► ►► . . . .โ บ ก มื อ ล า. .ต ะวั น ลั บฟ้ า ที่ .บ า ง แ ส น . ต อ น จ บ . . ◄ ◄◄
พักอีก 1 วันครับ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว คือมาถึงบางแสนราวๆบ่ายสี่โมงเย็น เมื่อปีที่แล้ว ตอนมาที่นี่ครั้งแรก นั่งรถแดงมาตามคำบอกกล่าวของคนในพื้นที่ ราคาค่าโดยสาร 10 บาทถ้วน ตอนนั้นนั่งเลยหาด เพราะไม่คิดว่าหาดมันจะใกล้ขนาดนี้ คือ จากหน้าม.บูรพามา นิดเดียวเอง คราวนี้ก็เลยตัดสินใจเดินเอาครับ กะว่าจะเดินซึมซับบรรยากาศไปเรื่อยๆ ได้ซึมจริงๆครับ ซึมทั้งบรรยากาศ ซึมทั้งเหงื่อ
ผมเดินตั้งแต่หัวหาด เป้าหมายคือ “แหลมแท่น” ซึ้งอยู่ท้ายหาด จากภาพ จะเห็นว่าที่ลูกศรชี้แดงๆนั่นแหละครับ คือศาลาอันเป็นที่ตั้งของแหลมแท่น ระยะทาง(ที่มารู้ทีหลังคือ ราวๆ 3 กิโลเมตรกว่าๆ)
.
. . .
เดินไป ถ่ายรูปไป แดดก็แรงสมเป็นทะเล มะพร้าวก็ดกสมเป็นมะพร้าวทะเล
. . . . กิจกรรมยอดฮิตติดลมบนของที่นี่ คือ บานาน่าโบ้ท ที่จะลากเราแล้วก้พาเราคว่ำหนึ่งที ให้เราตกน้ำ ให้เราร้องกรี๊ดๆ แต๋วแตกขณะนั่งแหกขา สนนราคา น่าจะรอบละแพงอยู่ ได้ยินคุยกัน 2 รอบ สามร้อย รึไงนี่แหละ
. . . . ถนนริมหาดของบางแสน มีถนนที่ถัดจากชายหาดขึ้นมาที่เป็นทรายบดแน่น กับส่วนที่ถัดขึ้นมาจากตรงนั้นอีก ทำด้วยหินแกรนิต ห้ามรถวิ่งบนส่วนนี้นะครับ เวลาเม็ดทรายบดกับพื้นหินแกรนิตเพราะแรงกดจากพื้นรองเท้ายางของเรานี่ เล่นเอาเสียวฟันน่าดูชม ผมเลยตัดสินใจลงไปเดินบนทรายสบายฟันกว่า
. . . . ตอนที่ไป พระอาทิตย์ก็ใกล้จะเลิกงานแล้วเนาะ หลายคนที่นี่ก็เลิกงานพร้อมพระอาทิตย์ หลายชีวิตเริ่มขนของกลับบ้าน ขนเรือ ขนเก้าอี้ รถคันนี้ก็มาขนเรือ หรือเพิ่งขึ้นมาจากน้ำก็ไม่แน่ใจ?
. . . . .
วันอังคารแบบนี้ คนก็ยังเยอะพอสมควร ลูกเด็กเล็กแดงเล่นน้ำกันคึกคัก ว่ากันว่า น้ำทะเลที่นี่ ค่อนข้างไม่สะอาดนัก ไม่แน่ใจว่าเล่นอยู่ดีๆจะได้ปลามาม่าเหมือนหาดแม่รำพึงรึเปล่า
. . . . ถ่ายป้าย
. . . . ตะวันใกล้ลับขอบฟ้าและโผล่ขึ้นทางอเมริกาเต็มที เย็นย่ำแบบนี้ หลายคนมาตกปลาจากทะเลไปกินแบบสดๆจนน่าอิจฉาคนถิ่นนี้
. . . . บางคนก็เก็บหอย คาดว่าน่าจะเป็นหอยเสียบ
. . . . และแล้วก็เดินทางมาถึงแหลมแท่น ตามตำนานว่ากันว่า พระชายาดารารัศมีธิดาของเจ้าเมืองเชียงใหม่ของรัชกาลที่ห้า มาพักรักษาตัวที่นี่ เป็นคนตั้งชื่อให้จากลักษณะหินที่เป็นก้อนใหญ่เบิ้มอยู่แถวนั้น
ผมใช้เวลาเดินจากหัวหาดมาท้ายหาด 1 ชั่วโมงเต็มๆ ตอนนี้ ห้าโมง สิบเก้านาที น้ำทะเลกำลังลด เลยได้เห็นหาด เพราะปีที่แล้ว มาช่วงน้ำขึ้น เห็นชายหาดสั้นนิดเดียว น้ำลด ตอก็ผุดขึ้นมาเหนือน้ำ
. . . . แสงสีทอง สาดส่องย่านนั้น เสียงนกทะเลร้องโวยวายสงสัยมันทะเลาะกันเรื่องรัง โดยเฉพาะบนต้นโพธิ์ต้นนั้น เสียงมันดังไปไกลหลายสิบเมตร เป็นต้นไม้ที่นกชุมมากๆ
. . . . มองมาอีกฟากฝั่งหนึ่ง ซึ่งก็คือแหลมแท่น ก็จะเห็นแสงสีทองบะลั่กกักสาดส่องอยู่เช่นกัน มนุษย์แต่ละคนที่บังเอิญเดินอยู่แถวนั้น ก็พากันหน้าเหลืองตัวเหลืองเหมือนเป็นดีซ่าน
. . . . ศาลาริมน้ำของที่นี่ รกไปหน่อย น่าจะหาคนมาดูแลกวาดพื้นบ่อยๆ และก็ หาดอกไม้มาปลูก สร้างชีวิตชีวาให้มันหน่อยจะดีกว่านี้มาก หรือเขาจะชอบแบบแข็งๆกันก็ไม่รู้นะครับ
. . . . เอาเลนส์กล้องส่องไปทางพระอาทิตย์ เราจะได้ภาพแบบนี้ แลกกับการที่เซ็นเซอร์กล้องเกือบจะพัง อย่าทำบ่อยนะครับ เซ็นเซอร์กล้องก็เหมือนตาคน จ้องมองพระอาทิตย์ตรงๆแบบนี้ ดีซะที่ไหน
. . . . คนตกปลา ไม่รู้กำลังนั่งมองขอบฟ้า หรือรอปลามากินเหยื่อกันแน่
. . . . พระอาทิตย์เลิกงาน เป็นสัญญานว่าวันนี้จบสิ้นแล้ว จบการแสดง จบบทบาทประจำวันนอกบ้าน มนุษย์เดินทางกลับบ้าน ไปแสดงบทในบ้านกันต่อ จะมีฉากเลิฟซีนไหม? บางคนถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ ก็ แล้วแต่ว่างานเครียดและหมดแรงแค่ไหนนะครับ ฉะนั้น อย่าเครียดกับงานมาก ไม่ดี
. . . . ร้านค้าฝั่งตรงข้ามเริ่มเปิดไฟสว่างวาบ ทำอาหารตามออเดอร์ซึ่งลูกค้าก็มักจะสั่ง แล้วเอามานั่งกินริมทะเลกัน
. . . . เป็นฉากชีวิตที่น่าจะชินชาสำหรับคนที่นี่ แต่สำหรับคนต่างถิ่นเช่นผม มันน่าตื่นตาตื่นใจเสมอ
. . . . ขากลับ ถามน้องพนักงานเซเว่นว่ามีวินมอไซค์แถวนี้ไหม จะไปคิวรถตู้? น้องบอกว่า ไม่มีนะพี่ พี่ต้องเดินไปตรงหัวโค้งแล้วขึ้นรถสองแถวไป โอ้ กรรม ผมก็ทำตามนั้น เดินไปรอรถไป ก็ไม่เห็นรถมันมา ก็เดินมันไปเรื่อยๆ ถึงคิวรถจนได้
นั่งรถกลับเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวาย ปะปนไปกับผู้คนแปลกหน้าที่มากมาย กับรูปถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก ว่ากาลครั้งหนึ่ง สมัยยังหนุ่ม เราเคยมาเยือนบางแสน . . . . ลงนาม เป็ดสวรรค์
Create Date : 14 ธันวาคม 2554 |
|
47 comments |
Last Update : 16 ธันวาคม 2554 0:13:09 น. |
Counter : 2522 Pageviews. |
|
|
|
น่าไปเที่ยวบ้าง
.....................
ถ้ามีเวลา น่าไปสัมผัส
ความหนาว ทางเหนือ
แล้วมาเล่ากันมั่งเนาะ
.....................
สวัสดียามดึกเนาะ