ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 115 โกรธ
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 115 โกรธ โจทย์โดยน้องต่อ toor 36 จากบล็อกการ์ตูนยอดเยี่ยมของเรานี่เอง ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า"นับหนึ่งถึงสี่แล้วลาทีความโกรธ" นับหนึ่งถึงสี่แล้วลาทีความโกรธ ถ้าถามถึงการแสดงความโกรธแล้ว ความรู้สึกของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน คนที่โกรธบ่อยๆจนเคยชิน แต่อยู่ในตำแหน่งเจ้าของบริษัท หัวหน้าหน่วยงาน หรือพ่อบ้านแม่บ้านที่ชอบดุด่าเพื่อระบายความโกรธกับคนในครอบครัว หรือคนที่มีพวกมากด่าว่ารังแกคนที่พวกน้อย หรือฐานะด้อยกว่าตัวเอง คงรู้สึกว่าสะใจ พอใจ ที่จะโกรธและอยากจะโกรธบ่อยๆ เพื่อจะได้แสดงพลัง แสดงความมีอำนาจ แสดงความเป็นผู้ชนะ อันเป็นสัณชาตญาณการควบคุมสัตว์ในฝูงของจ่าฝูง มากกว่าที่คนจะแสดงต่อคนด้วยกันอย่างมีน้ำใจไมตรี คนที่อยู่ในลักษณะเช่นนี้ยังไม่เรียกว่าเป็นคนที่สมบูรณ์ เพราะยังมีจิตใจที่ยังต่ำกว่ามาตรฐานความเป็นคนอยู่ไกลมาก แต่คนที่ถูกด่าว่าเป็นประจำกลับต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสเลยทีเดียว เหมือนที่พระท่านว่า ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมผูกใจเจ็บ เป็นการทำกรรมเวรให้เกิดขึ้นกับตัวเองโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าคุณจะชอบแสดง"ความโกรธ"หรือคุณ"เป็นกระโถนที่รองรับความโกรธ" เรามานับหนึ่งถึงสี่แล้วลาทีความโกรธ ที่มาทำร้ายจิตใจให้หายแบบปลิดทิ้งกันดีกว่านะครับ ^^นับ๑.เหตุผลที่สมควรโกรธไม่มี สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิตได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า ความโกรธเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน มักมีสาเหตุมาจากความคับข้องใจ ความหงุดหงิดรำคาญ จากการถูกรบกวน ถูกคุกคาม ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ตลอดจนความสูญเสียความผิดหวัง ความอิจฉาริษยา ความรู้สึกว่าตนเองโชคร้าย หรือแม้กระทั่งความกลัว เป็นธรรมดาที่ความรู้สึกในเชิงลบ ทำให้คนเรารู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ พระท่านว่า ความโกรธมีรากที่เป็นพิษแต่มียอดหวาน หมายความว่าในเบื้องต้น ความโกรธจะแสดงพิษสงต่อจิตใจ ทำให้หงุดหงิด เร่าร้อน เดือดดาล จึงต้องรีบระบายความหงุด หงิด เร่าร้อน เดือดดาลออกไปโดยเร็ว ด้วยการด่าว่าทุบตีหรือทำลายบุคคล หรือสิ่งของ ที่เป็นต้นเหตุให้โกรธ เมื่อได้ทำจนสาแก่ใจแล้ว ในบั้นปลายจะรู้สึกโล่งใจ สบายใจ จึงเรียกว่ามียอดหวาน พระสารีบุตรได้แสดงขั้นตอนของความโกรธอย่างละเอียดดังนี้ ๑. ทำจิตให้ขุ่นมัว ๒. ทำให้หน้าเง้าหน้างอ หน้าบูดหน้าเบี้ยว ๓. ทำให้คางสั่น ปากสั่น ๔. เปล่งผรุสวาจา (คำหยาบ) ๕. เหลียวดูทิศต่าง ๆ เพื่อหาท่อนไม้ ๖. จับท่อนไม้และศาสตรา ๗. เงื้อท่อนไม้และศาสตรา ๘. ให้ท่อนไม้และศาสตราถูกต้อง (ผู้อื่น) ๙. ทำให้เป็นแผลเล็กแผลใหญ่ ๑๐. ทำให้กระดูกหัก ๑๑. ทำให้อวัยวะน้อยใหญ่หลุดไป ๑๒. ทำให้ชีวิต (ผู้อื่น) ดับ ๑๓. ฆ่าผู้อื่น แล้วจึงฆ่าตน (ความโกรธขั้นสูงสุด) ความโกรธเป็นต้นเหตุของพาดหัวข่าว"ฆาตกรรม" ในหน้าหนังสือพิมพ์กันบ่อยที่สุดอีกด้วย เพื่อนฆ่าเพื่อน ชายฆ่าหญิงที่นอกใจ น้องฆ่าพี่ ลูกฆ่าพ่อแม่ ๆลๆ ขณะที่เราโกรธร่างกาจจะขับสารอะดรีนาลินออกสู่กระแสโลหิต สารนี้จะกระตุ้นประสาท ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ ความดันโลหิตสูงขึ้น มือสั่น ปากสั่น ภูมิคุ้มกันร่างกาย รวมทั้งการกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติก็ลดลง นอกจากควบคุมร่างกายไม่ได้แล้วยังขาดสติและความยับยั้งชั่งใจ ร่างกายทำงานหนักมากขึ้นก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ความดัน โรคมะเร็ง หน้าแก่แก่ก่อนวัย เกิดความเจ็บป่วยตามมาอย่างรวดเร็ว คนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วถ้าโกรธจัดหัวใจอาจขาดเลือดเฉียบพลันเสียชีวิตได้ทันที หรือการเก็บอารมณ์โกรธไว้โดยไม่ยอมปล่อยวาง อาจส่งผลให้เกิดความผิด ปกติทางจิตใจ คือเป็นโรคไซโคโซมาติค ( Psychosomatic ) ซึ่งส่งผลให้เกิด อาการผิดปกติทางร่างกาย เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร อุจจาระเป็นเลือด หรือเป็นโรคผิวหนังบางอย่าง คำพูดในขณะโกรธอย่างขาดสติยังทำลายความความสัมพันธ์อันดีงาม ระหว่างสามีภรรยา ลูกๆ พี่น้อง เพื่อนรัก เพื่อนร่วมงาน อย่างยากที่จะประสานสนิท แนบแน่นดังเดิมอีกด้วย ผมเคยซื้อของที่พ่อค้าแม่ค้าขี้โกรธ ซักถามก็แสดงหงุดหงิดรำคาญอย่างชัดเจน แล้วแสดงกิริยากวนลูกค้าที่ต้องการข้อมูลจริงๆ ผมแทบอยากวิ่งหนีออกจากร้าน เลยทีเดียวเพราะรู้สึกว่าเหมือนเรามาง้อซื้อของเขาทำไมกัน ร้านอื่นก็มีขายเยอะแยะ คนที่เราโกรธ ถึงเขาจะผิดจริง เราโกรธเขา ด่าว่าเขา เขาก็โกรธเรา ด่าว่าเราตอบ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่มีทางที่ใครจะยอมรับว่าตัวเองผิดแล้วขอโทษ ด้วยกิริยาที่แสดงความโกรธแบบนั้น สุดท้ายก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะฉะนั้นเหตุผลที่สมควรโกรธนั้นไม่มี ถ้าจะมีก็คือความสะใจที่จะทำร้ายผู้ที่เราโกรธ และเผาตัวเราเองให้หมกไหม้ในกองไฟไปด้วยกันเท่านั้นเอง ความโกรธนี้เหมือนปีศาจร้าย"ที่กินความโกรธ"นั่นเองเป็นอาหาร ยิ่งโกรธบ่อย โกรธเก่ง โกรธได้ไวเท่าใด ปีศาจร้ายก็ยิ่งสิงร่างเราได้ไวขึ้นเท่านั้น จนสุดท้ายเราและปีศาจความโกรธ รวมเป็นตัวเดียวกันจนแยกไม่ออกเลยก็ว่าได้ หน้าตา ท่าทาง บุคลิกของเราคือ"ปีศาจร้าย"แสดงอาการก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ตาขวาง แถมยังกลิ่นเหม็นจนคนอื่นทนไม่ไหว ไม่อยากเฉียดเข้าใกล้แม้แต่น้อย แต่ปีศาจร้ายจะค่อยๆลดความรุนแรงและความเลวร้ายลงถ้าเราลดค่อยๆ ลดความโกรธที่เป็นอาหารที่มันกินเป็นประจำนั่นเอง เราจึงจะไม่ถูกมันสิงจนออกนอกหน้าจนเกินไป พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า บุคคลฆ่าความโกรธได้ย่อมนอนเป็นสุข ฆ่าความโกรธได้ย่อมไม่เศร้าโศก ดู ก่อนพราหมณ์ พระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมสรรเสริญการฆ่าความโกรธ อันมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน"นับ๒.อภัยให้โกรธหลุดจากใจ เราโกรธคนอื่นเพราะ เขาด่าเรา ทำร้ายเราให้เจ็บตัว เหมือนเขาเอามีดมากรีดเราเป็นแผลเล็กๆ แต่เราเก็บความโกรธนั้นไว้ด้วยการกำมีดไว้เล่มนั้นไว้แน่น แล้วจ้วงแทงเข้าไปที่ใจของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความโกรธอาฆาตพยาบาตชิงชัง เขาอาจเพียงทำให้เราไม่พอใจด้วยความพลั้งเผลอไม่ตั้งใจ หรือเราอาจโกรธเพราะเขาไม่ได้ดั่งใจเราแค่นั้นเอง ถ้าคิดสักนิดว่าคนเรานั้นเกิดมาแตกต่างกันทั้งสติปัญญา ความคิดความอ่านและอารมณ์ ถ้าเขาไม่ชอบเรา ทำร้ายด่าว่าเราด้วยความเข้าใจผิด ก็เป็นสิ่งที่เราควรให้อภัยและสงสารเขามากกว่า ถ้าเราอาฆาตจองเวรก็จะเป็นกรรมให้ต้องตามจองล้าง จองผลาญ กันไปทุกๆชาติไม่จบไม่สิ้น สิ่งที่เขาทำกับเราขอให้เป็นผลกรรมที่เขาจะต้องถูกชำระด้วยบาปของเขาเองไม่มีความผิดใดไม่ว่ามากหรือน้อยแค่ไหน ที่เราให้อภัยไม่ได้ เพราะทุกคนก็ย่อมต้องทำผิดพลาดกันได้ และเราไม่ต้องการให้จิตใจของเราจมอยู่กับโกรธชิงชัง ความแค้นเคืองใจไปตลอดชีวิตนั่นเอง ปล่อยมีดเล่มนั้นเสียเถิดนะครับ ทุกเรื่องมันจบไปนานแล้ว จะหาใคร เหมาะใจ ที่ไหนเล่า ตัวของเรา ยังไม่ เหมาะใจหนา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้ล่วงหน้า เสียก่อน ไม่ร้อนใจ (อุทานธรรม)นับ๓.ลับอาวุธ อาวุธเล็กๆที่สำคัญได้แก่ความคิด ที่สะกัดกั้นความโกรธไม่ให้ลุกลามไป เช่น การมองเขาพฤติกรรมเขาในแง่บวก มองความดีของเขาที่มีอยู่ ที่เคยทำมาในอดีตกับเรา มองชีวิตในแง่ที่ย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ มองเห็นความโกรธจากการถูกด่าหรือถูกนินทา เป็นเพียงลมปากไม่สามารถทำใครให้เจ็บได้จริงๆ เราโกรธเพราะทิฏฐิมานะ อัตตาตัวตนของเรามากเกินไปหรือเปล่า ดังสุภาษิตที่ว่า อันนินทา กาเล เหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำ เหมือนเอามีด มากรีดหิน แม้องค์พระ ปฏิมา ยังราคิน คนเดินดิน หรือจะสิ้น คนนินทา (สุนทรภู่) "วิธีที่ดีที่สุด(ในการแก้ความโกรธ)ก็คือ การแก้ที่ใจนั่นเอง โบราณท่านว่าไว้ กิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด ก็ล้วนเกิดที่ใจทั้งสิ้น ถ้าเราห้ามใจมิให้เกิดกิเลสตัณหาได้ ความผิดใดๆ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เปรียบได้กับการโค่นล้มต้นไม้ที่มีพิษ ต้องขุดรากถอนโคนให้หมดสิ้น ไม่ใช่ค่อยๆ ลิดกิ่งปลิดใบ ซึ่งไม่ทันการ สรุปแล้ว การแก้ที่ใจ จึงจะเข้าถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องได้อย่างแท้จริง เพียงเกิดความรู้สึกว่าจะทำผิด ก็รู้สึกตัวเสียก่อนแล้วด้วยสติสัมปชัญญะ ความ ผิดจึงเกิดขึ้นไม่ได้ นี่คือการยับยั้งชั่งใจที่ต้องอบรมบ่มเพาะ ให้สติประคองใจเราไว้ตลอดเวลา (จากหนังสือโอวาทสี่ ท่านเหลี่ยวฝาน) การแก้ที่ใจคือการตั้งปณิธานแน่วแน่เอาไว้ในใจก่อนว่าจะไม่โกรธ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม โดยมีสติสัมปชัญญะเป็นอาวุธสำคัญที่เราใช้สู้กับความโกรธนั่นเอง ด้วยการเห็นโทษของความโกรธดังที่กล่าวมาแล้ว เรายอมให้คนพาลดูหมิ่นว่า"โง่เง่าไม่ยอมสู้คน" แต่เรากลับมีความภูมิใจและสุขใจ ที่สามารถ"เอาชนะความโกรธอันเป็นชัยชนะในสงครามที่เอาชนะได้ยากยิ่ง"ดีกว่า ชนะได้แต่แพ้ใจตัวเอง จะมีประโยชน์อะไรนักหนา วันหลัง"ปีศาจความโกรธ"ของเรา ก็ยิ่งทวีกำลังแรงขึ้น ใจที่มีความโกรธประทุขึ้นบ่อยๆจะมีความสุขได้อย่างไร ความโกรธนั้นเหมือนไฟโหมลุกไหม้แล้วดับไปในเวลาไม่นาน อาจเป็นเพียงกองไฟกองเล็กๆที่ถูกจุดขึ้นจาก จากความคิดสะกิดใจเล็กๆน้อยๆ ถ้ามีสติสัมปชัญญะก็สามารถดับไฟกองเล็กนั้นได้ในไม่ช้า แต่ถ้าขาดสติ ไฟกองเล็กก็จะลุกลามกลายเป็นกองไฟบรรลัยกัลป์ ทำลายชีวิตของผู้อื่นและตัวเองได้ในที่สุด เวลาที่เราโกรธง่ายคือเวลาที่เรามีสติอ่อนแอ เช่นเวลาที่เราอ่อนเพลีย อดนอน หิว ทำงานที่ใช้สมาธิเป็นเวลานานจนเคร่งเครียด ที่แย่ที่สุดคือการดื่มสุรา เสพยาเสพติด สามารถฆ่าผู้อื่นได้เพราะเป็นการขาดสติยับยั้งชั่งใจอย่างสิ้นเชิง ขอยกเรื่องในพระไตรปิฎกที่เกี่ยวกับความโกรธมาให้อ่านกันสักหนึ่งเรื่องนะครับการระงับความโกรธ อุปมาด้วยเลื่อย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับภิกษุทั้งหลาย ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า เอาเลื่อยที่มีที่จับทั้งสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ในเหตุนั้น ภิกษุรูปใดมีใจคิดร้ายต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุรูปนั้นไม่ชื่อว่า เป็นผู้ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไม่ได้นั้น ภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตาไม่มีโทสะภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น (กกจูปมสูตร ๑๒/๒๗๒) เย็นวันหนึ่ง พระปุณณะได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระโอวาทย่อ เพื่อนำไปปฏิบัติ พระองค์ก็ตรัสสอนให้ละความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่ถูกต้องกาย) และธรรมารมณ์ (สิ่งที่ใจคิด) จากนั้นตรัสถามพระปุณณะว่าจะไปอยู่ที่ไหน ป. ชนบทชื่อว่าสุนาปรันตะ พ. ชาวสุนาปรันตะเป็นคนดุร้าย หยาบช้า ถ้าเขาด่า เธอจะคิดอย่างไร ป. ยังดีที่เขาไม่ทุบตีด้วยฝ่ามือ พ. ถ้าเขาทุบตีด้วยฝ่ามือ เธอจะคิดอย่างไร ป. ยังดีที่เขาไม่ขว้างด้วยก้อนดิน พ. ถ้าเขาขว้างด้วยก้อนดิน เธอจะคิดอย่างไร ป. ยังดีที่เขาไม่ตีด้วยท่อนไม้ พ. ถ้าเขาตีด้วยท่อนไม้ เธอจะคิดอย่างไร ป. ยังดีที่เขาไม่ตีด้วยอาวุธ พ. ถ้าเขาตีด้วยอาวุธ เธอจะคิดอย่างไร ป. ยังดีที่เขาไม่ปลิดชีพเราเสียด้วยอาวุธอันมีคม พ. ถ้าเขาปลิดชีพเธอเสียด้วยอาวุธอันมีคม เธอจะคิดอย่างไร ป. มีบางคนต้องการฆ่าตัวตาย ต้องเที่ยวแสวงหาอาวุธอันมีคม เราไม่ ต้องแสวงหา ก็ได้อาวุธอันมีคมสำหรับปลิดชีพแล้ว เมื่อพระปุณณะตอบอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสสรรเสริญ ความรู้จักข่มใจของพระปุณณะหลังจากพระปุณณะไปอยู่ที่สุนาปรันตชนบทแล้ว ก็สามารถทำให้ชาวสุนาปรันตะจำนวนหนึ่งกลับใจแสดงตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา ต่อมาท่านก็ได้เป็นพระอรหันต์ในพรรษานั้นเองลาทีความโกรธ เมื่อเราพร้อมแล้วก็ตั้งใจอธิษฐานจิตตั้งสัจจะวาจากับตนเอง ว่าจะไม่โกรธตอบคนที่ทำให้เราโกรธ เราจะดูแลรักษาใจเราให้ดี ขอให้เพื่อนๆทุกคนมีแรงบันดาลใจในการที่จะไม่โกรธตอบต่อคนที่มายั่วยุเรา ในข้อนี้ไม่มีคำแนะนำมากนัก นอกจากอยากที่จะเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังสักเล็กน้อยเป็นแนวทาง ทุกๆปีตรงกับวันเกิด ผมจะตั้งใจทำสิ่งดีๆให้กับตัวเองเสมอๆ ซึ่งทำได้บ้างไม่ได้บ้างตามแต่ภาระหน้าที่ที่มีมาไม่ขาดสาย บังเอิญในวันเกิดปีนี้ ผมก็เพิ่งจะตั้งใจว่า"จะไม่โกรธ"เป็นครั้งแรก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นงานยากกว่าทุกๆเรื่องที่เคยอธิษฐานมา ถึงแม้ว่าปกติผมไม่ใช่คนที่โกรธง่ายเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนเฉยๆซะมากกว่า แต่จากที่สังเกตตัวเองในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเวลาขับรถ รู้สึกว่าจะเห็นความโกรธเกิดขึ้นบ่อยมากๆโกรธคนที่ขับรถแบบเห็นแก่ตัว ปาดแซงทำให้คนอื่นเสียเวลา หรือขับรถประมาททำให้เสี่ยง ต่อการเกิดอุบัติเหตุ รู้สึกว่าเวลาโกรธแล้วการขับรถของเราก็แย่ลงมาก แต่หลังจากตั้งใจที่จะไม่โกรธและทำต่อเนื่องมาหลายเดือนก็พบว่า การตั้งใจที่จะไม่โกรธที่ดูเหมือนยาก ก็ไม่ยากอย่างที่คิด จากที่เคยโกรธหงุดหงิดใจง่ายๆก็จะพบว่าค่อยๆลดลง สติก็จะเกิดไวขึ้น อะไรที่ทำให้โกรธเราก็คอยระวังไว้ ผ่านมาสักระยะพบว่าเวลาทำงานก็มีความหงุดหงิดเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยๆอีกด้วย เพราะความเครียด ความเหนื่อย ความล้าและความไม่ร่วมมือของผู้ช่วย คนไข้ ยิ่งเห็นความโกรธได้บ่อยเพียงใด ก็แสดงว่าสติเราทำงานเร็วขึ้นแล้ว ผ่านไปไม่นานก็รู้สึกว่าจิตใจของเราก็จะเบาสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อุปนิสัยขี้โกรธก็จะค่อยๆห่างไปจากตัวเรา พอเห็นว่าจะโกรธก็มีความรู้สึกเหนื่อยที่จะโกรธมาแทนที่ หลังจากนับหนึ่งถึงสามแล้วแล้วก็หวังว่าเพื่อนๆจะเริ่มนับสี่ คือเริ่มต้นลดละความโกรธในใจกันตามวันดีๆ เช่นปีใหม่หรือวันเกิด วันเข้าพรรษาหรือวันอื่นๆที่เพื่อนๆคิดได้ และหวังว่าเมื่ออ่านบทความนี้แล้ว เพื่อนๆคงได้แง่คิดดีๆไว้สู้กับข้าศึกภายในของเรากัน จะได้มีรอยยิ้มแจ่มใสจากข้างในกันทุกๆคนนะครับ ^^ เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์ ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจติชม ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกที่ยังไม่ลืมกัน ขอบคุณโจทย์ดีๆจากน้องต่อ ขอบคุณน้องเป็ดสวรรค์ที่จัดงานตะพาบทุกๆครั้ง ขอบคุณความโกรธที่ทำให้ชีวิตเรามีความอดทนมากขึ้น
Create Date : 08 ตุลาคม 2557
Last Update : 16 ตุลาคม 2557 8:32:36 น.
77 comments
Counter : 2669 Pageviews.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:17:14:44 น.
โดย: multiple วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:18:31:55 น.
โดย: lovereason วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:21:18:07 น.
โดย: peeamp วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:21:28:37 น.
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:21:42:29 น.
โดย: mastana วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:22:19:47 น.
โดย: ชีริว วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:1:41:49 น.
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:8:36:58 น.
โดย: mastana วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:9:53:01 น.
โดย: mastana วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:9:59:39 น.
โดย: multiple วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:10:22:28 น.
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:12:58:11 น.
โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:15:09:09 น.
โดย: mambymam วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:20:21:29 น.
โดย: pantawan วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:22:52:29 น.
โดย: mambymam วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:0:04:42 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:1:02:01 น.
โดย: multiple วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:5:01:46 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:6:58:47 น.
โดย: tanjira วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:11:07:01 น.
โดย: พรไม้หอม วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:11:33:54 น.
โดย: lovereason วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:21:58:39 น.
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:22:13:25 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:22:58:49 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:23:41:54 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:7:07:38 น.
โดย: T-H-F-C วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:16:02:53 น.
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:20:31:57 น.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:21:09:01 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:23:04:02 น.
โดย: mambymam วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:23:04:44 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:23:20:24 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:23:56:26 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:6:43:40 น.
โดย: multiple วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:12:20:49 น.
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:16:18:06 น.
โดย: tanjira วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:16:30:04 น.
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:19:13:29 น.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 12 ตุลาคม 2557 เวลา:21:51:57 น.
โดย: mambymam วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:4:04:17 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:6:39:16 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:9:27:51 น.
โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:10:37:33 น.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:16:02:23 น.
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:16:19:33 น.
โดย: พรไม้หอม วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:18:31:56 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:22:11:24 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:22:23:12 น.
โดย: anigia วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:22:33:49 น.
โดย: mambymam วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:22:35:29 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:23:02:56 น.
โดย: ชีริว วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:23:58:36 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:6:56:48 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:7:01:00 น.
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:8:13:30 น.
โดย: tanjira วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:9:19:00 น.
โดย: คมไผ่ วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:11:00:35 น.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:15:27:31 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:16:25:30 น.
Location :
ปราจีนบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [? ]
ขอต้อนรับสู่บล็อกเล็กๆแห่งนี้มีมิตรภาพและความจริงใจให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน ^^ บทความและรูปภาพนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน พร้อมทั้งขอมอบเป็นน้ำใจกับเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามา สามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ได้ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าซึ่งต้องขออนุญาตก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อนบางคนมาครั้งเดียว นานๆมาที มาไม่บ่อย มาบ่อยๆ บางคนมาเยี่ยมทุกวันให้ชื่นใจ บางคนเคยมาทุกวัน บางคนเคยมานานแล้ว บางคนหายไปจากบล็อก บางคนก็จะไม่แวะมาทักทายกันอีก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเก็บความรู้สึกดีๆที่มีให้กันไว้ตราบนานเท่านาน เพราะเมื่อรักกันแล้วย่อมเข้าใจกันได้ไม่ยาก จขบ.เป็นคนซื่อๆง่ายๆจริงใจ ไม่มีเจตนาแอบแฝงในการทำบล็อก แต่บทความหรือรูปภาพก็อาจทำให้ผู้อ่านขัดใจได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของ จขบ.หรืออาจเป็นเพราะเราไม่เคยรู้จักดีพอ จึงกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความจริงใจนะครับ ^^ ฝากข้อความหลังไมค์
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31