|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Papaya Cranberry Scone Recipe
มาแล้ว ฉบับอ้วนๆ ในที่สุดก็อดที่อบขนมปังอย่างใดอย่างหนึ่ง ชนิดใดชนิดหนึ่งไม่ได้ และก็อยากลองในอย่างที่อยากจะลองแต่ไม่ได้ลองซักกะที เวลาดูฟู๊ดเนทเวิร์คแล้วมักจะเห็นป้า Ina Garten ทำอยู่หลายครั้ง ก็อยากทำมั่ง ดูเหมือนจะไม่ยาก และคิดว่าจะยากเลยไม่แตะ และ...แป้ง เนย น้ำตาล .. ล้วนแล้วแต่ไม่น่ารู้นะคะว่าทำมาจากอะไร แคอลรี่เท่าไร .. ลืมมันซะชั่วคราว มาเตือนความจำการอบวันนี้ด้วย.. สโคนผลไม้แห้ง.. ค่ะ เมนูผู้ดีอังกฤษ อิๆ ต้องกินกับน้ำชาเป็นอาหารว่าง หรือเป็นอาหารเช้า อะไรก็แล้วแต่ ในความรู้สึกตอนนี้มีอย่างเดียว คือ...อยากทำค่ะ ส่วนคนกิน...เดี๋ยวหาทีหลังนะ:p ตัดสูตรให้เล็กๆสุดๆแล้วกัน และสูตรวันนี้ได้ดัดแปลงมาจากป้า Ina Garten เนี่ยแหละค่ะ กูเกิ้ลเสิร์ชหาได้ทั่วไป แต่วันนี้ดัดแปลงเอาซะจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ฮ่าๆๆ ไม่เอาลิงค์มาลงนะคะ เพราะเสิร์ชหาได้ง่ายมาก มีหลายเวบที่เอามาลงและมาทำ ลองใส่ชื่อป้าเค้ากับคำว่าสโคนก็จะหาเจอค่ะ พูดถึงป้าในรายการของเค้าอย่าง Barefood Contessa ป้าเค้าอาจจะไม่ใช่สไตล์ของหลายคน แอนน์ถามพี่เคเลน พี่เค้าก็ว่าเสียงป้าไม่น่าติดตาม น่าเบื่อ แม้แอนน์จะเห็นด้วยนะ(คนเราชอบไม่เหมือนกัน)แต่แอนน์กลับรู้สึกว่าแอนน์มองผ่านตรงนั้นไปเพราะมีความรู้สึกว่าอาหารเค้าหน้าตาดี โดยเฉพาะขนมอบ ครัวเค้าก็สีเรียบๆ ไม่เยอะเกิน คือแต่ละโฮสก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองอ่ะนะ แต่ป้าก็เป็นหนึ่งในคนโปรดของแอนน์ ชีวิตการแต่งงานของป้าก็ติดในใจแอนน์ แต่งงานมานานกว่าทั้งชีวิตของแอนน์อีกนะ และเค้าอ้วนก็จริง แต่ดูหน้าตาแล้วอายุมากขนาดนี้ก็ถือว่าไม่แก่เลยนะ โม้พอเป็นกระสัยเนอะ มาดูเนื้อเรื่องหลักกันดีกว่า...
ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่เคยกินสโคนนะคะ เคยกินแต่มันแค่นับครั้งได้ ไม่แน่ใจหรอกว่าจริงๆควรจะเป็นเนื้อยังงัย จำได้คลับคล้ายคลับคลาที่เคยกินของสตาร์บั๊ค แบบมินิ ราคาตั้ง 70 cents นะคะถ้าจำไม่ผิดอ่ะ เล็กว่านี้สองเท่าได้ ว่าของเค้าก็อร่อยดีอยู่เหมือนกัน แต่ออกหวาน เพราะไม่มีผลไม้แช่เชื่อมแห้งมาสับใส่ เคยกินแบบเลมอนป๊อปปี้ซี๊ด แต่ตามสูตรนี้แล้วเค้าใส่น้ำตาลไม่เยอะอ่ะ คาดว่าคงเพราะว่ากัดไปต้องไปเจอผลไม้แห้งหวานๆ จะเข้ากันพอดี หรือถ้าไม่มีผลไม้ สูตรนี้คงเป็นแนวใส่แยมกินมากกว่าที่จะเป็นของหวานหลังอาหารนะ ทีนี้เลยไม่รู้แน่นอนหรอกว่าสโคนจริงๆแล้วควรจะเป็นยังงัย จากการกินและเทียบดู มันคล้ายๆกับบิสกิตมากกว่า แต่เครื่องจะต่างกันนิดหน่อย และส่วนมากแล้วจะตัดเป็นสามเหลี่ยมแนวนี้แหละ ซึ่งก็ไม่เสมอไป แล้วแต่.. ทำกลม ทำเหลี่ยม แบบไหนก็ได้ สูตรนี้ได้กินแล้วก็อร่อยดีเหมือนกัน มันจะแห้งกว่าบิสกิตหน่อยอ่ะ แต่ว่าอาหารเช้าแบบง่ายๆเร็วๆ อันนี้ก็ดีเหมือนกันนะ แถมยังทำไม่ยากอย่างที่คิดเลยนะ โม้ไปมา อย่าเสียเวลาเลย ไปดูสูตรกันดีกว่าเนอะ.. สโคนมะละกอกับแครนเบอรี่แห้ง 1 ถต. แป้งอเนกประสงค์(all-purpose flour) 1/2 ชต. น้ำตาล(อันนี้ใครชอบหวานคงต้องเพิ่มไปอีกนะคะ..แล้วแต่ผลไม้แห้งค่ะว่าหวานแค่ไหน) 1/2 ชต. เบคกิ้งพาวเดอร์(ผงฟู..ใช่ไม๊คะ....หรือราวๆ 1+1/2 ชช.นะคะ) 1/2 ชช. เกลือ 3 oz. เนยเย็นๆตัดเล็กๆไว้ อันนี้เนยแบบแท่งมีขีดบอกไว้ชัดเจนค่ะ 1 ไข่ไก่ 1/4 ถต. เฮฟวี่ครีม (แต่แอนน์ใช้นม 2%milk ค่ะ) 3 oz. ผลไม้เชื่อมแห้งสับหยาบ (วันนี้แอนน์มีมะละกอแห้งกับแครนเบอรี่แห้งค่ะ)คลุกแป้งซัก 1 ชช.เอาไว้ค่ะ แอบผสมถั่ววอลนัทลงไปด้วย กรุบๆ ไข่ไก่ตีใส่กับน้ำ 1 ชต.ให้เข้ากันสำหรับทาหน้าก่อนอบ วิธีทำ ---เปิดเตาอบไว้ 400 F เตรียมถาดอบใส่กระดาษปูสำหรับอบด้วยค่ะ ไม่มีไม่เป็นไรค่ะ แกะไม่ค่อยยากเท่าไรนักแต่ต้องใช้ที่แซะแบนๆหน่อยมาแซะออก ---ผสมส่วนผสมแห้งไว้ในอ่างผสม(แอนน์ใช้เครื่องคิทเช่นเอดตั้งโต๊ะค่ะวันนี้..หัวใบไม้นะคะ) ---เอาเนยเย็นใส่ลงไป ตีด้วยความเร็วช้าสุดจนเป็นเม็ดเล็กๆ คือไม่ละเอียด และไม่เป็นก้อนแยกกันก็พอ ---ตามด้วยไข่ไก่ซึ่งผสมกับครีมหรือนมตีให้เข้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็เอามาเทลงไปในส่วนผสมแป้ง ---พอเข้ากันดี อย่าตีนานไป ก็เอาผลไม้แห้งมาคนให้เข้ากัน ถ้าใช้เครื่องก็ให้เครือ่งหมุนซักสองสามทีก็ปิด แต่แอนน์ใช้พายยางคนให้เข้ากัน พอเข้ากันก็พอค่ะ ---ทีนี้เอาพายกรีดขอบ เอาออกมาจากอ่างผสม ปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วเอามาคลึงบนเขียงใหญ่ๆที่โรยด้วยแป้งบางๆกันติด ไม่ต้องคลึงนาน แค่ปั้นให้ก้อนไม่แตก กลม แบน ได้ความหนาประมาณ 3/4" เป็นอันพอ เอามีดครัวนั่นแหละค่ะมาตัดเหมือนพิซซ่า แอนน์ตัดได้ 6 ชิ้นไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป รอยตัดนั่นจะทำให้สโคนดูสวยดีค่ะ อย่าไปตกแต่งอะไรอีกนะคะ ---เอามาวางเรียงบนถาดอบห่่างๆกันพอควร ทาหน้าด้วยไข่ผสมน้ำนั่น แล้วก็โรยด้วยน้ำตาลเล็กน้อยให้ทั่วหน้าสโคน ถ้าได้น้ำตาลเม็ดใหญ่จะสวยดีนะคะ กรุบๆน้ำตาลด้วยค่ะ ---อบประมาณ 20-25 นาทีนะคะ เอ..ของแอนน์เนี่ยปาเข้าไปตั้ง 28 นาทีนะคะ ก็แล้วแต่เตาอบด้วยค่ะ ออกมาหน้าเหลืองนวลแบบนั้นแหละค่ะ กินอุ่นๆอร่อยดี กินกับกาแฟรสไม่หวานนักเนี่ย เข้ากันดีจังค่ะ ไม่อยากจะคิดถึงน้ำชายามบ่ายเลย อิๆๆ
ใช้เวลาในการทำไม่นานจริงๆนะคะ มะละกอสีสุดยอดเลยค่ะ แย่งซีนแครนเบอรี่ไปเฉยเลยค่ะ :)
ชีวิตประจำวัน ช่วงนี้แอนน์มีการอัพบล๊อค อัพไดถี่เนอะ มันก็หลายอย่างนะ คือ..ตกงานแล้วงัย แล้วก็ทาสีห้องแต่ละห้องอยู่ แต่อยู่บ้านงัยเลยแว่บๆมาพิมพ์สูตร หรือโม้ไปตามประสาคนอยู่บ้านคนเดียว แต่หายไป นานๆเม้นท์ที อิๆ แบบว่าอัพเสร็จก็ไปทำงานเป็นช่างทาสีต่องัย เกือบเสร็จแล้วล่ะ แต่ดันมาเจอหินซะก่อน คือว่าสีที่ซื้อมาสำหรับห้องล่าสุด เราซื้อแบบทรายปนมาด้วย และซื้อกากเพชรมาโรยด้วย ทำให้ดูเหมือนหินแกรนิท เป็นงัยล่ะ แค่บอกเล่าหรือแค่เห็นตัวอย่างก็ตื่นเต้นว่าห้องจะสวยแน่ๆ แต่...การณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด!! มันทายากสุดๆ!! แพงกว่าสีธรรมดาปรกติตั้งเท่าหนึ่ง และยังต้องซื้อกากเพชรอีกหกเหรียญมาโรยอีก สีธรรมดากระป๋องครึ่งก็ทาได้ทั่วห้อง แต่สีนี้.....กระป๋องเดียวทาได้ด้านเดียวค่ะ ฮือๆๆ แล้วอีกสามด้านที่เหลือล่ะ ต้องผลาญเงินไปเท่าไรเนี่ย ยังไม่ได้บวกค่ากากเพชรต่อกระป๋องนะเนี่ย แต่เราสองคนก็ได้แต่ปลอบใจกันว่า"ช่างมันเหอะ..มาขนาดนี้แล้ว..เดินหน้าแก้ปัญหากันต่อไป" จริงๆเรากะไว้แล้วจากประสบการณ์ว่าทาสีกี่วันห้องจะเสร็จ แต่มาเจอแบบนี้ก็เซ็งสิคะ แทนที่จะได้รีบออกไปหางานทำ เอาเงินไปกินข้าวที่เมืองไทย :D เลยต้องยืดเวลาไปอีกอาทิตย์นึงเป็นอย่างต่ำ ใครจะทาสีก็คิดดีๆนะคะ มีตังค์ มีเวลาก็อดทนทำให้เสร็จได้ แต่เรา..จำกัดทั้งสองอย่าง:( แถมอีกนะคะ คือทาเสร็จสองชั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นในตัวอย่างด้วยนะ มันด่างตามรอยฟองน้ำโรลเลอร์ที่เราใช้ทาเลยค่ะ เซ็งไม๊ล่ะ สีแบบนี้ทาหลายชั้นมากไม่ได้นะ เพราะเค้าผสมทรายมา มันจะยิ่งหนาน่าเกลียด แล้วเราเลยกลับไปซื้อสีมาเพิ่มอีกสองกระป๋อง ระหว่างนั้นเราก็เลยไปอ่านหลักการทาสีชนิดนี้ เค้าให้ทาชั้นแรกด้วยฟองน้ำโรลเลอร์ก่อน แล้วชั้นสองก็ทาด้วยแปรงใหญ่ ทาแบบตัว X แพทเทิร์น เป็นงัยล่ะ ก่อนซื้อก็น่าจะศึกษากันก่อน ความไม่รู้เนี่ยเลยแหละ เลยเป็นประสบการณ์บอกต่อกันไปเลย ตอนนี้เลยต้องซื้อสีเดียวกันแต่ไม่มีทรายมารองพื้นก่อน คิดว่าน่าจะกันสีด่างได้ เซ็ง!!!! ตอนนี้ต้องกลับไปทาสีต่อละค่ะ
ขอบอกว่าเมื่อวานเมาสีค่ะ
ClayAnn
Create Date : 03 มีนาคม 2553 |
Last Update : 3 มีนาคม 2553 0:11:07 น. |
|
24 comments
|
Counter : 1132 Pageviews. |
|
|
|
โดย: น้ำฝน (CeciLia_MaLee ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:3:14:34 น. |
|
|
|
โดย: pim(พิม) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:7:02:39 น. |
|
|
|
โดย: Vizenza วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:7:53:08 น. |
|
|
|
โดย: popang (popang ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:8:59:19 น. |
|
|
|
โดย: APPLEAIR วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:9:47:56 น. |
|
|
|
โดย: ผ้าไหมไทย วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:11:06:29 น. |
|
|
|
โดย: vekalover วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:11:15:46 น. |
|
|
|
โดย: น้องกระชาย (กระชายน้อย ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:14:53:29 น. |
|
|
|
โดย: Roseshadow วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:15:02:16 น. |
|
|
|
โดย: Ann Arbor วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:21:34:46 น. |
|
|
|
โดย: - Porfai - วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:22:37:22 น. |
|
|
|
โดย: Beebie วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:11:08:19 น. |
|
|
|
โดย: bb_bon วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:20:10:30 น. |
|
|
|
โดย: ซามอ วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:22:26:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Texas United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
เป็นคนไทย อยากกินอาหารไทย แต่อยู่ไกลบ้าน เลยต้องหาทำกินบนเวบ ในขณะเดียวกัน ได้ความรู้ได้สูตรมาจากคนอื่นก็อยากบอกต่อ และแบ่งให้คนอื่นเหมือนที่ได้จากคนอื่นๆมาเช่นกัน
ครัวบ้านนี้ไม่มีมาตรฐาน อยากกินยังงัย อยากทำอะไรก็ทำ ตามมีตามเกิด ตามอยาก เสียมากกว่า ไม่คิดมาก เป็นไปตามอารมณ์คนธรรมดาๆคนนึง ตามอารมณ์"แม่ครัวจอมมั่ว"คนนึง
แม่ครัวจอมมั่วก็ไม่ได้หัดทำแต่อาหาร แต่ว่ายังหัดทำงานฝีมือด้วยนะคะ อิๆ แต่ทำอันไหนก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันหรอกค่ะ ถ้าเปิดร้านก็คงต้องชื่อ"ร้านพอใจ"
***ถ้าหากมีคำถามที่ต้องการคำตอบ*** ตามจี้ได้ที่เฟซบุ๊คเพจข้างล่างนี้นะคะ เพราะมันจะได้ไปเตือนให้มาตอบ ฮ่าๆ เพราะปรกติอัพแล้วหายตัวบ่อยอ่ะค่า ^^" ฝากข้อความหลังไมค์ก็ไม่ค่อยได้เช็คเพราะปรกติไม่ค่อยมีใครมาด้วยอ่ะค่ะ ที่เฟซบุ๊คก็มีหลังไมค์ด้วยนะคะ
ขอบคุณเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ (^^) : : : v
|
|
|
|
|
|
|