เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 2
ตอนที่ 2 ผู้ให้กำเนิด ตอนต้น ประกายแดดสาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในบ้านจนสว่างไปทั่ว ดวงหน้าของสรวงมีแววอิดโรยจากการอดนอน แต่แววตาหาได้อ่อนล้าหรือโศกตรมในทุกข์ของตนอย่างค่ำวันวาน หลังส่งร่างน้อยที่สร้างอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่เข้านอนตอนใกล้รุ่งแล้ว ชายหนุ่มก็ดูจะวุ่นวายไปหมด เมื่อต้องจัดการเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองครั้งใหญ่ สรวงไม่ได้ติดต่อพราวแสงและไม่ได้คิดถึงหล่อนอีกเลยตลอดวัน เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการโยกย้ายกิจการของตนเอง สรวงติดต่อไปหาคนรู้จักที่เคยเอ่ยปากว่าสนใจกิจการของเขา และบอกขายบ้านและกิจการทั้งหมดทันที ซึ่งทุกอย่างเป็นได้อย่างราบรื่นราวจัดวางจนเขานึกแปลกใจ แต่เมื่อเหลียวไปเห็นรอยยิ้มจากดวงหน้าเล็กๆ ที่เพิ่งตื่นนอน หลังจากพักผ่อนเต็มที่ยาวไปจรดบ่ายแล้วเมื่อแรกเขานึกอยากถามว่าเป็นฝีมือ "คุณ" หรือไร แต่รอยยิ้มบางๆ นั่นแทนคำตอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว "อีก 5 วัน ทุกอย่างจะถูกเปลี่ยนมือ เราจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่กัน ผมมีที่อยู่นั่นผืนหนึ่งมีบ้านเล็กๆ ไว้ไปพักผ่อน แต่ช่วงแรกคงลำบากหน่อยอะไรๆ ยังไม่ลงตัว" เขาบอกกับวิมุตติในระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งจนแล้วจนรอดสรวงไม่สามารถแนบสนิทเป็นพ่อลูกกับเด็กน้อยได้เหมือนเดิม หาใช่รังเกียจที่เป็นลูกของชายชู้แต่ความกริ่งเกรงทำให้เขาเว้นระยะเรียกเด็กน้อยว่า 'คุณ' "ผมจะทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด...ก่อนที่พราวจะกลับมา" "ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้ " เสียงเล็กๆ นั่นดูจะไม่ร้อนใจ เด็กน้อยตักข้าวเข้าปากและรับฟังไปเรื่อยๆ "ผมจะหย่าขาดกับเธอ และจะขอรับตัวคุณไว้ในความดูแลโดยเธอไม่มีสิทธิ์ข้องเกี่ยว...แต่ผมกลัวว่าเธอจะไม่ยอมยิ่ง...DNA ของคุณ..." "งั้นพ่อท่านยิ่งไม่ควรลืมไปรับใบตรวจ DNA ของเรามาใช้ประกอบการนี้ แล้วให้ทนายความมาจัดการเรื่องนี้เงียบๆ " "แต่...." "ไม่มีหญิงใดต้องการประจานตนเองให้สังคมรับรู้หรอก หากแม้นว่าหญิงนั้นกระทำผิดจริงก็ยิ่งเก็บซ่อนราคีนี้ให้มิดชิด และเราเป็นหลักฐานของราคีนั้น..." ผู้มาจากเมืองแมนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องของตน "ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น ผมจะติดต่อทนายให้ทำเอกสารไว้ล่วงหน้า กลับมาจะได้ตกลงกันให้เสร็จไปเลย" สรวงฟังแล้วค่อยหายใจโล่งอก นัยน์ตามีแววสะใจแฝงอยู่ สิ้นประโยคนั้นเด็กน้อยวิมุตติค่อยละสายตาจากจานข้าวขึ้นมาสบตาบิดา "พ่อท่านทำทุกอย่างตามความเหมาะสมเถิด อย่าได้ทำสิ่งใดเกินเลยไปกว่าขอบเขต จิตใจของท่านไม่ควรหม่นหมองไปกว่านี้....ขอให้เป็นการจากกันด้วยดีเถิด อย่างไรนางก็ถือว่าได้ให้กำเนิดเปิดทางให้เรามา" ชายหนุ่มชะงักค้างไปหัวคิ้วขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินคำขอร้องนั่น เป็นเพราะความเจ็บปวดนั้นยังสดใหม่ จึงไม่อาจทุเลาลงได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ก็พยายามระงับใจจนในที่สุดก็สามารถรับปากคนตรงหน้าได้ "ยุติเรื่องทั้งมวลลงด้วยตัวท่านเถิด พ่อท่านเป็นผู้เลือกได้ควรจะเลิกสิ่งที่เป็นเกียรติแก่ตนเอง....อภัยทานเป็นทานอันสูงสุด เรารู้ว่ามันยากยิ่ง....แต่เชื่อเราเถิดกุศลกรรมครั้งนี้ จะหนุนนำรักษาจิตใจให้กลับเป็นปกติได้ในไม่ช้า" รอยยิ้มบางนั้นแย้มออกมามันดูผ่องใสจนผู้พบเห็นต้องถอนหายใจออกมา "ผมจะพยายาม..." +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เพียงแค่ไม่ถึง 10 วันที่จากบ้านไปทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปโดยที่พราวแสงไม่ทันตั้งตัว สภาพบ้านที่คุ้นเคยกลับมีคนแปลกหน้าเข้ามาดัดแปลงตกแต่งบริเวณไปทั่ว หญิงสาวยืนงงอยู่ชั่วขณะจึงเอ่ยถามหาสรวงผู้เป็นสามีจากคนเหล่านั้น เมื่อทราบว่าสาวสวยตรงหน้าเป็นใครผู้รับเหมาตกแต่งก็ร้องอ๋อออกมา และสั่งให้คนงานไปนำกระเป๋าเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆ มาให้ "เดี๋ยวนี่มันอะไรกัน?" ผู้รับเหมาที่ดูแลงานไม่ตอบ แต่ยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้ "คมชาญ? ทนายความ?" หมายความว่ายังไง? "ผมเองก็ไม่ทราบ คุณสรวงเจ้าของเดิมเขาบอกไว้ว่าถ้าคุณผู้หญิงมาให้เอาของพวกนี้ให้ แล้วให้คุณโทรไปหาคุณทนายในนามบัตรนั่น" "เจ้าของเดิม? หมายความว่าไง ฉันไม่อยู่บ้านไม่กี่วันแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? " "อ้าว? คุณไม่รู้เหรอ? ก็เห็นคุณสรวงเขาขายบ้านนี้ให้คุณเผดิมแล้ว ทีนี้คุณเผดิมก็จ้างผมมาตกแต่งเพิ่มเติม ให้กั้นออฟฟิศใหม่เอาให้กว้างไปสุดรั้วเลย" "ฉันไม่รู้เรื่อง !!" เสียงของหล่อนสั่นเทา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดผ่าลงมาโดยไม่ทันได้หลบเลี่ยง พราวแสงเหงื่อซึมไปทั่วใบหน้าและฝ่ามือ แม้จะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่คงไม่ใช่เรื่องดีงามแน่นอน หล่อนพยายามใช้ปลายเล็บที่เคลือบสีสดไว้จิ้มปุ่มหมายเลขโทรศัพท์หาสรวงทันที แต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงหันมาถามกับผู้รับเหมารายเดิมต่อ "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าทิ้งเมียหนีหนี้ไปแล้วล่ะ" เขาทำหน้าสงสัยใคร่รู้ จนพราวแสงสะอึก "บ้าสิ!! สามีฉันไม่มีหนี้สินอะไร" หล่อนสบถออกมาอย่างหัวเสีย จำยอมต้องถอย และรับกระเป๋าเสื้อผ้าหลายใบนั่นขึ้นรถยนต์ของตนเองไป เมื่อติดต่อสรวงไม่ได้จริงๆ หล่อนจึงจำต้องโทรหาทนายความในนามบัตรที่ให้ไว้ เมื่อทราบเรื่องว่าเขาจะขอหย่าขาด หล่อนตกใจจนต้องเบรกรถกลางถนนแล้วละล่ำละลักถามออกไป แต่ได้รับคำตอบเพียงขอให้หล่อนมาพบทนายเพื่อฟังเรื่องราวอย่างละเอียด แล้วจะนัดสรวงมาเพื่อเซ็นเอกสารการหย่าอีกครั้ง โดยแนะนำว่าหล่อนไม่ควรเรียกร้องทรัพย์สินใดๆ เว้นแต่ที่ได้รับตามกฎหมายเท่านั้น เพราะสามีของหล่อนมีหลักฐานในการขอหย่าโดยสมบูรณ์ พราวแสงวางหูลงไปด้วยมึนงง หล่อนยังจับใจความไม่ได้ว่าเขาขอหย่ากับหล่อนทำไม จนต้องจอดรถเข้าข้างทางเพื่อตั้งสติ เพราะไม่อาจขับรถไปสนทนาไปได้อีกแล้ว ไม่นานนักความเลวร้ายเหลวแหลกที่เคยเก็บซ่อนไว้ ก็ค่อยๆ ผลักบานประตูออกมาจากห้องอันมืดมิดในใจ แล้วโถมถลาเข้าหาหล่อนอย่างรวดเร็ว "โอม งั้นเหรอ!!" หล่อนอุทานเสียงดังออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งอันเป็นต้นเหตุนี้ขึ้นมาได้ ใจก็สั่นอย่างไม่มีเหตุผล หญิงสาวถามตนเองว่าสรวงรู้ความจริงตั้งแต่เมื่อไร แต่ครู่เดียวก็ตระหนักได้ว่าไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด วันนี้คงต้องมาถึงสักวัน เพราะลูกชายของหล่อนไม่มีส่วนใดคล้ายเขาเลย เพียงแต่คนซื่ออย่างเขารักเด็กชายออกปานนั้น ไม่เคยมีใครทำให้เขาสั่นคลอนได้ นี่คงมีใครสักคนยุยงแน่ๆ พราวแสงถอนหายใจออกมาอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด อย่างไรเสียวันนี้คงต้องมาถึงอยู่แล้ว เมื่อตั้งสติได้หล่อนก็โทรกลับไปหาทนายอีกครั้ง "คุณคมชาญขอโทษนะคะ เมื่อกี้พราวขับอยู่ไม่สะดวกคุยเท่าไร ตอนนี้จอดแล้วค่ะคุยได้...ตกลงสรวงเขาว่าไงคะ? แล้วทรัพย์สินเขาจะแบ่งยังไง" ความรวดเร็วของหล่อนเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทนายความ แต่ก็นึกยินดีที่เรื่องราวง่ายขึ้น "มันมีรายละเอียดเยอะน่ะครับ คุณพราวแสงเข้ามาดูเองจะดีกว่า แต่หลักๆ ก็มีเงินสดจากการขายบ้าน รถ เครื่องเพชรและปลีกย่อยอีกนิดหน่อย แต่คุณสรวงขอน้องโอมไว้ในความดูแลน่ะครับ" "เขาจะบ้าเหรอ?" หล่อนสบถออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินว่าอดีตสามีต้องการตัวเด็กชายที่ไม่ใช่สายเลือดของเขาไปเลี้ยงดู แต่เมื่อได้ยินเสียงกระแอมของทนายความ จึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงทันที บางทีเรื่องราวอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่หล่อนคิดก็ได้ "ขอพบสรวงกับลูกก่อนได้ไหมคะ? พราวไม่สามารถตัดสินใจอะไรตอนนี้ได้หรอกค่ะ มันกะทันหันเกินไป" หลังสิ้นประโยคนี้คมชาญก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ออกมา "เกรงว่าจะไม่สะดวก เพราะตอนนี้คุณสรวงไม่อยู่เมืองไทยครับ" "เขาไปไหนคะ? ขอเบอร์ติดต่อได้ไหม?....เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก เขาไม่ควรหนีหน้าพราวแบบนี้ ที่สำคัญพราวคิดถึงลูก" "เอ่อ...." "ได้โปรดเถอะนะคะ ถ้าคุณมีลูกก็เห็นใจคนเป็นแม่บ้าง" หล่อนหยอดประโยคเด็ดลงไป "ไว้ผมจะนัดคุณสรวงให้ แล้วจะติดต่อคุณพราวแสงอีกครั้งนะครับ" คมชาญวางหูไปแล้ว พราวแสงค่อยคลี่ยิ้มออก หล่อนหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเมื่อสักครู่ แต่เพียงไม่นานก็เลือนหายไม่มีแววเศร้าเสียใจอีกต่อไป ที่เหลือไว้เพียงแค่โทสะ 'สรวงทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?' หล่อนถามตัวเองด้วยความโกรธ ก็ทุกๆ ครั้งเขาออกจะว่านอนสอนง่าย นี่คงมีใครยุยงอะไรเข้า และท่าทางเรื่องนี้จะใหญ่หลวงนัก คนเงียบๆ และอ่อนโยนอย่างสามีหล่อนถ้าโกรธขึ้นมาถือเป็นขั้นเด็ดขาด สรวงคงจะยืนยันขอหย่าขาดดังเดิมแน่ๆ แต่การที่เขาขอลูกไว้เป็นการยืนยันว่าเขายังรักลูกนักหนา หล่อนควรจะเข้าหาทางลูกสินะ เมื่อได้คำตอบให้ตัวเองแล้ว พราวแสงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง "แดเนียล พราวมีปัญหานิดหน่อย ขอไปพักด้วยได้ไหมคะ?" หญิงสาวสนทนาอยู่ไม่นานนักก็ได้รับคำตอบที่พอใจจึงวางสายลง และเคลื่อนรถออกไปยังจุดหมาย +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Create Date : 09 กันยายน 2555 |
Last Update : 9 กันยายน 2555 13:37:16 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2592 Pageviews. |
|
|