บัลลังก์รักบนเนินทราย : คาซี
บัลลังก์รักบนเนินทราย โดย : คาซี จำนวนหน้า : 208 ราคา : 149 รายละเอียด : ซาฮาบา กอซอรอ เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมทั้งด้านทรัพยากร การค้า และนักรบมากฝีมือ มาบัดนี้ องค์จักรพรรดิอารามี อั๊กมาล่วงเข้าสู่วัยชรา ถึงเวลาที่เขาจะให้ทายาทของตนขึ้นปกครองแทนพระองค์จึงมีพระราชโองการถึงองค์รัชทายาทที่สละฐานันดรมาอยู่กับหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา จนมีลูกสาวลูกชายสุดรัก ซาเจฮารา และ มาฮาลคาซัน ให้ทั้งหมดกลับเข้าสู่วังทองที่แห่งนั้นทำให้มาฮาลคาซันได้รู้ว่าตนมีพลังเวทอย่างที่คนอื่นมิอาจเทียบเท่า ต่างกับซาเจฮาราที่มิได้ตื่นเต้นกับเรื่องนี้เท่าใดนักและที่แห่งนั้น ก็เป็นสถานที่อันนำมาซึ่งความสูญเสียเพราะความโลภที่ไม่เข้าใครออกใครด้วยเช่นกันที่มาของข้อมูลจากเว็บแจ่มใสค่ะ-------------------------------------------------------------------------เท้าความพอ จขบ. อ่านพันหนึ่งเม็ดทรายจบปุ๊บ ก็หยิบเล่มนี้มาอ่านปั๊บเลยเป็นอีกเรื่องหนึ่งของคุณคาซีที่มีฉากและบรรยากาศเป็นทะเลทรายค่ะ เป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวของกับพันหนึ่งเม็ดทรายตรงที่เป็นเรื่องราวของตัวละครที่ปรากฎตัวในพันหนึ่งฯ ด้วย แต่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาที่ต่างกัน คือ เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในพันหนึ่งฯ ค่ะ ดังนั้นก็เลยเหมือนขยายความเป็นมาของตัวละครทั้งสองคนนี้ คือ มาฮาลคาซันและซาเจฮารา พี่สาว เพิ่มมากขึ้นจากในพันหนึ่งฯ นั่นเอง จะอ่านแยกกันก็ได้ แต่ถ้าอ่านเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ก็ควรจะอ่านอีกเรื่องด้วยค่ะ แล้วจะได้อรรถรสครบถ้วน (ฮี้ ๆ กับ ๆ )--------------------------------------------------------------------------ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านก่อนอื่นขอกล่าวถึงเรื่องย่อนิดนึงค่ะ...เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของวังทอง ซาฮาบา กอซอรอ (ชอบชื่อนี้จัง มันอลังการมากเลยค่ะ) ซึ่งเป็นวังที่สร้างขึ้นมาจากทองทั้งหลัง (ถ้าอาซามันได้มาที่นี่จะเกิดอะไรขึ้นน้อ ? ) และสร้างขึ้นทับปีศาจเป็นฝูง ๆ ที่จักรพรรดิบาเมซสะกดไว้ และให้ทายาทซึ่งเป็นผู้วิเศษเป็นผู้ครองบัลลังก์ คอยดูแลความสงบเรียบร้อยของปีศาจที่ผนึกไว้ และปราบปรามปีศาจในเขตทะเลทรายทั้งเจ็ดค่ะ พูดง่าย ๆ คือเป็นผู้พิทักษ์ด้วยนั่นเอง ดังนั้น ผู้ครองบัลลังก์นี้จึงได้รับยกย่องจากสุลต่านแห่งนครอื่น ๆ ว่าเป็นบัลลังก์ที่สูงส่งค่ะ ตัวเอกของเรื่องนี้คือ มาฮาลคาซัน และ ซาเจฮารา ค่ะ สองคนนี้เกิดมาโดยที่พ่อแม่มีฐานะต่างกันเพราะพ่อเป็นถึงเจ้าชายแห่งวังทองนี่ล่ะค่ะ เรื่องราวในเรื่องมีสองปมใหญ่ ๆ คือ เรื่องของบรรยากาศการแก่งแย่งที่แฝงอยู่ในวังทองอันสูงส่ง และเรื่องแปลก ๆ ของซาเจฮาราที่ทำให้เธอดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริงค่ะ เรื่องนี้อ่านแบบไม่ได้เดาอะไรไว้ล่วงหน้า (ปกติอ่านเรื่องไหนก็ไม่เคยเดาอยู่แล้ว) ประกอบกับเคยได้ยินผู้เขียนเธอบอกว่าเรื่องนี้ไม่การเมืองมากเท่ากับ Cursed Heart วังวนแห่งมนตราด้วย ก็เลยไม่คิดว่าจะเครียด แต่พออ่าน ๆ ไปก็พบว่าเรื่องนี้ก็มีปมให้คิดอยู่ไม่น้อยเหมือนกันค่ะ แต่จะเป็นปมอะไรนั้นก็ขอไม่บอกละเอียดค่ะเดี๋ยวสปอยล์ แต่บอกได้ว่าก็ว่าด้วยเรื่องการแย่งชิงอำนาจนั่นแล เรื่องนี้เหมือนจะบอกเราว่า ตราบใดที่ยังมีมนุษย์อยู่ในโลก ความวุ่นวายอันเกิดจากความโลภและกระหายในอำนาจก็ยังคงเกิดขึ้นในโลกต่อไป นับว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่แม้จะบาง แต่ก็ยังมี "อะไร" ให้เก็บมาคิดได้ค่ะ ส่วนในเรื่องความสนุกสนานและความหวานก็ยังคงมีครบถ้วนค่ะ ยังคงมีฉากต่อสู้ด้วยเวทมนตร์แบบเปลืองทรัพยากรไม่ใช่น้อย แต่เสียดายค่ะที่มีฉากเดียว (เพราะ จขบ. ชอบบบ...) เช่นเคย สำหรับใครที่ชอบอ่านเรื่องรักโรแมนติก เรื่องนี้รับรองว่าซาบซึ้งตรึงใจแน่นอนค่ะ จขบ. อ่านแล้วปลื้มหนูไอช่ามาก ๆ นอกจากนั้น จขบ. รู้สึกว่าชอบการพบกันครั้งแรกของมาฮาลกับไฟซาลมากเลยค่ะ รู้สึกว่ามันฮาดี ทั้ง ๆ ที่สองคนนี้บุคลิกไม่น่าจะฮาได้เลย น่ารักทั้งคู่เลย เอ๊ย ...ไม่ช่ายยยย..... อื่น ๆ -----> จำไม่ได้ค่ะ เพราะอ่านมานานหลายอาทิตย์แล้ว และอื่น ๆ อีก-----------> ไม่สามารถเล่าได้โดยไม่สปอยล์ค่ะ ดังนั้น ก็ไม่เล่าค่ะ
พันหนึ่งเม็ดทราย เล่ม 1-2 : คาซี
พันหนึ่งเม็ดทราย เล่ม 1 โดย : คาซี จำนวนหน้า : 344 ราคา : 209 รายละเอียด : ภายใต้ดวงอาทิตย์แผดจ้า บนผืนทรายสีทองกว้างไกลสุดสายตา ณ โอเอซิสชุ่มฉ่ำยังมีเมืองหนึ่ง...อัลบาฮัดซูตึกฝรั่งกลางตลาดคือสำนักงานนักสืบของเจค บาวน์ ไม่มีใครในเมืองนี้ไม่รู้จักเขา ด้วยเพราะความเซ่อซุ่มซ่ามเป็นหนึ่งไม่มีสอง แต่ถ้าทำสิ่งใดสูญหาย มาที่นี่แล้วไม่มีผิดหวัง เมื่อ วาดี ของสุลต่านหายไปอย่างไร้ร่องรอย องค์หญิงไนฮาจึงว่าจ้างเจคให้ตามมันกลับคืน จริงอยู่ว่างานนี้สำคัญมาก อีกทั้งไม่อาจรั้งรอ แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ตอบรับการว่าจ้างสืบหาตัวตนของเด็กหนุ่มลึกลับที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อของตัวเองไปแล้วนี่สิคนหนึ่งดื้อรั้นเอาแต่ใจ แถมมีศักดิ์ใหญ่โต อีกคนท่าทางพึ่งพาตัวเองไม่ได้ น่าสงสารชวนให้เห็นใจ จะตัดผู้ว่าจ้างจากสองเหลือหนึ่งหรือก็ทำไม่ได้ ถึงเป็นนักสืบชื่อเสีย (ง) โด่งดัง แต่อย่าลืมสิว่าเขามีแค่สองมือสองเท้าเท่านั้น!พันหนึ่งเม็ดทราย เล่ม 2 (เล่มจบ) โดย : คาซี จำนวนหน้า : 312 ราคา : 189 รายละเอียด : เบื้องหลังใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทางร่าเริงของเจค บาวน์ นักสืบหนุ่มแห่งตึกฝรั่งกลางตลาดที่เหล่าคนทะเลทรายรู้จัก มีความลับอันน่าตื่นตะลึงซ่อนอยู่อย่างมิดชิดพวกเขาเคยคิดว่ารู้จักสหายต่างเผ่าผู้นี้เป็นอย่างดี หากนั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวซึ่งเจ้าตัวยอมเผยเท่านั้น มีปริศนามากมายนักชวนให้สงสัย ...กระสุนติดไฟสีฟ้าเผาไหม้พวกปีศาจเป็นสิ่งปกติธรรมดาของอาวุธปืนอย่างนั้นหรือ ...แววตาหม่นเศร้ารวดร้าวที่แวบขึ้นยามเผลอไผลก็ช่างผิดแผกไปจากตัวตนปกติ และชื่อ ลูเซีย ที่หลุดออกจากปากเขาโดยไม่ตั้งใจนั่นอีก...หมายถึงใครกันเจคเฝ้ารอคอยวันนี้มาเกือบสามปี วันที่ร่องรอยของผู้ที่ทำให้เกิด เรื่องราว เมื่อครั้งนั้นปรากฏ แม้เขาจะยึดอัลบาฮัดซูเป็นบ้าน แต่การจากลาเพื่อติดตามเธอผู้นั้นไม่อาจไม่สนใจ ครั้งนี้แหละที่เขาจะต้อง จบ ทุกสิ่งทุกอย่างลง เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากพันธะใดๆ แล้วทำตามสิ่งซึ่งหัวใจปรารถนาเหลือเกินเสียทีที่มาของข้อมูล เว็บ สนพ. แจ่มใสค่ะ -----------------------------------------------------------------------เท้าความดังที่เคยพูดถึงว่า จขบ มีความรักความหลังกับเรื่องนี้มาก ดังนั้นก็ได้เวลาเมาท์แล้วค่ะ ว่าความรักความหลังแต่หนใดกัน นับย้อนไปตั้งแต่สมัยที่เรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกกับ สนพ. เดิม เมื่อ 4 ซ้า 5 ปีก่อน จขบ. ก็ได้อ่านเรื่องนี้โดยตอนนั้นยืมจากเพื่อนคนหนึ่งค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านผลงานและได้รู้จักชื่อผู้เขียนเรื่องนี้ คือ คุณฯคี และเพียงแค่อ่านเรื่องนี้ครั้งเดียวเท่านั้น จขบ. ก็สาบานตนเป็นสาวกของคุณฯคี ทันที -------------------------------------------------------------------------ความรู้สึกหลังจากอ่านความรู้สึก ขอกล่าวรวม ๆ ย้อนไปถึงสมัยที่ได้อ่านครั้งแรกด้วยก็แล้วกันค่ะ แต่ถ้าถามว่าพิมพ์ครั้งแรกกับพิมพ์ครั้งนี้ต่างกันอย่างไร ขอยืดอกยอมรับอย่างภาคภูมิค่ะ ว่า "จำไม่ได้แล้ว" ก็อย่างที่บอกไปแล้วค่ะ ว่าสมัยก่อนนู้นยืมเพื่อนอ่าน ไม่ได้ซื้อเก็บ ก็เลยจำไม่ได้แล้ว จำได้อย่างเดียวว่าพิมพ์ใหม่นี้มีตอนพิเศษเพิ่มขึ้นมา กับเชิงอรรถเพิ่มขึ้นมามั้ง ขออภัยค่ะ ส่วนความรู้สึกทุกครั้งที่อ่านนั้น จขบ. คิดว่าเรื่องนี้สามารถเล่าให้ จขบ. จินตนาการถึงดินแดนแห่งทะเลทรายทั้งเจ็ดได้ชัดเจนมาก คงเพราะมีรายละเอียดหลายอย่างเกี่ยวกับวิถีชีวิต ประเพณี ศาสนา และแม้แต่กระทั่งตำนานซ้อนอยู่ในฉากหลังด้วย ก็เลยรู้สึกว่าดินแดนแห่งทะเลทรายในเรื่องดูเป็นจริงมาก และได้บรรยากาศของตำนานอาหรับจริง ๆ ในความคิดของ จขบ. ไม่ใช่แค่เซตขึ้นมาว่าฉากเป็นทะเลทรายอ่านแล้วคิดถึงเสน่ห์ของนิทานอาหรับที่เคยอ่านสมัยเด็ก ๆ มากเลยค่ะ (ถึงตอนเป็นเด็กจะเคยอ่านแต่ อาละดิน กับ อาลีบาบา ก็เถอะ) ทำเอา จขบ. อยากไปหาพันหนึ่งราตรีกับพันหนึ่งทิวามาอ่านมาก เพราะอยากรู้เรื่องตำนานของทางอาหรับให้มากขึ้นกว่านี้ค่ะ มีข้อความที่ จขบ. อ่านแล้วชอบมากที่สุดในเรื่อง คือ ที่เปรียบชีวิตกับเม็ดทรายค่ะ ...หนึ่งกำมือเม็ดทรายของเจ้าเปรียบดั่งกาลเวลาทั้งชีวิต แม้ผ่านไปสักพันหนึ่งราตรี ยังเหลือเม็ดทรายในมืออีกหลายพัน พันหนึ่งเม็ดทรายคงพอสำหรับการลืมความเศร้าอันเกิดจากการพลัดพราก จงอย่าให้นานกว่านั้น เพราะคนเรามีเรื่องต้องทำมากกว่านั่งนับเม็ดทราย...จขบ. ชอบข้อความนี้มากค่ะ อ่านแล้วอยากถามผู้เขียนว่า ข้อความนี้เป็นที่มาของชื่อเรื่อง หรือชื่อเรื่องเป็นที่มาของข้อความนี้ มันมองได้สองทางน่ะ เรื่องราว -- จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ทำให้อารมณ์ จขบ. ค่อนไปทางสนุกสนานค่ะ เพราะเจอกับสารพัดอย่าง นู่น นี่ นั่น อยู่ตลอดเลย ทั้งสุลต่าน เจ้าหญิง เจ้าชาย ปีศาจ พรมวิเศษ ยักษ์ จินน์ ตะเกียง ฯลฯ ให้อารมณ์เหมือนได้ผจญภัยในนิทานอาหรับค่ะ บอกแล้วว่าอ่านแล้วนึกถึงนิทานที่อ่านสมัยเด็ก เพราะมีการดึงเกร็ดตำนานและบรรยากาศของอาหรับมาใช้กับแต่ละเหตุการณ์และเรื่องราวในเรื่องได้ลงตัวมากในความรู้สึกของ จขบ. ยกเว้นแต่เรื่องของคุณเจค บาวน์ นี่ละค่ะ ที่ยอมรับว่าตอนที่อ่านตอนแรกคาดไม่ถึงว่าผู้เขียนเธอจะดึงเอาตำนานของอีกซีกโลกมาใส่ลงไปได้ แปลกและเดาไม่ได้ แต่มันก็เหมือนพลิกอารมณ์ตลบกลับด้านแบบงง ๆ ตั้งตัวไม่ทันอยู่หน่อย ๆ เหมือนกัน แต่ถึงอารมณ์ของเรื่องนี้จะเข้าโหมดจริงจังดราม่ามืด ๆ ในช่วงหลัง แต่ก็ดันมีตัวขโมยซีนมาทำให้ จขบ. ไขว้เขวอยู่ดี ตัวขโมยซีนของ จขบ. เป็นใคร อ่านต่อไปแล้วจะทราบเองค่ะ และที่ทำให้ จขบ. รักเรื่องนี้มาก คือ ตัวละครค่ะ บรรดาชายหนุ่มในเรื่องนี้นั่นเอง (ฮา) เรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครที่น่ารักค่ะ แต่เนื่องจากตัวละครหญิงที่เด่นมาก ๆ มีหนูไนฮาอยู่คน กะเจ้าหญิงจัสมินอีกคน รวมลูเซียด้วยแล้วก็...อืม...จะว่าไปเรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับขาดแคลนตัวละครหญิงนักหรอกค่ะ แต่ตัวละครชายมันดูมีอะไรเด่นกว่าอยู่บ้าง รู้สึกเหมือนว่ามีภาพที่เด่นชัด (และแปลก) กว่ามั้ง คนแรกก็คือ ตาเจค บาวน์ พระเอกของเรื่อง - เฮียแกเป็นนักสืบค่ะ แต่ดูจะไม่ค่อยได้แสดงฝีมือเท่าไหร่ ถ้าหากไม่ใช่คดีที่มีอาถรรพ์เข้ามาเกี่ยว เจคจะเเอบแสดงฝีมืออยู่เป็นจุด ๆ ค่ะ ต้องจับสังเกตเอา อ่านไปจนถึงหลัง ๆ พึ่งรู้สึกว่า เออ...แกก็เก่งเหมือนกันนี่ (ขอโทษนะเจค - -") เจคเป็นคนสดใสร่าเริง และ (แกล้ง) ซุ่มซ่ามเหมือนนางเอกนิยายลูกกวาดสมัยนี้ แต่เสียใจด้วยนะเจค ถึงช่วงหลังแกจะเข้าโหมดจริงจัง แต่ก็ยังไม่ได้ใจฉันหรอก มุสตาฟา - ลุงยังหนุ่มของไนฮากะไฟซาล เกือบทำให้ จขบ. โอจิค่อนกำเริบค่ะ แต่ยังเป็นหนุ่มน้อยอยู่เลย จขบ. เลยจิ้นเป็นลุงไม่ออก ชอบตอนลุงมุสตาฟาเจอกะพ่อของอาซามันน่ะค่ะ คนต่อมาก็คือ อัลบา ไฟซาล เจ้าชายรัชทายาทแห่งอัลบาฮัดซู พี่ชายของหนูไนฮาผู้น่ารักค่ะ รายนี้ เอ๊ย...องค์นี้เป็นเจ้าชายที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าชายสุด ๆ เป็นคนเก่งค่ะ จขบ. อ่านไป ชื่นชมไป เป็นผู้นำ เป็นคนที่น่าชื่นชมจริง ๆ นะ ถ้าเป็นพระเอก เจ้าชายก็ไม่มีทางเป็นพระเอกประเภทซื่อบื้อโดนตัวโกงหรือนางอิจฉาหลอกด้วยมุขโบราณ ๆ หรือประเภทเข้าใจผิดนางเอกทั้งเรื่อง จนจับตัวเขามาทรมานจนเกือบจบแน่นอน คนนี้ได้ความชื่นชม+นับถือไปเต็มที่ แต่ว่าก็ยังไม่ได้ใจ จขบ. ไปจนถึงกับหมดดวงค่ะคนที่สามคือ มาฮาลคาซัน ท่านชายแห่งวังทอง ซาฮาบา กอซอรอค่ะ มาฮาลเป็นผู้วิเศษที่มีพลังอำนาจมากมายมหาศาล มีบริวารเป็นยักษ์ทั้งกองทัพใหญ่ ๆ อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้ารายนี้เป็นพระเอกเรื่องไหน เรื่องนั้นคงได้มีสงครามมหาเวทพลิกพสุธา ถล่มปฐพี สะท้านไปถึงเวหาอะไรเทือกนั้น เพราะคงต้องขุดจอมปีศาจกับบริวารร้าย ๆ อีกสักกองทัพขึ้นมาจากนรกชั้นโลกันตร์ถึงจะคู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของมาฮาล (รออ่านเรื่องของมาฮาลอยู่นะคะ พี่กก ) ที่จขบ. ชอบเพราะมาฮาลเก่งมาก (จะว่าไปแล้วก็เท่มากด้วย) แต่ดันกวน - -" มาฮาลก็เป็นตัวละครอีกลักษณะหนึ่งที่ จขบ. ชอบมาก แต่น่าเสียดายที่มาฮาลก็ยังไม่ใช่สุดที่รักของ จขบ. อยู่ดี คนสุดท้ายที่จะขอเมาท์ แต่ไม่ใช่ลำดับที่ท้ายสุด ก็คือ อาซามัน เจ้าชายแห่งเจฮัมซุส ค่ะ คนนี้เป็นเจ้าชาย แต่ว่าเป็นเจ้าชายที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ก่อนอื่นขอสารภาพก่อนว่า หมอนี่เองค่ะที่เป็นตัวขโมยซีนสำหรับ จขบ. และยังเป็นหนึ่งในบรรดาตัวละครในดวงใจ (นับจากเท่าที่อ่านนิยายมาทั้งชีวิต) ของ จขบ. อีกด้วย อาซามันเป็นเจ้าชายแห่งเมืองที่สภาพเศรษฐกิจและการคลังไม่ค่อยดี พูดภาษาชาวบ้านคือ...จน... นั่นเอง เพราะความจนอาซามันเลยต้องเรียนหนังสือไป เวลาว่างก็ออกทำมาหากินด้วยการล่าสมบัติบ้าง เป็นโจรปล้นโจรบ้าง จน 99% ของคนทั่วไปจะมีตาแต่หามีแววไม่ เพราะดูไม่ออกว่าอาซามันเป็นเจ้าชาย (อ้างอิงจากข้อความ+เหตุการณ์ในเรื่อง) ทั้ง ๆ ที่แบกพระยศเป็นเจ้าชายตัวจริงเสียงจริงอยู่ค่ะ - -" และด้วยความจนนี่เองที่ทำให้อาซามันเป็นเจ้าชายที่งก ... เอ่อ...เห็นค่าของเงินมากกก จนขนาดโดนเรียกความสนใจ (หลอก) ด้วยมุขประเภท "ใครทำเพชรหล่นน่ะ" ได้ไม่ยาก ทั้งที่ปกติเป็นคนฉลาดแท้ ๆ แล้วมุกเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของอาซามันยังมีอีกเยอะมาก เชิญอ่านได้จากในเรื่องและตอนพิเศษของเจ้าตัวท้ายเล่มได้ค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าเจ้าชายที่ทั้งเก่ง แสบ จอมโวย ใจดี งก..เอ๊ย...ละเอียด แต่ฮาสุด ๆ มีจริง !!! ตั้งแต่ครั้งแรกทื่อ่านเมื่อ 5 ปีก่อนนู้น จขบ. ก็หลงรักอาซามันเอามาก ๆ แล้ว จำได้ว่าตอนนั้นไปอ้อนวอนผู้เขียนว่าอยากอ่านตอนพิเศษของรายนี้มาก (ตอนนั้นเคยขออนุญาตเขียนแฟนฟิคให้อาซามันด้วย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เขียน ) แล้วก็รอมาตั้งแต่ตอนนั้นจนมาพิมพ์ใหม่ในครั้งนี้ ในที่สุดก็ได้อ่านจนได้ จขบ. ซาบซึ้งกับตอนพิเศษมากค่ะ มันสุดยอดจน จขบ. ฮาดิ้น (แทบดิ้นจริง ๆ เพราะเส้นตื้น) เพราะไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้เขียนจะมาไม้นี้ มุขพี่กกบรรเจิดมากค่ะ มันเหมาะกับความไม่เหมือนใครของอาซามันจริง ๆ (แถมมีการแซว+ล้อเลียนที่อินเทรนด์มากเสียด้วย) ต้องขอบคุณผู้เขียนมา ณ ที่นี้ค่ะ ที่เขียนตอนพิเศษของรายนี้ได้สุดยอดมาก อยากจะบอกผู้เขียนว่าอย่าพึ่งให้อาซามันมีเมียนะ มันยังเด็กอยู่ ยังเรียนหนังสือไม่จบเลย เพราะถ้าเรียนจบแล้ว จขบ. จะไปสู่ขอเอง เอ๊ย... ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ คือ จขบ. กลัวมันมีความรักแล้วจะเปลี่ยนไป กลายเป็นพระเอกหวาน ๆ ซึ่งมันไม่ใช่อ่ะ..กิ๊บ เอ๊ย...มันไม่ใช่อาซามันเลย จขบ. ไม่เคยนึกภาพอาซามันหวานกะสาวออกเลยแม้แต่พริบตาเดียวค่ะ อีกอย่างค่ะ อย่าพึ่งให้อาซามันรวยนะคะ เพราะถ้ารวยแล้วเดี๋ยวจะไม่ใช่อาซามัน (หัวเราะชั่วร้าย)จะว่าไปแล้วก็สงสารอาซามันเหมือนกันที่เกิดเป็นเจ้าชายแต่ต้องลำบากขนาดนี้ (เพื่อประชาชน บ้านเมือง และน้องทั้งสิบสี่ แถมวังทรุดจวนเจียนจะพังแล้วยังไม่มีปัญญาซ่อมเลย) แต่ว่าเพื่อความสุขของผู้อ่าน ก็สู้ต่อไปเถอะนะ... อาซามัน เมาท์ไปเมาท์มากลายเป็นว่านินทาตัวละครมากกว่าไปแล้วสิ บล็อกหน้าพบกับบัลลังก์รักบนเนินทราย (และมาฮาลตอนเด็กที่น่ารัก (แบบแสบ ๆ) จน จขบ. แอบโลลิกำเริบ) ค่ะ
มอญซ่อนรัก : กนกณัชชา
มอญซ่อนรักเขียนโดย กนกณัชชา พิมพ์ครั้งที่ 1 จำนวนหน้า 344 ราคา 199 บาทเล่าก่อนอ่าน พอ นภ กลับมาถึงเมืองไทย ชีวิตปกติสุขของ โนรี ก็ยุ่งเหยิงทันควัน นับตั้งแต่เจ้าเพื่อนตัวดีผู้เป็นเจ้าของหัวใจเธอ พารุ่นพี่ชื่อ ลวิตร์ ผู้มีสมญญาว่า คุณเจ้าเล่ห์ กลับมาเป็นหุ้นส่วนบริษัทด้วย แล้วปล่อยให้เขามาหลอกล่อหัวใจเธอด้วยมาดนุ่มๆ แบบคนฉลาดลึก จน ปริวัตร์ ที่มี นับดาว เป็นแฟนอยู่แล้ว แต่ยังแอบมาตามตื๊อโนรีเสมอ หึง คุณเจ้าเล่ห์ เสียจนคิดจะปัดเขาไปให้พ้นทาง! บริษัทที่ก่อตั้งด้วยกันโดนปริวัตร์ก่อกวนจนเกิดปัญหาแล้วละ... คุณเจ้าเล่ห์ จึงจำต้องปล่อยเรื่องหัวใจไว้สักพักเพื่อฟาดฟันกับปริวัตร์ แต่ดูเหตุการณ์จะยิ่งบานปลาย ร้ายแรงขึ้นทุกขณะ แล้วนี่...กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ ทั้งในเกมธุรกิจและเกมรัก จะมีการเสียเลือดเนื้อถึงขั้นไหน ข้อมูลจากเว็บสนพ. ไฟน์บุ๊คส์ค่ะ-------------------------------------------------------------------------เท้าความเล่มนี้พึ่งอ่านจบเมื่อก่อนหน้าจะเข้าสู่ช่วงงานหนังสือประมาณ 1 อาทิตย์ค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว จะสารภาพว่าเล่มนี้ดองมาตั้งแต่งานมหกรรมหนังสือ ต.ค. 50 จัดเป็นเล่มที่ดองนานพอสมควร รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ค่ะเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานของคุณฯคีตกาล ในนามปากกาว่ากนกณัชชาค่ะ เป็นแนวรักโรแมนติก ผู้ใดชื่นชอบแนวนี้ และยังไม่ทราบว่าคุณฯคี มีอีกร่างแปลงหนึ่ง เอ๊ย...นามปากกาหนึ่ง ก็เชิญลองอ่านเล่มนี้ดูค่ะ-------------------------------------------------------------------------ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านอืม...จขบ ชอบอะไรหลายอย่างในเรื่อง แต่บางอย่างก็ไม่ถูกจริตนิดหน่อยอ้อ...ส่วนเรื่องย่อก็ตามคำแนะนำข้างบนค่ะ ขอไม่เล่ามากเดี๋ยวสปอยล์ เรื่องที่ว่าไม่ถูกจริต คือ จขบ ไม่ชอบแนวเพื่อนแอบรักเพื่อนเป็นการส่วนตัวค่ะ ไม่ใช่เพราะว่าแทงใจดำ หรืออะไรแบบนั้นหรอก แต่รู้สึกว่าถ้ามันเป็นการแอบรักข้างเดียวแล้วมันเศร้าไปหน่อย เลยไม่ค่อยชอบอ่านแนวเพื่อนรักเพื่อนนัก แต่ก็ดีที่นางเอกของเราไม่ต้องเศร้าอยู่นาน เพราะแค่เรื่องรอบตัว (และหัวใจ) ก็วุ่นวายแย่แล้ว เรื่องนี้มีแผนการ เล่ห์กล ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่ถึงกับเพื่อนทรยศ แต่เป็นวางกลหัวใจซ้อนไปซ้อนมา จขบ ชอบพระเอก เอ๊ย ...ชอบกลมาก มีทั้งรู้แต่แกล้งไม่รู้ เล่นมุขหน้าตายแบบคุณเจ้าเล่ห์ ไปจนถึงกลอุบายทางธุรกิจ ฯลฯ เยอะแยะ แต่ จขบ ชอบเรื่องทำนองนี้อยู่แล้วค่ะ มีอีกเรื่องที่อยากสารภาพ คือ จขบ ชอบพระเอกสไตล์คุณลวิตร์นี่ละค่ะ บุคลิกแบบนี้เป็นพระเอกแบบที่ชอบเป็นอันดับต้น ๆ ของ จขบ เลย แต่หนักใจแทนนางเอกของเราอยู่หน่อยนึง คือ คุณเจ้าเล่ห์ไม่ได้เจ้าเล่ห์แบบลุยเดี่ยวค่ะ แต่เจ้าเล่ห์กันทั้งตระกูล จขบ อ่านตอนจบแล้วฮาดิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของคุณเจ้าเล่ห์ สมกับที่คุณเจ้าเล่ห์เคยบอกนางเอกไว้ว่าที่มาความเจ้าเล่ห์นี่ได้มาจากคุณพ่อไม่มีผิด สรุป เป็นว่าถ้าใครชอบเรื่องรัก มีลุ้นฟาดฟันกันทางธุรกิจ+ความสัมพันธ์ตัวละครดูอีนุงตุงนังดีละก็ ลองอ่านเรื่องนี้ได้เลยค่ะ------------------------------------------------------------------------ป.ล. โปรโมตผลงานคุณกนกณัชชาอีกเรื่องที่พิมพ์กับ สนพ เดียวกันกับ มอญซ่อนรัก คือ รักฉบับกระเป๋า ค่ะ แต่เรื่องนี้ ขออภัยค่ะที่ จขบ เองก็ยังไม่ได้อ่านเลย คงต้องไปสอยงานหน้าค่ะ ป.ล. 2 ต้องเล่าถึงมอญซ่อนรักก่อน เพราะอ่านจบก่อนมาพักหนึ่งแล้ว ส่วนพันหนึ่งเม็ดทราย พบกันบล็อกหน้าค่ะ
บันทึกจากงานหนังสือ มี.ค. 51 ตอน 2 : ปิดงบประมาณ (พร้อมกินแกลบเล็กน้อยถึงปานกลาง)
เพราะว่า จขบ. เป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่ (จนจนต้อง) กินมาม่าไม่หยุดซื้อหนังสือ ดังนั้น บันทึกจากงานหนังสือสำหรับ จขบ. จึงยังไม่จบแค่ตอนที่ 1 ค่ะจากลิสต์รายการที่วางแผนไว้ใน สำรวจชั้นหนังสือ ตอน 1ค่ะแต่ จขบ. ก็ทำตามลิสต์ไม่สำเร็จตามเคย เนื่องจากไปหมดตัวกับไซไฟ 4 เล่มนั้น โขอยู่ แต่บางเล่มในลิสต์ก็มีข้อแก้ตัวค่ะ เช่น สนพ.ไม่เอามาขาย หาไม่ได้ และถูกแทนที่ด้วยเล่มอื่นที่ใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่า เช่น 2. ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง ราคาลดแล้ว 305 บาท ถูกแทนที่ด้วย "คู่มือศึกษาประวัติศาสตร์โลก ฉบับไม่งี่เง่า" กับ "กล้าถาม กล้าตอบ ไขปริศนา 469 ปัญหา วิทยาศาสตร์คาใจ" ที่ 2 เล่ม ราคารวมกันและลดแล้วราคากลับถูกกว่า คือ เพียง 288 บาทเท่านั้น ส่วนที่หาไม่เจอ/บูธไม่เอามาขาย ได้แก่1. อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง 6. เศรษฐศาสตร์ในกรุงเทพฯ9. ปริศนาแห่งหิมพานต์ เลยไม่ได้ซื้อค่ะ แต่ในลิสต์ก็ยังคงมีรายการที่ต่อให้เกินงบอย่างไรก็ต้องซื้ออยู่ 4 เล่มค่ะ และ จขบ. จึงต้องไปงานหนังสืออีกจนกว่าจะได้ซื้อ 4 เล่มนี้ได้ จึงเป็นที่มาของ บันทึกจากงานหนังสือ ตอน 2 ปิดงบประมาณ นี้ ... (ฮา)1 เม.ย. 51ความจริงวันนี้ที่ต้องไปงานหนังสือเนื่องจากต้องไปปฏิบัติภารกิจ ตอนแรกเมื่อเสร็จสิ้นภาระหน้าที่แล้ว ตั้งใจว่าไม่เดินบูธไหนเลยนะคะ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อกิเลสจนได้ T^T เนื่องจากว่า จขบ. ทราบดีว่า มติชน จะมีรายการลดกระหน่ำสุดขีดทุกปี ดังนั้นพอจะกลับออกไป ก็เลยอดไม่ได้ที่จะแวะพลาซ่าสักนิด และก็ได้เรื่องค่ะ ได้เรื่องที่กอง 50 บาทนั้นแล.......ได้มาจากกองลดกระหน่ำ เล่มละ 50 ของมติชนปาเข้าไป 8 เล่มค่ะ 1. ไข่มุก ราชินีแห่งท้องทะเล - รอมาหลายปี ไม่ซื้อตอนนี้ ไม่รู้จะไปซื้อตอนไหน2. จดหมายรัก3. คันคิดกับคันชิต4. แดนฝันปลายขอบฟ้า (ฮารูกิ มูราคามิ)5. มาริษาราตรี6. เกาะป้า7. ขบวนการพิทักษ์ฮูก8. พร้อมรบ รับมือหุ่นยนต์ - ลด 50 % ว่าด้วยเรื่องถ้าหุ่นยนต์จะยึกครองโลก เราจะมีวิธีเอาตัวรอดอย่างไรและเมื่อคิดเงินค่ะ หมดไป 425 บาท จขบ. ก็มานั่งอึ้ง เพราะมันพอซื้อ ลำนำหกพิภพ ได้ เกินพอด้วยซ้ำ (กรีดร้อง) เป็นอันว่าความฝันที่จะทำตามลิสต์ให้ได้เกิน 50% ก็พังทลายลงจนได้ในวันนั้นเอง 4 เม.ย. 51 เป็นการไปงานหนังสือแบบไม่ได้ทันตั้งตัวเลย เพราะอยู่ ๆ เจ้าเพื่อนรักที่นัดกันไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปเดินงานกันในวันอาทิตย์ที่ 6 เม.ย. ก็ดันโทรมาบอกว่าไม่ว่างกะทันหัน เพราะที่บ้านจะพาไปทะเลแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จขบ ก็ได้แต่อึ้ง เพราะยังไม่ได้เก็บหนังสือที่เกินงบยังไงก็ต้องซื้อเลยพอตั้งตัวได้ คิดได้ว่ามันเป็นวันศุกร์+ตัวเจ้าเพื่อนคนนี้และที่ทำงาน จขบ อยู่ใกล้ศูนย์ประชุมฯ มาก ก็เลยบอกไปว่า งั้นไปเดินกันเย็นนี้เลย สรุปก็ได้ไปเดินงานจนได้ค่ะ นัดเจอกันที่รถไฟใต้ดิน และก็พบว่าคนเยอะพอดู คงเพราะเป็นเย็นวันศุกร์ ก่อนเดินงาน ความหิวมันบังตา ก็เลยจำยอมกินข้าวในศูนย์ฯ ทั้งที่รู้ว่าแพง แต่ความอร่อยไม่ได้แปรผันตามราคา กินเสร็จ ก็เริ่มเดินงานกันจากโซน C1 ซึ่งใกล้สุด ปรากฏว่าระหว่างทางที่เดินผ่าน เจ้าเพื่อนตัวดี แวะบูธการ์ตูนตลอดทาง ส่วน จขบ ยืนรอข้างนอก เพราะเลิกซื้อการ์ตูนญี่ปุ่นนานแล้ว (ถ้าอยากอ่าน คงยืมมันอ่าน) เดินไปไม่ได้เท่าไหร่ แค่แวะบงกช เพื่อนจขบ ก็ได้การ์ตูนมาไว้ในมือภายในเวลาไม่นาน แล้วหลังจากนั้นกลายเป็นว่า จขบ ต้องเป็นคนพาเจ้าเพื่อนไปบูธเนชั่น และก็ได้การ์ตูนเพิ่มเติมมาอีกตามเคย จขบ ชักเริ่มรู้สึกว่าไม่เวิร์ก เลยรักษาเวลาด้วยการบอกเพื่อนว่า เดี๋ยวพาไปซื้อ Dragon Delivery ได้ผลค่ะ เพราะความจริงแล้วเจ้านี่ตั้งใจมาซื้อ DD 2-3 แค่นั้น (แต่การ์ตูน 4-5 เล่ม นั่นมันมาของมันเอง)และแล้วก็ได้แวะบูธนวนิตาค่ะ ได้ Dragon Delivery เล่ม 3 แล้ว เป็นเล่มแรกค่ะ ที่ซื้อได้ตามลิสต์ ส่วนเพื่อนรักของ จขบ ได้ ทั้งเล่ม 2-3 ที่ยังไม่มี ในที่สุดภารกิจตามหา DD ของเราสองก็สำเร็จค่ะ Dragon Delivery เล่ม 3 ชื่อผู้แต่ง : พัณณิดา ภูมิวัฒน์ ราคาปกติ : 140 หลังจากนั้นก็ขึ้น ชั้น C2 และแวะโซนพลาซ่าแวบหนึ่ง เพราะจขบ สำรวจครบแล้ว ส่วนเจ้าเพื่อนสุดเลิฟ ก็ถ้าไม่ใช่การ์ตูนก็ดูจะไม่สนใจเท่าไหร่อยู่แล้ว (- -") เลยมุ่งไปโซนแพลนนารีค่ะ จุดมุ่งหมาย ของ จขบ คือ บูธแจ่มใส แต่ดันผ่านบูธสยามเสียก่อน ก็เลยปล่อยให้เพื่อนรักสำรวจกองการ์ตูนของสยามอยูพักนึง ส่วนจขบ ก็ไปฟังการโฆษณาการ์ตูนเรื่องหนึ่งอยู่นาน จนเจ้าเพื่อนเลิฟกลับมา ก็บอกคนขายว่าขอบคุณที่เล่าให้ฟัง แต่ไม่ซื้อค่ะ และก็เดินหาบูธแจ่มใส ปีนี้บูธเล็กเลยหายากหน่อย แต่จขบ จำได้เลาๆ ว่าอยู่ตรงไหน เลยตรงไปเรื่อย ๆ แป๊บนึงก็เจอ พอถึงที่ ก็ไม่รีรอที่จะหยิบ 3 เล่มนี้ค่ะ พันหนึ่งเม็ดทราย เล่ม 1 โดย : คาซี จำนวนหน้า : 344 ราคา : 209 พันหนึ่งเม็ดทราย เล่ม 2 (เล่มจบ) โดย : คาซี จำนวนหน้า : 312 ราคา : 189 บัลลังก์รักบนเนินทราย โดย : คาซี จำนวนหน้า : 208 ราคา : 149 แล้วก็กวนเด็ก น้องที่บูธนี้ค่ะ เพราะพอน้องเขาถามว่าชอบแนวไหนอะไรยังไง จขบ ก็บอกแค่ว่า 3 เล่มนี้พอ แล้วก็ยืนเลือก รื้อแทบหมดกอง ปากก็ชวนน้องเขาคุยนิดหน่อย จริง ๆ ก็โม้เข้าข้างผู้เขียน คือ คุณคาซี พี่สุดที่รักนั่นเอง ว่าพี่คนนี้เขาเขียนสนุกมากเลยนะคะน้อง บลา บลา บลา ฯลฯ น้องเขาก็น่ารักมาก รับมุข ว่าเขาก็ชอบเรื่องคีตธรมาก จขบ ล่ะปลื้มน้องคนนี้มาก แต่ดันจำชื่อน้องเขาไม่ได้ ทั้งที่ให้น้องเขารอตั้งนาน ขอโทษด้วยนะคะน้อง ปรากฏว่า วันนั้นหมดไปประมาณ 600 กว่าบาทค่ะ ไม่วอกแวก ทำตามเป้าหมายแป๊ะ และเดินงานเสร็จสิ้นภายในเวลารวดเร็วมาก เพียง 3 ชั่วโมง (รวมเวลากินข้าว) ความจริงน่าจะทำอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกแล้ว สรุปงาน มี.ค. -เม.ย. 51 ดังนี้ค่ะ1. ซื้อได้ตรงลิสต์ แค่ 4 เล่ม 2. ถูกแทนที่ 1 เล่ม (ได้มา 2 เล่ม ที่ประหยัดกว่า)3. หาซื้อไม่ได้ 3 เล่ม 4. นอกนั้นคือไม่สำเร็จตามลิสต์ 6 เล่ม คิดเป็น ความสำเร็จ 45.46 % ส่วนเรื่องงบ หมดไปประมาณไม่เกิน 2,500 บาท แต่ได้มา 22 เล่ม จะว่าไปก็น่าจะคุ้มอยู่ค่ะ เพราะงบไม่เกินกว่าที่ตั้งไว้ แต่ได้หนังสือมาเยอะกว่าที่คิดแต่กลายเป็นว่าไม่ได้ตามลิสต์ แล้วยังไปเห็นเล่มใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอีก นี่สิคะเช่น - มาลัยสามชาย - รอยไหม - กิกิ เดลิเวอรี่ ที่ Studio Gibli ไปทำเป็นแอนิเมชัน นั่นล่ะค่ะ จขบ เห็นฝากวางที่บูธคมบาง แต่ไม่ได้ซื้อ น่าอ่านมากเลย - อีกหลายเล่มมาก ของป้าอี๊ด ที่ยังไม่ได้ซื้อ เพราะ ณ บ้านฯ ยิ่งพิมพ์ยิ่งแพง - ประตูโทเลมี ไตรภาคบาร์ติเมอัส เล่ม 3 ที่ยังไม่ได้ซื้อเพราะ จขบ ต้องไปตามล่าหา เล่ม 2 คืนมาก่อน (ให้พี่ยืมไปแล้วพี่ก็พามันไปอยู่ซะไกลลิบ) - เซตออซ 5 เล่ม ที่เคยพูดถึงในตอนที่ 1 ค่ะ- ดอนกิโฮเต - ไม่ไปทำงาน โดดงานทุกวัน ไม่ไปโรงเรียน ทุกวันได้ไหมเนี่ย 3 เล่ม ที่ตอนแรกเป็นรายการสำรอง สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อจนได้- หนังสือของ abook อีกหลายรายการมาก ทั้ง โลกจิต ต้นไม้ใต้โลก บุ๊คกาซีน เล่มใหม่ของ abook 2 เล่ม (7 กับ happy ending)ทำท่าจะได้ลิสต์ของงานหน้าแล้วสิ ขอไปทำใจก่อนค่ะเดี๋ยวจะเมาท์ถึง 3 เล่ม ข้างบนที่ซื้อมาปุ๊บอ่านปั๊บ พันหนึ่งเม็ดทราย 1-2 กับ บัลลังก์รักบนเนินทราย อ่านจบภายใน 1 วัน 1 คืน (ทีนิยายล่ะ อ่านเร็วเชียว) และได้ลายเซ็นผู้เขียนมาแล้ว ขอ ผู้เขียนมา ณ ที่นี้ค่า เดี๋ยวจะเล่าถึงค่ะ เพราะว่า จขบ มีความรักความหลังกับพันหนึ่งเม็ดทรายเยอะมาก
บันทึกจากงานหนังสือ มี.ค. 51 ตอน 1 : ความจริงแค่สองวันก็หมดตัวแล้วT^T
รายงานความเสียหายเบื้องต้นค่ะ เรียงตามลำดับวันและบูธที่แวะไปค่ะ 27 มี.ค. 51วันแรกที่ไปเดินสำรวจงานจริงจัง คือ เย็นวันพฤหัสที่ 27 มี.ค. ไปหลังเลิกงานตอนมืดแล้ว ประมาณทุ่มกว่า - -" ไปทางรถไฟฟ้าค่ะ เป็นวิธีการเดินทางเดียวที่ จขบ. ไปเป็น เมื่อไปถึงโซนแรกที่แวะคือ เพลนนารี ค่ะ ตั้งใจจะเดินผ่านทุกซอย และแวะถ้าเจอบูธที่เล็งไว้/น่าสนใจ ก็แวะบูธแรกที่ Openbook ค่ะ น่าสนใจหลายเล่ม แต่ส่วนใหญ่เป็นหนังสือมีสาระซึ่ง ถ้าซื้อไป ไม่รู้เมื่อไรจะมีอารมณ์หยิบอ่าน - -" (ความจริงที่น่าเศร้า) ส่วน What is Art ? รู้สึกว่าแพงไปสำหรับสภาพคล่องตอนนั้น เลยตัดออกจากลิสต์ไปค่ะ - -" ก็เลยซื้อมาเล่มเดียว คือ เล่มที่อยากอ่านมานานมากแล้ว ตั้งแต่ยังไม่รู้จัก สนพ. นี้เสียอีกค่ะ คือพรมแดนทดลอง โดย มุกหอม วงษ์เทศ ราคา 165.00 บาท พิมพ์ครั้งแรก: พฤษภาคม 2548รายละเอียด: รวมความเรียงคัดสรร 8 ชิ้นจากคอลัมน์ ennui ในนิตยสาร open และเพิ่มบทความพิเศษอีก 3 ชิ้นโดย มุกหอม วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ที่ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บอกว่างานของเธอมีรสชาติอร่อยประหลาด ทั้งขบกัด อำแอบ และแสบสี ในขณะที่ ปราบดา หยุ่น ยกย่องให้เป็นตัวอย่างของคนเขียนบทความที่ดี ซึ่งบ้านเรามีน้อยเต็มที ข้อมูล+ภาพจากเว็บของ สนพ. openbooks ค่ะ - ---- จขบ. ชอบตัวหนังสือของคุณมุกหอม ทั้ง ๆ ที่ปกติจะไม่อ่านบทความมากนัก ถ้าอ่านก็จะเป็นเฉพาะเรื่องที่น่าสนใจในเวลานั้น แต่ถ้าเป็นสไตล์การเขียนของคุณมุกหอม จขบ. กลับอยากติดตามค่ะ ต่อมาแวะบูธ d day แต่คนเยอะมาก เลยเดินผ่านไปก่อน แล้วเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านบูธใหญ่ ๆ ในนั้น ทั้ง ณ บ้าน (แพ้งแพง) นานมี สยาม Bliss แต่ไม่เสียเงิน Fullstop ก็ยังไม่เสียเงิน (ทั้งที่หนังสือเขาสวยมาก ๆ ) แล้วก็มาถึงบูธเรือนปัญญาค่ะ ซึ่งเป็น สนพ.ที่พิมพ์ชุดพ่อมดแห่งออซ และออซเล่มอื่น ๆ น่าซื้อมากค่ะ เพราะหนังสือสวยมาก เป็นสนพ.ที่ตั้งใจจะพิมพ์ครบชุด จขบ. ก็อยากได้ค่ะ แถมน้อง ๆ ที่บูธนี้น่ารักมาก เชียร์ชุดออซ 5 เล่ม กันสุดใจขาดดิ้น จขบ. อายเลยแหล่ะที่ไม่มีปัญญาซื้อ (ฮา) เป็นชุดที่คุ้มมากค่ะ เพราะมีถึง 5 เล่ม ตอน 1-5 เป็นปกแข็งด้วย 2 เล่ม แต่ราคาแค่ 1,000 บาท เท่านั้น ใครสนใจแวะไปดูได้ที่บูธเรือนปัญญา อยู่โซนเพลนนารี แถว ๆ บูธ สนพ.วงกลมค่ะ ส่วน จขบ. ก็ซื้อเฉพาะเล่มที่คิดว่าจะได้อ่านแน่ตามเคยค่ะ เล่มนี้บางและเป็นเล่มที่อยากอ่านมานานแล้วค่ะ คือ ชื่อหนังสือ นิทานพ่อมด โดย ฟิโอนา วอเตอร์ สำนักพิมพ์ เรือนปัญญา พิมพ์รวมเล่ม ครั้งแรก : 2547, 120 หน้า ราคา 115 บาท รายละเอียด : นิทานพ่อมด เป็นรวมนิทานที่กล่าวถึงพ่อมดและแม่มดและเรื่องราวที่จะทำให้เรารู้จักพ่อมดและแม่มดที่มีอยู่ในโลกนี้อย่างหลากหลาย เราจะได้รู้จักพ่อมดและแม่มดชื่อดังของโลก พ่อมดและแม่มดชนิดต่างๆเวทมนตร์ที่พวกเขาใช้กัน และเรื่องราวที่เป็นตำนานสนุกๆของพวกเขา ข้อมูลจากหิ้งหนังสือเว็บพันทิพ ค่ะ ต่อมาต้องรีบสำรวจแบบสปีด เร็วกว่านรกค่ะ เพราะในงานเขาประกาศว่าจะได้เวลาปิดงานในอีก 30 นาทีข้างหน้า จขบ. ก็เลยรีบจ้ำค่ะ รีบดูลาดเลาตามบูธที่สนใจอีกไม่กี่บูธ ได้แก่ วงกลม อยากได้ "ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง" แต่มันยังแพงอยู่ค่ะ ลดแล้วเหลือ 305 บาท เลยเอาไว้ก่อน (วนกลับไปโดนน้องที่บูธเรือนปัญญาเรียกอีก ต้องรีบปิดหน้าหนี ) แล้วก็ต้องรีบไปโซน C ต่อค่ะ ประหลาดมากที่เหลือเวลาอีกแป๊บนึง แต่ก็ได้มาอีกตั้ง 3 เล่ม ได้แก่ ดอกไม้ วันวาร และความทรงจำโดย: รอมแพง อริยมาศ สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์ราคา: 149 บาท จำนวนหน้า: 139 หน้า เล่มนี้เป็นผลงานของคุณสเลเตค่ะ เป็นเล่มแรกที่รีบคว้าหมับเลย เล็งมานานแล้ว ตอนแวะโซนนี้ก็ตรงดิ่งมาที่นายอินทร์เลย หนังสือนอกจากจะน่าอ่านแล้วยังสวยมากอีกด้วย ขนาดจขบ.ที่ปกติไม่ชอบอ่านความเรียง ยังอยากอ่านเลยค่ะ ^^ ต่อมา ตอนนั้นก็สามทุ่มแล้ว บางบูธเริ่มปิด จขบ. เลยว่าจะเดินกลับแต่ขากลับมันอยากแวะเดินดูโซน C 1 อีกหน่อย เลยได้เรื่องค่ะ เพราะไปพบกับบูธที่พยายามหาอยู่ แต่ไม่เจอ ในที่สุดก็เจอจนได้ นั่นคือ บูธโครงการคบไฟค่ะ จขบ. อยากแนะนำที่นี่ค่ะ เพราะพิมพ์หนังสือดีให้ความรู้ ราคาไม่แพง แม้ว่าจะอ่านยากไปสักหน่อยก็ตาม แต่จขบ. ก็ได้เล่มที่อยากได้มา 1 เล่ม กับอีกเล่มที่พึ่งเคยเห็น แต่น่าสนใจมากพอที่จะมาแทนที่รายการที่อยากได้ในลิสต์ได้เลยทีเดียวค่ะคู่มือศึกษาประวัติศาสตร์โลก ฉบับไม่งี่เง่า (THE NO-NONSENSE GUIDE TO WORLD HISTORY) ผู้แต่ง/แปล : CHRIS BRAZIER / ประสิทธิ์ ตั้งมหาสถิตกุล :แปล ปีพิมพ์ : 1 / 2550 ปก/จำนวนหน้า : ปกอ่อน / 223 หน้า ราคาปกติ : 165.00 บาท เล่มนี้เป็นประวัติศาสตร์ฉบับย่อ แถมด้วยคำวิพากษ์ที่ไม่ใช่ย่อยค่ะ เห็นตั้งแต่ในร้านหนังสือ ก่อนเริ่มงานหนังสือ อยากได้อยู่เหมือนกัน ตั้งใจจะมาดูในงาน สุดท้ายก็ได้อ่านจนได้ค่ะ เล่มนี้ขายดีด้วยนะ คนขายกระซิบบอกว่าขายดีที่สุดของบูธค่ะ (คงเพราะเป็นหนังสือใหม่ที่สุดด้วย) กล้าถาม กล้าตอบ ไขปริศนา 469 ปัญหา วิทยาศาสตร์คาใจโดย ชาร์ลส์ เจ. กาโซ สนพ. โครงการคบไฟราคา 195 บาทอีกเล่มเป็นวิทยาศาสตร์ที่ออกแนวทั่วไปค่ะ น่าอ่านดี แม้แต่ จขบ. ซึ่งเป็นเด็กสายวิทย์ก็ยังอยากอ่าน ดูอธิบายง่ายดีและก็มีเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อ+ เรื่องลึกลับอธิบายเป็นแบบวิทยาศาสตร์ด้วย ใครสนใจก็น่าจะลองดูค่ะ แวะไปได้ค่ะที่บูธคบไฟ N43 โซน C1จบรายงานความเสียหายวันแรกค่ะ หมดไป 518 บาท ที่เศร้าคือ ไม่ได้หนังสือในลิสต์เลยสักเล่ม เดี๋ยวสรุปความเสียหายรวมทั้งหมดอีกทีตอนท้ายค่ะ28 มี.ค. 51เป็นวันที่ออกไปสำรวจงานหนังสือหลังเลิกงานอีกครั้ง เพราะสำรวจวันก่อนยังไม่ทั่วงานค่ะ ก็เลยไม่ได้แวะไปเพลนนารีที่สำรวจไปแล้ว เพราะกลัวเสียตังค์เพิ่ม - -" เลยแวะไปที่โซน C1, 2 และพลาซ่าแทนและก็เป็นคราเสียเงินของจขบ. คงมีดวงที่จะเสียเงินแน่ ๆ ค่ะ ถึงได้แวะไปโซน C1 ก่อน ซึ่งโดยประวัติที่ผ่านมา โซนนี้เป็นโซนที่ดูดเงินในกระเป๋าจขบ.ได้อย่างปัจจุบันทันด่วน ไม่ทันตั้งตัวมาหลายงานแล้ว และก็เป็นเช่นทุกครั้งค่ะ คือ แค่บูธแรกที่ไม่ได้ตั้งใจแวะเท่าไหร่ ก็เสียเงินแล้ว คือ ต้าเจียห่าว ได้มาเล่มหนึ่งค่ะ คือ "เซียนน้อย" เป็นการ์ตูนคุณธรรมที่ลายเส้นน่ารักมาก เซียนน้อยโดย ใบพัด (ภานุมาศ ทองธนากุล) เขียนบทและกำกับ, ภัทรีดา ประสานทอง สร้างสรรค์ภาพ , พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2549, จำนวน 120 หน้า ราคา 115 บาทเล่มนี้อ่านจบตั้งแต่วันที่ซื้อแล้วค่ะ ได้ข้อคิดดี ๆ เยอะเชียว ลายเส้นก็น่ารักแบบออกฮา ๆ ดีต่อมาค่ะ มาเจอเอาบูธของสนพ. ที่จขบ.ก็รู้จักในระดับหนึ่ง นั่นคือ เอเอสเคมีเดีย จขบ. รู้จักที่นี่เพราะเคยอ่านเรื่อง ลุยอุตลุดไปกับชุดอวกาศ : Have Space Suit - Will Travel เคยหยิบเรื่องนี้มาเล่าแล้วค่ะ (ตามไปได้ที่ลิงค์เลยค่ะ) และก็เลยสนใจผลงานของผู้เขียน คือ คุณ Robert A. Heinlein อยู่ไม่น้อย เลยแวะดู แล้วก็ได้เรื่องค่ะ เพราะได้มาทั้งหมด อีก 4 เล่ม โดย 2 เล่มแรก คือทวิดารา Double Star ผู้แต่ง : Robert A. Heinlein ผู้แปล : ดร. ยรรยง เต็งอำนวย ราคา : 199 บาท ยามค่ำคืนธรรมดาในบาร์แห่งหนึ่ง ลอเรนโซ สมิธนักแสดงตกงานนั่งดื่มอยู่ตามปกติ จนกระทั่งเขาไปเลี้ยงเหล้านักบินอวกาศคนหนึ่งเข้า ด้วยเรื่องเล็กๆแค่นี้แหละที่จะพลิกผันชีวิตเขาไปตลอดกาล เมื่อนักบินอวกาศคนนั้นได้เสนองานแสดงชิ้นหนึ่งให้ลอเรนโซ ซึ่งจะเป็นบทบาทที่ท้าทายและยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการแสดงของเขา อีกทั้งอาจจะเป็นบทบาทสุดท้ายของเขาด้วยก็ได้จันทราปฏิวัติ The Moon Is A Harsh Mistress ผู้แต่ง : Robert A. Heinlein ผู้แปล : ดร. ยรรยง เต็งอำนวย ราคา : 329 บาท เมื่อหายนะกำลังจะมาเยือน "จันทรา" อย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อคนส่วนใหญ่ ต่างไม่ได้ตระหนักถึงความจริงอันน่าสยดสยองนี้เมื่อตัวการคือ "รัฐ" ที่แสนร้ายกาจ ทรงอำนาจ และยากที่จะต่อกรได้เมื่อคนสามล้าน ไร้อาวุธ ปะทะคนหมื่นล้าน อาวุธครบมืออิสรภาพ คงไม่ได้มาด้วยการงอมืองอเท้าจะนอนรอความตาย หรือจะตะเกียกตะกายเพื่อทางรอดอันริบหรี่2 เล่มนี้ได้มาเพราะ จขบ. เคยอ่านงานของผู้เขียนมาก่อนแล้ว และได้คุยกับคนทำงานของสนพ.นี้ ที่อยู่ที่บูธพอดีตอน จขบ. ไปแวะค่ะ เท่าที่คุยกันก็พอเดาได้ว่าคุณคนนี้เป็นคอไซไฟตัวจริงค่ะ คุยกันไปกันมาก็เลยประมาณว่าได้ฟังความเห็นที่ทำให้ จขบ. รู้สึกว่า 2 เล่มนี้น่าสนใจมาก (ได้ยินว่าออกแนวการเมือง+มีประเด็นความขัดแย้งด้วย) เนื่องจาก จขบ. เอง บางจริตอารมณ์ก็ชอบไซไฟหนัก ๆ แต่ไซไฟแบบนั้นมันค่อนข้างหา สนพ. ที่ (ยอม) แปล+พิมพ์ ได้ยากในเมืองไทย จขบ. เคยเห็นชุดสถาบันสถาปนาเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งแค่เห็นจขบ.ก็ไม่กล้าอ่านแล้ว (ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ สนพ. ที่จัดพิมพ์จะเป็นยังไงบ้าง)จขบ. ก็เลยได้รับคำแนะนำถึง ไซไฟอีกชุดหนึ่ง ซึ่งแค่ฟังธีมเรื่อง จขบ. ก็สนใจมากแล้วค่ะ นั่นคือ อีก 2 เล่มที่ได้ เกมพลิกโลก Ender's Game ผู้แต่ง : Orson Scott Card ผู้แปล : ดร. ยรรยง เต็งอำนวย ราคา : 279 บาท เปิดตำนานแห่งมหากาพย์พิทักษ์จักรวาลของเอนเดอร์ วิกกินเมื่อโลกถูกรุกรานจากสิ่งมีชีวิตต่างดาว ทางรอดเพียงหนึ่งเดียวของชีวิตนับล้านอยู่ในกำมือของยอดขุนพลที่จะนำพาโลกให้พ้นจากมหันตภัยนี้เอนเดอร์ วิกกิน เด็กน้อยอัจฉริยะ ได้รับคัดเลือกให้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนสัประยุทธ์ สถาบันเพาะบ่มเหล่าจอมทัพแห่งกองกำลังพิทักษ์โลก ภายใต้การฝึกฝนที่นำเอาเด็กอัจฉริยะจากทั่วทุกสารทิศมาเล่นเกมแข่งกัน ผนวกกับแผนการลับที่คอยกำหนดเงื่อนไขในการฝึกที่แสนหนักหน่วงเกินกว่าใครจะคาดคิด เอนเดอร์จะฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ และก้าวสู่การเป็นวีรบุรุษแห่งมวลมนุษยชาติได้หรือไม่ ติดตามได้ใน "เกมพลิกโลก"วาทกะแด่ผู้ล่วงลับ Speaker For The Dead ผู้แต่ง : Orson Scott Card ผู้แปล : ดร. ยรรยง เต็งอำนวย ราคา : 319 บาท เมื่อความผิดของคุณไม่อาจกล่าวออกมาได้ เมื่อบาดแผลในใจของคุณไม่อาจเยียวยาได้ด้วยตัวเอง เมื่อคุณร่ำร้องหาใครสักคนที่จะมาช่วยคุณจากความทุกข์ระทมนี้...เอนเดอร์ วิกกิน วีรบุรุษจากสงครามในอดีต ออกท่องไปยังดวงดาวต่างๆ ผ่านกาลเวลากว่าสามพันปี ในฐานะวาทกะแด่ผู้ล่วงลับ เพื่อเยียวยาบาดแผลในจิตใจของผู้คน รวมถึงตัวเขาเอง ด้วยบาปที่คร่าชีวิตนับล้านไปยังคงฝังลึกอยู่ในใจจนเมื่อไปถึงลูซิตาเนีย ดวงดาวที่มนุษย์ได้พบกับสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ ทว่าความแตกต่างกำลังทำให้ชะตาระหว่างมนุษย์และพิกกี อารยชนต่างเผ่าพันธุ์ วนกลับไปซ้ำรอยเดิม เอนเดอร์จะสามารถรักษาแผลร้ายในจิตใจระหว่างมนุษย์และพิกกีได้หรือไม่ หรือว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง ชุดนี้เป็นซีรีส์ค่ะ มี 4 ตอน กับเรื่องต่อเนื่องอีก 4 ตอน แต่อ่านแค่ 4 ตอนแรกก็ได้ โดย จขบ. ได้รับคำแนะนำมาจากคุณคนนั้น (คุณคนของ สนพ.) ว่าผู้เขียนเรื่องชุดนี้ มีแนวคิดว่าวีรบุรุษทั่วไปเท่าที่เรา ๆ รู้จัก จะมีแค่ช่วงชีวิตเดียว แต่พระเอกของเรื่องชุดนี้ จะมีเรื่องราวในแต่ละช่วงชีวิตของตัวเองค่ะ จากเล่มแรก เกมพลิกโลก เป็นช่วงเด็กหน่อย โดยคนเขียนจะเสนอแนวคิดในมุมมองของเด็กอัจฉริยะที่ต้องแบกรับความคาดหวังของคนทั่วไป โดยที่คนอื่น ๆ ก็ลืมไปว่าอัจฉริยะก็มีความกดดัน มีความเครียดเหมือนกันส่วน วาทกะแด่ผู้ล่วงลับ ก็มีแนวคิดว่า การที่เราไปงานศพ แล้วได้ฟังคำไว้อาลัยที่มักจะกล่าวสรรเสริญผู้ตายว่าเป็นคนดี ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันก็อาจไม่ได้ทำให้เราจดจำถึงตัวตนที่แท้จริงขณะที่มีชีวิตอยู่ของผู้ล่วงลับได้ แค่ฟังแค่ธีมที่ซับซ้อนไม่เบา (น่าจะหนักเลย) จขบ. ก็กรี๊ด 2 เรื่องนี้สุดขีดแล้วค่ะ ที่มาของข้อมูล เว็บไซต์ของ สนพ. เอเอสเคมีเดีย ค่ะ //www.askmedia.co.th/book/index.php28 มี.ค. 51 หมดไป 960 บาทโดยสรุป 2 วัน แรกในที่สุดเมื่อสัปดาห์แรกของงานหนังสือผ่านไป จขบ. ก็ได้หนังสือมาทั้งหมด10 เล่ม 1. พรมแดนทดลอง2. นิทานพ่อมด3. ดอกไม้ วันวาร และความทรงจำ4. คู่มือศึกษาประวัติศาสตร์โลก ฉบับไม่งี่เง่า5. กล้าถาม กล้าตอบ ไขปริศนา 469 ปัญหา วิทยาศาสตร์คาใจ6. เซียนน้อย7. จันทราปฏิวัติ8. ทวิดารา9. เกมพลิกโลก10. วาทกะแด่ผู้ล่วงลับใช้งบไป 588 + 960 รวมเป็น 1548 บาท และ 2 วันผ่านไป หมดงบไปก็ไม่น้อยแล้ว จขบ. ก็ยังคงไม่ได้หนังสือในลิสต์เลยแม้แต่เล่มเดียว เทียบลิสต์ได้จาก สำรวจชั้นหนังสือ ตอน 1ค่ะชักยาว เดี๋ยวคงต้องขึ้นบล็อกใหม่ค่ะเพราะจขบ. เป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่ (จนจนต้อง) กินมาม่าไม่หยุดซื้อหนังสือ