จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2559
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
23 มิถุนายน 2559
 
All Blogs
 
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 74



ตอนที่ 74


                   เขามิได้เหลียวมามองนางแม้สักน้อย วิญญาณหญิงงามยืนนิ่งอยู่ครู่ก็ผละออกมา แม้ใจจะไม่ยินดีแต่หากดื้อดึงไปคงใช่ที่ไม่ช้าก็คงถูกผลักดันออกมาด้วยพลังอำนาจ สู้ออกไปด้วยตนเองระหว่างนี้นางยังคงเก็บภาพเมืองไว้ในความทรงจำได้ตราบนานเท่านาน


                   กุสุมาลย์ตรงไปสู่ท้องพระโรง ยามเมื่อยังมีชีวิตอยู่นางมิมีสิทธิ์เหยียบย่างเข้ามาที่นี่เอง หากมิได้ติดตามมหิตาเทวีมา แต่บัดนี้นางเป็นอิสระต่อทุกกฎเกณฑ์ จึงเดินลิ่วขึ้นสู่บันไดตำหนักหลวงไปยังท้องพระโรง หญิงงามใคร่รู้เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร เมื่อชีวิตยุติลงนางก็ไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีกนอกจากเดินย้อนรอยไปตามความทรงจำของตนเองเท่านั้น แต่เมื่อรอยกรรมนำเคียงฟ้ากลับมาในอดีต ทุกสิ่งทุกอย่าง...กำลังหมุนวนซ้ำอีกครั้ง


                   ‘ข้าไม่ใช่เชื่อ! ไม่เชื่อว่าน้ำหน้าอย่างนางจะพลิกฟื้นความตายของจุมภะได้’ กุสุมาลย์บอกตนเองในใจ


‘และไม่เชื่อเสียยิ่งกว่า วิทยเทพไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีต เหตุที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นไปไม่ได้’ แม้ใจจะบอกตนเองเยี่ยงนี้ แต่ความตื่นกลัวกลับบังเกิดขึ้นในใจ


บานทวารหน้าท้องพระโรงใหญ่นั้นปิดอยู่มีทหารยามยืนเฝ้า วิญญาณนางกำนัลยืนอยู่เบื้องหน้าตั้งท่าจะเดินทะลุผ่านเข้าไป แต่พลันมีเสียงจากเทพธรณีประจำทวารท้องพระโรงดังขึ้นห้ามเสียก่อน


                  “เจ้าเข้ามาไม่ได้!”


                   กุสุมาลย์เงยหน้ามองเหนือบานทวารมีหน้ามุขสลักด้วยไม้ขยับนัยน์ตามามองตอบ


                  “เจ้าเป็นเพียงแค่วิญญาณ ห้ามมิให้เข้า และที่สำคัญไม่มีผู้ใดอยู่ข้างใน พระบาทเจ้ามิได้ใช้ท้องพระโรงนี้ประชุม” ครั้นจะถามตอบว่าพระบาทเจ้าประทับอยู่ที่ใดคงไม่มีคำตอบ นางจึงเปลี่ยนคำถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม


                   “แล้วภูวิษะเจ้าเล่า ได้เสด็จมา ณ ที่นี้หรือไม่”


                   “เสด็จไปเฝ้าพระบาทเจ้าในท้องพระโรงเล็ก” เมื่อได้คำตอบนางย่อกายลงขอบคุณ แล้วหายไปจากที่นั้นไปสู่ท้องพระโรงเล็ก


                    ยามปรกติแล้วท้องพระโรงเล็กใช้ปรึกษาราชการในทางลับหรือเป็นทางใน ที่มิใช้มีคนเข้าเฝ้ามากนัก จะเรียกว่าเป็นการปรึกษาราชการอย่างไม่เป็นทางการต่างกับการเสด็จออกว่าราชการในท้องพระโรงใหญ่ พระบาทเจ้าสิทธิเสณประทับอยู่บนตั่งพระกรข้างหนึ่งพาดอยู่บนพระเขนยขวาน สีพระพักตร์ไม่เคร่งเครียดนักแม้จะมีภูวิษะเจ้าราชบุตรเขยที่ทำให้ขุ่นเคืองพระทัยประทับอยู่ด้วยก็ตามที


                    “ปาลปุระเร่งพิธีอภิเษกสมรสมาราวกับกลัวทางเราจะเปลี่ยนใจ เฮอะ!” ตรัสอย่างไม่พอพระทัย


                    “โอกาสงามเช่นนี้หายากนี่พะยะค่ะ ”


                    “ข้าก็ว่าอย่างนั้น โอกาสเช่นนี้ไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ว่าแต่นางตัวดีว่าอย่างไร?” พระบาทเจ้าทรงตรัสถามถึงพระธิดาองค์เล็ก


                    “บัดนี้มหิตาไปถือศีลยังอาศรมสตรีตามรับสั่งของพระแม่เจ้าแล้วพะยะค่ะ” เจ้านาคราชตรัสตอบเรียบๆ


                    “อย่าให้นางกลับมา จนกว่าพิธีส่งตัวเจ้าหญิงจากปาลปุระมายังจุมภะจะเรียบร้อย”


                     “7 วันเอง พอหรือเพคะเสด็จพ่อ” กัมลาภาเทวีพระธิดาองค์โตตรัสทูล


                    “ไม่พอก็เพิ่มวันไป อย่าให้นางมาทำเสียเรื่องได้ ภูวิษะ! เจ้าปรามนางไว้ด้วยเล่า” ทำให้ทุกสายตามองมายังนาคเจ้า


                    “ภูวิษะหรือจะห้ามมหิตาได้ เคยห้ามได้ที่ไหนกันเล่าเพคะ” ตรัสแล้วชายพระเนตรไปยังภูวิษะเจ้า


                    “ครั้งนี้ยังไงก็ต้องได้ ถ้าไม่ได้เจ้าต้องรับผิดชอบด้วยหัวของเจ้า!”


                      สุรเสียงทรงอำนาจกังวานขึ้น ภูวิษะเจ้ายกมือขึ้นพนมเหนือเศียรรับพระดำรัสเรียบๆ เช่นเคยมิได้โต้แย้งอันใด คงมีแต่เสียงแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ จากรอบข้าง โดยเฉพาะกัมลาภาเทวีทรงเปิดเผยความรู้สึกนัก ด้วยว่ายังขัดเคืองในเรื่องเก่าแต่นาคเจ้ามิได้ใส่พระทัย


                    “แล้วเรื่องตำหนักของนาง จะทำอย่างไร เวลาแค่นี้เร่งปลูกตำหนักใหม่ให้ก็คงไม่ทัน จะได้ก็แค่ตำหนักเล็กๆ ก็ไม่สมศักดิ์ศรี”


                   “นั่นสิพะยะค่ะ เห็นทีต้องอยู่ร่วมตำหนักกันไปก่อน เมื่อสร้างตำหนักใหม่แล้วเสร็จจึงค่อยแยกออกมาเป็นสัดส่วน แล้วน้องหญิงมหิตาจะทนได้หรือ เกรงว่าจะกระทบกระทั่งกันใหญ่โต” เจ้าชายอนันตราชตรัสทูลความเห็นแล้วเหลียวมาทอดพระเนตรต้นเรื่อง


                   “เฮ้อ...คงได้ตีกันตำหนักแตก หากเป็นเช่นนั้นจะเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างเมือง ปาลปุระจะหาว่าเรารังแกได้” พระแม่เจ้ากมุทรามหาเทวีทรงถอนหทัย เรื่องทรงวิตกนั้นหาได้ห่างไกลความจริงไม่


                  “นั่นสิเพคะ...เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่โต ภูวิษะท่านเตรียมแก้ไขเรื่องนี้ไว้อย่างไร” เมื่อกัมภาเทวีตรัสถามทุกสายตาก็จ้องมองมาเป็นจุดเดียว บ้างก็นิ่งรอฟังคำตอบ บ้างมีก็แววเยาะหยันปรากฏ


                  “ว่าอย่างไรภูวิษะ คุยกับมหิตาดีแล้วรึ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาก่อเรื่องให้ขายหน้าอีกล่ะ” แม้พระบาทเจ้าเองก็หวั่นใจกับพระธิดาองค์เล็ก ทรงทราบดีกว่าหึงหวงรุนแรงนัก


                  “หม่อมฉันตรึกตรองเรื่องนี้ดีแล้ว จะสร้างตำหนักรองรับก็คงไม่ทันการณ์ ครั้นจะฝากไว้ที่ตำหนักหลวงก็ไม่เหมาะสมทางปาลปุระจะหาว่าหม่อมฉันเกี่ยงงอน”


                  “ก็นั่นแหละ ถ้าเจ้าคิดไม่ออกก็รีบบอกมาจะได้ช่วยกันแก้ไข” พระสัสสุระทรงตรัสไว้พระพักตร์ราชบุตรเขย ด้วยพระอารมณ์ไม่ใคร่ดี


                  “มิต้องเป็นกังวลพะยะค่ะ....หม่อมฉันทูลขอร้องให้สร้อยประพาฬเทวีช่วยจัดเตรียมเรื่องการรับรองเทวีของปาลปุระไว้แล้วพะยะค่ะ”


                  “สร้อยประพาฬเทวีเกี่ยวข้องกระไรด้วย” สุรเสียงฉงนของพระบาทเจ้าดังประสานกับผู้อื่นในท้องพระโรงเล็ก สร้อยประพาฬเทวีแทบไม่มีบทบาทในการเมืองเลยนับตั้งแต่พระสวามีเสด็จทิวงคต [1]ไป


                  “ด้วยเวลาแค่ 7 วัน หม่อมฉันมิมีเคหาสน์สถานอันเหมาะสมไว้รองรับเทวีแห่งปาลปุระ จึงต้องทูลขอร้องเสด็จป้าให้ทรงช่วยเหลือ อีกทั้งแก้วตาราเทวียังเยาว์นักไม่ทราบว่า....นางพร้อมจะถวายงานในฐานะชายาหรือไม่” สุรเสียงลดลงเล็กน้อยคล้ายกระดากอาย


                  “จริงอยู่...นางเพิ่งจะ 13 เท่านั้น ไม่รู้ว่ามีระดูหรือยังด้วยซ้ำ” ถ้อยดำรัสที่ตรงไปตรงมาของพระบาทเจ้าทำให้ผู้ที่มาเฝ้ารอบขบขัน


                   “เสด็จพี่..ตรัสกระไรเช่นนั้น ถึงนางจะแค่ 13 แต่นางก็เป็นสตรี ปาลปุระคงอบรมนางมาแล้วมิใช่ไม่ประสีประสาเอาสียเลย” เป็นพระแม่เจ้าที่ทรงคัดค้าน ทรงตบหัตถ์ลงที่ต้นพาราของพระสวามีเป็นการปราม


                   “สำหรับหม่อมฉัน....นางยังเยาว์นัก เรื่องการอภิเษกคงเป็นได้เพียงในนาม”


                   “ภูวิษะ! ปาลปุระไม่สนดอกว่าเจ้าแต่งงานกับจะในนามหรือรับเป็นคู่จริง”


                   “อนันตราชพูดถูก...นั่นมิใช่ประเด็นใหญ่”


                   “แต่หม่อมฉันเห็นว่าความเยาว์นั่นถูกสร้างให้เป็นประเด็นการเมืองได้พะยะค่ะ “


                   “ยังไง?” แทบทุกเสียงถามพร้อมกัน ภูวิษะเจ้าแย้มสรวลบางๆ ก่อนตรัสถวาย


                   “อันความไม่พร้อมของสตรีนั้นมีด้วยกันหลายเหตุ ความเยาว์วัยก็เช่นกันอาจทำให้นางขาดตกบกพร่องเรื่องปรนนิบัติได้ เรื่องนี้ถือเป็นหน้าตาของสตรีแห่งปาลปุระเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วแก้วตาราควรจะได้รับการฝึกธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเราด้วย ยังมีอีกมากที่เทวีน้อยนั้นต้องศึกษาเรียนรู้ หม่อมฉันจึงขอฝากนางเอาไว้กับเสด็จป้าสร้อยประพาฬเทวีเสียก่อน ซึ่งเสด็จป้ารับปากว่าจะอบรมกิริยามารยาทของชาวจุมภะให้แก่นางจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อนั้นการอภิเษกสมรสค่อยเกิดขึ้น”


                    เสียงอื้ออึงดังขึ้นทั่วบริเวณด้วยว่าคาดไม่ถึงว่าภูวิษะเจ้าจะรับมือเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แม้พระสัสสุระ [2]ยังอดชื่นชมมิได้แม้ในพระทัยยังขุ่นเคืองราชบุตรเขยอยู่ก็ตามที


                   “แล้วทางนั้นจะยอมรึ?” พระแม่เจ้าทรงเผลอยกหัตถ์ขึ้นวางทาบพระอุระด้วยความวิตก


                   “หม่อมฉันมิได้ปฏิเสธการรับแก้วตาราเทวีเข้ามาดูแล เพียงแต่อยากประวิงเวลาไว้ก่อน อย่างไรนางมาอยู่กับทางเราแล้วก็ถือว่าเป็นไปตามที่รับปาก เพียงแต่พิธีอภิเษกนั้นเลื่อนออกไปจนกว่าจะถึงวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ปาลปุระอาจไม่พอใจบ้าง แต่เหตุผลเรื่องการสร้างตำหนักรับรองและการเรียนรู้ขนบธรรมเนียมเป็นเรื่องสามัญที่ควรเข้าใจ หากไม่พอใจก็เท่ากับไม่เชื่อใจทางเราเช่นกัน แล้วเช่นนี้หรือจะดองมาเป็นทองแผ่นเดียวกันได้ มีแต่จะต้องประนีประนอม...”


                   “เหตุผลของเจ้าก็พอได้อยู่ แต่อาจต้องทนรำคาญพวกทูตบ้าง” พระบาทเจ้าดำริตามแล้วก็ทรงคาดเดาเหตุการณ์ที่จะตามมา


                    “เจ้าคิดจะฝากนางไว้กับสร้อยประพาฬเทวีนานเท่าไร” คำถามนี้ทำเอาทุกคนโดยเฉพาะกัมลาภาเทวีตั้งพระทัยสดับเป็นพิเศษ


                    “จนกว่านางจะแตกเนื้อสาว และพร้อมจะถวายการรับใช้พะยะค่ะ ระหว่างนี้นางยังมิได้เป็นคนของหม่อมฉัน หากแต่อยู่ในความดูแลของสร้อยประพาฬเทวี ถือว่าแก้วตาราเทวีเป็นยังอยู่ในอาณัติของพระบาทเจ้า เมื่อถึงเวลาอันควรจะยกทรงมอบนางให้หม่อมฉันตามที่ตกลงไว้ หรือจะประทานให้แก่ผู้ใดก็สุดแล้วแต่พระทัยเถิด หากเป็นเช่นนี้ถือว่าไม่ผิดคำที่เราให้ไว้กับปาลปุระ หม่อมฉันมีความคิดเช่นนี้พระบาทเจ้าเห็นควรมิควรแล้วจะทรงโปรดพะยะค่ะ”


                      ทุกสรรพเสียงนิ่งลงต่างพากันหันมาทอดพระเนตรเจ้านาคราชเป็นตาเดียว ด้วยคาดไม่ถึงว่าจะมีแผนการรองรับไว้เช่นนี้ แม้ไม่ชอบใจราชบุตรเขยนักแต่พระสัสสุระก็อดแย้มสรวลออกมามิได้ ด้วยพึงพระทัยว่ามิได้เป็นฝ่ายจนแต้มให้ปาลปุระดำเนินการตามประสงค์อยู่ข้างเดียว


                    “หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ภูวิษะเจ้านี่มันลดเลี้ยวนัก ไม่ยอมรับนางไว้แต่ก็ไม่ให้เสียคำพูด มันเป็นอย่างไรกลัวมหิตาอาละวาดเอารึ?” พระสัสสุระมีพระอารมณ์ดีขึ้นมาทันที


                    “หม่อมฉันเห็นด้วยกับภูวิษะ เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อน หากยอมอ่อนตามประสงค์ทางนั้นมากๆ เข้าก็จะมีอิทธิพลเหนือเรา อย่างไรก็ควรให้รู้บ้างว่าขอมากกว่านี้มิได้แล้ว” เจ้าชายอนันตราชพระสวามีของกัมภาเทวีทรงเห็นชอบ


                    “มิใช่มัวแต่เกรงมหิตา เลยต้องคิดแผนแบบนี้มารองรับดอกรึ?” กัมลาภาเทวีอดชักสีพระพักตร์ใส่มิได้


                    “หม่อมฉันมิได้เกรงชายา....เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อนเสมอ หากรับนางเข้ามาเวลานี้...ตำหนักหม่อมฉันคงได้เกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาจนวอดแน่” สิ้นดำรัสเสียงสรวลก็ดังก้องท้องพระโรงเล็ก


                    “เห็นจะจริง น้องหญิงนั้นคงไม่ยอมง่ายๆ นางมิใช่หญิงที่เข้าใจเหตุผลอย่างกัมลาภา” เจ้าชายอนันตราชทรงหยอดคำหวานใส่พระชายา กัมลาภาเทวีฟังแล้วเชิดพระพักตร์ใส่ยังมิได้ปลาบปลื้มกับคำชม ด้วยยังคงน้อยพระทัยเรื่องรับนางงามต่างเมืองเข้ามาเป็นข้าบาทบริจาริกา


                     “ท่านนี่เก่งนะภูวิษะ...หาทางบิดพลิ้วจนได้ น่าอิจฉาน้องเรานัก มีสวามีรักษาคำสัตย์ที่ให้ไว้” แม้มิได้สบตาพระสวามีแต่เจ้าชายอนันตราชก็พระพักตร์ตึงไปทันที


                     “หม่อมฉัน...เพียงแต่พยายามประคับประคองความรู้สึกของมหิตาซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ที่ผ่านมาเป็นเพราะหม่อมฉันตื้นเขินกับความรู้สึกของสตรีเกินไปจึงละเลยจนนาง ทำให้เกิดเรื่องไม่งามขึ้น”


                     นัยน์เนตรนั้นอ่อนแสงลงด้วยความรู้สึกตำหนิตนเอง กัมลาภาเทวีทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็พระทัยอ่อน อย่างน้อยๆ บุรุษตรงหน้าก็รักพระขนิษฐาของพระองค์อย่างจริงใจ แม้จะมีเรื่องขัดเคืองไม่พอพระทัยกันมาก่อนความรู้สึกเชิงลบนั้นก็ลดน้อยถอยลง


                    “มหิตานางเป็นน้องคนเล็ก มีแต่คนตามใจเสมอมา แม้ภายนอกนางเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย...แต่ในใจนางนั้นก็ยังเอาแต่ใจเหมือนเด็กไม่รู้จักโตจึงได้ทำผิดลงไป...” พระเชษฐภคินีตรัสออกมาด้วยสุรเสียงอ่อนพระทัย ทรงเห็นพระทัยพระขนิษฐาเรื่องพระสวามีอันเป็นที่รักใครเล่าจะเข้าพระทัยเรื่องนี้ไปมากกว่าพระองค์เล่า เมื่อทรงเคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน


                    “เสด็จพ่อทรงเห็นเป็นอย่างไรกับแผนการของภูวิษะเพคะ?”


                     การปรึกษาหารือยังดำเนินไปอีกพักใหญ่ แม้สุดท้ายจะมีความเห็นคล้อยตามกันไปในทิศทางเดียวคือเห็นชอบกับภูวิษะเจ้า หากแต่แววเนตรของแต่ละองค์นั้นแสดงความคิดเห็นต่างกันออกไป รวมไปถึงชยาทัตพระสวามีของพินทุมณีเทวีถึงกับเก็บความชิงชังเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อการประชุมจบลงจึงเป็นผู้แรกที่ถวายบังคมลากลับ


                     เมื่อออกมาจากท้องพระโรงเล็กได้สิ่งแรกเจ้านาคราชทำคือถอนหทัย นึกดีพระทัยที่เกลี้ยกล่อมพระบาทเจ้าสำเร็จจนทรงเห็นชอบด้วย ในขณะที่กำลังจะเสด็จกลับคู่ของเจ้าชายอนันตราชและกัมลาภาเทวีก็เสด็จออกมา พระเชษฐภคินีปรายพระเนตรมองพระขนิษฐภรรดา [3]ระหว่างที่ดำเนินมาเสมอกันทรงหยุดตามพระสวามี เมื่อบุรุษทั้งสองพยักพักตร์แก่กันก่อนอำลาแล้วจึงเสด็จต่อ


                     “ขอบใจ...ที่รักษาสัตย์กับน้องเรา”


                     ทรงตรัสเช่นนั้นโดยมิได้หันพักตร์กลับมาสบพระเนตรกับคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย เมื่อตรัสจบก็ดำเนินต่อเหมือนมิได้ตรัสสิ่งใดออกมา แต่เท่านั้นก็ทำให้เจ้านาคราชแย้มสรวลรับและก้มพระพักตร์ให้เป็นเชิงส่งเสด็จ


                    เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของกุสุมาลย์ หญิงงามยกสองมือขึ้นปิดปากหน่วยน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางปลื้มปิติผู้ที่นางเคารพยังคงเป็นผู้ควรถูกสรรเสริญเสมอ


                  “ทรงแก้ปัญหาได้...ในเมื่อทุกอย่างลงเอยด้วยดี แล้วเหตุใดจุมภะจึงพินาศ...?” นางรำพันกับตนเองอย่างไม่เข้าใจ


                  “มันเป็นชะตา...” เสียงนั้นก้องอยู่ในโสต กุสุมาลย์เหลียวกับมองก็ไม่พบผู้ใด แต่ยังคงยินเสียงก้องมาจากพระตำหนักหลวง


                   “ผีหลวง...บอกข้าทีเหตุอุบาทว์นี้จะโคจรผ่านพ้นไปได้หรือไม่”


                   “จุมภะมาถึงรอยต่อแห่งชะตา ทุกสิ่งสิ้นมิได้ขึ้นอยู่กับผีเมือง ผีหลวง หากทุกสิ่งขึ้นอยู่กับใจมนุษย์”


                  “นางเดียวล่มเมืองได้ นางสลักสำคัญถึงปานนั้น”


                  “นางเดียวล่มเมืองมิได้ หากแต่นางสลักสำคัญเมื่อราชบุตรแห่งพญามหิทธราบดีเลือกนางมาสืบสายเมือง”


                  “ต้องรอสถานเดียวรึ พวกท่านมิอาจช่วยเหลือหรือทำกระไรได้บ้างรึ?”


                  “เราล้วนเป็นผี จะผีเมือง ผีบ้าน หรือแม้แต่ผีบรรพกษัตริย์ ก็...ล้วนเป็นเพียงผี ทำได้เพียงหน้าที่ของตนเอง แต่สุดท้าย “ฅน” เท่านั้นที่เป็นผู้เลือก” กุสุมาลย์ฟังแล้วโศกเศร้านัก...


                  “หากนางบาปนั่นดำเนินซ้ำรอยเดิม พวกท่านจะทำอย่างไร? มิต้องจมลงไปพร้อมจุมภะอย่างนั้นหรือ?”


                  “ผีเมืองก็ต้องเฝ้าเมืองจนหมดวาระ...ไม่ว่าเมืองนั้นคงอยู่หรือสิ้นสูญไป เจ้ามิต้องเป็นห่วงพวกเราปวารณาตนเองดูแลเมืองร่วมกับเทวะทั้งหลาย แต่เจ้าเถิดกุสุมาลย์...ออกไปจากที่นี่เสียแต่บัดนี้ หาไม่แล้วเจ้าอาจจะต้องติดอยู่ในนี้ไปตลอดกาล”


                    “ข้า....”


                    “ปล่อยวาง แล้วไปสู่เส้นทางใหม่เสีย...ไปเถิดไปนางงาม”


                    หญิงงามฟังแล้วน้ำตาร่วงมาเป็นสาย นางทรุดกายลงกับพื้นแล้วก้มกราบไปทางพระตำหลวงจนหน้าผากแนบกับธรณี


                   “กุสุมาลย์มีบุญได้เกิดในจุมภะ แม้ตายก็ในจุมภะ เป็นชาวจุมภะเหมือนเช่นทุกผู้...จะมีอันใดต้องกลัวอีกเล่า”


                   นางร่ำไห้รำพันได้เท่านั้นก็เกิดเสียงกัมปนาทขึ้นดังกึกก้องไปทั่วจนปฐพีสั่นไหว กุสุมาลย์พยายามลุกขึ้นยืนแต่หาเป็นผลไม่นางล้มลุกคลุกคลานอยู่ในที่นั้น ฉับพลันมีสุรเสียงทรงมหิทธิฤทธิ์ตวาดออกมา


                   “ออกไป!”


                   “กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!”


                    หญิงงามกรีดร้องออกมาก่อนจะถูกอำนาจอันมหาศาลจับโยนออกไปจากกาลเวลานี้!



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


[1] ทิวงคต –ตาย ใช้กับชั้นเจ้าฟ้า
[2] พระสัสสุระ– พ่อตา
[3] พระขนิษฐภรรดา– น้องเขย







Create Date : 23 มิถุนายน 2559
Last Update : 23 มิถุนายน 2559 0:20:59 น. 3 comments
Counter : 1209 Pageviews.

 
ขอบคุณมากค่ะ ที่มาอัพให้อ่าน เป็นกำลังใจให้นะค่ะ


โดย: Rose IP: 192.95.30.51 วันที่: 23 มิถุนายน 2559 เวลา:1:21:34 น.  

 
กำลังจะอัพตอนใหม่ค่ะ รอแป๊บหนึ่งนะคะ


โดย: แก้วกังไส วันที่: 23 มิถุนายน 2559 เวลา:1:39:02 น.  

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:26:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.