กลับถึงอเมริกาแล้ว งานศพพ่อเรียบร้อยดีคะ
กลับมาอเมริกาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวาน 19 มีนาคม 2555 ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ให้กำลังใจผ่านบล๊อค พี่ตา อยากเล่าเรื่องการเดินทางซึ่งค่อนข้าง ฉุกละหุก มันก็เป็นประสบการณ์อีกอย่างที่ต้องเดินทางแบบเร่งด่วน หลังจากจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว ได้ตั๋ว เดินทางจาก ฮุสตัน เครื่องออก 8.27 น. เช้า ไปถึงสนามบิน San francisco 11.02 น. แต่ เครื่อง ดีเล เครื่องออกช้ากว่าปกติ ประมาณ ชั่วโมง ดังนั้น เครื่องที่นั่งไปเนี่ยจะถึง San Francisco ช้า ถึง 12.45 น. ตามกำหนดการที่จองตั๋วไว้ จะต้องไปต่อเครื่องที่ San Fran เพื่อ ไป ฮ่องกง เครื่องออกจาก San Fran 1.17 น. แต่ เครื่องมาช้า ฉันมีเวลาแค่ ไม่ถึง ครึ่งชั่งโมง จะต้องเดินไป ประตูทางออก ซึ่งก็ไม่รู้จะไปทางไหน ซึ่งไม่เคยมาต่อสนามบิน ซานฟรานเลย กลังตกเครื่องมากเลย ระหว่างบินจากฮุสตัน ก็ถามพนักงานบนเครื่อง บอกว่าฉันต้องไปต่อ สายการบิน UA เพื่อไปฮ่องกง แต่ว่า จะไม่มีเวลา จะทำอย่างไรดี มีเวลาไม่ถึง ครึ่งชั่วโมงในการเดินไปต่อสายการบิน ua แล้ว ก็ได้ที่นั่งด้านท้ายเครื่องอีกต่างหาก ทำงัยให้ฉันไปได้ทันเครื่องต่ไปได้บ้าง
ฉันตกเครื่องบินที่ไปฮ่องกงไม่ได้เลย ฉันต้องการไปให้ทันเผา ศพ พ่อของฉัน พนักงานต้อนรับบนเครื่อง ก็เป็นผู้ชายนะยะ ก็รีบบอกว่า เดี๋ยวจะพาเราไปให้ถึงประตูทางออกที่เครื่องบินจะบินไปฮ่องกง ให้ทัน ไม่ต้องห่วง แต่เราไม่สามารถออกจากเครื่องบินเร็วได้ เพราะว่า ต้องตามกันออกไป ซึ่ง พนักงานต้อนรับบอกว่า ต้องทันแน่นอนจะช่วย แล้ว พนักงานก็ไปทำงานต่อ แต่ว่าเห็นมีหลายคนที่ถามคำถามเดียวกันบางคนก็ไปต่อสายการบินอื่น ๆ เช่นกัน กลัวไม่ทัน ดูวุ่นวาย นิดหน่อยบนเครื่อง
ซักพักใหญ่ พนักงานคนเดิมที่บอกจะช่วย ก็เดินมาพร้อม ผรั่งผู้โดยสาร เหมือนกัน เดินมาแนะนำให้รู้จัก ว่า สุภาพบุรุษท่านนี้ก็ไปต่อสายการบินท่ี่จะไปฮ่องกง สายการบินเดียวกับเรา ฉะนั้น ให้เรา กับผู้หญิงอีกคน เดินตามผู้ชายคนนี้ไป จะได้เร็วขึ้น เพราะว่า เขารู้ทางไปที่ประตูทางออก เร็วกว่าจะไปเดินหาเอง แล้วสุภาพบุรุษท่านนั้นก็บอกว่า พอเครื่องจอดเมื่อออกจากตัวเครื่องแล้ว เขาจะไปรออยู่ด้านหน้า แล้วเราจะเดินไปพร้อมก้ัน แต่คงต้องเดินเร็วหน่อย เพราะว่า เวลาไม่มีมากนัก เป็นอันว่า มีเพื่อนแล้ว ใจชื้นหน่อย แล้วเวลา ก็มาถึง เมื่อออกจากเครื่องก็วิ่งอย่างเดียวเลยคะ คุณผู้ชายก็กึ่งเดิน กึ่งวิ่ง ให้ทันเวลา แล้วก็มาถึง ประตู ที่ 95 ซึ่งเป็นประตูทางออกไปขึ้นเครื่องไปฮ่องกง เป็นเวลาที่เขาเรียกผ้โดยสารขึ้นเครื่องแล้ว เป็นเวลาที่เฉียดฉิวมากมาก แล้ว พนักงานต้อนรับคนนั้น ก็อุสส่าห์ เดินมาหาถึงประตูที่ 95 ซึ่งไกลไม่ใช่เล่น แล้วก็มาบอกว่า อยากมาดูว่า เราได้ขึ้นเครื่องทันไปฮ่องกง ทัน แล้ว ก็เข้ามากอดเรา ก็คงเห็นว่า เราจะได้กลับไปทันเอาศพพ่อ เราก็รีบขอบคุณในน้ำใจของเขา เช่นกัน เมื่อถึงฮ่องกง ก็ต้องไปต่อสายการบินไทย กลับเมืองไทย สนามบินฮ่องกง ก็ไม่เคยมาด้วยอีกแล้ว แต่การต่อเครื่องก็ไม่ยากเท่าไหร่เพียง มองตามป้าย tranfer เขาจะมีรูปสัญลักษณ์ เครื่องบิน คน เครื่องบิน ใครอ่านภาษาไม่ออกก็สามารถเดาได้ไม่ยากเลยคะ แล้วก็ลงไปรถไฟ เหมือนรถไฟฟ้า ไปทำการตรวจเช็คกระเป๋า ก่อนชึ้นเครื่อง เขาอยูด่อีกตึกหนึ่ง แต่สะดวกมาก มีป้ายบอก แล้วก็ลงมาขึ้นรถไฟ กลับมาที่ตึกเดิม ซึ่ง เป็น International แล้ว ก็ดูตารางบินว่าเราบินกับสายการบินอะไร ประตูออกเท่าไหร่ แล้วการเดินทางก็เกือบถึงบ้านแล้ว ขึ้นสายการบินไทย กลับบ้านที่เมืองไทย เสียดายเป็นเวลาบินสั้น สองชั่วโมงนิด ๆ แต่ รู้สึกได้เลยว่า ไม่มีสายการบินใด ๆ ในโลก จะดีเท่าสายการบินไทยอีกแล้ว เสียดาย ตั๋วแพง อิอิ กลับถึงบ้าน เกือบ ห้าทุ่ม นอน ตื่นเช้า ต้องไปงานเผาศพพ่อ สรุปว่า ทุลักทุเลพอสมควรในการบินกลับบ้านแบบเร่งด่วนแบบนี้ เวลาต่อเครื่อง ก็นิดเดียว แต่ทุกอย่างก็ถึงที่หมายเรียบร้อยคะ รุ่งขึ้นก็ไปทันทำบุญเลี้ยงพระหน้าศพก่อน เผา ไปถึงก็ไปเคราะโรงศพของพ่อ บอกว่า ตามาถึงแล้วน๊ะพ่อ ตามาทันส่งพ่อไปสวรรค์แล้วน๊ะ ไม่ต้องห่วง
ได้ทำการ เผาศพพ่อเรียบร้อย เก็บกระดูกเช้า เตรียมทำบุญ 7 วันให้พ่อ พี่ ๆ บอกว่าจะนำกระดูกพ่อไปลอยที่สัตหีบ
หลังทำบุญ 100 วัน เราตคงไม่ได้กลับมาทำบุญ 100 วันพ่อ แต่จะให้แม่กับน้า ๆ ทำบุญให้พ่อที่ตึกที่พ่ออยู่ ซึ่งพ่อก็ยกให้เราเรียบร้อยแล้ว
ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ให้น้าจัดการให้หมด
มีเรื่องแปลก ที่ไม่คิดว่าจะเกิด คือว่า พ่อมีเซฟ อยู่อันหนึ่ง ซีึ่งแกมีอะไรจะเก็บไว้ในนี้ พอพ่อเสีย พี่สาว คนที่ 3 ก็ยกเซฟ ไปเก็บไว้่ก่อน
ซึ่ง พี่ชายคนโต ไม่ถูกกัน คือว่า พี่ชาย สองคน พี่สาว สองคน ไม่ค่อยกินเส้นกัน แบบนี้มานานแล้ว ซึ่งพี่ชาย พี่สาว เป็นลูก พ่อ แม่เดียวกันส่วนเราเป็นลูกคนเล็กกับแม่คนที่สอง คือพ่อเดียวกัน คนละแม่ คราวนี้ก็มีปัญหาจะเปิดเซฟของพ่อ แต่ดันไปอยู่กับพี่สาวคนที่ 3 วันรทำบุญพ่อ 7 วัน อาผู้หญิง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ของพ่อเหลืออยู่คนเดียว มาที่บ้าน บอกว่า พ่อไปตามให้มาที่บ้าน อาบอกว่า ไปไหนก็เห็นแต่พ่อเดินมาตรงหน้า หันไปไหนก็เห็น เลยต้องให้ลูกชายขับรถมา ซึ่งพอมาก็เจอกับ เรา พี่ ๆ น้อง ๆ จัดการไม่ลงตัวเกี่ยวกับทรัพย์สินของพ่อ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย เพียงแต่คนเราไม่รู้จักพอเท่านั้นเอง แต่สำหรับเรา ถือว่า พ่อให้แล้ว ก่อนพ่อเสีย เมื่อ 6 เดือนก่อน ที่กลับเมืองไทย ใครเคยอ่านบล๊อคเก่าคงททราบว่ากลับเมืองไทยกระทันหันเช่นกันตอนนั้น
สรุปอาต้องมาจะธูปบอกว่า อามาแล้ว จะให้ความเป็นธรรมกับหลาน ๆ เป็นคนกลางให้เอง ไม่ต้องห่วง เราก็ขนลุกน๊ะ เหมือนกับพ่อจะรู้ว่าอะไรมันจะเกิดหลังพ่อเสีย สำหรับเราเป็นน้องคนเล็ก ก็ไม่พูดอะไรดีกว่า เขาจะมีอะไร จะแบ่งอะไร ก็เท่านั้น ให้ก็เอา ไม่ให้ก็ไม่เอา เลยออกความเห็นว่าในเมื่อคิดว่า จะจัดการส่วนที่พ่อมีอยู่ให้ก็ควรจะเปิดกลอ่งเซฟของพ่อ ให้ก่อนที่เราจะกลับอเมริกา เราไม่มีเวลามากมายนัก ตกลงก็จัดการเปิดเซฟ ซึ่งก็มีพวกโฉนดที่ดิน มีคนมาจำนองไว้ มีเงินสด พระเก่า ธนัตร ธกส ซึ่งมากพอสมควร เลยต้องตกลงกันว่า จะแบ่งคนละเท่า ๆ กัน 5 ส่วน แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องตั้งผู้จัดการมรดกขึ้นมา โอ๊ย มันยุ่งยาก แต่ละคนก็ไม่ยอมกัน ให้อีกคนเป็นผู้จัดการมรดก ฉะนั้น เรื่องก็ยังไม่จบง่าย ๆ เราเลยบอกว่า เราจะกลับวันจันทร์น๊ะ จะจัดการอย่างไรก็โทรมาบอกด้วยแล้วกัน ซึ่งเราเซ็นมอบอำนาจให้น้าสาวเราเป็นคนจัดการเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ....เบื่อ
กลับมาถึงเมื่อวานเย็นวันจันทร์คะ เครื่องช้านิดหน่อย เพราะว่า อากาศที่เท็กซัส ลมแรง พาเครื่องบินที่นั่งมา สั่นคลอนนิดหน่อย แต่ก็ถึงที่หมายปลอดภัยคะ ได้หยุดวันหนึ่ง นอนตื่นเมื่อบ่ายนี้เอง หลับจนพี่โจอี้ต้องเข้ามาดู คิดว่าเป็นอะไรไป เหนื่อยเท่านั้นเอง ชีวิตเดินหน้าต่อไปคะ มีแรงมีกำลังทำงาน กันต่อไป ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันนะคะ
Create Date : 21 มีนาคม 2555 |
|
15 comments |
Last Update : 21 มีนาคม 2555 5:28:07 น. |
Counter : 1546 Pageviews. |
|
|
|