+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มหิตาเทวีทรงคลานเข่าเข้าไปกราบบังคมยังเบื้องบาทกมุทรามหาเทวีผู้เป็นพระมารดา มหาเทวีชายพระเนตรมายังพระธิดาแล้วก็มีสีพระพักตร์ไม่พอพระทัยนัก
มหิตาข้าบอกแล้วไม่ใช่รึ? ว่าห้ามเจ้ามาที่นี่จนกว่าจะครบหนึ่งเดือน แล้วนี่มีธุระร้อนอันใดถึงกล้าขัดคำสั่งแม่
เสด็จแม่เพคะ อย่าทรงกริ้วหม่อมฉันนักเลย หม่อมฉันผิดไปแล้วและได้ขอประทานอภัยจากเสด็จพี่พินทุมณีเรียบร้อยแล้วเพคะ แล้วเสด็จพี่ก็ทรงให้อภัยหม่อมฉันมิได้พิโรธอันใดต่อกันแล้ว
แน่รึ? ดวงเนตรคมทอดพระเนตรลงมา
แน่สิเพคะ เมื่อวานนี้หม่อมฉันยังไปเฝ้าเสด็จพี่ที่ตำหนักเลย ทรงแย้มสรวลประจบอย่างที่ทรงทำเป็นปกติ ทำให้พระทัยมหาเทวีอ่อนยวบลง
เฮ้อ..พวกเจ้านี่มัน โตก็โตกันแล้วยังจะมาทะเลาะกันไม่เป็นเรื่องเป็นราว ทรงส่ายพักตร์เมื่อตรัสตำหนิ ก่อนจะถอนหทัยออกมา
เอาเถอะดีกันแล้วก็ดีแล้ว...แต่ทัณฑ์ของเจ้ายังต้องดำเนินไปจนครบเดือนเข้าใจหรือไม่
เพคะ หม่อมฉันน้อมรับรับสั่งเสด็จแม่ จะไม่ทำให้ทรงกริ้วอีก
ก็ดีแล้ว...แม่ไม่โกรธเจ้าดอก แต่ยังไม่ครบเดือนเจ้าก็รี่มาหาเช่นนี้ เดี๋ยวใครเขาจะหาว่าแม่ลำเอียง เมื่อตรัสดังนี้มหิตาเทวีทรงแน่แก่พระทัยว่าพระมารดาหายกริ้วแล้ว จึงทรงยกองค์ขึ้นประทับเคียงข้างบนพระแท่น
หม่อมฉันมาเดี๋ยวเดียวก็จะกลับแล้วเพคะ เพียงแต่อยากเข้าเฝ้าเสด็จแม่ หม่อมฉันคิดถึงเสด็จพ่อเสด็จแม่ยิ่งนัก
จริงรึ? มหาเทวีฟังรับสั่งแล้วก็แย้มสรวลออกมาอย่างถูกพระทัย มิใช่ว่าตั้งเษกสมรสไปในใจเจ้ามีแต่ภูวิษะดอกรึ?
เสด็จแม่อย่าน้อยพระทัยนั้นเลยเพคะ ลูกเองก็อยากมาเฝ้าเสด็จแม่อยู่ทุกเมื่อ แต่เมื่อมีสวามีแล้วลูกก็ต้องปรนิบัตเสด็จพี่ภูวิษะจึงได้หายหน้าไปบ้าง ในสายพระเนตรมหิตาเทวียังเป็นราชธิดาองค์น้อยของพระองค์เสมอ ทรงช่างประจบอย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้นมิเคยเปลี่ยน ถ้อยดำรัสนั้นจึงเรียกรอยแย้มสรวลจากมหาเทวีได้เป็นอย่างดี
แล้ววันนี้มีอะไรจึงมาหาแม่ คงไม่ใช่แค่อยากขอโทษแม่ดอกจริงไหม? เมื่อทรงหยอกเอินจนพอพระทัยแล้วจึงตรัสถาม
ลูกมาเฝ้าด้วยใจถวิลหาเพคะ ส่วนเรื่องอื่นนั้นเป็นเรื่องรอง
ปากหวานจริงลูกแม่ ตรัสพลางเชยปรางพระธิดา
ไหนบอกมาสิ เรื่องรองของเจ้านั้นคือเรื่องใด เมื่อเห็นพระมารดาทรงสำราญจึงกล้าที่จะทูลถาม
เมื่อวานลูกไปเยี่ยมเยียนเสด็จพี่พินทุมณีที่ตำหนัก เสด็จพี่ทรงเล่าถึงการศึกหนนี้แล้วก็ทรงว่าโหรหลวงมีคำทำนาย...
อืม...ก็เหมือนทุกครั้ง ที่จะยกทัพจับศึกก็ต้องมีการทำนายฤกษ์ยามเคลื่อนทัพทั้งนั้นแล
มิได้เพคะ มิใช่เรื่องฤกษ์ยาม แต่เป็นเรื่องผู้นำทัพของเรา
ภูวิษะ กมุทรามหาเทวีตรัสต่อให้
เพคะ พระธิดาพยักพักตร์รับ
เขาจะกำชัยกลับมา ลูกมิต้องห่วงนี่เป็นแค่ศึกเล็กเท่านั้นมิต้องวิตกไป
เพคะ หม่อมฉันมั่นว่าปาลปุระไม่อาจต้านแสนยากรของทัพจุมภะได้
ศึกนี้เป็นแค่เพียงการสั่งสอน ให้เมืองเล็กๆ รอบจุมภะจดจำเอาไว้ว่าอย่าได้เอาใจออกห่าง
ถ้าเป็นเพียงศึกเล็กดังที่ว่า...ให้ผู้ใดนำทัพก็จักนำชัยกลับมาสู่จุมภะจริงไหมเพคะ มหิตาเทวีพาลดเลี้ยงเข้าสู่จุดประสงค์ที่พระองค์ต้องการ
จะว่าอย่างนั้นก็ย่อมได้ แต่เสด็จพ่อของเจ้ามอบหมายให้ภูวิษะเป็นผู้นำทัพ เจ้าควรจะดีใจสิลูกแม่เมื่อเขานำชัยกลับมาย่อมนำเกียรติยศกลับมาสู่เจ้าเช่นกัน เจ้ากังวลสิ่งใดรึ? พระนางน้อยมิได้ตรัสตอบในทันที มหาเทวีก็แย้มสรวลทรงเข้าพระทัยได้เอง
อ้อ...คำทำนายที่ว่าบุรุษผู้นำทัพจะนำสองเมืองผูกพันกัน...ด้วยวิวาห์อย่างนั้นสินะ พระธิดาก้มพระพักตร์นิ่งไม่อาจตรัสสิ่งใดได้ต่อไป
ลูกแม่...เจ้ากังวลใจเรื่องเจ้าหญิงเมืองปาลอย่างนั้นรึ? หากเราชนะเจ้าเมืองปาลส่งราชธิดามาบรรณาการนางก็มีค่าแค่เพียงเชลยจะมาหาญสู้กระไรกับลูกแม่ได้
เสด็จพี่คงลำบากพระทัย
ภูวิษะน่ะรึ? ทำไมเล่า?
ทรงให้สัญญากับลูกไว้ ว่าจะไม่มีหญิงอื่นใดอีก หากจำต้องรับเจ้าหญิงเมืองปาลมาไว้ในครอบครองล่ะก็...จะทรงเสียคำพูด เสด็จพี่คงไม่กล้าทูลเสด็จพ่อดอกเพคะ เรื่องที่กล่าวมานั้นเจ้านาคราชมิเคยปรึกษากับพระชายาเลย เป็นเพียงสิ่งที่ตรัสไว้เมื่อแรกอภิเษกกัน แต่มหิตาเทวีก็ทูลพระแม่เจ้าได้อย่างมิขัดข้อง
เรื่องนี้นี่เองรึ? มิน่าเล่า...ภูวิษะถึงดูอึดอัดนักยามที่โหรหลวงทำนาย เมื่อมหิตาเทวีสดับความได้ดังนั้นก็ทรงดีพระทัยนัก
เสด็จแม่...ถ้าอย่างนั้นทรงช่วยทูลเสด็จพ่อให้หน่อยได้ไหมเพคะ ขอให้ทรงเปลี่ยนตัวผู้นำทัพเป็นผู้อื่นไปเสียเพียงเท่านี้เอง สุรเสียงของพระองค์ดีพระทัยอย่างเห็นได้ชัด
เหลวไหลน่ามหิตา พระบาทเจ้าตรัสแล้วจะคืนคำได้อย่างไร แล้วการที่ได้รับแต่งตั้งให้นำทัพก็เป็นเกียรติยศแก่เขาและวงศ์วาน นี่เจ้ากลับขอให้ถอดเขาออกจากตำแหน่งเพียงเพราะกลัวคำทำนายอย่างนั้นรึ?
เสด็จแม่เพคะ!
เรื่องนี้อย่าพูดถึงอีก หากพระบาทเจ้าทรงทราบเข้าจะกริ้วเอา
แต่...
ไม่มี แต่ มหิตาเจ้านี่ไปกันใหญ่แล้ว พูดจาเหลวไหล
เสด็จแม่เพคะ มีผู้ใดบ้างอยากให้สวามีตนมีหญิงอื่น เสด็จแม่โปรดเห็นใจลูกด้วยเถิดเพคะ
สวามีเจ้าขอให้มาพูดหรือไง?
มิได้เพคะ เรื่องนี้เป็นลูกเองที่...
งั้นก็ดีแล้วที่เขารู้จักหน้าที่ มหิตามิใช่ว่าแม่ไม่เข้าใจเจ้า เอาไว้เสร็จศึกค่อยว่ากัน
มิได้เพคะ ขืนเสร็จศึกก็รับนางคนเมืองปาลมากันพอดี แล้วหม่อมฉันจะทำเยี่ยงไร มิต้องจำใจรับนางร่วมตำหนักหรือเพคะ? ทรงโอดครวญ ดวงเนตรแดงก่ำน้ำอัสสุชลคลออยู่ภายใน
แล้วเป็นอย่างไร? นางเชลยนั้นจะมาเทียบเทียมลูกแม่ได้อย่างไร นางสิต้องเจียมเนื้อเจียมตัวว่ามาในฐานะอะไร เป็นได้เพียงแค่เครื่องประดับเกียรติให้ภูวิษะเท่านั้น
ลูกไม่ต้องการ!! เสด็จพี่ก็ไม่ต้องการ เรารักกัน เสด็จพี่สัญญาว่าจะมีลูกเพียงผู้เดียวเท่านั้น มหิตาเทวีไม่รู้องค์ว่าทรงทำกริยากระด้างกระเดื่องใส่พระแม่เจ้า
มหิตาหยุดนะ! อย่าขึ้นเสียงกับแม่
ขออภัยเพคะ เมื่อนึกขึ้นได้ก็สุรเสียงก็อ่อนลง ทรงก้มพักตร์ปล่อยให้น้ำพระเนตรไหล
เฮ้อ...นี่เจ้าอายุเท่าใดแล้ว 19 จวนจะ 20 อยู่รอมร่อแล้ว ไยทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต มีชายใดบ้างมีหญิงเดียวในครอบครอง หากชายนั้นเป็นชายยากแค้นก็ว่ากันไป แต่นี่...ภูวิษะเป็นถึงราชบุตรเขยแห่งจุมภะปุระ กมุทรามหาเทวีตรัสมิผิด ในยุคสมัยของพระองค์ชายที่มีหญิงเดียวในครอบครอง มีเพียงชายยากจนข้นแค้นมิสามารถเลี้ยงดูสตรีได้เกินกว่าเมียและมารดาของตน จึงไม่มีนางงามมาประดับบารมี
ที่สำคัญหญิงนั้นมาด้วยการศึกผู้ใดจะปฏิเสธได้
งั้นเสด็จแม่ต้องช่วยลูกนะเพคะ หากเราชนะศึกแล้วได้นางคนเมืองปาลมาเป็นบรรณาการจริงๆ ต้องประทานให้ผู้อื่นนะเพคะ อย่าประทานให้เสด็จพี่ภูวิษะ
แม่จะทำเยี่ยงนั้นได้อย่างไร มันผิดราชประเพณี หญิงนั้นควรตกเป็นของผู้กำชัย เว้นแต่เสด็จพ่อของเจ้าต้องการนางไว้เสียเอง
ก็ถวายให้เสด็จพ่อไปสิเพคะ
ต้องให้ภูวิษะเป็นผู้ทูลถวาย มิใช่เจ้า! อย่าได้วุ่นวายนักมหิตา ถึงมิใช่นางนี้สักวันก็ต้องมีหญิงอื่นมาประดับเรือน หากหนนี้เลี่ยงได้แล้วหนต่อๆ ไปเล่า ใจคอเจ้าจะให้ภูวิษะเลี่ยงทุกหนแล้วต่อไปจะมองหน้าผู้ใดติด มิกลายเป็นปฏิเสธบรรณาการรึ?
แล้วบรรณาการจำเป็นต้องเป็นหญิงงามหรือเพคะ? เป็นอย่างอื่นก็ได้ถมไป
พูดไม่รู้เรื่องเลยลูกคนนี้ ไป..เจ้ากลับตำหนักเจ้าไปได้แล้ว อย่ามากวนใจแม่อีก
เสด็จแม่เพคะ...อย่าเพิ่งผลักไสลูกเลย ลูกไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครนอกจากเสด็จแม่ ตรัสแล้วก็ทรงกรรแสงออกมาชุดใหญ่ สร้างความเวทนาให้แก่พระแม่เจ้าจนพระทัยอ่อนยวบ
มหิตา...เจ้าอย่าร้องไห้สิลูก ทรงประคองวรองค์บอบบางของพระธิดาขึ้นตระคองกอด
เรื่องนี้ยังมิทันได้เกิดขึ้นเลย เป็นเพียงสิ่งที่เจ้าคิดคำนวณไปเท่านั้น
แต่โหรหลวง...มิเคยทำนายผิดพลาด หม่อมฉันกลัวเพคะ มหิตาเทวีทรงซบวงพักตร์เข้าอิงพระอุระมหาเทวีแล้วสะอื้นไห้
มหิตาเทวีทรงซบวงพักตร์เข้าอิงพระอุระมหาเทวีแล้วสะอื้นไห้ออกมา ยังผลให้ดวงหทัยของพระมารดาสะเทือนพระทัยไปด้วย คล้ายดังว่าดำรัสของพระธิดาสะกิดเอาเรื่องราวในอดีตที่ทรงแสร้งทำเป็นลืมเลือน
ทรงซุกซ่อนตะกอนแห่งความทุกข์นั้นเอาไว้ก้นบึ้งของหทัยมานานหลายปีนัก แต่มาเวลานี้ตะกอนเหล่านั้นถูกตีด้วยความหวั่นไหวของมหิตาเทวี จนลอยวนกลับขึ้นมาในห้วงดำริของกมุทรามหาเทวี ยิ่งคำนึงดวงเนตรก็ยิ่งแดงก่ำสุดท้ายอัสสุชลก็เอ่อขึ้นมาคลอพระเนตร
คนทำนายหรือจะสู้ฟ้าลิขิต...อย่ากลัวไปลูกเอ๋ย เมื่อก่อนนั้นโหรหลวงก็เคยทำนายว่า มนิษิกา พี่เจ้าจะได้คู่ครองเป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง จะเป็นที่โปรดปรานของมหิทธราบดี แล้วเป็นอย่างไรเล่า...นางก็..
พระนามของราชธิดาซึ่งเสด็จทิวงคตไปอย่างกะทันหัน เป็นพระนามต้องห้ามที่มิเคยตรัสขึ้นมาอีกและห้ามมิให้ผู้ใดตรัสถึงเสียด้วยซ้ำ แต่บัดนี้มิทราบว่าสิ่งใดดลพระทัยกัน ฤาอาจเป็นชะตาแห่งบ้านเมืองก็เป็นได้ ยามที่ตรัสถึงพระธิดาน้อยสุรเสียงก็สั่นเครือลงทุกขณะ
หากว่าทรงโปรดปรานนางจนให้ไปรับใช้ถึงแดนบาดาลเยี่ยงนั้นแล้วละก็ สู้อย่าทรงโปรดเลยจะดีเสียกว่า นางยังเล็กนักตอนที่จากไปยังมิทันถึงวัยมีคู่เสียด้วยซ้ำ เจ้าถึงต้องมาทำหน้าที่แทนนางคอยถวายบำบวงมหิทธราบดี นี่อย่างไรเล่าคำทำนายมิได้ถูกต้องไปเสียหมด...
ทรงส่ายพระพักตร์เมื่อดำริถึงพระธิดาที่จากไปเมื่อใดความเศร้าสร้อยมาเยือนเมื่อนั้น แม้เวลาเนิ่นผ่านไปหลายปีแต่ความเศร้าโศกเสียใจมิได้จางไปด้วย
เจ้าก็อย่าได้กังวลไป พระแม่เจ้าทรงปลอบพระทัยเทวีน้อย โดยหารู้ไม่ว่าดวงหทัยของมหิตาเทวีกำลังเต้นรัวกับเรื่องราวที่ได้ยิน
เมื่อกี้เสด็จแม่ว่า..เสด็จพี่มนิษิกาถูกทำนายว่าจะได้สวามีเป็นใหญ่แก่คนทั้งปวง...แล้วมหิทธราบดี ทรงตรัสช้าๆ ถึงพระนามนาคราชเจ้าผู้เป็นใหญ่เหนือจุมภะปุระ
ใช่...โหรหลวงทำนายว่ามหิทธราบดีจะประทานคู่ให้มนิษิกา สิ้นคำตรัสดวงพักตร์มหิตาเทวีก็ซีดขาวลงทันที
ทรงหมายความว่า...
เมื่อสิ้นมนิษกาแล้ว ทั้งแม่ทั้งพระบาทเจ้าหวั่นเกรงยิ่งนักว่าจะเกิดอาเพศแก่บ้านเมือง เราจึงต้องทำการบวงสรวงย้ายดวงของเจ้ามาแทน ขอให้ทรงรับเจ้าไว้ในการดูแล ให้ทรงเลือกคู่ให้แทน แล้วก็ยังดีที่มหิทธราบดีทรงโปรดปรานลูก สิ่งใดที่จะประทานให้แก่มนิษกาก็ทรงประทานให้เจ้าแทน
นับเป็นโชควาสนาแก่บ้านเมืองเราโดยแท้ เราจึงอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขเสมอมา ดังนั้นเจ้าอย่าได้กังวลกับคำทำนายนัก ทุกอย่างมิได้ตายตัวเสมอไป และหากต้องเป็นไปตามนั้นมันก็เป็นเพียงราชประเพณี แม่ไม่ปล่อยให้นางหญิงเมืองปาลอยู่เหนือลูกของแม่ได้เป็นอันขาด
ถ้อยดำรัสนั้นอ่อนโยนเท่าที่มารดาจะพึงมีให้บุตรีได้ แต่กมุทรามหาเทวีทรงมิทราบว่าคำปลอบโยนนั้นไม่ต่างกับราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟ มหิตาเทวีมิได้ทรงทราบเรื่องที่ทรงเป็นตัวตายตัวแทนของมษิกาเทวีผู้ล่วงลับ รวมไปถึงการได้อภิเษกสมรสกับราชบุตรองค์เดียวแห่งมหิทธราบดี ทั้งสิ้นนั้นเป็นเพียงแค่แทนที่พระพี่นางเท่านั้น !
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มหิตาเทวีเสด็จออกจากตำหนักหลวงด้วยพระทัยอันว้าวุ่น วรองค์บอบบางก้าวพระบาทลงบันไดที่ทอดยาวจากตัวตำหนักซึ่งสร้างไว้บนเนินสูงลงไปยังเบื้องล่างตามคติความเชื่อดั้งเดิม และด้วยพระทัยเหม่อลอยคล้ายวิญญาณจะหลุดออกจากวรกาย ที่แท้พระนางมิใช่เนื้อคู่ของภูวิษะเจ้า
แต่เป็นเพียงตัวแทนพระพี่นางเท่านั้น สิ่งที่ได้รับมาทั้งหมดล้วนมิใช่ขององค์เองเลย หากมนิษิกาเทวียังทรงพระชนม์อยู่ผู้ที่ได้เคียงคู่เจ้านาคราชคงมิใช่พระนาง แล้วยังนางหญิงจากเมืองปาลนั่นเล่ากลับได้รับคำทำนายว่าจะได้อภิเษกสมรส หรือเป็นนางที่เป็นเนื้อคู่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วพระนางจะมีหนทางใดขัดขวางได้เล่า
ภูวิษะเจ้าอาจจะเคยตรัสไว้ว่าจะรักมหิตาเทวีเพียงผู้เดียวไม่เหลียวแลหญิงอื่นใด แต่หากหญิงนั้นเป็นเนื้อคู่ที่มหิทธราบดีทรงเลือกไว้ให้ราชบุตร แล้วกามเทพฤาจะไม่แผลงศร หากดวงหทัยของภูวิษะเจ้าหลุดลอยไปอยู่กับหญิงอื่นแล้วพระองค์จะทรงพระชมน์ชีพต่อไปได้อย่างไร ดำริได้เพียงแค่นี้หยาดอัสสุชลก็หลั่งรินลงมาเป็นสาย กลบบังดวงเนตรจนทอดพระเนตรเห็นทุกสิ่งพร่าเลือน แล้วพระบาทก็ก้าวพลาดไป!
กรี๊ดดด!!!
โดยมิทันตั้งตัว ทั้งวรกายพลัดก็ร่วงหล่นจากบันไดหินไถลลงไปเบื้องล่าง ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในที่นั้น มหิตาเทวีมิอาจหยุดการเคลื่อนไหวลงได้ในทันที เนื่องด้วยความชันของบันไดทำให้วรองค์นั้นกระแทกกับบันไดไปหลายขั้นนักกว่าจะทุกอย่างจะยุติลงตรงชานพักของบันไดนั่นเอง
พระเทวี!!! ปทุมมาและศรีดาราประสานเสียงกันกรีดร้องออกมา
ทั้งนางกำนัลที่ตามเสด็จตามหลังมาจากตำหนักหลวง และทหารที่เฝ้าเสลี่ยงด้านล่างต่างพากันวิ่งตรงไปหามหิตาเทวีทันที จึงพบว่าพระนางลื่นล้มโดยเอาพระปฤษฏางค์และบั้นพระเอวกระแทกลงมา บัดนี้จึงได้แต่นอนครวญครางเจ็บปวด
พระเทวีเป็นอย่างไรบ้างเพคะ
เ..จ็บ.. สุรเสียงเจ็บปวดเล็ดรอออกมาจากโอษฐ์อย่างยากเย็น
แข็งใจไว้นะเพคะ ทรงขยับได้ไหม? พระนางมิได้ตรัสตอบแต่ทรงนิ่วพระพักตร์ด้วยความเจ็บ
เมื่อศรีดาราอ้อมมาทางด้านหลังและพยายามพยุงวรกายนางเทวีขึ้น จึงได้เห็นพระโลหิตไหลซึมออกมาจากภูษาทรงเป็นจำนวนมาก ซิ่นไหมคำสีตองอ่อนบัดนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน นางคนสนิทสบตาปทุมมาและนางกำนัลอื่นคล้ายจะถามให้แน่ใจว่าเห็นสิ่งเดียวกับตนหรือไม่
พระเทวี!!!! แล้วจึงร้องเรียกมหิตาเทวีอย่างขวัญหาย
ใครก็ได้ช่วยด้วย พระเทวีแย่แล้ว!!!
ไปตามหมอหลวงมาเร็ว
หลายเรียกตะโกนกันต่อๆ อย่างชุลวุนมุ่นวายส่วนมหิตาเทวีมิอาจตรัสตอบได้ พระสติจวนเจียนจะดับหาย ดวงพักตร์ขาวซีดไร้สีสัน หยาดเสโทผุดพรายขึ้นมา
เสด็จพี่ภูวิษะ... นามของพระสวามีถูกตรัสออกมาเป็นคำสุดท้ายก่อนที่จะทรงหมดสติไป
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่เคียงฟ้าจะทันได้นึกคิดสิ่งใด แต่เพียงแค่นี้หญิงสาวทราบได้ว่ามหิตาเทวีทรงตั้งพระครรภ์อ่อนๆ โดยที่องค์เองก็มิทราบเสียด้วยซ้ำ และบัดนี้ก็ตกพระโลหิตไปเสียแล้ว นางผู้มาจากอนาคตได้แต่ยืนตัวสั่นเทา ไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดได้ เป็นเพียงผู้เฝ้าดูและเคลื่อนไปตามคลื่นแห่งชะตากรรม
ความเสียพระทัยความเจ็บปวดผิดหวังใดๆ ทุกประการของมหิตาเทวีถูกส่งถ่ายมายังเคียงฟ้า จนหล่อนไม่อาจฝืนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป จึงยกมือขึ้นปิดปากพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไห้ แต่มิอาจทำได้น้ำตาไหลพรูออกมาจากสองตาดังทำนบทลาย
เจ้าภู...มหิตาแท้งลูก...ลูกของคุณ!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++