TBR 2009 คู่มือศึกษาประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่งี่เง่า+โครอลไลน์, พร้อมรบรับมือหุ่นยนต์+ผีญี่ปุ่น+SFC1
รายการหนังสือที่อ่านจบในช่วงกลางมีนาถึงเมษาค่ะ ดีใจเหลือเกินที่ได้เคลียร์ TBR ออกกับเขาบ้างแล้ว ยังมีหวังว่าพอสิ้นเดือนเมษาแล้วอาจมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอีกบางเล่มค่ะ มาเริ่มกันที่1. คู่มือศึกษาประวัติศาสตร์โลก ฉบับไม่งี่เง่า เล่มนี้นอกจากจะกล่าวถึงประวัติศาสตร์โลกอันยาวนานแล้ว เวลาที่ใช้ในการพยายามอ่านยังยาวนานกว่า 1 ปี และเวลาที่ใช้ในการอ่านให้จบกว่า 1 อาทิตย์ (ช่วงสงกรานต์อันระอุ) อีกด้วย (ฮา) ด้วยความบางของเล่มนี้บวกกับความที่ต้องย่อประวัติศาสตร์โลกทั้งหมดให้เหลือแค่ 200 กว่าหน้า ทำให้ จขบ. อ่านแล้วไม่รู้สึกว่ารู้ประวัติศาสตร์โลกมากขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ คือ มันเห็นแค่ภาพกว้างๆ น่ะค่ะ ไม่ได้รู้รายละเอียดจนมองเห็นภาพชัดๆ แต่ก็เข้าใจค่ะว่าเป็นเพราะความบางของหนังสือมันบังคับ และคงเพราะ จขบ. ห่างหายจากการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ไปนานมากแล้วด้วยมั้ง เลยรู้สึกว่าเนื้อหามันไม่ค่อยจะซึมเข้าสู่สมองสักเท่าไหร่ค่ะ แต่ว่าสำหรับใครที่อยากจะหาสรุปประวัติศาสตร์โลกมาอ่านเป็นพื้นฐานเบื้องต้นก่อนจะเจาะลงไปศึกษาเฉพาะช่วงที่สนใจ เล่มนี้ก็น่าจะพอช่วยได้ค่ะ 2. โครอลไลน์ เรื่องนี้จริงๆ แล้วมันอ่านแล้วควรจะรู้สึกหลอน แต่จขบ. อ่านแล้วกลับเฉย ๆ ไปหลอนเอาแค่บางช่วงบางฉากกับตอนท้ายเรื่อง ตอนที่มีอะไรบางอย่างตามโครอลไลน์กลับมาบ้านน่ะค่ะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมอ่านแล้วไม่อิน ไม่หลอน แต่เรื่องนี้อ่านแล้วชอบแมวจอมหยิ่งค่ะ น่ารักน่าชังดี ต่อไปเป็นรายการหนังสือในกองดองเล่มอื่น ๆ ที่สามารถอ่านจบได้ค่ะ (ดีใจจัง)3. พร้อมรบรับมือหุ่นยนต์ เล่มนี้น่าจะซื้อมาพร้อมๆ โครอลไลน์ค่ะ แต่ความพยายามในการอ่านนี่ใช้เยอะกว่ามาก เพราะอ่านไปเกือบครึ่งเล่ม แล้วทิ้งค้างไปร่วมครึ่งปีกว่าจะหยิบมาอ่านต่อจนจบ โชคยังดีค่ะ ที่เนื่อหามันไม่ต้องย้อนกลับไปอ่านทวนตอนต้นอีกรอบ สามารถอ่านต่อไปได้เลย ไม่อย่างนั้น คงได้ดองต่อไปอีกนานสำหรับเล่มนี้ ก็อ่านเอาฮาเพราะคนเขียนเขาเขียนโทนแบบจริงจังจนเรารู้สึกฮามากกว่าจะน่ากลัว แต่ได้ความรู้เรื่องหุ่นยนต์เพิ่มขึ้นอีกเยอะค่ะ ใครชอบอ่านไซไฟหรืออ่านหนังสือวิทยาศาตร์เอาสาระ เล่มนี้ก็น่าสนใจค่ะ4. ผีญี่ปุ่น โดยแลฟคาดิโอ เฮิร์น เล่มนี้เหมือนเป็นหนังสือที่อ่านเอาความรู้มากกว่าอ่านเอาหลอนค่ะ ที่อ่านแล้วหลอนมีอยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องส่วนใหญ่ในเล่มจะเป็นแนวให้ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องวิญญาณของทางญี่ปุ่นมากกว่า อ่านจบได้อย่างรวดเร็วในคืนที่สอยเล่มนี้มาจากงานหนังสือนั่นเอง ดีใจที่รอดพ้นจากกองดองค่ะ 5. SF Collection 1 ตอน จานของมิโนทาวรอส ผลงานของอาจารย์ฟุจิโกะ ผู้เขียนโดราเอมอนค่ะ เล่มนี้เป็นรวมเรื่องสั้นการ์ตูนไซไฟของผู้เขียน ส่วนใหญ่เป็นไซไฟที่หม่นมืดชวนอึ้ง บางเรื่องก็อ่านแล้วเหวอและทิ้งคำถามในตอนจบให้เก็บกลับมาคิดต่อได้อีก เรื่องที่ส่งผลให้เราอึ้งมากที่สุดคือเรื่องผีน้อยคิวทาโร่ ภาคพิเศษ ซึ่งทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันจริงมากจนรู้สึกเศร้าๆ ในอกเลย เล่มนี้ซื้อมาตอนงานหนังสือเกือบวันสุดท้าย กลับบ้านมาแล้วก็หยิบมาอ่านคืนนั้นเลย ตอนที่เราอ่านก็มีกรี๊ดในใจเป็นระยะ ๆ ค่ะ พออ่านจบแล้วแทบอยากไปซื้อเล่ม 2 มาอ่านต่อ เพราะถูกจริตสุด ๆ ตอนนี้เลยยิ่งยกอาจารย์ฟุจิโกะขึ้นหิ้งยิ่งกว่าเมื่อก่อนที่อ่านแค่โดราเอมอนเสียอีกค่ะ ที่กำลังอ่านอยู่ช่วงนี้ --------------------เรื่องผีผี ผลงานอีกเล่มของผู้เขียนเรื่องผีญี่ปุ่นค่ะ เล่มนี้ค่อนข้างหลอนกว่าผีญี่ปุ่น ----กล้าถาม กล้าตอบ ไขปริศนา 469 ปัญหาวิทยาศาสตร์ เป็น 1 ใน TBR 2009 อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นหนังสือวิทย์ที่อธิบายได้สนุกดี----พรมแดนทดลอง เป็น 1 ใน TBR 2009 เช่นเดียวกัน ต้องค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ ย่อยค่ะ สำหรับตัวหนังสือของคุณมุกหอม
ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ควันหลงงานสัปดาห์หนังสือ เม.ย .52
ความจริงแล้วตั้งใจจะอัพบล็อกนี้ตั้งแต่หลังงานจบเมื่อช่วงเสาร์อาทิตย์ก่อน แต่ก็บังเอิญเกิดเหตุการณ์อย่างที่เราก็รู้ ๆ กันอยู่ เลยมีความจำเป็นและคำสั่งจากที่บ้านให้ลี้ภัยจากกรุงเทพค่ะ (ประกอบกับต้องกลับบ้านช่วงสงกรานต์อยู่แล้ว) บล็อกนี้จึงล่าช้ามาจนควันหลงก็คงจะเหลือน้อยแล้ว (เหมือนเงินในกระเป๋าช่วงนี้เลยค่ะ)วันสุดท้าย (จริงๆ ) ที่จขบ. ไปเดินงานหนังสือคือวันเสาร์ที่ 4 ค่ะ ไปทำงานด้วย ก็เลยเดินแค่ประมาณ 3 ชม. โชคดี (?) ที่ก่อนหน้านั้นก็เดินเสียจนเกือบทั่วแล้ว ยกเว้นแต่โซน C ซึ่งถ้าไม่เดินให้ละเอียดก็อาจจะพลาดอะไรที่น่าสนใจไปได้ จขบ. จึงใช้เวลาเกือบทั้งหมดกับโซนนี้ค่ะ ได้มาอีกหน่อยดังต่อไปนี้31. การก่อสร้างพีระมืดแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ประมาณ 150 บาท จากบูทเคล็ดไทย เล่มนี้ไม่แนใจเหมือนกันว่าตอนซื้อมาคิดอะไรอยู่ ลด 20% จากราคาปก แต่ราคาปกถูกมากเมื่อเทียบกับความหนา จึงจ่ายเงินไปแบบเบลอๆ เหมือนโดนของยังไงไม่รู้ค่ะ 32. แวร์เธอร์ระทม โครงการคบไฟ จากบูทเคล็ดไทย อันนี้ซื้อมาเพราะนอกจากจะน่าสนใจแล้วยังลด 70% อีกด้วยค่ะ 33. ร่างหลอน โดย เอส พี สมเถา เหตุผลเดียวกับเล่มข้างบน34. ขุมทองของแฟร์นิลี รวมเทพนิยายสก็อต จากบูทสร้างสรรค์บุ๊ค อยากได้มานาน จนมันลด 50% แล้วค่ะ 35. ดอกไม้สำหรับมิสซิสแฮร์ริส จากบูทเดียวกัน เคยอ่านเจอใครสักคนแถวนี้พูดถึง เลยลองซื้อมาอ่านดู เพราะลด 70% จากบูทนี้ เกือบจะใจอ่อนหยิบ "เหมาโหลถูกกว่า" ลด 70% มาด้วยแล้วค่ะ แต่ยังยั้งมืออยู่ เพราะยังไม่ได้ซื้อบางเล่มที่อยากได้ ต้องเก็บงบไว้ก่อนค่ะ36. ตะกละ ซึ่งเป็น 1 ในชุดสนุกกับบาปเจ็ดประการของคบไฟค่ะ ชุดนี้น่าสนใจมาก ออกมาแล้ว 4 เล่ม ได้แก่ ตะกละ, ขี้เกียจ, ละโมภ, อิจฉา แต่ต้องเก็บเงินไว้ซื้อซีโนไซด์ด้วย เลยหยิบมาแค่เล่มเดียวที่ตรงกับตัวเองมากที่สุดก่อน คือ ตะกละ ค่ะ 37. SF Collection เล่ม 1 จานของมิโนทาวรอส โดย อ. ฟุจิโกะ จากเนชั่นซึ่งร้างแล้วเพราะตอนนั้นมันอีกครึ่ง ชม. จะปิดงานแล้วค่ะ เล่มนี้นี่อ่านจบในคืนนั้นที่ซื้อมาเลย เดี๋ยวจะเล่าถึงอีกทีค่ะ38. เพลิงตะวัน จากสักบูทหนึ่งที่อยู่ตรงเอเทรียม เดินผ่านระหว่างที่จะไปบูทเอเอสเคมีเดียค่ะ เห็นเขามีของสถาพรเล่มเก่าๆ เลยไปคุ้ยดู ปรากฏว่าได้เล่มที่รอสอยมานานเล่มนี้มาค่ะ39. วิถีล้างพันธุ์ หรือ Xenocide ฉบับแปลไทยค่ะ เล่มนี้ 450 เต็มตามราคาปก เนื่องจากเป็นพรินต์ออนดีมานด์ ไม่ได้พิมพ์ออฟเซ็ต จขบ. ก็เลยต้องซื้อทั้งที่ยังอ่านวาทกะแด่ผู้ล่วงลับเล่ม 2 ไม่จบเลย เพราะพิมพ์จำนวนจำกัดค่ะ 40. คลิกหัวใจให้หยุดที่เธอ จากอักขระบันเทิง อันนี้เล็งมานานจนลดราคาเหลือ 79 แล้ว เลยรีบสอยไม่รอช้าค่ะ41. อัญมณี42. โหราศาสตร์ เล่มเล็ก ๆ จากนานมี ลด 70% เหลือ 47 บาทเท่านั้น เก็บไว้อ่านเล่นเวลาไปไหนมาไหนกำลังดีค่ะ จริงๆ แล้วโปรโมชั่นต้องซื้อ 5 เล่มขึ้นไปถึงลดราคา 70% แต่ จขบ. ใช้วิธีขอไปแชร์กับผู้ซื้อท่านอื่นที่ซื้อเกือบจะครบ 5 เล่มแล้วค่ะ ยืนรอหน้าแคชเชียร์เลย วันแรกที่ไปบูทนานมี หาเล่มอัญมณีไม่เจอ เลยบ่นให้น้องฟัง ปรากฏว่าวันหลังพอน้องไปเดินงานกับเพื่อนอีกครั้งในช่วงที่ จขบ. ทำงานอยู่ น้องรักก็ไปหาเล่มนี้มาให้ จขบ. จนได้ค่ะ ไม่เสียแรงที่ลงทุนซื้อหนังสือให้ตั้งหลายเล่มเลยค่ะ 555+ อันที่จริงแล้วยังมีอีกเล่มค่ะ48. ประตูรักห้องถัดไป จากอักขระบันเทิง ซึ่งเมื่อวันที่ตั้งใจจะไปเดินงานเป็นวันสุดท้าย ที่บูทหมดค่ะ เลยเซ็งมากคิดว่าจะไม่ได้แล้ว แต่ปรากฏว่าเพื่อนรักโทรมาชวนไปงานวันที่ 6 อีก จขบ. เลย......ไม่ไปค่ะ บอกว่าตังค์หมด แล้วฝากมันซื้อแทน 555+ รวมแล้วกองนี้น่าจะหมดไปอีก 1000 บาทค่ะ รวมของน้องด้วยอีก 1600 กับของกองที่แล้วอีก 3 พันกว่า ๆ รวมแล้วเกือบ 6 พันค่ะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตาจริงๆ ป.ล. อยากได้หนังสือออกใหม่ของคุณมุกหอมอีก 2 เล่มด้วย (ประมาณ 700 บ.) แต่แค่นี้ก็ ~เกินจะจนแล้ว.... เกินจะจนแล้ว....ไม่อาจจะซื้อได้ต่อไป~
เก็บมาจากงานสัปดาห์หนังสือ เม.ย. 52 เหลือไว้เพียงความทรงจำ (ว่าเคยมีตังค์)
อ่า... อาทิตย์แรกของงานหนังสือหมดไป จขบ. ก็หมดตัวไปแล้วเรียบร้อย ได้มาเยอะกว่าที่คิดค่ะ คือ 30 เล่ม ดังนี้
Mr.Pig งานหมูหรืองานหนัก เราก็รักที่ทำงาน (มั้ง?) + Love on 20 Pages + โตขึ้นผมอยากเป็นหมา
Mr.Pig งานหมูหรืองานหนัก เราก็รักที่ทำงาน (มั้ง?) ผู้แต่ง : God ผู้แปล : อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี ^^^Mr.Pig งานหมูหรืองานหนัก เราก็รักที่ทำงาน (มั้ง?) : ชีวิตที่น่าขบขันแกมรันทดของมนุษย์เงินเดือนพึ่งอ่านจบไปเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาหลังจากที่พึ่งซื้อมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (ข้อดีของการซื้อหนังสือทีละเล่มสองเล่มในร้านหนังสือคือทำให้เราเก็บสต๊อกหนังสือดองน้อยลง)ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ลิสต์ใน TBR เลย แต่มันอยากอ่านนี่นา สาเหตุที่หยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านในคืนนั้นนอกจากนะเพราะมันเป็นการ์ตูนที่สามารถอ่านจบได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ค้างคาข้ามวันแล้ว คงเป็นเพราะมันเป็นวันที่ปั่นรายงานการปะรชุมเสร็จค่ะ (เป็นงานจิปาถะที่น่าเบื่อเอาการ) ก็เลยเกิดอารมณ์อยากรู้ว่าชีวิตมนุษย์เงินเดือนคนอื่นเขาเป็นยังไงกันบ้าง และก็ได้พบว่าชีวิตมนุษย์เงินเดือนทั่วโลกนี่น่าจะมีจุดร่วมหลายอย่างที่เหมือนกันค่ะ แต่ว่าเล่มนี้อ่านแล้วก็ไม่ได้ฮาตึงเหมือนเซตวานวานค่ะ ออกแนวจะฮาแบบแกมรันทดประชดประชันชีวิตการทำงานมากกว่า แต่บางเรื่องอ่านแล้วขำไม่ค่อยออก มันอึ้งๆ อยู่ข้างใน และทำให้เราได้ฉุกคิดเสียมากกว่าLove on 20 Pages โดย... ธีรายุ เศรษฐภักดี232 หน้า 120 บาทเล่มที่ 2 ที่อ่านค่ะ เป็นการ์ตูนอีกแล้ว เรื่องนี้เคยลงเป็นตอนๆ ในนิตยสาร Let's มาก่อน แล้ว จขบ. เคยอ่านบางตอนแล้วรู้สึกชอบมาก พอรวมเล่มก็เลยรีบสอยมาอ่านเต็มๆ ค่ะ เป็นการ์ตูนที่อ่านแล้วสนุกดี รู้สึกว่าตัวละครมีสีสัน อ่านแล้วก็อินไปกับเรื่องราวในเรื่องได้ไม่ยาก แต่แทนที่ จขบ. จะซึ้ง กลับรู้สึกว่าความฮามันจะมาแรงแซงทางโค้งมากกว่า แต่ก็อินกับความรักความผูกพันของตัวละครในเรื่องด้วยนะคะ ใครชอบอ่านการ์ตูน ขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ โตขึ้นผมอยากเป็นหมาเรื่องและรูป ... โยโกะ คิตายามะแปล .... มยุขะ โฮริคาวา//www.tpa.or.th/tpapress/youth_book_detail.php?dm=Y&id=10เรื่องนี้ก็ซื้อมาแล้วอ่านจบภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นเดียวกัน เพราะตัวหนังสือน้อย เป็นหนังสือภาพค่ะ จขบ. ไม่รู้จะอธิบายถึงหนังสือเล่มนี้ยังไงดี คงต้องยืมโปรยปกหลังของหนังสือมาใช้ค่ะ ---> "ปรัชญาหมาสอนคน"ต้องลองได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านค่ะ ถึงจะเข้าใจ ในเล่มจะสอนถึงวิธีการเป็น "หมาผู้เพียบพร้อม" สำหรับ "คนที่กลายเป็นหมาโดยไม่รู้ตัว" ค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็น "ปรัชญาหมาสอนคน" จริง ๆ เหมือนโปรยปกหลังเลยค่ะ นอกจาก 3 เล่มนี้ ในช่วงเดือนมีนาก็ยังไม่ได้อ่านเล่มไหนอีกเลย แต่ที่ไปได้ติดไม้ติดมือมาจากกองลดราคาพิเศษตามร้านหนังสือยังมีอีกเยอะเลยค่ะ ประมาณ 11 เล่ม รวมที่ค้างจาก ธันวา 51 ด้วยอีก 1 เล่ม สรุปว่า TBR ไม่คืบหน้า มีกองดองมาเพิ่ม งานหนังสือก็ยังมาถึงแล้วอีก งานนี้เศร้าค่ะ
TBR 2009 แม้จะเริ่มช้าไปแต่ก็ขอ Dare to die + หนังสือที่อ่านจบใน 2 เดือนที่ผ่านมา
ปี 52 ผ่านมาแล้ว 2 เดือน แต่จนแล้วจนรอด จขบ. ก็ยังไม่ได้ทำ TBR 2009 เป็นเรื่องเป็นราวเลย พึ่งจะตัดสินใจก็วันนี้ค่ะ ก่อนอื่นขอสารภาพว่า 2 เดือนนี้อ่านหนังสือจบไปแล้ว 5 เล่มด้วยกัน ฟังดูเหมือนจะดี แต่ที่แย่ก็คือหนังสือทุกเล่มที่อ่านจบเป็นหนังสือที่พึ่งซื้อมาใหม่ทั้งสิ้นค่ะ หาใช่หนังสือในกองดองไม่ 5 เล่มที่ว่าได้แก่1. ปรากฏการณ์ธรรมดา ภาคฤดูร้อน (องอาจ ชัยชาญชีพ)2. ความน่าจะแมว (องอาจ ชัยชาญชีพ)3. ต้นกำเนิดชนชาติและประเพณีจีน (โดย Li Xiaoxiang แปลโดยปณัฐพรรณ-ปรมินทร์พร เจริญธรรม สนพ. สุขภาพใจ)4. ศาสตราแห่งหัวใจ (มากกว่ารัก)5. สวนสวรรค์ลิขิตรัก (คาซี(ปราณธร))ที่น่าเศร้าคือปรากฏการณ์ธรรมดาเป็น comic ค่ะ ส่วนต้นกำเนิดชนชาติฯ แม้จะเป็นภาพการ์ตูนไปเสีย 50% แต่เนื่องด้วยเป็นหนังสือที่ให้สาระความรู้ ดังนั้นขอนับเป็นหนังสือค่ะ ถ้าใครเคยเห็นทั้ง 5 เล่มข้างต้นมาแล้ว จะเห็นได้ว่าเล่มบาง ๆ ทั้งสิ้นค่ะ กำลังสงสัยตัวเองว่าทำไมช่วงนี้อ่านหนังสือได้น้อย พบว่าเป็นเพราะงานสุมค่ะ 5555 (สร้างภาพเล็กน้อย)ต่อมาเข้าเรื่องกันกับ TBR 2009 ทั้ง 12 เล่มค่ะ (แต่ไหน ๆ ก็ล่วงเลยมา 2 เดือนแล้ว ดังนั้นจึงขอเลือกบางเล่มที่บางหน่อยแต่ดองมานานโขแล้วรวมไว้ด้วยค่ะ (ลำเอียงเข้าข้างตัวเอง)1. แม้ความตายมาพราก เป็นรายการที่จัดว่าดองมานานที่สุดเล่มนึงค่ะ ตั้งแต่งานหนังสือ ต.ค. 50 ก็ปีกว่าแล้วยังอ่านไม่จบเลยค่ะ ความจริงอ่านไปประมาณเกือบครึ่งนึงของเล่ม 1 แล้ว (เรื่องนี้มี 2 เล่มจบ) ดังนั้นก็จัดเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องแรกที่ต้องจบค่ะ 2. พรมแดนทดลอง เล่มนี้เป็นรวมบทความของคุณมุกหอม (ได้มางานหนังสือ มี.ค. 51 บางและอ่านไปแล้วประมาณครึ่งเล่มเหมือนกัน ถือซะว่าถ่วงสมดุลกับความหนาของรายการที่ 1 ค่ะ3. คู่มือศึกษาประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่งี่เง่า -- เป็นเล่มที่อยากอ่านให้จบมาก เพราะนอกจากจะมีสาระแล้วยังดองมาตั้งแต่งานหนังสือ มี.ค. 51 อีกด้วย 4. กล้าถาม กล้าตอบ ไขปริศนา 469 ปัญหา วิทยาศาสตร์คาใจ -- นี่ก็ดองมาพร้อมกับรายการที่ 3 ค่ะ (หนังสือมีสาระมักจะถูกดองอย่างง่ายดาย)5. จันทราปฏิวัติ (The Moon Is A Harsh Mistress ) -- นิยายอีกเล่มที่ซื้อมาตอนต่อมไซไฟกำลังทำงาน (งานหนังสือ มี.ค. 51) แต่ตอนนี้ต่อมไซไฟนั้นเข้าสู่ระยะพักไปแล้วค่ะ - -" อ่านไปแล้วประมาณ 20 หน้าได้ แล้วก็เสียบเข้าชั้นไว้เหมือนเดิม ที่น่าเศร้าคือจำไม่ได้แล้วว่าที่อ่านตอนแรกนั้นเป็นยังไง ต้องเริ่มใหม่ค่ะ6. วาทกะแด่ผู้ล่วงลับ (Speaker For The Dead) -- นี่ก็งานหนังสือ มี.ค. 51 ชะตากรรมเดียวกับรายการ 5 เปี๊ยบค่ะ คืออ่านไปแล้วประมาณ 30 หน้าได้ แล้วก็เสียบเข้าชั้นไว้เหมือนเดิม ที่น่าเศร้าคือจำไม่ได้แล้วว่าที่อ่านตอนแรกนั้นเป็นยังไง ต้องเริ่มใหม่อีกเช่นกันค่ะ และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ตอนนี้เริ่มลืมเรื่องในภาค 1 ของชุด คือ เกมพลิกโลก (Ender's Game) ไปแล้ว (อ่านจบไปหลายเดือนแล้ว) โชคดีที่ไม่เกี่ยวข้องกันมากนัก ไม่อย่างนั้นคงแย่หนักกว่านี้ค่ะ - -" 7. ดินแดนอัศจรรย์แห่งออซ -- ภาคต่อจากพ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซค่ะ พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซนั้น จขบ. ใช้เวลาอ่านอยู่นานมากกว่าจะจบ วันไหนมีอารมณ์ก็อ่านวันละ 2-3 บท ประมาณเดือนกว่า ๆ ก็จบ ส่วนเล่ม 2 นี้แค่หยิบมาเปิดดูคร่าว ๆ ยังไม่ได้ดูจริงจัง แต่ถ้าให้พูดถึงเล่มแรก คือ พ่อมดฯ รู้สึกว่ามันจะเด็กไปสำหรับ จขบ. ซะแล้ว (หรือ จขบ. แก่เกินหนังสือแล้วมากกว่า) แต่ก็โอเคค่ะ ก็เป็นหนังสือเด็กที่ดีเล่มนึง แต่ จขบ. อ่านแล้วยังไม่ค่อยอินค่ะ ยังติดกับเทพนิยายแบบดั้งเดิมอยู่มั้ง รู้สึกว่านาร์เนียจะถูกจริต จขบ. มากกว่าค่ะ (แต่ไม่นับนาร์เนียเล่มหลังๆ นะคะ อันนั้นก็เกินจะรับได้) 8. เจ้าหญิงออซมา -- นี่ก็ออซเล่ม 3 ค่ะ ที่เลือกออซมาลง TBR 2 เล่มรวด เพราะว่ามีออซอยู่ในกองดองถึง 4 เล่มนั่นเอง ก็เลยต้องให้น้ำหนักมากหน่อย ส่วนอีก 2 เล่ม กับ 1 เล่มเกี่ยวข้องที่เหลือ ขอใส่ไว้ในรายการสำรองค่ะ เผื่อว่าต่อมออซเกิดทำงานขึ้นมา จะได้โชคดีเคลียร์หมดทั้งชุดรวดเดียวไปเลย 9. พระเจ้าและผีห่าซาตาน -- นอกจากจะเป็นหนังสือที่น่าจะช่วยกระตุ้นต่อมอยากบริโภคหนังสือของ จขบ. แล้ว ยังเป็นความพยายามในการเพิ่มหนังสือมีสาระลงไปในรายการอีกด้วยค่ะ (ฮา)10. Mimic เลียนแบบทำไม -- ดองมาพร้อมกับรายการ 9 และเลือกมาด้วยเหตุผลเดียวกันค่ะ (เริ่มลอกการบ้านตัวเองแล้ว)11. ภารกิจลับของทอม ทรูฮาร์ต -- เล่มนี้ดองไว้กว่าครึ่งปีแล้ว จำได้ว่าตอนซื้อมานั้นซื้อเพราะหน้ามืด อยากอ่านมาก แต่พอได้มาแล้วกลับไม่สนใจไยดี ต่อมอยากอ่านหยุดทำงานไปเสียเฉย ๆ ค่ะ สันนิษฐานว่าช่วงนั้น จขบ. คงจะหันไปติดเกมออนไลน์เป็นแน่12. ไม่รู้จะเลือกอะไร แพ็ค 3 แล้วกัน --> ทำปากเก่งไปอย่างนั้นเอง แต่จริงๆ แล้วที่เลือกมา 3 เล่มนี้ ล้วนแล้วแต่บางมากทั้ง 3 เล่มค่ะ เลยโกง รวมความหนาเข้าด้วยกันแล้วคงเป็นครึ่งหนึ่งของรายการที่ 1 เท่านั้นเองค่ะ สรุปว่าเป็น โครอลไลน์ (หนังกำลังจะมาแล้วด้วย) ดอกไม้ วันวาร และความทรงจำ และ อารมณ์กาแฟ รายการสำรองในโครงการโดโรธีกับออซมาแห่งออซโดโรธีกับพ่อมดแห่งออซเทพนิยายใต้สมุทรซามูไรในสวนสน --> มีเพื่อนบล็อกท่านนึงบอกว่าดีมาก ก็หวังว่าเล่มนี้จะได้รอดจากกองดองของ จขบ. ในปีนี้ โอกาสและความน่าจะเป็นกลยุทธ์ในชีวิตประจำวัน --> ความจริงเลือก 2 เล่มนี้มาจะเสี่ยงมาก เพราะบางมากค่ะ อาจไขว้เขวได้ แต่ว่าก็ขอให้คะแนนในฐานะที่เป็นหนึ่งในหนังสือมีสาระจำนวนน้อยนิดในครอบครอง ของ จขบ. ค่ะ ว่าแต่เขาให้เลือกรายการสำรองกันแค่ 6 รายการใช่ไหมคะนี่ อันที่จริงถ้านับรายการที่น่าจะสำรองได้ ในกองดองยังมีอีกเป็นสิบเลย เท่าที่ดูแล้ว หนังสือเกือบทั้งหมดที่นำมาร่วมโครงการนี้จะเป็นหนังสือที่ซื้อมาจากงานลดราคาหนังสือทั้งหลายค่ะ ทั้งเป็นเพราะความตั้งใจจะเคลียร์หนังสือจากงานหนังสือของ จขบ. เอง และเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า 90% ของกองดองเป็นหนังสือที่ซื้อจากงานหนังสือค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานมหกรรมฯ และงานสัปดาห์ฯ (ภารกิจลับของทอม ทรูฮาร์ตเป็นเล่มเดียวในโครงการนี้ที่ซื้อในร้านหนังสือ)พอจะตั้งเป็นทฤษฎีสบคบคิดได้ไหมคะว่า "งานหนังสือทำให้หนอนซื้อหนังสือมากขึ้น และดองหนังสือมากขึ้นด้วยเช่นกัน" แล้วอีก 1 เดือนมาติดตามผลกันค่ะ ^^^ปรากฏว่าอีกหนึ่งเดือน ไปงานหนังสือ ได้สมบัติมาเพิ่มในกองดองอีกเป็นสิบเล่ม...จบข่าว