หนังสือเล่มหนึ่ง และเส้นทางรถไฟสายหนึ่ง
คอลัมน์ แรงบันดาลคน โดย เชตวัน เตือประโคน มติชน 21 เมษายน 2556
พลาดไปซะอย่างงั้น
ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ จำไม่ได้ว่าห้วงเวลากลางเดือนกุมภาพันธ์ ที่หนังสารคดีเรื่อง Wish Us Luck หรือ ขอให้เราโชคดี เข้าฉาย ตัวเองไปทำอะไรอยู่มุมไหนของโลก
ทั้งที่ข่าวคราวนะพอรู้มาบ้าง แต่เหตุผลที่ทำให้พลาดการได้ชมในโรงภาพยนตร์นั้นคิดไม่ออกจริงๆ
มาระลึกตรึกได้ก็เล่นเอาตอนช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
ขณะที่หน้าดำคร่ำเคร่งถกเถียงเรื่อง เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลไทยจะใช้สำหรับลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อันมีการพัฒนา ระบบราง หรือที่เราเรียกกันติดปากและวาดฝันถึงอย่าง รถไฟความเร็วสูง นั่นแล
ผมเถียงหัวชนฝาว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาระบบโครงสร้างนี้
ยกมุขหรือบทเสียดสีอันเจ็บแสบมาสนับสนุน
เรื่องทำนองว่า ครั้งหนึ่งเราเคยภาคภูมิใจมากๆ ว่าประเทศไทยก่อกำเนิดรถไฟในสมัย ร.5 พร้อมๆ กับการพัฒนาของประเทศญี่ปุ่น
แต่ลองดูวันนี้สิ ในแดนปลาดิบเขาไปถึงไหนแล้ว หากรถไฟไทยหรือระบบรางไทยยังคงย่ำอยู่กับที่
นักเลงปากปีจอในวงเหล้าเหน็บแนมอย่างเจ็บแสบ ด้วยภาษาปากชาวไพร่ว่า
ถ้าคนสมัย ร.5 กลับมาเกิดใหม่ สิ่งเดียวที่จำได้ก็คงเป็นรถไฟ นี่แหละ
Wish Us Luck หรือ ขอให้เราโชคดี เป็นหนังสารคดีแนวโร้ดมูฟวี่ของผู้กำกับฝาแฝด วรรณแวว-แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์
ทั้งคู่เป็นนักศึกษาปริญญาโทมหาวิทยาลัย University for the Creative Arts (UCA) สาขา Artists Film Video and Photography ประเทศอังกฤษ
สารคดีเรื่องนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์จบปริญญาโทของทั้งคู่
บอกเล่าการเดินทางกลับบ้านเกิดด้วยรถไฟ เป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็ม ผ่าน ฝรั่งเศส-เยอรมนี-รัสเซีย-มองโกเลีย-จีน-เวียดนาม-ลาว และเข้าไทยทางจังหวัดหนองคาย มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร
แม้จะชอบเดินทางเป็นทุนเดิม มีโอกาสใช้บริการรถไฟบ่อยครั้ง
แต่แรงบันดาลใจที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะทำ
สารคดีเรื่องนี้ และเดินทางบนเส้นทางรถไฟสายนี้คือหนังสือเล่มหนึ่ง
ดาวหางเหนือทางรถไฟ ผลงานของ ทรง กลด บางยี่ขัน ซึ่งเป็นหนังสือสารคดีบอกเล่าการเดินทาง บนทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย ที่ว่ายาวที่สุดและคลาสสิกที่สุดสายหนึ่งของโลก
หนังสือเล่าการเดินทางจากกรุงเทพฯไปลอนดอน แต่สองพี่น้องฝาแฝดซึ่งเรียนอยู่ที่ลอนดอนเดินทางตรงกันข้าม
ทั้งสองอารมณ์จึงต่างกัน
หนึ่งทางมุ่งหน้าไกลออกไปจากบ้าน อีกหนึ่งทางมุ่งหน้ากลับบ้าน
บ่อยครั้ง ที่หนังสือเกี่ยวกับกับการเดินทาง เป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วก้าวเท้าออกจากบ้าน
ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง
แต่สำคัญกว่าก็คือปัจจัยอย่าง ทุนรอน และ เวลา
กล่าวสำหรับสองศรีพี่น้องฝาแฝด
วรรณแวว-แวววรรณ เคยให้สัมภาษณ์ ประชา ชาติออนไลน์ ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ไปไหนมาไหนด้วยกันไกลๆ และนานๆ เพราะปกติจะรู้สึกเบื่อหน้าถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ครั้งนี้เรารู้สึกว่าอยากไปด้วยกัน 2 คนจริงๆ
สาเหตุที่ต้องไปกันเพียงแค่ 2 คน เนื่องจากรู้สึกว่าทริปที่ใช้ระยะเวลายาวนานขนาดนี้ คนที่จะไปด้วยควรจะสนิทกันมากพอ ที่จะสามารถจะเหวี่ยงใส่ได้ในคืนนี้ และพรุ่งนี้จะกลับมาดีกันเหมือนเดิมได้ โดยที่ไม่มีอะไรร้าวในความสัมพันธ์ ที่สำคัญต้องพร้อมเดินไปด้วยกันตลอดการเดินทาง
8 ประเทศที่ผ่าน กับการเปลี่ยนรถไฟ 10 ขบวน แลกมาด้วยประสบการณ์อย่าง แก๊งมิจฉาชีพล้วงกระเป๋า, ค่าอาหารที่แพงหูฉี่จนเงินสดหมดกระเป๋า, หลงทาง, ไม่ได้อาบน้ำ, เพื่อนร่วมตู้รถไฟค่อนข้างแย่
สารพัด ฯลฯ
ถึงแม้เราจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทริปนั่งรถไฟจากลอนดอนไปกรุงเทพฯสนุกหรือเปล่า แต่อย่างน้อยที่สุดเรา 2 คนพอจะบอกได้ว่า ไม่เสียใจและดีใจมากที่มีโอกาสได้เดินทางด้วยเส้นทางนี้ เพราะประสบการณ์ที่ได้รับมาเมื่อมองย้อนไป มันมากจนประเมินค่าไม่ได้
เป็นบทสรุปของทั้งคู่
ทิ้งท้ายด้วยเรื่องเกี่ยวกับรถไฟอีกมุขหนึ่ง ใครเล่าให้ฟังจำไม่ได้แล้ว
เขาว่า กระทาชายนายหนึ่งรอรถไฟขบวนหนึ่งอยู่ที่สถานี ตั๋วในมือระบุเวลา 14.00 น. รถไฟจะเทียบชานชาลา
ทันทีที่เข็มยาวชี้เลข 12 เข็มสั้นชี้เลข 2 รถไฟขบวนหนึ่งก็เคลื่อนเข้ามา
ชายหนุ่มถึงกับอึ้ง ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ รถไฟไทยนี่ตรงเวลาจริง
จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปในโบกี้หนึ่ง เมียงมองหาที่นั่ง ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่
ก่อนจะได้ยินคำตอบที่แทบจะทำให้เข่าทรุดว่า รถไฟขบวนนี้เป็นของเมื่อวานครับ...ตั๋วของคุณเป็นของวันนี้ รอไปก่อนนะ
นี่แหละครับ เหตุจำเป็นอันควรลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ที่ควรเริ่มมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว
......................
Create Date : 27 เมษายน 2556 |
Last Update : 27 เมษายน 2556 3:31:37 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1831 Pageviews. |
|
|
เล่ม ดาวหางฯ นี่เราชอบมาก เป็นเล่มที่หลงรัก รู้สึกว่านี่แหล่ะคือการเดินทาง ขนาดคนเดินทางเก่งๆ อย่างพี่ก้องยังเจออุปสรรคเลย
ส่วน wish us luck ก็ซื้อมาเหมือนกัน แต่ตอนนี้เพิ่งไปญี่ปุ่นกลับมาเลยยังไม่อ่านดีกว่า รอไว้อารมณ์อยากเดินทางคุกรุ่นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ จะหยิบเล่มนี้มาอ่านแน่ๆ