ข้าวห่อกาบหมาก อิ่มอร่อยกับภูมิปัญญาไทย ใส่ใจโลก
ภาชนะที่เราเอาไว้ใช้ใส่อาการการกินนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ถ้วย หม้อ ฯลฯ หรือในปัจจุบัน หากซื้ออาหารกลับบ้านก็นิยมใส่ถุงร้อน (ถุงพลาสติก) หรือกล่องโฟม ซึ่งของเหล่านี้แม้ว่าจะมีประโยชน์จากความสะดวกสบาย แต่ก็กลายเป็นโทษ และเป็นขยะล้นโลกเมื่อสิ้นสุดการใช้
แต่ภูมิปัญญาไทยๆ ของเรานี่แหละที่สามารถนำผลผลิตจากธรรมชาติ มาใช้ในการห่อข้าวปลาอาหารเพื่อพกติกตัวไปกินได้ อย่างการนำ กาบหมาก มาเป็นภาชนะสำหรับห่อข้าวติดตัวไปกินเวลาไปทำไร่ทำสวน หรือเข้าป่า
กาบหมาก ที่ว่านี้ ก็คือกาบของต้นหมาก ซึ่งเป็นส่วนที่หุ้มลำต้น นำไปล้างทำความสะอาดแล้วตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ยาวพอเหมาะ จากนั้นลอกส่วนที่แข็งๆ ด้านนอกออกจนบางได้ที่ ก็สามารถนำไปห่อข้าวได้เลย ส่วนเชือกที่นำมามัดให้เป็นห่อ ก็ได้มาจากกาบหมากส่วนที่ลอกทิ้งไป นำมาฉีกเป็นเส้นๆ ก็จะได้เชือกจากกาบหมากที่เหนียวกำลังดี
ซึ่งการใช้กาบหมากมาห่อข้าวนี้ ก็มีมานานมากแล้ว ลักษณะก็คล้ายกับการใช้ใบตองหรือใบบัวมาห่อข้าวนั่นเอง โดยจะเลือกอาหารแห้งๆ อย่างเช่นข้าวสวย น้ำพริก-ผักต้ม ปลาทอด ฯลฯ หรืออาจะห่อข้าวผัดน้ำพริกเหมือนอย่างที่ บ้านห้วยแร้ง อ.เมือง จ.ตราด
ที่นี่จะใช้ข้าวผัดน้ำพริก ลักษณะคล้ายกับข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ โดยมีเครื่องเคียงอื่นๆ คือ ปลากรอบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไข่เค็ม แตงกวา และสับปะรด ตัดข้าวใส่กาบหมาก ตามด้วยเครื่องเคียงต่างๆ พับกาบหมากด้านข้างเข้าหากันทั้งสองด้าน จากนั้นก็พับกาบหมากด้านล่างและด้านบน ห่อข้าวด้านในให้มิดชิด(บ้างก็มีการรองด้วยใบตองอีกที) แล้วใช้เชือกจากกาบหมากมัดให้แน่น ใช้เชือกอีกเส้นมาทำเป็นสายสะพาย ก็สามารถสะพายข้าวห่อกาบหมากไปกินได้ทั่วพารา
ข้อดีของการใช้กาบหมากมาห่อข้าวก็คือจะทำให้ข้าวมีกลิ่นหอม การใช้กาบหมากเป็นการเลือกใช้ทรัพยากรที่หาได้ง่ายๆ ในท้องถิ่น ใช้เสร็จแล้วก็สามารถทิ้งไว้ได้เลยตามป่าตามเขา เพราะกาบหมากนั้นย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เป็นขยะพิษเหมือนกับการใช้ภาชนะพลาสติก
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
//www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9560000141880
| Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556 |
| Last Update : 18 พฤศจิกายน 2556 20:46:52 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1511 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [
