ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 88 กลับมาแล้ว
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 88 กลับมาแล้ว
โจทย์โดยคุณต่อ บล็อกการ์ตูนยอดนิยมตลอดกาลของเรานี่เอง
ขอให้ชื่อตอนนี้ว่า "เริ่มต้นใหม่อีกครั้ัง"
เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ชีวิตของเรา"เริ่มต้นใหม่"ในตอนเช้าตรู่ของทุกวัน
เพราะจะมีดวงตะวันดวงเดิม ที่กลับมาส่องแสงยามรุ่งอรุณ
ปลุกนกกา ปลุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากหลับไหล
ให้ความอบอุ่นและแสงสว่างอันสดใสเปี่ยมไปด้วยความหวัง
มาทดแทนความมืดมิดและเงียบเหงาของราตรีอันแสนจะยาวนาน
นี่คือความรู้สึกแรกของ การกลับมาแล้ว อีกครั้ง
ของธรรมชาติที่หมุนวนเป็นวัฏสงสารไม่เคยหยุดนิ่งแม้ช่วงขณะหนึ่ง
สำหรับมนุษย์ธรรมดาสามัญชนแบบเราๆท่านๆ
แม้จะมีสิ่งมากมายในชีวิตที่ล้วนมีค่ามหาศาล
แต่สิ่งที่เรามักจะมองเห็นคุณค่าของมันจริงๆ
กลับเป็นสิ่งที่เราได้"สูญเสีย"มันไปแล้วทั้งสิ้น
การได้สิ่งๆนั้น กลับมาอีกครั้ง เราจะดีใจที่สุดในชีวิต
ถ้าเราได้เจอเพื่อนรักที่เราไม่มีโอกาสพบเจอเขาอีกแล้ว
เราอยากจะพูดหรือทำอะไรกับเพื่อนรักบ้าง?
ถ้าคนรักหรือพ่อแม่ที่จากเราไปแล้วกลับมาอีก
เราจะคิดพูดหรือทำกับท่านอย่างไรบ้าง?
ถ้าเราได้ของที่เรารักที่สุดที่หายไปกลับมา
เราจะทำอย่างไรกับของสิ่งนั้น?
คำตอบของทุกคำถามคงคล้ายๆกันก็คือ
"เราจะดูแลรักษาสิ่งที่ได้กลับมาแล้วนั้น
อย่างดีที่สุด จะไม่ให้สิ่งนั้นพรากจากเราไปอีกเป็นอันขาด"
ในบางเวลาที่เราได้ฟังเพลงที่เราเคยชื่นชอบในอดีต
ความรู้สึกเก่าๆเดิมก็ กลับมาอีกครั้ง
เหมือนเราได้กลับไปที่เดิม เวลาเดิม เจอคนเดิมๆ
มีความสุขแบบเดิมๆอีกครับ
คล้ายๆธรรมชาติยอมให้อดีตแห่งความสุขเหล่านี้หวนคืนกลับมาหาเรา
เพื่อเติมแรงใจให้เรามีความหวังที่จะต่อสู้ชีวิต ยิ้มให้กับโลกนี้ได้ต่อไป
แต่ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปคล้ายความฝัน
"สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเรา"คืออะไรกันแน่?
เพื่อที่เราจะได้รักและดูแลสิ่งนั้นให้ดีที่สุดก่อนที่จะสูญเสียมันไป
คำตอบก็คือ
"สิ่งที่เราจะสูญเสียเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต"ของเรานั่นเอง
นั่นคือลมหายใจและชีวิตนี้ที่เรารักและหวงแหนที่สุด
ชีวิตที่เราไม่อยากให้มีความทุกข์ ความเจ็บช้ำ ความเดือดร้อน
เฝ้าดูแลทะนุถนอม อาบน้ำ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ
แต่งหน้าทาปาก เขียนคิ้ว เขียนตา หวีผม ปะแป้ง
แต่งตัวใส่เสื้อใส่ผ้าทำท่าทางวางองค์ให้ดูดีทุกวัน
หาของรักของชอบมาปรนเปลออยู่ไม่ได้ขาด
แต่ในวันหนึ่งซึ่งไม่นานนับจากวันนี้
ลมหายใจสุดท้ายก็จะพรากจากเราไป
บางคนก็เถียงว่าไม่จริง
เพราะบางคนที่ผิดหวังในชีวิต อกหักรักคุด
ส่วนใหญ่ก็ฆ่าตัวตายกันทั้งนั้น
แล้ว"ชีวิต"มันจะมีค่าไปได้อย่างไร?
แต่ที่จริงแล้วที่เขาฆ่าตัวตายเพราะเขา"รักชีวิตของเขามากที่สุด"
มากจนไม่ยอมที่จะเห็นชีวิตของเขานั้นมีความทุกข์
มีความผิดหวัง เสียใจจากใครหรือสิ่งใดเป็นอันขาด
และคิดว่า"ความตาย"คือทางออกที่ดีที่สุด
ที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องอยู่ในสภาพนั้นอีกต่อไป
แต่แท้ที่จริงแล้วการฆ่าตัวตายนั้นบาปหนักมาก
เปรียบปานขุนเขาหิมาลัยถล่มทลายลงมาใส่ตัวคนๆนั้น
พระท่านว่าคนๆนั้นจะต้องไปตกนรกด้วยความทุกข์ในใจที่นำพาจิตนั้นไป
หรือเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนขอส่วนบุญส่วนกุศลเพราะยังไม่หมดอายุขัยของตน
และถ้าใช้กรรมหมด ได้เกิดมาเป็นคนในชาติใหม่
ก็ยังต้องฆ่าตัวตายซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้นอีกนับร้อยชาติเลย
เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด อย่างมหันต์ที่สุดเลยก็ว่าได้
หญิงสาวคนหนึ่งเธอร้องไห้มาทั้งคืน
เพราะปัญหาชีวิตและน้อยใจ ผู้ชายแสนดีที่เธอรักมากที่สุด
ไม่ยอมมาหาเธอตอนตีสองทั้งๆที่สัญญากันไว้ว่า
ถ้าเธอโทรมาเขาจะมาหาเธอทุกที่ทุกเวลา
เธอหยิบเอาปืนขึ้นมาจ่อเล็งที่หัวตั้งใจจะฆ่าตัวตาย
ทันใดนั้นแสงตะวันที่ กลับมาอีกแล้ว
ก็ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาที่เท้าของเธอ
เธอกลับ"มีสติ"ฉุกคิดขึ้นได้ว่า
ตะวันยังทำหน้าที่แวะเวียนมาส่องให้ความสว่างในยามเช้า
ให้ความหวังกับทุกชีวิต ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าเธอตายไปในวันนี้จะมีอะไรในโลกที่ดีขึ้นบ้าง?
คำตอบก็คือไม่มีใครเลยที่ได้ประโยชน์
ชีวิตที่มีค่าที่สุดจบลงอย่างไร้ค่า และบัดซบที่สุด
เธอวางปืนลงด้วยมือที่สั่นเทาเพราะได้สติ
...........ในวินาทีนั้นที่เกือบจะเป็นวินาทีสุดท้ายในชีวิตเธอ
เธอเช็ดน้ำตาลุกยืนขึ้นมาใหม่ แก้ปัญหาชีวิตด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็ง
เก็บประสบการณ์ที่เลวร้ายมาเล่าสู่แก่คนอื่นๆที่ท้อแท้ชีวิตและคิดสั้น
และเธอก็กลับมาประสบความสำเร็จในชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง
ในระยะเวลาไม่นานนัก
ธรรมะคือธรรมชาติที่เป็นจริง
เหมือนคนตาดีที่เคยเห็นช้างแล้ว
ต่อให้คลำตรงไหนก็เป็นช้างวันยังค่ำ
แต่ปกติเราเป็นพวกตาบอดคลำช้าง
เพราะว่าไม่มีใครรู้อะไรมาแต่กำเนิด
ถ้าขยันคลำไปทุกๆวัน ไม่ยอมหยุด
เราอาจถูกช้างขี้ใส่บ้าง เยี่ยวใส่บ้าง
เอางวงเอาหางฟาดใส่บ้าง ถ้ารุนแรงอาจถูกช้างเตะเข้าให้บ้าง
ถ้าโชคดีก็คงไม่ถึงตาย
แต่ที่สำคัญ อย่าด่วนใจเซาะตัดช่องน้อยแต่พอตัว หนีลาโลก ลาช้างไปเสียก่อน
ที่จะพบความจริงเป็นอันขาด
สุดท้ายเราก็จะสรุปได้เองว่า
ช้างรูปร่างเป็นอย่างไร?
ชีวิตที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร?
มีสุขบ้าง มีทุกข์บ้าง อ่อนแอบ้าง เข้มแข็งบ้าง
มีแต่เราที่ปฏิเสธมัน เกลียดทุกข์วิ่งหาสุขตลอดเวลาจ้าละหวั่น
บางคนก็ช่างโชคดีที่เกิดมามีแต่ความสุข แต่ก็ถือว่าโชคร้าย
ที่ไม่ได้เจอทุกข์ มีทุกข์น้อยจนขาดภูมิคุ้มกันชีวิต
กลายเป็นพวกทุกข์ง่ายสุขยากไปเลย
วันใดที่เราเปิดใจมองช้างตัวนั้นอย่างมีสติ
เราก็จะพบว่าทุกอย่างที่เราเจอในชีวิตนั้น
มันก็ให้"ความจริง"กับเราได้เหมือนกันทุกเรื่องราว
คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีตัวตนของเราหรือของใคร
ที่อยู่ในอำนาจ ให้เราบังคับมันได้จริงๆสักเรื่องเดียว
เราอาจบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวได้
แต่เราบังคับมันไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ และไม่ให้ตาย เป็นไปไม่ได้
เราอาจบังคับให้คิดหรือมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ชั่วคราว
แต่เราบังคับไม่ให้มันอยู่นิ่งๆ ไม่คิด ไม่นึก ไม่รู้สึก ไม่ทุกข์ร้อน เป็นไม่ได้
มา เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง มองชีวิตในแง่ที่เป็นความจริง
สะสมประสบการณ์ มายอมรับความจริงของมัน
เพื่อการปล่อยวางชีวิต
ให้ว่างเบาสบายและมีความสุขกันเถิดนะครับ
ตอนนี้มี Interview The Blogger วนารักษ์ ที่่บ้านน้องริน Rinsa Yoyolive ให้อ่านกันแล้ว
คลิ๊กที่ลิงค์ได้เลยครับ
Interview the blogger วนารักษ์
มีความในใจของ จขบ. ให้อ่านด้วยครับ ห้ามพลาด
ยิ้มกันหน่อย คุยกันนิด
ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่านให้กำลังใจติชม
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกทุกๆคนที่ยังไม่ลืมกัน
ขอบคุณกระทู้ดีๆจากคุณต่อ
ขอบคุณน้องเป็ดสวรรค์ที่ดำเนินงานตะพาบทุกๆครั้ง
ขอบคุณที่โลกนี้ยังมีวันใหม่ให้เรา เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
Create Date : 04 กันยายน 2556 |
|
86 comments |
Last Update : 12 กันยายน 2556 21:32:04 น. |
Counter : 3279 Pageviews. |
|
|
|
กลับมาแล้วค่ะ
มาเป็นอันดับต้นเลยวันนี้555
อ่านแล้วรู้สึกถึงกำลังใจเชียวค่ะ
ชีวิตคนก็เป็นแบบนี้ และหลายคนที่คิดสั้นเพราะ ขาดสตินะค่ะ
ต้องใช้ธรรมะ ค่ะคุ้มครองได้
เดียวพี่มาอ่านรายละเอียดอีกรอบ
วันนี้งานเข้าพอดี แวบเจ้านายมาส่งงานก่อนนะค่ะ เข้าไปเห็นของคุณอ๋า จึงรีบมาจองที่ค่ะ
แต่แหมยังไม่ทันคุณฟ้าใสนะค่ะ
***แอบอ้างอิง หน่อย555**