| สิงคโปร์มีอาหารให้เลือกกินมากมายในหลายระดับ หลายราคา | | | สิงคโปร์ แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นประเทศที่มีมีชื่อด้านอาหารการกินไม่น้อย สำหรับหนึ่งในวัฒนธรรมด้านอาหารการกินที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวสิงคโปร์ก็คือ วัฒนธรรม Hawker(ฮอว์เกอร์หรือฮอว์กเกอร์) ซึ่งวันนี้ทางการท่องเที่ยวสิงคโปร์(Singapore Tourism Board) ได้ชูฮอว์เกอร์เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเลือกสำหรับคนที่รักด้านอาหารการกินและผู้ที่อยากสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของสิงคโปร์ กินอร่อยที่ Hawker ในสิงคโปร์ที่มีศูนย์อาหารมากมายนับเป็นร้อยๆทั่วประเทศนั้น ได้มีการแบ่งรูปแบบของศูนย์อาหารออกเป็น 2 ประเภทอย่างเด่นชัด |
| ฟูด คอร์ตในสิงคโปร์ ปัจจุบันมีการตกแต่ง พัฒนารูปแบบเพื่อดึงดูดให้คนมาใช้บริการมากขึ้น (ภาพ : expatbrian.files.wordpress.com) | | | ประเภทแรก ฟูด คอร์ต (Food Court) เป็นศูนย์อาหารที่พบได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ หรือตามอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันหลายแห่งมีการตกแต่งบรรยากาศอย่างสวยงาม เพื่อดึงดูดเชิญชวนให้คนมานั่ง โดยการสั่งอาหารก็เน้นบริการตัวเองเป็นหลัก ส่วนอีกประเภทคือศูนย์อาหารแบบ ฮอว์เกอร์(Hawker (Food) Centres) ที่สามารถเลือกหากินได้ทั่วไปมีเปิดกระจายอยู่เป็นจำนวนมากทั่วประเทศ |
| ฮอว์เกอร์ วัฒนธรรมการกินอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของคนสิงคโปร์ | | | ฮอว์เกอร์ เป็นวัฒนธรรมการกินอาหารของคนสิงคโปร์ที่มีมาแต่เก่าก่อน ดั้งเดิมเป็นร้านริมทางจำพวกร้านรถเข็น หาบเร่ ที่มารวมกลุ่มกันขายอาหารตามสถานที่ต่างๆ(คล้ายย่านขายอาหารริมทางหรือตลาดโต้รุ่งของเมืองไทย) ต่อมาเพื่อความสะอาด สุขอนามัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทางรัฐบาลสิงคโปร์ได้ยกเลิกร้านหาบเร่ รถเข็นตามฮอว์เกอร์ ต่างๆ แล้วจัดระเบียบใหม่ให้เปลี่ยนมาขายอาหารในรูปแบบของศูนย์อาหาร (Food Centre) ที่มีลักษณะเฉพาะ มีการแบ่งร้านเป็นล็อกๆเรียงแถวติดๆกัน ขายอาหารต่างๆ สารพัดสารพัน |
| หนึ่งในฮอว์เกอร์สไตล์ของสิงคโปร์ในปัจจุบัน | | | ฮอว์เกอร์นับเป็นแหล่งรวบรวมอาหารจานเด็ด อาหารท้องถิ่น และอาหารขึ้นชื่อในระดับเมนูลายเซ็นของสิงคโปร์เอาไว้ บางร้านขายมานานหลายสิบปี มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าร้านที่ขายอาหารประเภทเดียวกันในภัตตาคารหรูเสียอีก ปัจจุบันฮอว์เกอร์มีทั้งที่ตั้งอยู่ริมทางเป็นศูนย์อาหารกลางแจ้งคล้ายตลาดโต้รุ่ง(ปัจจุบันมีเป็นส่วนน้อยไม่กี่แห่ง) และเป็นศูนย์อาหารในร่มที่มีลักษณะเฉพาะ(ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ส่วนใหญ่เน้นบริการตัวเอง แต่ก็มีบาง Hawker ที่สามารถสั่งอาหาร บอกหมายเลขโต๊ะ จ่ายเงิน แล้วอาหารก็จะมาเสิร์ฟความอร่อยให้ถึงที่ |
| ร้านอาหารในฮอว์เกอร์หลายแห่งเป็นร้านชื่อดังมีคนมาเข้าคิวยาวรอซื้ออาหารกันเป็นประจำ | | | ฮอว์เกอร์ กับ ฟูดคอร์ต แม้จะมีลักษณะเป็นศูนย์อาหารเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ในที(โดยเฉพาะในวิถีของชาวสิงคโปร์) โจเซฟฟิน ไกด์สาวชาวสิงคโปร์ผู้คุ้นเคยกับการทำทัวร์คนไทย ได้อธิบายถึงความต่างระหว่าง ฮอว์เกอร์ กับ ฟูดคอร์ต ว่า ฟูดคอร์ต นอกจากจะอยู่ในห้างฯ ในศูนย์การค้าแล้ว ยังเป็นศูนย์อาหารที่ติดแอร์(เครื่องปรับอากาศ) ขณะที่ฮอว์เกอร์นั้นไม่ติดแอร์ |
| รูปแบบของร้านอาหารทั่วไปในฮอว์เกอร์ส่วนใหญ่ | | | ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความต่างอันเด่นชัด ระหว่างศูนย์อาหารทั้งสองก็คือ เรื่องของ ราคา ราคาอาหารที่ฮอว์เกอร์ส่วนใหญ่จัดอยู่ในขั้นย่อมเยา ส่วนราคาอาหารในฟูดคอร์ตจะแพงกว่าที่ ฮอว์เกอร์อย่างเห็นได้ชัด(2-3 เท่าตัวหรือมากกว่านั้น) และนี่ถือเป็นตัวตัดสินใจสำคัญให้คนสิงคโปร์รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก เดินเข้าไปกินอาหารในฮอว์เกอร์จนเกิดเป็นวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้น |
| ฮอว์เกอร์ส่วนใหญ่เน้นบริการตนเองเป็นหลัก | | | 5 ฮอว์เกอร์ ยอดฮิต นักกินไม่ควรพลาด ในบรรดาฮอว์เกอร์ที่มีอยู่มากมายนับร้อยนั้น มีฮอว์เกอร์อยู่จำนวนไม่น้อย ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมของอร่อย และนี่ก็ คือ 5 ฮอว์เกอร์ยอดนิยมที่มีคนบอกต่อ และปรากฏในหนังสือไกด์บุ๊คจำนวนมาก นิวตัน ฟูด เซ็นเตอร์ (Newton Food Centre) : ฮอว์เกอร์ชื่อดังที่มีบรรยากาศเปิดโล่ง เปิดประมาณบ่ายโมงถึงรุ่งสาง มีอาหารเด่นได้แก่ อาหารทะเลปิ้งๆย่างๆ ขนมผักกาด(Carrot Cake)ในสูตรเด็ดสไตล์สิงคโปร์ที่ขึ้นชื่อ ปอเปี๊ยะ สะเต๊ะ และก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่เนื้อปลาเด้ง แน่น หนึบ |
| แมกซ์ เวลล์ ฟูด เซ็นเตอร์(ภาพ : //www.yoursingapore.com) | | | แมกซ์ เวลล์ ฟูด เซ็นเตอร์ (Maxwell Food Centre) : ที่นี่เคยเป็นตลาดสดมาก่อน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1930 ได้เปลี่ยนมาเป็นศูนย์อาหารแบบฮอว์เกอร์ ประกอบไปด้วยร้านอาหารมากมายให้ลิ้มลองความอร่อยกันกว่า 100 ร้าน เปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม มีอาหารเด่นดังที่นักกินไม่ควรพลาด อย่าง ข้าวมันไก่ไหหลำ โจ๊กต่างๆ หรือเมนูท้องถิ่นอย่าง โรจัก(Rojak)ที่ใส่ผักผลไม้ โรยถั่วป่น ราดน้ำจิ้มสีเข้มรสหวานข้น รวมไปถึงของทอดต่างๆที่เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดของที่นี่ |
| เลา ปา ซาต์ ฮอว์เกอร์ในบรรยากาศคลาสสิก (ภาพ : englishgirlinasia.files.wordpress.com) | | | เลา ปา ซาต์(Lau Pa Sat) : เป็นฮอว์เกอร์ในบรรยากาศสุดคลาสสิกภายใต้อาคารโครงสร้างสไตล์วิคตอเรียนที่หลงเหลือมาจากอดีต ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1894 จากที่เคยเป็นตลาดเก่ามาก่อน ได้ทำการปรับปรุงเป็นฮอว์เกอร์ขาดใหญ่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันเด่นมากในเรื่องของอาหารท้องถิ่น อาทิ สะเต๊ะ ที่มีขายกว่า 10 ร้าน มีให้เลือกทั้งไก่ เนื้อ(วัว)กุ้ง แกะ ฯ อาหารทะเลปิ้งย่าง ชาก๋วยเตี๋ยว(Char Kway Teow) เป็นก๋วยเตี๋ยวผัดใส่ซีอิ๊วด้วยเส้นแบน(คล้ายเส้นใหญ่แต่เล็กกว่า) ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูลายเซ็นของสิงคโปร์ มากันสุตรา กลันตัน เบย์(Makansutra Gluttons Bay) : ฮอว์เกอร์กลางแจ้งในอารมณ์ตลาดโต้รุ่งบ้านเรา เปิดตั้งแต่เย็นถึงรุ่งสาง ประกอบด้วยร้านชื่อดังมากมาย โดยมีเมนูเด่น ได้แก่ อาหารทะเลที่นำด้วยปูผัดซอสพริก อาหารขึ้นชื่อประจำชาติสิงคโปร์ที่คนไทยชื่นชอบ ผัดหมี่โกเร็งที่เป็นสูตรเฉพาะตัว รวมไปถึง ข้าวมันไก่ เมนูปลาต่างๆ ก๋วยเตี๋ยว ปีกไก่ย่าง สะเต๊ะ ของทอด ของปิ้งย่าง ขนมผักกาด ฯลฯ |
| เทียง บาห์รู อีกหนึ่งฮอว์เกอร์ที่มีของกินหลากหลาย | | | เทียง บาห์รู (Tiong Bahru Market) : ฮอว์เกอร์ที่นี้ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตลาดสดเทียง บาห์รู (เห็นแล้วชวนให้นึกถึงศูนย์อาหารที่สามย่านของกทม.ในสมัยก่อน) เปิดตั้งแต่เช้าตรู่ยันค่ำ อาหารให้เลือกกินหลากหลาย ที่เด่นๆก็เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำซุปสาหร่าย ขนมผักกาด ชา กาแฟ หอยทอด ฯลฯ และนั่นก็คือ 5 ฮอว์เกอร์คัดสรรที่โดดเด่น ซึ่งสนนราคาก็ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่สั่ง แต่ส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นของอาหารจานเดียวอยู่ที่ประมาณ 3 เหรียญสิงคโปร์ (เหรียญสิงคโปร์(S$) 1 S$ ประมาณ 25 บาทไทย) นอกจาก 5 แหล่งกินดังกล่าวแล้ว ในสิงคโปร์นี้ยังมีฮอว์เกอร์ให้เลือกกินกันอีกหลากหลาย สำหรับคนสิงคโปร์แล้ว แม้ภาพรวมโดยทั่วไปอาจจะถูกต่างชาติหลายประเทศมองว่าวิถีของชาวเมืองลอดช่องไร้ชีวิตคล้ายหุ่นยนต์(ซึ่งคนสิงคโปร์เองต่างก็ยอมรับ) แต่หากนักท่องเที่ยวต่างแดนได้ไปตามฮอว์เกอร์ต่างๆนอกจากจะได้กินอาหารอร่อยมากหลายแล้ว ยังได้สัมผัสกับวิถีของชาวสิงคโปร์ที่ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวาไม่น้อยเลย |
| ฮอว์เกอร์กับสีสันในวัฒนธรรมการกินของคนสิงคโปร์ | | | |
***************************************** |