อำลา...เจ้าปลาซิว
เมื่อตอนปีใหม่ปลาซิวได้จากบ้านเราไปแล้ว ด้วยอายุประมาณ 13-14 ปี ปลาซิวเป็นหมาอีกตัวหนึ่งที่อยู่กับเรามานาน เพราะฉันกับน้องชายไปเอามาเลี้ยงตั้งแต่อยู่มัธยมฯ
ตอนนั้นหลังจากที่เจ้าด่างตายตอนอายุ15 ปี เจ้ากี้และเจ้าดิ๊กเจ้าหมาที่โตมากับเราสามพี่น้องพร้อมใจกันตายพวกเราก็ไปหาน้องหมาสารพัดชื่อมาเลี้ยง แต่ก็อยู่ไม่ได้นานสักตัว ต้องมีอันเป็นไปหมด โดนยาเบื่อบ้าง โดนรถชนบ้าง พวกเราเสียใจจนไม่อยากจะเลี้ยงอีกต่อไปแล้ว แล้วเราก็นึกได้ว่าเจ้าหมา 3ตัวแรกในชีวิตของพวกเราน้าๆ ไปเอามาจากบ้านน้องชายตา ก็เลยชวนน้องชายไปดู
พอไปเจอฉันถูกชะตากับหมาอีกตัวหนึ่งเป็นตัวผู้ขนฟูหูตูบ เพราะมันเดินตรงเข้ามาหาแล้วเลียมือฉันอย่างไม่เกรงกลัวพ่อตั้งชื่อให้ว่าพังพอน ส่วนน้องชายถูกชะตากับลูกหมาตัวเมียหูตั้ง ฉันเรียกมันว่าปลาซิว เพราะตอนนั้นมันยังเป็นขี้เรื้อนจนตาฟางทั้งคู่ เราเลยเอามันไปอาบน้ำใส่ยาฆ่าเหาทุกวัน เจ้าปลาซิวกลัวจนฉี่ราดทุกที พออาบน้ำบ่อยเข้าขนมันก็สะอาดเป็นมันเลื่อม ตามัวๆ ก็หายไปกลายเป็นสดใส แล้วพังพอนกับปลาซิวก็อยู่กับเราตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ไม่รู้เพราะเหตุนี้รึเปล่า เจ้าปลาซิวถึงไม่ชอบอาบน้ำเอาซะเลย ยิ่งแก่ก็ยิ่งเป็นขี้เรื้อน ฉันจะจับอาบน้ำก็ไม่ให้จับ นอกจากแม่ (ซึ่งมันคงคิดว่าเป็นจ่าฝูง)มันก็ยอมให้แค่พ่อมัน (น้องชายฉัน) จับอาบน้ำได้คนเดียว จนฉันงอนมันไปหลายรอบ (งอนได้แม้กระทั่งหมา)
ปลาซิวอยู่กับเรามานานจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ไม่ว่าเราจะหายไปนานแค่ไหน ทั้งตอนไปเรียนกลับเทอมละครั้ง หรือตอนมาทำงานกลับปีละไม่กี่ครั้ง พอกลับบ้านไปมันก็ยังจำได้เสมอ วิ่งกระดิกหางมาต้อนรับทุกครั้งไป
ก่อนปีใหม่ แม่โทรมาบอกว่าซิวมันไม่มากินข้าวหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าไปนอนตายที่ไหน พอกลับไปถึงบ้าน ฉันก็เดินเรียกหาจนรอบบ้าน ส่องดูตามพุ่มไม้ก็หาไม่เจอ จนตอนเย็นมันเดินโซซัดโซเซมาทิ้งตัวลงตรงหน้าแล้วกระดิกหางให้
ปลาซิวผอมมาก โทรมมากกว่าเมื่อครั้งสุดท้ายที่เจอ คือปลายเดือนพฤศจิฯ ที่ฉันกลับมาขึ้นบ้านใหม่ ตอนนั้นมันยังกินข้าวได้เยอะจนคนอื่นแซวอยู่เลย
ฉันรีบเข้าบ้านไปคลุกข้าวมาให้มันกิน แต่มันก็นอนกระดิกหางมองเฉย แม่ว่ามันคงกินไม่ไหวแล้ว แม่บอกมันว่า
ถ้าจะไปก็ไปเถอะ อย่าอยู่ให้ทรมานเลย
ฉันไม่ได้กลัวมันตาย เพราะรู้ดีว่าอายุขัยของมันก็คงประมาณนี้ แต่ฉันกลัวมันจะทรมานและการกินอะไรไม่ได้หิวจนตายนี่ต้องทรมานแน่ๆเลย ฉันเลยใช้มือข้างหนึ่งจับปากอ้าค้างไว้ อีกข้างป้อนข้าวให้มันทีละคำ มันก็พยายามเคี้ยวพยายามกลืนจนมันเลิกเคี้ยวก็เอาน้ำมาหยอด ไม่กินข้าวกินน้ำได้บ้างก็ยังดี พอสักพักมันก็เริ่มชัก ฉันทำอะไรไม่ถูกได้แต่ลูบหัวและเรียกชื่อมันซ้ำๆ น้ำตาจะไหลเพราะความสงสาร พอมันหยุดชักก็โล่งใจ เลยวิ่งไปหาผ้ามาปูให้มันนอน พอออกมามันก็หายไปอีกแล้ว ไม่มีแรงขนาดนี้ยังจะลุกไปไหนได้อีกก็ไม่รู้ ฉันได้แต่หงุดหงิดและเป็นห่วง หาไฟฉายไปส่องดูรอบบ้านก็ไม่เจอ
ตอนเช้าน้าข้างบ้านมาบอกว่าปลาซิวตกสระ น้าได้ยินเสียงร้องเลยไปดู ก็ไปเอาตัวขึ้นมาไว้ที่โคนต้นมะขามหน้าบ้าน ห่อผ้าให้หนาๆ ดีนะสระน้ำมันแห้ง ไม่งั้นคงจมน้ำตาย
ฉันเดินไปดูมัน ตอนนี้แดดเริ่มออก อยากให้มันอุ่นก็เลยทิ้งตรงนี้ก่อน หน้าหนาวอย่างนี้โดนแดดตอนเช้าๆจะรู้สึกสบายมาก ฉันเลยเดินไปเอานมมาป้อน แต่พอกลับมามันก็หายไปอีกแล้ว ไปเรียกหาที่ไหนก็ไม่เจอ ฉันก็ได้แต่กระวนกระวายใจ จนตอนเย็นได้ยินเสียงแม่ แม่บอกว่าปลาซิวอยู่นี่ ฉันรีบวิ่งไปดูก็เห็นมันนอนอยู่หน้ารถพ่อ เจ้าขุน (แมวที่บ้าน) กำลังยื่นมือไปตะปบอยู่หน้าปลาซิว เพราะเจ้าขุนนี่แหละแม่เลยสงสัยว่ามันเล่นอะไรอยู่เลยเดินไปดู ถึงรู้ว่าเป็นปลาซิว
ฉันเลยให้แม่เฝ้าไว้ แล้ววิ่งไปเอานมมาป้อนให้ หยอดทีละนิดมันก็พยายามกลืนนมสลับกับน้ำจนมันหยุดกลืนเลยเลิกป้อน แม่ให้เอากระสอบป่านมาปูให้มันนอน และเอาผ้ามาห่มให้หลายๆ ชั้นขึ้นจะได้อุ่นๆ พ่อบอกให้ขยับไปไกลๆรถหน่อยเพราะตอนเช้าพ่อต้องใช้รถกลัวจะเผลอเหยียบ ฉันก็ลากกระสอบเข้าไปข้างในให้ไกลจากรัศมีล้อรถของพ่อ ฉันวิ่งเข้าวิ่งออกดูมันตลอดให้แน่ใจว่ามันจะไม่หนีไปไหนอีกจนเข้านอน
ตอนเช้าซึ่งตรงกับวันปีใหม่ ฉันตื่นมาก็ไปดูก่อนว่ายังซิวอยู่รึเปล่า ก่อนไปช่วยแม่ทำกับข้าวไปตักบาตรที่วัด พอตักบาตรเสร็จก็กลับมาป้อนนมกับน้ำให้ซิวเหมือนเคย แต่วันนี้มันเริ่มไม่กลืนแล้ว ฉันลากกระสอบออกมาให้มันได้รับแดดอุ่นๆยามเช้าและพยายามป้อนมันไปเรื่อยๆ ซิวหยุดกินและกระดิกหางให้ ฉันเลยเดินเข้าบ้านไปหยิบโทรศัพท์จะมานั่งเล่นเป็นเพื่อนมัน แค่ไม่ถึงนาทีพอกลับมาปลาซิวก็นิ่งไปซะแล้ว มันนอนนิ่งตัวแข็ง ฉันได้แต่ยืนอึ้ง ใจหายกับการจากไปของปลาซิว
ฉันลูบหัวมันและขอให้มันไปสู่สุขคติ เกิดชาติหน้าให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้ ตอนแรกจะถ่ายรูปส่งให้น้องๆ ดู แต่ก็คิดว่าไม่ดีกว่า ขอให้เก็บเฉพาะภาพที่สวยงามยามที่อยู่ร่วมกันไว้ในความทรงจำและหัวใจก็พอ
ปลาซิวตายไม่ถึงห้านาทีมดก็เริ่มมาตอม ฉันเดินไปหาทำเลดีๆ ที่จะให้มันอยู่ก่อนจะอุ้มมันไปที่สวนหลังบ้าน แล้วหาจอบเริ่มขุดหลุมฝังปลาซิว
ระหว่างที่ขุดหลุมอยู่เจ้าขุนก็เดินมาหาแล้วกระโดดลงหลุม พอเอามันออกมันก็กระโดดลงไปใหม่แล้วตะปบจอบเล่นอีกหลายรอบ จากอารมณ์เศร้าๆอยู่ก็กลายเป็นทั้งขำทั้งโมโห เพราะขุดหลุมไม่เสร็จสักที แค่ต้องขุดหลุมลึกๆ นี่ก็เหนื่อยพออยู่แล้ว นี่ยังต้องยกเจ้าแมวหนัก 8 กิโลออกจากหลุมบ่อยๆอีก จนนึกอยากจะฝังเจ้าขุนแทนปลาซิวไปซะเลย
กว่าจะขุดเสร็จเหงื่อก็ท่วมตัว ไม่ได้ทำงานกรรมกรแบบนี้มานานแล้ว ฉันอุ้มปลาซิวลงหลุม ใช้ดินกลบ เจ้าขุนก็นั่งดูอยู่เป็นเพื่อนจนมันเบื่อมันก็เดินหนีไป
ยายทวดเห็น เลยถามว่าฉันทำอะไรอยู่ พอบอกว่าซิวตายแล้ว กำลังฝังซิวอยู่ ทวดก็ให้ไปหาธูป 1ดอกมาจุดแล้วปักตรงหัวมันด้วย ฉันก็รีบทำตาม หาน้ำมาพรมให้ชุ่มชื่น หาดอกบานชื่นมาปักซิวจะได้สดชื่น ปักธูปตรงหัวตามที่ทวดบอกแล้วลามันอีกครั้ง
ฉันโทรไปเล่าให้น้องๆฟัง เพราะตอนปีใหม่ น้องๆ ติดเรียนกลับมาไม่ได้ แต่ละคนก็ได้แต่เศร้า ชายกลางมันโพสต์ข้อความในเฟสบุคว่าขอบคุณที่ซื่อสัตย์มาตลอด นั่นสินะ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ขอบคุณที่ซื่อสัตย์มาตลอดชีวิตที่อยู่ร่วมกัน
ขอบคุณนะ ปลาซิว
ปลาซิวตอนขึ้นบ้านใหม่
ที่พักผ่อนของปลาซิว
หลังจากปล่อยให้อารมณ์แปรปรวนพอๆ กับอากาศในช่วงนี้ตั้งนาน ตอนนี้เริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม แต่ไม่รู้สาเหตุมาจากอะไร สงสัยจะถึงวัยฮอร์โมน (ใกล้จะหมด) แน่ๆ เลย
แถมยิ่งถึงช่วงใกล้งานเทศกาลหนังสือยิ่งอารมณ์ดี รีบอ่านนิยายเคลียร์กองดองที่ตั้งเป็นภูเขาเลากาอยู่ข้างเตียงอีกหลายร้อยเล่ม เพื่อจะได้ไปลั้ลลาในงานหนังสือได้สบายๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อ่านยังไม่หมดก็ยังอยากจะได้อยู่นั่นแหละ โลภจริงๆ เลย
อารมณ์แบบนี้คงจะเข้ามาในบล็อกบ่อยๆ ขึ้น เดี๋ยวว่างๆ (จากการอ่านนิยาย) จะแวะเข้าไปเยี่ยมนะคะ
ขอดวงวิญญาณของปลาซิว ไปสู่สุขคติ..
ไปเกิดในภพที่ดี ในชาติที่ดีนะจ๊ะ..