เข้าใจถิ่น...เข้าใจเที่ยว ละเลียดกิน ช็อป ทัวร์ ที่เชียงคาน
เข้าใจถิ่น....เข้าใจเที่ยว ละเลียดชม ละเลียดชิม ที่เชียงคาน พูดถึง จ.เลยแล้ว คงไม่มีใคร ไม่รู้จัก เชียงคาน ชุมชนบ้านไม้เก่าอายุหลายร้อยปีในอำเภอเล็กๆริมฝั่งแม่น้ำโขงอันสงบเงียบ และมีมีวัฒนธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะประเพณีการ ตักบาตรข้าวเหนียว ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมมาจากเวียงจันทน์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งนิยมใส่บาตรเฉพาะ ข้าวเหนียว เท่านั้นส่วนกับข้าวจะมีพุทธศาสนิกชนนำไปถวายที่วัดอีกที และเคล็ดลับการท่องเที่ยวของเชียงคานชาวบ้านที่นี่เขาแนะนำว่าต้องเข้าใจถิ่น....เข้าใจเที่ยว ด้วยการจอดรถเดินทอดน่อง หรือหาเช่าจักรยานคู่ใจปั่นไปตามริมโขง ตรอกซอกซอย ตามสโลแกน ละเลียดทัวร์เพื่อหาของอร่อยและศึกษาวัฒนธรรมซึ่งเป็นมรดกพื้นเมืองกว่าหลายร้อยปี ซึ่งของอร่อยพื้นเมือง หรือพระเอกของเชียงคานคือ ข้าวเปียกเส้น ถ้าดูผิวเผินแล้วคงคล้ายกับก๋วยจั๊บญวน เส้นเหนียวนุ่มส่วนบางสูตรก็จะคล้าย ข้าวต้ม แต่เปลี่ยนจากเม็ดข้าวมาเป็นเส้น คล้ายๆ อุด้งส่วนรสชาติก็จะค่อนข้างเข้มข้น กลมกล่อม แบบเฉพาะของเชียงคาน ข้าวเปียกเส้น ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว (แซบ...มว๊ากกกกก) แกงเส้น ไข่กระทะน่ากินนนนนนนนนนน ส่วนพระรองน้องใหม่ ของเชียงคานที่อยากแนะนำคือ ขนมบังบาเก็ตไส้ตับบด ซึ่งพี่คนขายที่มีเจ้าเดียวในเชียงคานบอกว่าซื้อลิขลิทธิ์สูตรขนมปังมาจากเวียงจันทน์ประเทศลาวในราคาที่แพงโขอยู่โดยเริ่มมาขายที่เชียงคานตั้งแต่เริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวแรกๆ นับมาจนถึงวันนี้ก็ราวๆ3-4 ปีมาแล้ว และเคล็ดลับความอร่อยของขนมปังบาเก็ตไส้ตับบดก็อยู่ที่ขนมปังและตับบด (ตามชื่อขนมปัง)ซึ่งไส้ตับบดที่ใช้นั้นเจ้าของร้านบอกว่าได้เพิ่มส่วนผสมเฉพาะตัวลงไปจากที่ซื้อลิขสิทธิ์มาและพัฒนาสูตรน้ำจิ้มให้อร่อยถูกปากชาวเชียงคานและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ขนมปังบาสเก็ตไส้ตับบด หน้าตาของไส้...น่ากินมากกกกกกก จบละเลียดชิมกันไปแล้วมาต่อกันที่ ละเลียดชม กันบ้าง ซึ่งหลังจากปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านแล้วก็สะดุดตาอยู่ที่ร้านนิยมไทย ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่สืบทอดการทำผ้าห่มนวมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จนถึงปัจจุบันก็ปาเข้าไป 3 ช่วงอายุคนแล้ว หลังจากที่เกิดความสนใจจึงได้นั่งพูดคุยเป็นกิจจะลักษณะกับคุณป้าตรี หรือคุณป้าราตรีพรหมหาราช เจ้าของร้าน บอกว่า ที่เชียงคานนิยมทำผ้าห่มนวมจำหน่ายเป็นของฝากของที่ระลึก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ลายสก็อต เพราะเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจะมีทำลายอื่นบ้างก็ต้องมีคนสั่งทำพิเศษดังนั้นเวลาเดินไปไหนมาไหนในเชียงคานก็จะเห็นแต่เสื้อผ้า กระเป๋าหรือของที่ระลึกต่างๆส่วนใหญ่เป็นลายสก็อตทั้งหมด โชว์หมอนอิงใบเล็กน่ารัก ป้าตรี เล่าให้ฟังว่าการทำผ้าห่มนวมนั้นมีอุปกรณ์ที่เป็นพระเอกอยู่ 2 อย่าง คือ กง (กรอบไม้แบบ)และไม้ผุน โดยเริ่มจากการใช้ไม้เหวี่ยงขึงด้ายเป็นตารางบน กง หรือ กัง ซึ่งมีลักษณะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมที่ทำจากไม้เหล็กหรือท่อพีวีซี โดยตวัดไปมาทางขวาง 2 รอบ ทางตรง 3 รอบ และทางเฉียงอีก 3 รอบ ต่อไปจึงนำเอาฝ้ายที่หีบเมล็ดออกและดีดจนฟูเป็นปุยแล้วมาแผ่ให้เป็นแผ่นบนพื้นให้ได้ตามขนาดที่ต้องการจากนั้นก็โน้มเอากงที่ขึงด้ายไว้ลงมาทาบ แล้วก็เอาไม้ผุนหรือไม้หมุนซึ่งเป็นแผ่นไม้กลมๆ ทำจากไม้ซ้อ มีที่จับด้านบน มาหมุนคลึงจนทั่วเพื่อให้ตารางขนาดเล็กที่เกิดจากการขึงด้ายนี้เป็นตัวช่วยยึดปุยฝ้ายเอาไว้ทำให้ผ้านวมทนทานไม่หลุดลุ่ยเมื่อทำเสร็จแล้วจึงกลับอีกด้านขึ้นมาวางด้ายที่ขึงเป็นตารางในแบบเดียวกันก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำไส้ผ้าห่มนวม จากนั้นนำไส้ที่ได้ยัดใส่ในปลอกผ้ามุ้งและเอาปลอกผ้าชั้นนอกที่จะสามารถถอดซักได้มาสวมทับอีกชั้นหนึ่งเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนความสามารถจำหน่ายได้ทันที สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อผ้าห่มนวมเป็นของฝากแต่ไม่อยากแบกกลับให้หนักนั้นที่ร้านเขามีบริการส่งพัสดุ โดยคิดราคา 80 บาทต่อผ้าห่มนวม 1 ผืน หรือจะนำไปส่งเองที่ทำการไปรษณีย์ก็ได้ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการนั้นเกิดความสะดวกและพอใจกับการบริการที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวสมัยใหม่ที่ยังชอบการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์นิยมอยู่ สุดท้ายก่อนจบภารกิจละเลียดเที่ยวเชียงคาน เราก็จะมาละเลียดทัวร์แบบอิ่มบุญกันบ้างด้วยการละเลียดปั่นจักรยานคู่ใจไปไหว้พระ 9วัดตามเส้นทางถนนศรีเชียงคานทั้งบนและล่าง โดยไล่มาจาก ซ.1 ถึง ซ.21ซึ่งวัดในเชียงคานชาวบ้านมักจะนิยมเรียกกันว่า คุ้ม ตามแบบล้านนาเนื่องจากวัดในเชียงคานส่วนใหญ่จะสร้างแบบศิลปะล้านนาและล้านช้างเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณ เริ่มละเลียดทัวร์จากคุ้มที่1 วัดภูช้างน้อย เป็นวัดป่าที่ตั้งอยู่บนภูสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเชียงคานได้ดีจุดหนึ่ง คุ้มที่ 2 วัดโพนชัย อยู่บริเวณ ซ.3บน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2443 มีประเพณีที่สำคัญ คือ การแห่ต้นช้างฝ้าย คุ้มที่ 3 วัดศรีคุณเมือง เป็นวัดเก่าแก่ที่รวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2199มีศิลปวัตถุโบราณสำคัญที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุศิลปวัตถุของชาติ 4 ชิ้น คือธรรมาสน์ไม้แกะสลักลายประดับกระจกสี, พระพุทธรูปยืนชนิดไม้ทาน้ำทอง,พระพุทธรูปบางประทานอภัยชนิดไม้ทาน้ำทอง และศิลาจารึกชนิดหิน คุ้มที่4 วัดสันติวนาราม ตั้งอยู่บริเวณซ.8 บน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2482 บริเวณวัดเป็นป่าเงียบสงบเหมาะแก่การนั่งวิปัสสนากรรมฐานคุ้มที่ 5 วัดป่ากลาง ก่อน พ.ศ.2466มี 2 วัด คือ วัดกลางกับวัดป่า ซึ่งห่างกันเพียง 130 เมตร ต่อมา พ.ศ.2466ชาวบ้านจึงรวมเป็นวัดเดียวกัน คุ้มที่ 6 วัดมหาธาตุ หรือ วัดหลวงพ่อใหญ่ ตามชื่อเรียกของชาวเชียงคาน สร้างเมื่อพ.ศ.2197เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงคาน คุ้มที่7 วัดป่าใต้ ตั้งอยู่บริเวณซ.18 บน ตัววัดมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โครงสร้างส่วนบนหลังคามีทรงสูงหลังคาชั้นเดียว 2 ตับ ประกอบด้วยโหง่ ช่อฟ้ากลาง และวันแล่นบริเวณแนวสันหลังคามีประเพณีที่สำคัญ คือ ฮีตสิบสอง คองสิบสี่ คุ้มที่ 8 วัดท่าคก ตั้งอยู่บริเวณ ซ.20 ล่างริมแม่น้ำโขง สร้างเมื่อ พ.ศ.2395บนอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนศิลปะล้านช้าง และคุ้มที่ 9 คือ วัดศรีพนมมาศ หรือวัดโท่งตั้งเมื่อ พ.ศ.2497 เริ่มแรกเป็นป่าช้าต่อมาชาวเชียงคานได้ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามของเมืองเชียงคาน เรียกว่าทริปละเลียดทัวร์ที่เชียงคานรอบนี้ครบเครื่องเสียจริงทั้งกิน เที่ยว ช๊อป ชมศิลปวัฒนธรรม เอาเป็นว่าใครที่ยังไม่เคยมาเชียงคานหรือเคยมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้เที่ยวแบบละเลียดอย่างนี้ก็ขอแนะนำว่าหากมีโอกาสอย่าพลาดการเที่ยวแบบเนิบช้าหรือในภาษาอังกฤษแบบเข้าใจง่ายว่า Slow Travel จะได้สมกับที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) หรือ อพท.ได้ตั้งใจไว้ เพื่อให้ จ.เลยเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่สำคัญข้อดีของการ ละเลียดทัวร์ คือทำให้ทริปท่องเที่ยวธรรมดาๆของคุณกลายเป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ธรรมดาและน่าประทับใจมากกว่าเดิมก็ได้
Create Date : 23 สิงหาคม 2555 |
|
11 comments |
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 11:55:02 น. |
Counter : 8398 Pageviews. |
|
|
|