|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 64
ตอนที่ 64
มหิตา!! เจ้าอยู่ที่ไหน?!! ออกมาหาเราบัดนี้!!!
สุรเสียงห้าวใหญ่ดังกังวาน มหิตาเทวีเงยพักตร์ขึ้นด้วยดีพระทัยเป็นนัก ทรงจดจำได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของผู้ใด วรกายอ้อนแอ้นผุดลุกขึ้นต้อนรับการกลับมาของพระสวามี พระนางใคร่โผไปซบพระอุระด้วยความห่วงหามิทันได้สังเกตสีพระพักตร์ที่ถมึงทึง เมื่อเอื้อมหัตถ์ไปยังมิทันถึงองค์ ก็ถูกภูวิษะเจ้าก็ผลักจนล้มลงไปกองกับพื้น
อย่าคิดว่าไม่รู้ ว่าเจ้ากระทำสิ่งใด!!? มหิตาเทวีได้สดับดังนั้นสีพระพักตร์ก็ซีดเผือดลงทันที ทรงประเมินพระสวามีต่ำเกินไป
สะ..เสด็จพี่..ทรงรู้ !!! ริมโอษฐ์อิ่มสั่นเทา
มหิตาเสียแรงนัก...เสียแรงที่รักเจ้ายิ่งชีวีของเรา
ทรงอภัยให้หม่อมฉันเถิดเพคะ ตรัสแล้วก้มลงกราบแทบเบื้องบาท แต่ความพิโรธมิได้คลายตัวลงเลย เคียงฟ้าซึ่งวิ่งตามมาด้วยความยินดี พอเห็นเข้าหล่อนก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าไม่ทัน
เจ้าภู ใจเย็นๆ นะคะ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน หล่อนตรงเข้าไปขวางกลางระหว่างคนทั้งคู่ หากภูวิษะเจ้ามองไม่เห็นหล่อน แล้วกวาดหัตถ์เหวี่ยงออกไปจนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายหลบ
เคียงฟ้า ออกมา! อย่าไปยุ่ง ร่างสูงใหญ่ของวิทยเทพดึงหล่อนออกมาจากการวิวาทของสามีภรรยา
อาจารย์คะ แต่ว่า... หล่อนยังไม่พูดจบดี ผอบใส่เครื่องหอมก็ลอยเฉียดศีรษะไป
ว้าย!! หญิงสาวร้องได้แค่นั้นแล้วก็จำใจต้องหลบ
อาจารย์คะ เขาจะฆ่ากันตายไหม?
เฮ้อ...ยังไงตายจนมาเกิดเป็นเธอแล้วนี่แม่คุณ คำตอบนั้นดูยียวนนักจนเคียงฟ้าหันมาค้อนขวับ คิ้วเรียวของหล่อนขมวดมุ่นไม่เข้าใจผู้เป็นอาจารย์แต่ยังอดปากไว้มิกล้าเถียง
ปล่อยให้เป็นเวทีของเขาสองคนเถิด รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นเหมือนนึกขำ แล้วจึงจัดแจงลากตัวลูกศิษย์สาวไปอีกมุมห้อง
เจ้าทำร้ายเรา!!
ไม่เพคะ หม่อมฉันรักเสด็จพี่!!
นี่หรือรัก เจ้าทำของสกปรกใส่เรา จิตใจเจ้ามันโสมมนัก ต้องการสิ่งใดกันหรือคิดต้องการควบคุมเราทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องการอยู่เหนือเราอย่างนั้นใช่ไหม?
มิใช่เพคะ เสด็จพี่อย่าเข้าใจเช่นนั้น มหิตาเทวียังคงหมอบอยู่บนพื้น ดวงพักตร์นองไปด้วยน้ำพระเนตร ในหทัยเจ็บปวดไม่แพ้กัน
แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด จึงทำเช่นนี้ ริมโอษฐ์อิ่มกลับเงียบไม่ตรัสตอบสิ่งใดกลับมา สร้างความขุ่นพระทัยให้ภูวิษะเจ้ายิ่งนักถึงขั้นกระชากวรกายบอบบางนั้นขึ้นมาเขย่าไปมาด้วยโทสะ
"บอกมาเดี๋ยวนี้!!!" สิ้นสุรเสียงตวาดก้องมหิตาเทวีก็หวีดร้องออกมา ก่อนจะกระท่อนกระแท่นตรัสตอบทั้งน้ำอัศสุชล
ทรงโปรดเถิดเพคะ น้องทำลงไปด้วยรักทั้งสิ้น ตรัสจบก็ทิ้งวรกายลงกับพื้น สองกรยังกุมชายภูษาพระสวามี
รัก? กระทำเยี่ยงนี้หรือเรียกว่ารัก ดวงเนตรส่อแววเจ็บปวดพระทัยยิ่งนัก
รักแล้วใยจึงทำเช่นนี้ รักแล้วไฉนจึงทำร้ายเรา นี่หรือคำว่ารักของเจ้า...มันมีความหมายเช่นนี้เองรึ?
เสด็จพี่!! ฮือ..จะตบตีน้องอย่างไรก็อย่าได้ประณามหยามเหยียดกันเช่นนี้เลย
แล้วจะให้มองอย่างไร หญิงที่ทำเสน่ห์ผัวตนเองนั้น มีแต่หญิงแพศยาเท่านั้น!! ยิ่งสดับถ้อยดำรัสเผ็ดร้อนที่กรีดย้ำลงในพระทัย น้ำพระเนตรก็ไหลนองออกมาดังทำนบทลาย
น้องมิใช่หญิงแพศยา แต่เป็นเพียงหญิงที่มีรักเดียวเท่านั้น"
"ข้าไม่เข้าใจ?"
น้องรักเสด็จพี่ มิต้องการให้เสด็จพี่ไปศึกเมืองปาลเพียงเท่านั้นเพคะ สุรเสียงที่เล่าทูลถวายกระท่อนกระแท่นไปด้วยเสียงสะอื้น
เหตุผลเล่า? ดวงพักตร์งามล้ำบัดนี้ถมึงทึงยิ่งนัก จนเหล่าบริวารหวาดกลัวมิมีผู้ใดกล้าเข้ามาห้ามปราม
"น้องเพียงต้องการรั้งเสด็จพี่เอาไว้เท่านั้น มิได้ต้องการทำร้ายเสด็จพี่
"เพื่อการณ์ใด?"
โหรหลวงทำนายว่าไปศึกครั้งนี้ผู้นำทัพจะมีดวงวิวาห์ แล้วจะเป็นผู้ใดไปได้นอกจากเสด็จพี่ หากนำนางหญิงเมืองปาลกลับมาเป็นบำเหน็จสงครามแล้วน้องจะอยู่ได้อย่างไร จะทำเช่นไร มีแต่ต้องตรอมใจตายเท่านั้น ตรัสจบก็ทุบพระทรวงตนเองโดยแรง ด้วยความอัดอั้นตันพระทัย
โง่เง่า....!! ทรงครางออกมาด้วยด้วยสุรเสียงเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้สดับ
เราหายไปแล้วใครจะเป็นผู้สั่งการนำทัพ!! ดัชนีชี้มายังวงพักตร์หวานด้วยความกริ้วเป็นนัก
น้องไม่มีทางออก จึงคิดแต่เพียงว่าหน่วงเหนี่ยงเสด็จพี่ไว้เท่านั้น หากเสด็จพี่ไม่ไปร่วมกองทัพ ผู้อื่นก็คงออกรบแทนเพียงเท่านี้เองเพคะ
ด้วยแรงพิโรธกับสิ่งที่ได้สดับจึงฟาดหัตถ์ลงบนนวลปางนั้นทันทีจนวงพักตร์โสภาสะบัด มหิตาเทวีล้มถลาลงไปกองกับพื้นโดยแรง นางเทวีได้ยกหัตถ์ขึ้นกุมพระปางอันบวมช้ำแล้วกรรแสงสะอึกสะอื้น มิไยพระสวามีมิได้มีใจสงสารให้แก่นางเลย ซ้ำยังตะคอกด้วยสุรเสียงอันดัง ทรงเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยตลอดพระชนม์ชีพ มหิตาเทวีทราบได้ในทันทีว่าหนนี้มิใช่เรื่องเล็กน้อยเมื่อทำให้พิโรธถึงเพียงนี้
มหิตา...เจ้าทำอย่างไร? รู้หรือไม่นี่เป็นอาญาแผ่นดิน เจ้ามันบ้านัก! สีพระพักตร์รวดร้าวยิ่งนักยามที่ตรัส
บรรดานางกำนัลและรับทหารรับใช้ที่รายล้อมอยู่มิมีผู้ใดกล้าขยับเขยื้อนหรือเข้าห้ามปราม ได้แต่มองดูด้วยความตื่นตระหนกแม้คุณท้าวผู้ชราก็เช่นกัน ปทุมมากอดกับนางกำนัลอื่นด้วยความหวาดกลัว นายเหนือหัวของพวกนางไม่เคยแสดงกิริยาอันดุร้ายเช่นนี้
กี่วัน...เราอยู่กับเจ้ามากี่วันแล้ว เมื่อระลึกขึ้นได้สีพระพักตร์ที่แดงก่ำด้วยความพิโรธเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวโดยฉับพลัน มหิตาเทวีมิกล้าทูลตอบ เจ้านาคราชขัดพระทัยนักจึงหันไปถามคุณท้าวจันทร์หอมแทน
สะ...สามวันแล้วเพคะ
สามวัน...!!!? วรองค์สูงโปร่งแทบทรุดลงทันที
บัดซบ...บัดซบที่สุด หยาดเสโทผุดขึ้นมาพร้อมกับความวิตกกังวล ศรีดาราเห็นเข้าก็หวั่นเกรงจะมาลงกับพระเทวีของนางอีก จึงรีบทูลห้าม
ท่านภูวิษะอย่าพิโรธเลยเพคะ พระเทวีสำนึกแล้ว
สำนึกแล้วแก้ไขอันใดได้อย่างนั้นรึ? ตรัสตวาดห้วนห้าว
มหิตา...เจ้าเตรียมใจไว้เถิด หัวของผัวเจ้าคงต้องตัดถวายพระบาทเจ้าเพื่อไถ่โทษเสียแล้ว
ไม่! ไม่นะเพคะ!! มหิตาเทวีผุดลุกขึ้นยืนด้วยสีพระพักตร์ซีดเผือดไม่ต่างกัน
น้องจะทูลขอร้องเสด็จพ่อ สะ..เสด็จพ่อทรงโปรดปรานข้า ต้องยกโทษให้แน่เพคะ ในพระทัยมิได้เชื่ออย่างที่ตรัสไปเลย แต่พยายามจะปลอบพระทัยพระสวามี เมื่อหัตถ์เรียวบางเข้าลูบวรองค์กลับถูกสะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดี
เจ้าจะไปทูลพระบาทเจ้าว่าอย่างไร? ตอบมาสิ!!! ตอบมา! ยิ่งตรัสสุรเสียงยิ่งดังขึ้นจนกลายเป็นตวาด จนรอบข้างหวาดหวั่นมิกล้าสบดวงเนตร
ใคร? บอกข้ามาใครเป็นคนยุยงเจ้าให้ทำเสน่ห์
ไม่มีเพคะ! ไม่มี!!! มหิตาเทวีส่ายพระพักตร์แล้วถอยหลังกรูด หากถูกลุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงพระองค์
บอกมาเดี๋ยวนี้!!
วรกายงดงามถูกเขย่าจนสั่นคลอนไปทั้งองค์จนน่ากลัวว่าบุบสลายคาหัตถ์พระสวามี นางเทวีก้าวถดถอยจนสุดทางเมื่อรู้ตัวแผ่นปฤษฏางค์ก็ปะทะเข้ากับฝาเรือน ภูวิษะเจ้าก็พิโรธจนลืมเลือนพระสติ หลงลืมไปว่าแน่งน้อยในอุ้งหัตถ์บอบบางเพียงใด
ท่านภูวิษะ พอแล้วเพคะ ปล่อยพระเทวีเถิด ศรีดาราเป็นผู้แรกที่รู้สึกตัวแล้วตรงเข้าห้ามปาม พยายามที่แยกทั้งสองออกจากกัน เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้สติขึ้นมา
ไปให้พ้น!! นางคนสนิทถูกแรงสะบัดละลิ่วไปอีกทาง
คุณท้าวจับนางไว้อย่าให้มายุ่งอีกเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าศรีดารา อย่างไรก็ต้องความทั้งหมดในวันนี้ มหิตาเจ้าพูดมา พูดเดี๋ยวนี้!! ร่างอรชรในอ้อมพระกรยังเม้มโอษฐ์แน่นมิกล้าทูล แต่เป็นนางคนสนิทที่ทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายเฉลยเสียเอง
ท่านภูวิษะเป็นข้าเอง! ข้าเองที่นำยาเสน่ห์ให้พระเทวี
ศรีดาราเจ้าอย่าพูดเพ้อเจ้อ เดี๋ยวก็โดนโบยดอก!! คุณท้าวจันทร์หอมรีบดึงนางออกมา แต่ศรีดาราปัดมือนางแล้วคุกเข่านั่งลงเบื้องหน้าเจ้านาคราช สองมือยกขึ้นพนมดวงหน้านองไปด้วยน้ำตา
พระเทวีหรือจะรู้เรื่องมนตราได้ หม่อมฉันเห็นพระเทวีกลุ้มพระทัยเลยคิดแผนการนี้ขึ้นมา
ศรีดารา อย่ามดเท็จ! เจ้าหรือจะบังอาจ ท่านภูวิษะอย่าไปฟังนางเพคะ คุณท้าวรีบทูลห้ามเกรงว่าเรื่องบานปลายไปใหญ่โต
คุณท้าวข้ามิได้มดเท็จ...ข้ากับพระเทวี แค่คิดว่าหาวิธีถ่วงท่านภูวิษะให้อยู่ที่ตำหนักเอาไว้ก็พอ จากนั้นพระเทวีก็จะไปทูลพระบาทเจ้าว่าท่านภูวิษะประชวรจึงไม่อาจนำทัพได้ แต่ไม่รู้จะถ่วงได้อย่างไร ข้าก็เลย...ก็เลยไปหายาเสน่ห์ให้พระเทวี แต่ไม่คิดว่ายาเสน่ห์ของหมอผีกะลอนั่นจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ หม่อมฉันขอประทานอภัยหม่อมฉันผิดไปแล้ว เมื่อสารภาพจบก็ก้มหน้าลงหมอบกราบทันที เจ้านาคราชนิ่งอึ้งแข็งทื่อไปทั้งวรกาย
ศรีดาราเจ้าทำอย่างนี้ได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่าเรื่องมนตรา คุณไสยฯ ทั้งหลายเป็นของต้องห้าม มีตราไว้ในกฎมณเฑียรบาล นางคนไม่รักดี เจ้ายุยงพระเทวีไปได้อย่างไร นางหญิงชั่ว! คุณท้าวเสียอีกที่ผิดหวังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นางตบตีศรีดาราเป็นการใหญ่ ซึ่งนางตัวดีได้แต่ปัดป้องเป็นพัลวัน
ก็ข้าอยากช่วยพระเทวี ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่โตขนาดนี้ ข้าขอโทษ ข้ามิได้ตั้งใจ
เจ้าเป็นคนสนิทกลับยุยงส่งเสริมเช่นนี้ นางคนสารเลว!! คุณท้าวร่ำไห้ เรื่องทีเกิดขึ้นเจ้ารับผิดชอบไหวรึ? ใช้ทำให้พระเทวีเสื่อมเสียแท้ๆ
คุณท้าว ท่านภูวิษะ ข้า...ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง อย่าได้ตีพระเทวีเลย การสารภาพของศรีดาราในเวลานี้ทั้งมหิตาเทวีทั้งเคียงฟ้าหรือแม้แต่คุณท้าวก็ไม่เห็นว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับยิ่งยั่วยุโทสะเจ้านาคราชให้โหมกระหน่ำยิ่งขึ้น
ศรีดาราเจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใด สำเหนียกหรือไม่? แม้มีสิบหัวเจ้าก็หาได้รับผิดชอบไหว! ท่านภูวิษะเพคะอย่าได้ถือโทษโกรธนางเลยเพคะ นางเป็นเพียงหญิงโง่ที่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้นเพคะ
คุณท้าวทรุดลงข้างกายนางแล้วยกมือขึ้นพนมท่วมศีรษะเพื่อร้องขอให้ทรงคลายโทสะลง แต่ไม่เป็นผลภูวิษะเจ้าสั่นเทิ้มไปทั้งวรกาย นัยน์ตานั้นเกรี้ยวกราดยิ่งนัก มิมีคำตรัสใดหลุดออกมาอีก ไรทนต์ขบจนแน่น ผู้ใดมองเห็นก็รู้ว่าพิโรธจนมิกล้ากราบทูลสิ่งใดอีก
พระหัตถ์แกร่งละจากพระชายาหันไปคว้าตัวนางศรีดาราแล้วลากออกไปนอกพระตำหนัก ทรงผลักไสนางจนล้มกลิ้งลงบนพื้นหน้าลาน นางตัวดีบัดนี้กลัวจนลนลานด้วยไม่ทราบว่าจะเจออาญาใดบ้าง
เอาลิ่มมาตอกพื้น แล้วมัดนางไว้ข้าจะโบยนาง เร็ว!!!
ประกาศิตนั้นทำให้ทุกผู้คนคลายจากอาการตกตะลึงพึงเพริด พลทหารก็รีบทำตามรับสั่งจัดแจงหาไม้ลิ่มมาตอกลงบนพื้น แล้วจับศรีดาราคว่ำหน้าลง มัดข้อมือทั้งสองข้างผูกไว้กับลิ่ม ภูวิษะเจ้ายื่นหัตถ์ไปรับหวายที่ถวายมา แล้วหวดลงไปทันที!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2557 |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2557 3:10:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1962 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|