหลดรูป แต่คิดว่าคงจะไม่ดองบล็อคนานค่ะ

คุณพีช...ช่างสังเกตดีจังค่ะ เวลาอัพบล็อคใหม่ก็จะเปลี่ยนรูปในโปรไฟล์ ใช้วิธีนี้บอกเพื่อนบล็อคให้รู้ว่าอัพบล็อคใหม่แล้ว

เพลงน้ำตาแสงไต้เป็นเพลงที่รักที่สุดค่ะ เพลงนี้นอกจากเพราะมากแล้ว ประวัติความเป็นมาก็มหัศจรรย์ เลยประทับใจเป็นพิเศษ เพลงนี้มีหลายเวอร์ชั่น เพราะ ๆ ทั้งนั้น รวมไปถึงเวอร์ชั่นล่าสุดที่น้องกันสุดหล่อร้องด้วย เสียงเพราะได้ใจเหลือเกิน

คุณยุ้ย...ดีใจ ดีใจ อัพบล็อคนี้แล้วนึกว่าจะถูกบ่นว่าคุยเรื่องซีเรียสเกิน เป็นกำลังใจในการอัพบล็อคอย่างดีเชียวค่า

นึกว่าคุณยุ้ยตามป๋าไปเที่ยวทะเลด้วยซะอีก ป๋าเฮฮาร่าเริงเชียว เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้

คุณIM...บล็อคนี้เป็นบทนำเลยยาวน้อยกว่าเนื้อหาค่ะ บล็อคต่อไปรับรองยาวโลดดด อิ อิ

ชาวอิตาเลียนยุคนั้นที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยชอบความเป็นไทยทุกคนเลยค่ะ บางท่านไม่เคยรู้จักประเทศไทยเลย แต่พอได้มาทำงานที่บ้านเราก็จะชื่นชมความเป็นไทย และยกย่ององค์พระพุทธเจ้าหลวงอย่างสูงด้วย ท่านเหล่านั้นฝากฝีมือและผลงานอันเยี่ยมยอดไว้ในแผ่นดินไทยจริง ๆ ค่ะ

นึกแล้วคุณIMต้องชอบเพลงนี้ด้วย เพราะมากแล้วก็เข้ากะเนื้อหาดีเลยเลือกมาประกอบล็อคค่ะ

คุณเค็น..ในหนังสือนี้มีเรื่องราวของครูศิลป์ด้วยค่ะ เคยอัพ บล็อค ให้อ่านไปแล้ว แต่ใส่รูปไม่หมด ไว้จะอัพไว้ในบล็อคหัวข้อนี้อีกรอบ แล้วแปะรูปในหนังสือให้ครบเลยค่ะ

เดาตรงปล.ว่าคุณเค็นคงพิมพ์แล้วไม่เห็นตัวหนังสือ เลยเปลี่ยนฟอนท์ให้เป็นสีดำ น่าจะเห็นชัดขึ้นนะคะ


โดย: haiku วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:23:23:35 น.  

 

แวะมาดุหนังสือดีๆแนะนำโดย จขบ.คนเก่งแสนขยันค่ะ

วัน 2 วันนี้ไม่มีฟุตบอล
เลยนั่งดูเทนนิส wimbledon 2010 แทน


Góticas






โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:23:40:08 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ


ได้เลยครับ
รับรองผมไม่พลาดสักบล้อกอยู่แล้วครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:5:12:56 น.  

 
สวัดดียามเช้าครับถ้ามีข้อมูลดีๆ มาเพิ่มอีกอีกนะครับได้ความรู้ดี


โดย: ปุราณ วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:32:44 น.  

 
คุณก๋า... ในหนังสือยังมีอีกหลายภาพที่เห็นกันจนคุ้นแต่ไม่รู้จักเจ้าของผลงาน ไว้คุณก๋ารออ่านบล็อคต่อไปนะคะ จะได้รู้จักคนผู้ที่อยู่เบื้องหลังความงดงามของพระที่นั่ง หรือสิ่งก่อสร้างสไตล์ยุโรปในบ้านเราอีกหลายท่าน

บีจีอันนี้ดูเก่า ๆ ถูกใจดีค่ะ บอกชื่อเจ้าของบล็อคที่ไปแฮ่บบีจีมาผิด เป็นของคุณยายกุ๊กไก่ บล็อคเธอมีบีจีสวยเยอะเลยค่ะ

นัท...ตอนเราได้หนังสือเล่มนี้มาก็รู้สึกแบบเดียวกันเลยค่ะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ ได้รู้เรื่องเมืองไทยจากมุมมองของศิลปินอิตาเลียนที่เข้ามาทำงานในยุคพระพุทธเจ้าหลวง ซึ่งไม่เคยได้อ่านจากที่ไหนมาก่อน ถ้าชอบแบบนี้ ไว้อัพบทต่อไปเสร็จ จะแวะไปบอกให้มาอ่านต่อจ๊ะ

เราก็ชอบฟังเพลงลูกทุ่งเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเพลงเก่า ๆ ถึงยุคนี้เพลงลูกทุ่งจะแต่งได้ไม่เพราะเท่ายุคก่อน แต่นักร้องลูกทุ่งส่วนใหญ่จะร้องเพลงได้ดีกว่านักร้องสตริง อย่างน้อยเสียงต้องถึงและออกเสียงก็ชัดถ้อยชัดคำกว่า

คุณอ้อ...หนังสือเล่มนี้น่าอ่านจริง ๆ ค่ะ ว่าจะอัพให้อ่านตั้งนานแล้ว แต่ไม่ว่างพิมพ์กะสแกนรูปสักที สุดท้ายก็หาเวลาอัพได้สำเร็จ

คุณอร...ขอบคุณมากที่แวะมาบอกผลแข่งบอลนะจ๊ะ เขียนเม้นท์แล้วยังกะใช้โปรแกรมแปลเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

นอร์ช...เคยแต่ถูกเรียกว่าป้าไม่ก็ยาย หนักเข้าถึงขั้นทวดก็ยังเคย(ไม่ใช่ใครอื่น ก็ยัยหลานพจจอมซ่าเจ้าเก่าน่านแหละ ) มาเรียกว่าอะฮั้นว่าคุณหนู ทำเอาเขิลลลล

ดีใจที่นอร์ชชอบเพลงนะคะ เพลงเก่ากึ๋กมากกก อ่านประโยคแรกของบทนำแล้วก็นึกถึงเพลงนี้เลย ชื่อเพลง "กรุงเทพราตรี" ในเวบเจอแต่ที่เป็นคลิป โชคดีมีซีดีเพลงนี้อยู่เลยโหลดมาให้ฟังกัน ที่จริงนึกถึงเพลงกรุงเทพมหานครของอัศนี&วสันต์ด้วย แต่จังหวะเพลงมันโจ๊ะเกินเหตุ ไม่ค่อยเข้ากะโทนของบล็อคเท่าไหร่

เราก็ชอบประเทศอิตาลีมากค่ะ เคยไปทัวร์อยู่หนนึงเมื่อปีมะโว้ ได้เห็นงานศิลปะเต็มเมืองแล้วประทับใจมาก คนอิตาเลียนก็นิสัยน่ารัก คล้าย ๆ คนไทย หนังสือเล่มนี้เพื่อนของน้องชายที่เป็นคนอิตาเลียนให้มา ประโยคที่นอร์ชยกมานั่นเราอ่านแล้วก็ชอบเหมือนกัน เห็นได้ว่าศิลปินอิตาเลียนเหล่านั้นรักและให้เกียรติความเป็นไทยมาก พูดถึงตึกเก่าสวย ๆ ที่โดนทุบทิ้งแบบไม่เห็นคุณค่าแล้วก็ได้แต่เสียดาย ตึกที่สร้างใหม่ถึงจะสวยยังไงแต่คุณค่าก็ไม่มีทางเทียบกันได้เลยค่ะ

ขอบอก ทีแรกหาชื่อคนเขียนหนังสือไม่เจอทั้งที่พิมพ์อยู่ที่หน้าปกนั่นแหละ โก๊ะจริง ๆ เขาพิมพ์เป็นภาษาอิตาเลียนน่ะ พอนอร์ชพูดถึงคนแปลเลยมาดูอีกรอบ อาศัยที่เคยเรียนภาษาอิตาเลียนมานิดหน่อยเลยพอจะจำอ่านออก ที่แท้เขาก็พิมพ์บอกไว้หมดนั่นแหละ ทั้งคนเขียน คนถ่ายภาพ คนแปลภาษาไทยและอังกฤษ เลยพิมพ์ใส่ไว้ในบล็อคด้วย ส่วนชื่อผู้แปล อ่านภาษาอังกฤษแล้วไม่แน่ใจว่าภาษาไทยสะกดยังไง ต้องพึ่งพี่เกิ้ลจนหาเจอ ท่านชื่อ รศ.ชัตสุณี สินธุสิงห์ ท่านเชี่ยวชาญภาษาอิตาเลียนมาก ๆ เรียนจบ MA.(Italina  Language),Middle Bury College, สหรัฐอเมริกา ได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณวุฒิในการสอนภาษาอิตาลีในต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยสำหรับชาวต่างชาติแห่งเมืองเปรูจา ประเทศอิตาลี  (พ.ศ. ๒๕๑๖) และได้รับการประกาศเกียรติคุณจากรัฐบาลอิตาลี  มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น Cavauere Order of Merit of the Italian Republic (พ.ศ.2525) (ข้อมูลจากเวบ www.sf.ac.th)

คุณDingtech...ดีใจที่ทำบล็อคได้ถูกใจนะคะ พระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ห้านำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ประเทศมากมาย พระองค์ทรงมีสายพระเนตรยาวไกลจริง ๆ สมัยนั้นเป็นยุคล่าอาณานิคม พระองค์ทรงทำหลายอย่างให้ประเทศเราทัดเทียมประเทศมหาอำนาจ หนึ่งในนั้นก็คือสิ่งก่อสร้างสไตล์ยุโรปนี่แหละ ก็เพราะพระราชนิยมอันสูงยิ่งของพระองค์บวกกับฝีมือชั้นเยี่ยมของช่างชาวอิตาเลียน ถึงทำให้เมืองไทยมีสิ่งก่อสร้างงดงามอย่างที่เห็นกัน

เนื้อหาเล่มนี้น่าสนใจจริง ๆ ค่ะ อยากให้อ่านทั้งเล่มเลย พิมพ์ได้หลายบทแล้ว เหลือแต่โหลดรูป แต่คิดว่าคงจะไม่ดองบล็อคนานค่ะ

คุณพีช...ช่างสังเกตดีจังค่ะ เวลาอัพบล็อคใหม่ก็จะเปลี่ยนรูปในโปรไฟล์ ใช้วิธีนี้บอกเพื่อนบล็อคให้รู้ว่าอัพบล็อคใหม่แล้ว

เพลงน้ำตาแสงไต้เป็นเพลงที่รักที่สุดค่ะ เพลงนี้นอกจากเพราะมากแล้ว ประวัติความเป็นมาก็มหัศจรรย์ เลยประทับใจเป็นพิเศษ เพลงนี้มีหลายเวอร์ชั่น เพราะ ๆ ทั้งนั้น รวมไปถึงเวอร์ชั่นล่าสุดที่น้องกันสุดหล่อร้องด้วย เสียงเพราะได้ใจเหลือเกิน

คุณยุ้ย...ดีใจ ดีใจ อัพบล็อคนี้แล้วนึกว่าจะถูกบ่นว่าคุยเรื่องซีเรียสเกิน เป็นกำลังใจในการอัพบล็อคอย่างดีเชียวค่า

นึกว่าคุณยุ้ยตามป๋าไปเที่ยวทะเลด้วยซะอีก ป๋าเฮฮาร่าเริงเชียว เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้

คุณIM...บล็อคนี้เป็นบทนำเลยยาวน้อยกว่าเนื้อหาค่ะ บล็อคต่อไปรับรองยาวโลดดด อิ อิ

ชาวอิตาเลียนยุคนั้นที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยชอบความเป็นไทยทุกคนเลยค่ะ บางท่านไม่เคยรู้จักประเทศไทยเลย แต่พอได้มาทำงานที่บ้านเราก็จะชื่นชมความเป็นไทย และยกย่ององค์พระพุทธเจ้าหลวงอย่างสูงด้วย ท่านเหล่านั้นฝากฝีมือและผลงานอันเยี่ยมยอดไว้ในแผ่นดินไทยจริง ๆ ค่ะ

นึกแล้วคุณIMต้องชอบเพลงนี้ด้วย เพราะมากแล้วก็เข้ากะเนื้อหาดีเลยเลือกมาประกอบล็อคค่ะ

คุณเค็น..ในหนังสือนี้มีเรื่องราวของครูศิลป์ด้วยค่ะ เคยอัพ บล็อค ให้อ่านไปแล้ว แต่ใส่รูปไม่หมด ไว้จะอัพไว้ในบล็อคหัวข้อนี้อีกรอบ แล้วแปะรูปในหนังสือให้ครบเลยค่ะ

เดาตรงปล.ว่าคุณเค็นคงพิมพ์แล้วไม่เห็นตัวหนังสือ เลยเปลี่ยนฟอนท์ให้เป็นสีดำ น่าจะเห็นชัดขึ้นนะคะ


โดย: haiku วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:57:37 น.  

 

อุ้มชอบบ๊อกนี้มากกกกกกกกกค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:24:44 น.  

 
กลับมาอ่านคำตอบแล้วตามไปอ่านมาแล้วค่ะ พออ่านจบกลับไปที่บล็อก(เจอคุณ haiku มาสวนกัน) มาขอบคุณอีกครั้งนะคะ


โดย: chinging วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:27:54 น.  

 
ได้บรรยากาศจริงๆครับคุณไฮกุ ต้องค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆขอบคุณสำหรับสิ่งดีดีที่นำมาฝากครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:29:51 น.  

 
ได้ความรู้มากที่เดียวค่ะหม่อมป้า โจวลี่ชอบนะคำว่า"บางกอก"เนี๊ยะ ดูมันบ้านนอกดีถึงฝรั่งมันได้ยินค๊อกๆมันจะตีความไปสามง่ามสี่ง่ามก็เหอะ จริงๆโจวลี่มีclassic postcards of siam ด้วยค่ะซื้อมาจากนักสะสมสมัยก่อน แต่ของเดี๋ยนมันเป็นแบบโคปี้มาอีกทีนะฮะไม่ใช่อออริจินอล อิอิ ของแท้แค่postcardขาดๆก็หลายอยู๋นะฮะ


โดย: Million Stars วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:25:57 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไฮกุ
ได้อ่านเรื่องราวและดูภาพแล้ว
อยากให้ภาพในอดีตกลับมาจังเลยค่ะ
เงียบสงบ น่าอยู่มากๆเลย
ไม่เหมือนทุกวันนีั ยุ่งเหยิงไปหมด

เรื่องภาษานั้นนุ่นจะสอบข้อเขียนกลางเดือนนี้ค่ะ


โดย: Petite Elisa วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:05:47 น.  

 
งามงอน


โดย: ชัช (กู่ฉิน ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:52:08 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:00:47 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไฮกุ ...

อ่านไปแล้วก็เชือว่าไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่รักเมืองไทย
แต่ว่าฝรั่งต่างชาติทีเค้ารักประเทศไทยก็ยังมีอีกเยอะมากมายนะค่ะ
รักแบบที่ไม่ได้หวังอะไรเลยแต่ว่าเป็นความรักในเรื่องของ
ความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรืออะไรต่างๆ ก็แล้วแต่
นอกจากนั้นแล้ว เค้ายังสร้างอะไรไว้ให้อีกเยอะ เรียกว่าเป็นแก่น
ตั้งแต่แรกเริ่ม อ่านแล้วก็อบอุ่นหัวใจ

นอกจากอุ่นแล้วเรายังคิดตามไปอีกว่า .. แล้วสมัยนี้ล่ะ
อะไรมีปัญหารุมเร้าเกี่ยวกับไทยเรา .. คงไม่เฉพาะคนไทยเรา
เองล่ะค่ะที่รู้สึก เพราะคนอื่นๆ ที่รักด้วยความ "รัก" ก็รู้สึก
เหมือนๆ กัน

บ้านเมืองไทยไม่ได้สร้างกันง่ายๆ .. เรามีอะไรแต่เก่าก่อน มันเลยทำให้
เรามี ณ ปัจจุบัน ต่างชาติต่างเมืองเค้าเรียนประวัติศาสตร์
เพราะเค้าเชื่อว่าประวัติศาสตร์สร้างให้มีวันนี้ .. เพราะฉะนั้น
เรามีวันนี้ได้ เพราะประวัติศาสตร์แต่หนหลังเป็นรากฐานหยั่งลึก
เราเชื่ออย่างนั้นอ่ะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:59:30 น.  

 
แค่ดูภาพก็น่าอ่านแล้วนะเนี่ย


โดย: ณ มน วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:01:14 น.  

 
ภาพสวยมากครับ โดยเฉพาะภาพอยุธยาสวยจริงๆ

ปล.ตอนนี้ทีมที่ชื่นชอบจะแพ้หรือเปล่าไม่รู้


โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:14:37 น.  

 
สนุกมากคะ เป็นอีกเกมหนึ่งที่คุ้มค่าต่อการดูมากๆคะ
ครึ่งหลังทุกอย่างที่ Brazil ทำได้ครึ่งแรก กลับมาเป็น Holland เป็นผู้ทำทั้งหมด พอHolland ได้ลูกแรก จากการโม่งเข้าประตูตัวเองของ brazil ในครึ่งหลังทำให้ Holland มีความมั่นใจในการเล่นเกมส์ขึ้นอีกเยอะ Brazil จากที่เคยรุก กลับมาเป็นวิ่งตามตัดลูกจาก Holland ซึ่งHolland ก็ทำได้ดีมากเช่นกันเรียกว่า Holland คึกหึกเหิมขึ้นมาเลยทีเดียว จากนั้นอีกไม่นาน Holland ก็ได้อีกลูกหนึ่ง ที่นี้เรียกว่าที่ไม่เคยเห็นอาการ Nervous ของBrazil ก็มาเห็นตอนนี้ แล้วหนักยิ่งขึ้นเมื่อ Brazil โดนใบแดงเหลือ 10 คน เรียกได้ว่า brazil จิตตกไปเลย
ตกรอบไปอีก 1 ตัวเต็ง แล้ว
ตามลุ้นกันต่อไป คะ


โดย: cengorn วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:21:27 น.  

 
แวะมาทักทายตอนเช้ามืดก่อนค่ะ... แล้วจะแวะมาอ่านเต็มๆ อีกรอบ


โดย: namfaseefoon วันที่: 3 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:08:03 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:10:12 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณไฮที่รักอ่ะนะ อิอิ
แอบมาเม๊าท์ว่า เพิ่งได้หนังของพี่ชายมาอีกเรื่องค่ะ
ว่าจะดูคืนนี้อ่ะ ไม่รู้จะจัดสรรเวลาลงตัวรึป่าวอ่ะค่ะ
ภาพสุดท้ายครั้งก่อนอ่ะ สุดหล่อกึนซ๊อกค่ะ อิอิ

คุณไฮ เห็นข่าวที่ปั๊กจองฮา ฆ่าตัวตายแล้วใช่ไม๊คะ
โห..ข่าวนี้ช๊อคพวกเราจริง ๆ เลยนะคะ เสียดายและไม่เข้าใจมาก ๆ เลยนะ
ทำไม เราดูว่าเกาหลีเนี่ยเป็นพวกอดทน เข้มแข็ง แต่ ทำไมพวกเค้าช่างเซ๊นท์ซีทีฟ มาก ๆ เลยก็ไม่รู้เน๊อะ
เอะอะ ก็พากันฆ่าตัวตายอ่ะ และเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ๆ กันด้วยอ่ะนะมินว่า เฮ๊อ..
ปล. สดชื่น กับ วันหยุดพักผ่อน นะคะ




โดย: มินทิวา วันที่: 3 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:54:01 น.  

 
แวะ มา อ่าน ครู่ เดียว
ได้ ความ รู้ มาก มาย กลับ ไป
ขอ คำ นับ หนึ่ง ครั้ง

จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด


โดย: zoomzero วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:22:28 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:05:22 น.  

 
ชอบไรแบบนี้มากมากเลยครับ .. ชอบเรื่องเก่าๆๆแบบนี้มากมากเลยครับ ขอขอบพระคุณที่นำมาเสอนให้น่ะครับ


โดย: HAPPY 4TH OF JULY (everything on ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:46:00 น.  

 
น่าทึ่งจังค่ะ ขอบคุณที่นำมาฝาก ตอนนี้สาวกำลังอ่านเรื่อง สยาม คือบ้านของเรา เป็นบันทึกของมิชชันนารีชาวอเมริกันค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:42:58 น.  

 
คุณปุราณ...เม้นท์อันก่อนแปะแล้วไม่ทันดูว่าคุณปุราณมาหา เลยไม่ได้ตอบเม้นท์ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันนะคะ

คุณอุ้ม...ขอบคุณค่า เดี๋ยวอัพบล็อคใหม่เสร็จจะแวะไปบอกจ้า

คุณเค็น...ด้วยความยินดีค่า

ลุงกล้วย...ดีใจที่คุณลุงก็ชอบบล็อคนี้นะคะ เข้าโหมดผู้สูงวัย เล่าเรื่องเก่าให้ฟัง อิ อิ

หลานพจ...ที่จริงป้าก็ชอบ "บางกอก" มากกว่า "กรุงเทพฯ" นะ แล้วก็ชอบคำว่า "สยาม" มากกว่า "ประเทศไทย" ฟังเพราะกว่ากันเนาะ รู้สึกว่าสมัยที่ยังใช้คำว่า "บางกอก" หรือ "สยาม" เป็นยุคบ้านดีเมืองดี ผู้คนยิ้มแย้มมีความสุข

พูดถึงโปสการ์ดแล้วอยากเห็น ลองไปค้นในกูเกิ้ล เจอหลายรูปเลย สวยดี ไม่รู้ว่าใช่ชุดเดียวกะหลานพจมีหรือเปล่า แฮ่บมาประดับบล็อค ถ้าใครอยากดูต่อก็ตามไปดูในเวบนี้ได้ค่ะ classicsiam.blogspot













คุณนุ่น...กะลังคร่ำเคร่งกับการเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่ ยังอุตส่าห์แวะมาเยี่ยมกัน ขอบคุณมากค่ะ ใกล้สอบแล้วคงยิ่งยุ่งหัวฟู ยังไงก็ขอให้สอบได้คะแนนสูง ๆ นะคะ

คุณชัช...

คุณก๋า...ขอบคุณมากที่แวะมาคับพ้ม

คุณนิด...จริงอย่างคุณนิดว่าเลยค่ะ เมืองไทยใคร ๆ ก็รักเนอะ ไม่ทราบว่าคุณนิดเคยดูรายการ "เรารักเมืองไทย" ทางช่องเก้าหรือเปล่าคะ เราชอบรายการนี้มาก แขกรับเชิญเป็นชาวต่างชาติที่รักเมืองไทย ส่วนใหญ่จะลงหลักปักฐานนานหลายปี แต่ละคนชื่นชมความเป็นไทยมากจริง ๆ และทำตัวเป็นประโยชน์กับชุมชนของตัวเอง รู้สึว่าพวกเขารักและเห็นคุณค่าประเทศไทยมากกว่าคนไทยบางคนซะอีก พิธีกรก็เหมาะมาก นายแอนดี้เข้าใจตั้งคำถาม แล้วทำตัวกลมกลืนกะแขกได้ดีขนาด

ณ มน...ภาพในเล่มสวย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ รับรองว่าถูกใจคนชอบถ่ายภาพอย่างณ มนแน่นอนจ๊ะ

ลุงแอ๊ด...ชอบภาพอยุธยาเหมือนกันค่ะ ชอบโทนสีของภาพ ดูเย็นตาดีเหลือเกิน

ปล. ลูกกลม ๆ เอาแน่ไม่ได้เนาะ ไม่รู้ว่าทีมไหนเป็นทีมโปรด ยังไงก็ขอให้ทีมที่ลุงแอ๊ดชอบได้แชมป์ค่า

คุณอร...ขอบคุณผู้สื่อข่าวจำเป็นที่แวะมารายงานข่าวให้อ่านนะจ๊ะ บรรยายบอลได้ไม่แพ้มืออาชีพเลยเชียว ออกอารมณ์มันส์ตามไปด้วย อิ อิ

คุณฝน...มาอ่านบล็อคนี้จบแล้วก็ตามไปอ่านต่อบล็อคหน้าได้เลยจ้า

คุณมิน...เอ คุณมินได้ซีรีส์ของพี่ชายเรื่องไรมาน้า ดูจบแล้วอย่าลืมมาเม้าท์ให้ฟังด้วยนะจ๊ะ

ดูข่าวยองฮาแล้วช็อคมากเลยค่ะ คิดไม่ถึงจริง ๆ ดูเขาเล่นซีรส์มานานมาก ตั้งแต่ Winter Love Song นู้นแน่ะ น่าเสียดายเนอะ ยังหนุ่มแน่นอยู่มาก ไม่น่าคิดสั้นเลย แต่แกคงหาทางออกไม่เจอจริง ๆ เลยตัดสินใจทำแบบนั้น ข่าวว่ากลุ้มเรื่องพ่อเป็นมะเร็ง แล้วบริษัทที่ทำก็มีปัญหา หลัง ๆ มานี่ดาราเกาหลีฆ่าตัวตายเป็นว่าเล่นเลย สองปีมานี้นับนิ้วได้เกือบสิบคนแล้วมั้ง

ขออนุญาตแปะรูปอำลาอาลัยซะหน่อย เสียดายหารูปได้ไม่หมดทุกเรื่อง เรื่องแรกที่เราได้ดูละครของเขา Winter Love Song (เพลงรักในสายลมหนาว)




ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเรื่องแรก Loving You (คลื่นรักทะเลใจ)




A Man's Story หรือ The Slingshot ยังไม่ได้ดู




On Air ก็ยังไม่ได้ดูเหมียนกัน




เถียนมี่มี่เวอร์ชั่นเกาหลี เล่นคู่กะอึนเฮ น่าเสียดาย ถ้าได้เล่นเรื่องนี้มีสิทธิ์ดังโลด




บางคนอาจไม่รู้ว่าเขาเป็นนักร้องเสียงดีมาก เคยดูเขาไปร้องเพลงในรายการเพลงของญี่ปุ่น Music Station สาวยุ่นกรี๊ดกันลั่นห้องส่งเลย




เกือบลืมไป เคยเล่น mv กับพี่ชายด้วย ชื่อ "2008 Love Song"



คุณพี่ซูม...แวะมาแสดงว่าคอมอาการดีขึ้นแล้วสิคะ ดีใจที่แวะมานะคะ คุณพี่เขียนเม้นท์เป็นไฮกุ น้องก็เอาอย่างมั่ง

ขอบคุณที่แวะมา
เห็นหน้าเพียงครู่ก็ชื่นใจ
นั่งยิ้มแป้นคนเดียว (อิ อิ )

คุณแมท...ถ้าไม่เห็นชื่อใหม่ก็ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันชาติของมะกัน ถ้าชอบก็แวะมาอ่านอีกนะคะ บล็อคหน้าจะอัพให้อ่านต่ออีกค่ะ

คุณสาว...ดีจัง คุณสาวก็ชอบเรื่องเก่า ๆ ด้วย ในหนังสือยังมีเรื่องให้ทึ่งอีกเยอะเลยค่ะ หนังสือที่คุณสาวกะลังอ่านเข้ากั๊นเข้ากันกะบล็อคนี้เลยนะเนี่ย


โดย: haiku วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:59:25 น.  

 
ชอบภาพเก่าๆแบบนี้จัง


โดย: หญิง (Rachelying ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:45:20 น.  

 
ถ้าชอบก็แวะมาอีกนะคะ ไว้เราอัพบล็อคหมวดนี้ต่อเมื่อไหร่จะแวะไปเคาะบอกค่า


โดย: haiku วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:53:37 น.  

 
น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ พ่อเขยของคุณตาก็เป็นกลุ่มที่มาพร้อมกับท่านอ. ศิลป์ เป็นช่างชาวอิตาเลี่ยน นี่เเหละค่ะ จำได้คุณตาชี้ให้เห็นตอนเป็นเด็กๆ น่าจะ 8 ขวบ เวลาผ่านตึกแดง ที่เส้นราชดำเนิน ว่าพ่อภรรยา (แหม่มอิตาเลี่ยน) ออกแบบไว้ แต่เราเป็นเด็กก็เลยไม่ได้ใส่ใจนัก เสียดายเชียวค่ะ ตอนนี้คุณตาก็จากไปแล้ว พี่น้องทางภรรยาแหม่มก็เสียชีวิต ตอนนี้มาอยู่อิตาลี ก็เลย หากันไม่เจอเลย...

ลองเข้าไปดูความ 140 ปึความสัมพันธ์ ไทย-อิตาลี งาน Thai Celebrations Night กันดูนะค่ะ
Thai Celebrations Night เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา เป็นงานที่จัดขึ้น ที่ Salone Delle Fontane ที่ EUR ROME , ITALY
เป็นงานฉลองความสัมพันธ์ 140 ปี ไทย-อิตาลี 1868-2008 ภาพสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ไทย-อิตาลี จะเห็นได้ว่า ทางอิตาลีเป็น มงกุฏที่ทำจาก ใบ laurel ที่จะเห็นได้จากจักรพรรดิจะสวมใส่เพื่อเเสดงถึงตำเเหน่งและความทรงเกียรติ ส่วนของประเทศไทยจะเป็นดอกมะลิที่ร้อยเป็นมาลัย ที่มีความสำคัญในพิธีกรรมต่างๆ แสดงออกถึงความรัก ความเคารพ ที่เราบูชาพระ สิ่งศักดิ๋สิทธิ์ หรือให้กับผู้ที่มีพระคุณ ซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดีในความหมายของ 140 ปี ไทยอิตาลี

และยังเป็นสิ่งที่เป็น hight light พิเศษ คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนกรุงโรม อิตาลี เป็นครั้งแรก และได้พบปะกับ พระสันตปะปา Giovanni xxiii มาเป็นเวลา 50 ปี ก่อน พร้อมทั้งเป็นเวลาครบรอบ 50 ปี การบินไทยและการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย
เเละยังได้มีการเปิดตัวหนังสือ ภราดามหามิตร ไทย-อิตาลี ที่ เป็นภาษาอิตาเลี่ยนว่า Boun Fratello e Amico (บวน ฟราเทลโล เอ อะมิโก) เเปลว่า พี่ชายและสหายที่ดี เป็นพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่กล่าวเมื่อครั้งมาเยือนอิตาลีเป็นครั้งแรก ภายในเนื้อหาของหนังสือ จะกล่าวถึงรายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญคือ สถาปัตยกรรมที่มีชื่อ ที่ได้เชิญสถาปนิกจากอิตาลีไปออกแบบให้กับประเทศไทย เช่น สถานีรถไฟหัวลำโพงที่เป็นแบบมาจากสถานีรถไฟ ที่ Turino Porta Nuova Train Station, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, พระที่นั่งอนันตสมาคม, รัฐสภา และอื่นๆ ที่สำคัญมากมาย

ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่า ทางไทยเราจะมีความสัมพันธ์กีบทางอิตาลีอย่างยาวนาน แม้กระทั่งจะเป็นอาหารการกิน และวิธีการดำเนินชีวิตซึ่งจะกล่าวให้ฟังในบทต่อไป
ภายในงานมีการแกะสลักผลไม้ การเเจกร่มกระดาษสา ที่ใส่ชื่อผู้ที่มาร่วมงาน มีการนวดไทยให้คนละ 5 นาที อาหารไทยและอิตาเลี่ยน รับรอง
และการกล่าวเปิดงานจากท่านเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงโรม ท่านสมศักดิ์ สุริยะวงศ์ พร้อมคำกล่าวของผู้อำนวยการการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย และ ผู้อำนวยการการบินไทย มีการแสดงต่างๆ มากมาย เช่น โขน การเชิดหุ่น การรำต่างๆ ปิดท้ายงานมีการรำวงกับผู้ที่เข้ามาร่วมในงานเป็นที่สนุกสนานมากค่ะ และได้รับเกียรติพูดคุยกับท่านทูตอย่างเป็นกันเอง ไปติดตามชมบรรยากาศภายในงานกันค่ะ




โดย: ไกลสุดฟ้าแค่เอื้อม (PinePh ) วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:22:04:10 น.  

 
ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยมและบอกข่าวที่น่ายินดีมาก ๆ แถมได้รู้ข้อมูลดี ๆ ด้วย รู้สึกทึ่งจริง ๆ ค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รู้จักคนที่ใกล้ชิดกับศิลปินชาวอิตาเลียน ที่เราหาเรื่องราวมาอัพบล็อค ดีใจที่ได้รู้จักกัน ไว้เราอัพบล็อคใหม่ก็แวะมาคุยกันอีกนะคะ

ขอบคุณมากที่หาคลิปมาฝากด้วย ถ้าคุณไม่เข้ามาบอกก็ไม่รู้เลยว่า ที่อิตาลีจัดงานฉลองความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แต่ก่อนเราก็ไม่รู้หรอกว่าไทยกับอิตาลีมีความสัมพันธ์มายาวนานมาก มาทำบล็อคนี้ถึงได้รู้ อ่านเรื่องราวที่คุณเล่าแล้วอยากไปในงาน อยากได้หนังสือ ที่สำคัญอยากไปเที่ยวอิตาลีอีกรอบ อิ อิ

คนอิตาเลียนเป็นคนน่ารักนะคะ นิสัยดี รักครอบครัวคล้ายคนไทย หนังสือที่เอามาอัพนี่ เพื่อนน้องชายที่ทำงานที่สถานทูตอิตาลีเป็นคนให้มาค่ะ


โดย: haiku วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:21:08:57 น.  

 
ค่ะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ถ้ามาอีกแวะมาหานะค่ะ อยู่ที่โรมนะค่ะ แต่ก็จะไปเมืองไทยเร็วๆ นี้ถ้ามีโอกาศ น่าจะได้พบกันนะค่ะ ขอบคุณที่ไปตอบกลับที่ blog ถ้าไม่ไปตอบกลับคงไม่ได้อ่านแน่เลยว่าเข้าไปเยี่ยม blog ด้วยค่ะ ขออนุญาตแอดเลยนะค่ะจะได้ไม่หายไปไหน :) ถ้าทราบว่าหนังสือมีที่ไหนจะส่งข่าวไปค่ะ วันที่ไปงานวุ่นๆ เก็บ ภาพกับ video เลย ไม่ได้ถามเรื่องหนังสือเลย แต่ถ้าทราบจะส่งข่าวไปนะค่ะ


โดย: ไกลสุดฟ้าแค่เอื้อม (PinePh ) วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:4:52:04 น.  

 
ขอบคุณมากที่กลับมาคุยกันอีก แล้วก็ขอบคุณเรื่องหนังสือด้วยนะคะ

ตะกี้แวะไปที่บล็อคคุณอีกรอบ แต่เข้าไม่ได้ ไว้จังหวะดี ๆ ค่อยแวะไปอีกละกันน้า


โดย: haiku วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:16:05:04 น.  

 
ข้อมูลที่ลงในบล็อกนี้มีความรู้มาก


โดย: กาญ IP: 113.53.154.106 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:31:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.