|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 74
ตอนที่ 74
เขามิได้เหลียวมามองนางแม้สักน้อย วิญญาณหญิงงามยืนนิ่งอยู่ครู่ก็ผละออกมา แม้ใจจะไม่ยินดีแต่หากดื้อดึงไปคงใช่ที่ไม่ช้าก็คงถูกผลักดันออกมาด้วยพลังอำนาจ สู้ออกไปด้วยตนเองระหว่างนี้นางยังคงเก็บภาพเมืองไว้ในความทรงจำได้ตราบนานเท่านาน
กุสุมาลย์ตรงไปสู่ท้องพระโรง ยามเมื่อยังมีชีวิตอยู่นางมิมีสิทธิ์เหยียบย่างเข้ามาที่นี่เอง หากมิได้ติดตามมหิตาเทวีมา แต่บัดนี้นางเป็นอิสระต่อทุกกฎเกณฑ์ จึงเดินลิ่วขึ้นสู่บันไดตำหนักหลวงไปยังท้องพระโรง หญิงงามใคร่รู้เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร เมื่อชีวิตยุติลงนางก็ไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีกนอกจากเดินย้อนรอยไปตามความทรงจำของตนเองเท่านั้น แต่เมื่อรอยกรรมนำเคียงฟ้ากลับมาในอดีต ทุกสิ่งทุกอย่าง...กำลังหมุนวนซ้ำอีกครั้ง
ข้าไม่ใช่เชื่อ! ไม่เชื่อว่าน้ำหน้าอย่างนางจะพลิกฟื้นความตายของจุมภะได้ กุสุมาลย์บอกตนเองในใจ
และไม่เชื่อเสียยิ่งกว่า วิทยเทพไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีต เหตุที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นไปไม่ได้ แม้ใจจะบอกตนเองเยี่ยงนี้ แต่ความตื่นกลัวกลับบังเกิดขึ้นในใจ
บานทวารหน้าท้องพระโรงใหญ่นั้นปิดอยู่มีทหารยามยืนเฝ้า วิญญาณนางกำนัลยืนอยู่เบื้องหน้าตั้งท่าจะเดินทะลุผ่านเข้าไป แต่พลันมีเสียงจากเทพธรณีประจำทวารท้องพระโรงดังขึ้นห้ามเสียก่อน
เจ้าเข้ามาไม่ได้!
กุสุมาลย์เงยหน้ามองเหนือบานทวารมีหน้ามุขสลักด้วยไม้ขยับนัยน์ตามามองตอบ
เจ้าเป็นเพียงแค่วิญญาณ ห้ามมิให้เข้า และที่สำคัญไม่มีผู้ใดอยู่ข้างใน พระบาทเจ้ามิได้ใช้ท้องพระโรงนี้ประชุม ครั้นจะถามตอบว่าพระบาทเจ้าประทับอยู่ที่ใดคงไม่มีคำตอบ นางจึงเปลี่ยนคำถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
แล้วภูวิษะเจ้าเล่า ได้เสด็จมา ณ ที่นี้หรือไม่
เสด็จไปเฝ้าพระบาทเจ้าในท้องพระโรงเล็ก เมื่อได้คำตอบนางย่อกายลงขอบคุณ แล้วหายไปจากที่นั้นไปสู่ท้องพระโรงเล็ก
ยามปรกติแล้วท้องพระโรงเล็กใช้ปรึกษาราชการในทางลับหรือเป็นทางใน ที่มิใช้มีคนเข้าเฝ้ามากนัก จะเรียกว่าเป็นการปรึกษาราชการอย่างไม่เป็นทางการต่างกับการเสด็จออกว่าราชการในท้องพระโรงใหญ่ พระบาทเจ้าสิทธิเสณประทับอยู่บนตั่งพระกรข้างหนึ่งพาดอยู่บนพระเขนยขวาน สีพระพักตร์ไม่เคร่งเครียดนักแม้จะมีภูวิษะเจ้าราชบุตรเขยที่ทำให้ขุ่นเคืองพระทัยประทับอยู่ด้วยก็ตามที
ปาลปุระเร่งพิธีอภิเษกสมรสมาราวกับกลัวทางเราจะเปลี่ยนใจ เฮอะ! ตรัสอย่างไม่พอพระทัย
โอกาสงามเช่นนี้หายากนี่พะยะค่ะ
ข้าก็ว่าอย่างนั้น โอกาสเช่นนี้ไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ว่าแต่นางตัวดีว่าอย่างไร? พระบาทเจ้าทรงตรัสถามถึงพระธิดาองค์เล็ก
บัดนี้มหิตาไปถือศีลยังอาศรมสตรีตามรับสั่งของพระแม่เจ้าแล้วพะยะค่ะ เจ้านาคราชตรัสตอบเรียบๆ
อย่าให้นางกลับมา จนกว่าพิธีส่งตัวเจ้าหญิงจากปาลปุระมายังจุมภะจะเรียบร้อย
7 วันเอง พอหรือเพคะเสด็จพ่อ กัมลาภาเทวีพระธิดาองค์โตตรัสทูล
ไม่พอก็เพิ่มวันไป อย่าให้นางมาทำเสียเรื่องได้ ภูวิษะ! เจ้าปรามนางไว้ด้วยเล่า ทำให้ทุกสายตามองมายังนาคเจ้า
ภูวิษะหรือจะห้ามมหิตาได้ เคยห้ามได้ที่ไหนกันเล่าเพคะ ตรัสแล้วชายพระเนตรไปยังภูวิษะเจ้า
ครั้งนี้ยังไงก็ต้องได้ ถ้าไม่ได้เจ้าต้องรับผิดชอบด้วยหัวของเจ้า!
สุรเสียงทรงอำนาจกังวานขึ้น ภูวิษะเจ้ายกมือขึ้นพนมเหนือเศียรรับพระดำรัสเรียบๆ เช่นเคยมิได้โต้แย้งอันใด คงมีแต่เสียงแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ จากรอบข้าง โดยเฉพาะกัมลาภาเทวีทรงเปิดเผยความรู้สึกนัก ด้วยว่ายังขัดเคืองในเรื่องเก่าแต่นาคเจ้ามิได้ใส่พระทัย
แล้วเรื่องตำหนักของนาง จะทำอย่างไร เวลาแค่นี้เร่งปลูกตำหนักใหม่ให้ก็คงไม่ทัน จะได้ก็แค่ตำหนักเล็กๆ ก็ไม่สมศักดิ์ศรี
นั่นสิพะยะค่ะ เห็นทีต้องอยู่ร่วมตำหนักกันไปก่อน เมื่อสร้างตำหนักใหม่แล้วเสร็จจึงค่อยแยกออกมาเป็นสัดส่วน แล้วน้องหญิงมหิตาจะทนได้หรือ เกรงว่าจะกระทบกระทั่งกันใหญ่โต เจ้าชายอนันตราชตรัสทูลความเห็นแล้วเหลียวมาทอดพระเนตรต้นเรื่อง
เฮ้อ...คงได้ตีกันตำหนักแตก หากเป็นเช่นนั้นจะเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างเมือง ปาลปุระจะหาว่าเรารังแกได้ พระแม่เจ้ากมุทรามหาเทวีทรงถอนหทัย เรื่องทรงวิตกนั้นหาได้ห่างไกลความจริงไม่
นั่นสิเพคะ...เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่โต ภูวิษะท่านเตรียมแก้ไขเรื่องนี้ไว้อย่างไร เมื่อกัมภาเทวีตรัสถามทุกสายตาก็จ้องมองมาเป็นจุดเดียว บ้างก็นิ่งรอฟังคำตอบ บ้างมีก็แววเยาะหยันปรากฏ
ว่าอย่างไรภูวิษะ คุยกับมหิตาดีแล้วรึ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาก่อเรื่องให้ขายหน้าอีกล่ะ แม้พระบาทเจ้าเองก็หวั่นใจกับพระธิดาองค์เล็ก ทรงทราบดีกว่าหึงหวงรุนแรงนัก
หม่อมฉันตรึกตรองเรื่องนี้ดีแล้ว จะสร้างตำหนักรองรับก็คงไม่ทันการณ์ ครั้นจะฝากไว้ที่ตำหนักหลวงก็ไม่เหมาะสมทางปาลปุระจะหาว่าหม่อมฉันเกี่ยงงอน
ก็นั่นแหละ ถ้าเจ้าคิดไม่ออกก็รีบบอกมาจะได้ช่วยกันแก้ไข พระสัสสุระทรงตรัสไว้พระพักตร์ราชบุตรเขย ด้วยพระอารมณ์ไม่ใคร่ดี
มิต้องเป็นกังวลพะยะค่ะ....หม่อมฉันทูลขอร้องให้สร้อยประพาฬเทวีช่วยจัดเตรียมเรื่องการรับรองเทวีของปาลปุระไว้แล้วพะยะค่ะ
สร้อยประพาฬเทวีเกี่ยวข้องกระไรด้วย สุรเสียงฉงนของพระบาทเจ้าดังประสานกับผู้อื่นในท้องพระโรงเล็ก สร้อยประพาฬเทวีแทบไม่มีบทบาทในการเมืองเลยนับตั้งแต่พระสวามีเสด็จทิวงคต [1]ไป
ด้วยเวลาแค่ 7 วัน หม่อมฉันมิมีเคหาสน์สถานอันเหมาะสมไว้รองรับเทวีแห่งปาลปุระ จึงต้องทูลขอร้องเสด็จป้าให้ทรงช่วยเหลือ อีกทั้งแก้วตาราเทวียังเยาว์นักไม่ทราบว่า....นางพร้อมจะถวายงานในฐานะชายาหรือไม่ สุรเสียงลดลงเล็กน้อยคล้ายกระดากอาย
จริงอยู่...นางเพิ่งจะ 13 เท่านั้น ไม่รู้ว่ามีระดูหรือยังด้วยซ้ำ ถ้อยดำรัสที่ตรงไปตรงมาของพระบาทเจ้าทำให้ผู้ที่มาเฝ้ารอบขบขัน
เสด็จพี่..ตรัสกระไรเช่นนั้น ถึงนางจะแค่ 13 แต่นางก็เป็นสตรี ปาลปุระคงอบรมนางมาแล้วมิใช่ไม่ประสีประสาเอาสียเลย เป็นพระแม่เจ้าที่ทรงคัดค้าน ทรงตบหัตถ์ลงที่ต้นพาราของพระสวามีเป็นการปราม
สำหรับหม่อมฉัน....นางยังเยาว์นัก เรื่องการอภิเษกคงเป็นได้เพียงในนาม
ภูวิษะ! ปาลปุระไม่สนดอกว่าเจ้าแต่งงานกับจะในนามหรือรับเป็นคู่จริง
อนันตราชพูดถูก...นั่นมิใช่ประเด็นใหญ่
แต่หม่อมฉันเห็นว่าความเยาว์นั่นถูกสร้างให้เป็นประเด็นการเมืองได้พะยะค่ะ
ยังไง? แทบทุกเสียงถามพร้อมกัน ภูวิษะเจ้าแย้มสรวลบางๆ ก่อนตรัสถวาย
อันความไม่พร้อมของสตรีนั้นมีด้วยกันหลายเหตุ ความเยาว์วัยก็เช่นกันอาจทำให้นางขาดตกบกพร่องเรื่องปรนนิบัติได้ เรื่องนี้ถือเป็นหน้าตาของสตรีแห่งปาลปุระเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วแก้วตาราควรจะได้รับการฝึกธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเราด้วย ยังมีอีกมากที่เทวีน้อยนั้นต้องศึกษาเรียนรู้ หม่อมฉันจึงขอฝากนางเอาไว้กับเสด็จป้าสร้อยประพาฬเทวีเสียก่อน ซึ่งเสด็จป้ารับปากว่าจะอบรมกิริยามารยาทของชาวจุมภะให้แก่นางจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อนั้นการอภิเษกสมรสค่อยเกิดขึ้น
เสียงอื้ออึงดังขึ้นทั่วบริเวณด้วยว่าคาดไม่ถึงว่าภูวิษะเจ้าจะรับมือเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แม้พระสัสสุระ [2]ยังอดชื่นชมมิได้แม้ในพระทัยยังขุ่นเคืองราชบุตรเขยอยู่ก็ตามที
แล้วทางนั้นจะยอมรึ? พระแม่เจ้าทรงเผลอยกหัตถ์ขึ้นวางทาบพระอุระด้วยความวิตก
หม่อมฉันมิได้ปฏิเสธการรับแก้วตาราเทวีเข้ามาดูแล เพียงแต่อยากประวิงเวลาไว้ก่อน อย่างไรนางมาอยู่กับทางเราแล้วก็ถือว่าเป็นไปตามที่รับปาก เพียงแต่พิธีอภิเษกนั้นเลื่อนออกไปจนกว่าจะถึงวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ปาลปุระอาจไม่พอใจบ้าง แต่เหตุผลเรื่องการสร้างตำหนักรับรองและการเรียนรู้ขนบธรรมเนียมเป็นเรื่องสามัญที่ควรเข้าใจ หากไม่พอใจก็เท่ากับไม่เชื่อใจทางเราเช่นกัน แล้วเช่นนี้หรือจะดองมาเป็นทองแผ่นเดียวกันได้ มีแต่จะต้องประนีประนอม...
เหตุผลของเจ้าก็พอได้อยู่ แต่อาจต้องทนรำคาญพวกทูตบ้าง พระบาทเจ้าดำริตามแล้วก็ทรงคาดเดาเหตุการณ์ที่จะตามมา
เจ้าคิดจะฝากนางไว้กับสร้อยประพาฬเทวีนานเท่าไร คำถามนี้ทำเอาทุกคนโดยเฉพาะกัมลาภาเทวีตั้งพระทัยสดับเป็นพิเศษ
จนกว่านางจะแตกเนื้อสาว และพร้อมจะถวายการรับใช้พะยะค่ะ ระหว่างนี้นางยังมิได้เป็นคนของหม่อมฉัน หากแต่อยู่ในความดูแลของสร้อยประพาฬเทวี ถือว่าแก้วตาราเทวีเป็นยังอยู่ในอาณัติของพระบาทเจ้า เมื่อถึงเวลาอันควรจะยกทรงมอบนางให้หม่อมฉันตามที่ตกลงไว้ หรือจะประทานให้แก่ผู้ใดก็สุดแล้วแต่พระทัยเถิด หากเป็นเช่นนี้ถือว่าไม่ผิดคำที่เราให้ไว้กับปาลปุระ หม่อมฉันมีความคิดเช่นนี้พระบาทเจ้าเห็นควรมิควรแล้วจะทรงโปรดพะยะค่ะ
ทุกสรรพเสียงนิ่งลงต่างพากันหันมาทอดพระเนตรเจ้านาคราชเป็นตาเดียว ด้วยคาดไม่ถึงว่าจะมีแผนการรองรับไว้เช่นนี้ แม้ไม่ชอบใจราชบุตรเขยนักแต่พระสัสสุระก็อดแย้มสรวลออกมามิได้ ด้วยพึงพระทัยว่ามิได้เป็นฝ่ายจนแต้มให้ปาลปุระดำเนินการตามประสงค์อยู่ข้างเดียว
หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ภูวิษะเจ้านี่มันลดเลี้ยวนัก ไม่ยอมรับนางไว้แต่ก็ไม่ให้เสียคำพูด มันเป็นอย่างไรกลัวมหิตาอาละวาดเอารึ? พระสัสสุระมีพระอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
หม่อมฉันเห็นด้วยกับภูวิษะ เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อน หากยอมอ่อนตามประสงค์ทางนั้นมากๆ เข้าก็จะมีอิทธิพลเหนือเรา อย่างไรก็ควรให้รู้บ้างว่าขอมากกว่านี้มิได้แล้ว เจ้าชายอนันตราชพระสวามีของกัมภาเทวีทรงเห็นชอบ
มิใช่มัวแต่เกรงมหิตา เลยต้องคิดแผนแบบนี้มารองรับดอกรึ? กัมลาภาเทวีอดชักสีพระพักตร์ใส่มิได้
หม่อมฉันมิได้เกรงชายา....เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อนเสมอ หากรับนางเข้ามาเวลานี้...ตำหนักหม่อมฉันคงได้เกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาจนวอดแน่ สิ้นดำรัสเสียงสรวลก็ดังก้องท้องพระโรงเล็ก
เห็นจะจริง น้องหญิงนั้นคงไม่ยอมง่ายๆ นางมิใช่หญิงที่เข้าใจเหตุผลอย่างกัมลาภา เจ้าชายอนันตราชทรงหยอดคำหวานใส่พระชายา กัมลาภาเทวีฟังแล้วเชิดพระพักตร์ใส่ยังมิได้ปลาบปลื้มกับคำชม ด้วยยังคงน้อยพระทัยเรื่องรับนางงามต่างเมืองเข้ามาเป็นข้าบาทบริจาริกา
ท่านนี่เก่งนะภูวิษะ...หาทางบิดพลิ้วจนได้ น่าอิจฉาน้องเรานัก มีสวามีรักษาคำสัตย์ที่ให้ไว้ แม้มิได้สบตาพระสวามีแต่เจ้าชายอนันตราชก็พระพักตร์ตึงไปทันที
หม่อมฉัน...เพียงแต่พยายามประคับประคองความรู้สึกของมหิตาซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ที่ผ่านมาเป็นเพราะหม่อมฉันตื้นเขินกับความรู้สึกของสตรีเกินไปจึงละเลยจนนาง ทำให้เกิดเรื่องไม่งามขึ้น
นัยน์เนตรนั้นอ่อนแสงลงด้วยความรู้สึกตำหนิตนเอง กัมลาภาเทวีทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็พระทัยอ่อน อย่างน้อยๆ บุรุษตรงหน้าก็รักพระขนิษฐาของพระองค์อย่างจริงใจ แม้จะมีเรื่องขัดเคืองไม่พอพระทัยกันมาก่อนความรู้สึกเชิงลบนั้นก็ลดน้อยถอยลง
มหิตานางเป็นน้องคนเล็ก มีแต่คนตามใจเสมอมา แม้ภายนอกนางเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย...แต่ในใจนางนั้นก็ยังเอาแต่ใจเหมือนเด็กไม่รู้จักโตจึงได้ทำผิดลงไป... พระเชษฐภคินีตรัสออกมาด้วยสุรเสียงอ่อนพระทัย ทรงเห็นพระทัยพระขนิษฐาเรื่องพระสวามีอันเป็นที่รักใครเล่าจะเข้าพระทัยเรื่องนี้ไปมากกว่าพระองค์เล่า เมื่อทรงเคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
เสด็จพ่อทรงเห็นเป็นอย่างไรกับแผนการของภูวิษะเพคะ?
การปรึกษาหารือยังดำเนินไปอีกพักใหญ่ แม้สุดท้ายจะมีความเห็นคล้อยตามกันไปในทิศทางเดียวคือเห็นชอบกับภูวิษะเจ้า หากแต่แววเนตรของแต่ละองค์นั้นแสดงความคิดเห็นต่างกันออกไป รวมไปถึงชยาทัตพระสวามีของพินทุมณีเทวีถึงกับเก็บความชิงชังเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อการประชุมจบลงจึงเป็นผู้แรกที่ถวายบังคมลากลับ
เมื่อออกมาจากท้องพระโรงเล็กได้สิ่งแรกเจ้านาคราชทำคือถอนหทัย นึกดีพระทัยที่เกลี้ยกล่อมพระบาทเจ้าสำเร็จจนทรงเห็นชอบด้วย ในขณะที่กำลังจะเสด็จกลับคู่ของเจ้าชายอนันตราชและกัมลาภาเทวีก็เสด็จออกมา พระเชษฐภคินีปรายพระเนตรมองพระขนิษฐภรรดา [3]ระหว่างที่ดำเนินมาเสมอกันทรงหยุดตามพระสวามี เมื่อบุรุษทั้งสองพยักพักตร์แก่กันก่อนอำลาแล้วจึงเสด็จต่อ
ขอบใจ...ที่รักษาสัตย์กับน้องเรา
ทรงตรัสเช่นนั้นโดยมิได้หันพักตร์กลับมาสบพระเนตรกับคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย เมื่อตรัสจบก็ดำเนินต่อเหมือนมิได้ตรัสสิ่งใดออกมา แต่เท่านั้นก็ทำให้เจ้านาคราชแย้มสรวลรับและก้มพระพักตร์ให้เป็นเชิงส่งเสด็จ
เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของกุสุมาลย์ หญิงงามยกสองมือขึ้นปิดปากหน่วยน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางปลื้มปิติผู้ที่นางเคารพยังคงเป็นผู้ควรถูกสรรเสริญเสมอ
ทรงแก้ปัญหาได้...ในเมื่อทุกอย่างลงเอยด้วยดี แล้วเหตุใดจุมภะจึงพินาศ...? นางรำพันกับตนเองอย่างไม่เข้าใจ
มันเป็นชะตา... เสียงนั้นก้องอยู่ในโสต กุสุมาลย์เหลียวกับมองก็ไม่พบผู้ใด แต่ยังคงยินเสียงก้องมาจากพระตำหนักหลวง
ผีหลวง...บอกข้าทีเหตุอุบาทว์นี้จะโคจรผ่านพ้นไปได้หรือไม่
จุมภะมาถึงรอยต่อแห่งชะตา ทุกสิ่งสิ้นมิได้ขึ้นอยู่กับผีเมือง ผีหลวง หากทุกสิ่งขึ้นอยู่กับใจมนุษย์
นางเดียวล่มเมืองได้ นางสลักสำคัญถึงปานนั้น
นางเดียวล่มเมืองมิได้ หากแต่นางสลักสำคัญเมื่อราชบุตรแห่งพญามหิทธราบดีเลือกนางมาสืบสายเมือง
ต้องรอสถานเดียวรึ พวกท่านมิอาจช่วยเหลือหรือทำกระไรได้บ้างรึ?
เราล้วนเป็นผี จะผีเมือง ผีบ้าน หรือแม้แต่ผีบรรพกษัตริย์ ก็...ล้วนเป็นเพียงผี ทำได้เพียงหน้าที่ของตนเอง แต่สุดท้าย ฅน เท่านั้นที่เป็นผู้เลือก กุสุมาลย์ฟังแล้วโศกเศร้านัก...
หากนางบาปนั่นดำเนินซ้ำรอยเดิม พวกท่านจะทำอย่างไร? มิต้องจมลงไปพร้อมจุมภะอย่างนั้นหรือ?
ผีเมืองก็ต้องเฝ้าเมืองจนหมดวาระ...ไม่ว่าเมืองนั้นคงอยู่หรือสิ้นสูญไป เจ้ามิต้องเป็นห่วงพวกเราปวารณาตนเองดูแลเมืองร่วมกับเทวะทั้งหลาย แต่เจ้าเถิดกุสุมาลย์...ออกไปจากที่นี่เสียแต่บัดนี้ หาไม่แล้วเจ้าอาจจะต้องติดอยู่ในนี้ไปตลอดกาล
ข้า....
ปล่อยวาง แล้วไปสู่เส้นทางใหม่เสีย...ไปเถิดไปนางงาม
หญิงงามฟังแล้วน้ำตาร่วงมาเป็นสาย นางทรุดกายลงกับพื้นแล้วก้มกราบไปทางพระตำหลวงจนหน้าผากแนบกับธรณี
กุสุมาลย์มีบุญได้เกิดในจุมภะ แม้ตายก็ในจุมภะ เป็นชาวจุมภะเหมือนเช่นทุกผู้...จะมีอันใดต้องกลัวอีกเล่า
นางร่ำไห้รำพันได้เท่านั้นก็เกิดเสียงกัมปนาทขึ้นดังกึกก้องไปทั่วจนปฐพีสั่นไหว กุสุมาลย์พยายามลุกขึ้นยืนแต่หาเป็นผลไม่นางล้มลุกคลุกคลานอยู่ในที่นั้น ฉับพลันมีสุรเสียงทรงมหิทธิฤทธิ์ตวาดออกมา
ออกไป!
กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!
หญิงงามกรีดร้องออกมาก่อนจะถูกอำนาจอันมหาศาลจับโยนออกไปจากกาลเวลานี้!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทิวงคต ตาย ใช้กับชั้นเจ้าฟ้า พระสัสสุระ พ่อตา พระขนิษฐภรรดา น้องเขย
Create Date : 23 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2559 0:20:59 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1209 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Rose IP: 192.95.30.51 วันที่: 23 มิถุนายน 2559 เวลา:1:21:34 น. |
|
|
|
โดย: แก้วกังไส วันที่: 23 มิถุนายน 2559 เวลา:1:39:02 น. |
|
|
|
|
|
|
|