ถนนสายนี้มีตะพาบโครงการที่ 72"บ้านเช่าหลังสุดท้าย ท้ายซอยสี่"
ถนนสายนี้มีตะพาบโครงการที่ 72"บ้านเช่าหลังสุดท้าย ท้ายซอยสี่"
โจทย์โดยน้องเป็ดสวรรค์ เจ้าชายอารมณ์ดีแห่งราชวงศ์กูลิโกะที่สาบสูญไปแล้วนั่นเอง
โจทย์ให้เขียนอย่างไรก็ได้ตามใจปราถนา
ขอให้ชื่อตอนนี้ว่า
สัญญาว่าจะรักเธอนั้นนิรันดร
สัญญาว่าจะรักเธอนั้นนิรันดร
หลังจากงานประมูลสินค้าเพื่อหาเงินเข้าองค์กรการกุศล
ข้าพเจ้าได้ประมูลเปียโนเก่ามาได้ตัวหนึ่ง
ซึ่งมีประวัติเป็นของเศรษฐีหนุ่มที่เพิ่งเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร
และท่านยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดในงานประมูลวันนั้นด้วย
เมื่อกลับมาบ้านข้าพเจ้าจึงลงทำความสะอาดและเปิดฝาด้านบน
พบว่ามีซองกระดาษสีน้ำตาลบรรจุกระดาษที่เขียนด้วยลายมือ
อยู่หลายหน้ากระดาษ ข้าพเจ้าจึงเปิดออกอ่านด้วยความอยากรู้
ถึงหนูแดงที่ผมรักคนเดียวในโลก
ผมยังจำได้ดี........
ที่บ้านเช่าหลังสุดท้าย ท้ายซอยสี่
มันเป็นบ้านเช่าของครอบครัวผมที่ติดกับคฤหาสน์สีขาว
หลังใหญ่ที่สุดในละแวกนั้น
เธอเป็นดั่งนางฟ้าในใจของผม
ทุกๆวันผมจะได้ยินเสียงเปียโนอันแสนไพเราะร่าเริงสะอาดบริสุทธิ์
จากปลายนิ้วของเธอ เพลงบัวขาวนั่นเอง
เห็นบัวขาวพราวอยู่ในบึงใหญ่...ผมเผลอเอาเสียงแหบเหมือนเป็ดเทศ
ร้องคลอเสียงเปียโนไปด้วยทุกครั้ง ที่ได้ยินเสียงสวรรค์นั้น
แม่ผมรับจ้างเป็นแม่บ้านทำความสะอาดบ้าน
กว่าจะกลับบ้านก็ค่อยข้างมืดแล้ว
ตอนเย็นๆผมจึงมีเวลาที่จะเดินเล่นหรือทำอะไรก็ได้
ตอนนั้นผมยังเรียนมัธยมอยู่อายุเพียง 14 ปี อยู่ ม.2เทอมปลาย
ผมเคยเห็นคุณหนูแดงเจ้าของเสียงเปียโนในระยะใกล้ที่สุดแค่
ประมาณ 100 เมตร เพราะความใหญ่โตของบ้านเธอ
ที่ห่างจากบ้านเช่านั่นเอง แต่ผมก็แอบชอบเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
เหมือนสวรรค์มีตา ฟ้าดินเป็นใจ
แล้ววันหนึ่งผมก็ได้คุยกับเธอผู้เป็นนางฟ้าในใจของผม
เมื่อลูกสุนัขของเธอวิ่งซุกซนแอบรอดรั้วออกมา
วิ่งเล่นที่ลานหน้าบ้านเช่าที่ผมอยู่
นี่เธอช่วยส่งลูกหมาของฉันคืนมาให้หน่อยซิ
เสียงคุณหนูแดงช่างหวานไพเราะ ปานน้ำผึ้งเดือนห้า
ผมส่งลูกสุนัขให้เธอพร้อมรอยยิ้มฉีกกว้างจนเกือบถึงหู
ผมๆๆๆ...ผมชื่อนิกร ผมๆๆๆ..ชอบเสียงเปียโนเพลงบัวขาวมากๆ
คุณเป็นคนเล่นใช่ไหมครับ? ผมพูดด้วยความประหม่าและดีใจ
ใช่จ๊ะ ซ้อมไว้จะไปแสดงงานวาเลนไทน์ที่จะถึงนี่แหละ
ฉันชื่อแดงจ้า ที่บ้านเขาเรียกฉันว่า คุณหนูแดง
ขอบใจเธอมากๆนะจ๊ะ ฉันไปก่อนนะ
เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดที่ผมเคยเห็น
เธอหันซ้ายหันขวาแล้วรีบวิ่งร้อยเมตรเข้าไปในบ้าน
เพราะกลัวว่ามีคนจะมาเห็นเข้า
หลังจากนั้นมาผมก็ได้เจอคุณหนูแดงอีกหลายครั้งเพราะเจ้าหมาน้อย
สื่อกามเทพ ที่ผมชอบเอาหมูปิ้งล่อมันให้มากินที่บ้าน จนคุณหนู
ต้องมาตามบ่อยๆ แต่ทุกครั้งเราก็คุยกันได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น
ในช่วงเวลาประมาณเทอมเดียว ความรักครั้งแรกของผม
มันก็สุกงอมคาต้นเหมือนมะม่วงแก้วปากตะกร้อ ส่งกลิ่นหอมหวาน
กรอบนอกนุ่มใน หวานอร่อยอย่าบอกใครเชียว
ผมต้องให้เธอรู้ความจริงว่า"ผมรักเธอ"นี้ให้ได้
ก่อนที่ผมจะไปเรียนหนังสือต่อที่กรุงเทพฯ
ผมจึงได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
เขียนจดหมายเล่าความในใจและมอบให้เธอในวันหนึ่ง
ผมเฝ้ารอคอยคำตอบจากเธออยู่นานหลายวัน
และแล้วก่อนเดินทางไม่กี่วันเธอก็ยื่นจดหมายตอบมาให้ผม
เธอเขียนตอบมาสั้นๆเพียงว่า
ฉันก็คิดเหมือนเธอ ฉันจะรอวันที่เธอเรียนจบมาจ๊ะ
ผมได้แต่ยิ้มด้วยความดีใจเป็นที่สุด
"ผมเข้าใจถูกต้องแล้วว่า เธอก็รักผมเหมือนกัน
เหมือนสวรรค์จะเมตตา จึงจงใจลิขิตชีวิตของผมและเธอให้มาคู่กัน
ถึงเธอจะเป็นนางฟ้าและผมเป็นเพียงหมาวัดพันธุ์ทางหางด้วนตัวหนึ่ง
ผมก็ไม่ท้อแท้ต่อโชคชะตาฟ้าลิขิต
ผมมีกำลังใจที่จะไปเรียนให้จบไวๆ
ผมจะทำงานสร้างฐานะให้ร่ำรวย
แล้วผมจะรีบกลับมาขอเธอแต่งงานให้เร็วที่สุด
ความรักก่อเกิดความหวังและพลังขึ้นในใจอย่างมโหฬาร
แต่"ความรักก็ทำให้ความคิดผมแก่เกินวัยไปนับสิบปี" ^^"
เหตุการณ์ผ่านไปหลายปี ผมตั้งใจมุมานะในการเรียนจนผมไม่ค่อยได้
กลับบ้าน ได้ข่าวว่าพี่ชายของเธอเป็นนักเลง คบเพื่อนชั่ว ติดการพนัน
ติดยาเสพติด ผลาญทรัพย์สินบ้านเธอจนหมดเนื้อหมดตัว
เธอเองก็ต้องย้ายบ้านออกไปอยู่ที่อื่น ผมได้แต่ส่งกำลังใจไปให้เธอ
"ขอให้เธอไม่เป็นอะไรมากนะ" ผมห่วงเธอมาก แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น
ส่วนผมตั้งใจเรียนจนจบ แถมยังสร้างฐานะร่ำรวยในธุรกิจอย่างรวดเร็ว
จนกลายเป็นเศรษฐีในช่วงเวลาแค่สิบปี
ผมทำงานหนักอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยในธุรกิจหลายด้าน
ผมไม่เคยลืมความรักครั้งแรกของผม
ผมไม่เคยมองใครแม้เพียงหางตา
เพราะผมรักคุณหนูแดงหนึ่งเดียวในดวงใจ
แล้วในวัย 24 ปี ผมก็กลับไปบ้านด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จ
ผมตั้งใจจะไปหาคุณหนูแดงเพื่อขอเธอแต่งงานให้ได้
แต่ผมก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีใครรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน
เหลือแต่คฤหาสน์สีขาวที่ติดป้ายประกาศขายไว้ที่หน้าบ้าน
ผมเที่ยวตามหาเธอแทบพลิกแผ่นดิน แผ่นฟ้าแต่ก็หาเธอไม่พบแม้เงา
ผมจึงรีบซื้อบ้านพร้อมเปียโนของคุณหนูแดงตัวนั้น
มาเก็บไว้แทนความคิดถึงเธอ และผมย้ายเข้าไปอยู่รอเธอ
ให้เธอได้กลับมาพบผม ไม่ว่านานสักเท่าไหร่ผมก็จะรอ
เพื่อผมจะได้พบเธอและจะขอเธอแต่งงานให้ได้
แล้ววันหนึ่งผมก็ได้พบพี่ชายนักเลงของเธอในสภาพที่ผอมโซ
เนื้อตัวมอมแมมดูไม่ได้ เขามาขอเงินผมโดยอ้างว่าจะเอาไปใช้หนี้
ผมรีบให้เงินตามจำนวนที่ขอพร้อมฝากจดหมาย
เพื่อไปให้คุณหนูแดงเพื่อที่เราจะได้แต่งงานอยู่ด้วยกัน
ผมเฝ้ารออยู่นานนับเดือน จดหมายก็กลับมาเนื้อความในจดหมาย
แทบทำให้ผมช็อคสิ้นสติ
ถึงคุณนิกร
นานเหลือเกินนะที่เราไม่ได้พบกัน ฉันดีใจที่ได้ข่าวจากคุณ
และดีใจกับคุณด้วย ที่คุณมีความพยายามจนสามารถเรียนจบ
แถมยังสร้างฐานะอย่างมั่นคงในช่วงวัยที่ยังหนุ่มแน่นอยู่เช่นนี้
ฉันต้องขอโทษคุณด้วยที่ไม่สามารถมาพบและทำตามที่คุณขอร้องได้
เพราะพ่อแม่ของฉันได้หมั้นหมายเนื้อคู่ให้ฉันตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด
ด้วยซ้ำไป
หลังจากสมบัติในบ้านฉันหมดสิ้นไป
ฉันก็ได้แต่งงานและไปอยู่กับคู่หมั้น
เราแต่งงานและมีลูกด้วยกันสองคนเป็นหญิงทั้งคู่
ถึงแม้เขาจะเป็นคนไม่ดีและทิ้งฉันไปมีหญิงคนอื่น
ฉันก็ยังรักลูกทั้งสองของฉันดุจแก้วตาดวงใจ
ชีวิตนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกนอกจากการที่จะได้อยู่กับแก
ดูแลแก และเห็นแกค่อยๆเติบโตขึ้น
ฉันตั้งสัจจะในใจไว้ว่าชีวิตฉันนั้นจะทำเพื่อลูก
ฉันจะไม่แต่งงานกับใครอีก ฉันจะไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด
และฉันคิดเสมอว่าฉัน"เข้มแข็งพอ"และสามารถดูแลตัวเองและลูกๆได้
ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาลำบากดูแลคนมีเรือพ่วงอย่างฉัน
คุณนิกร ฉันอยากบอกความจริงเธอมานานแล้ว
ฉันกลัวเธอจะเสียใจ
และไม่มีกำลังใจที่จะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ
ฉันพยายามหักใจทุกครั้งที่เริ่มจะชอบเธอเพราะมันเป็นไปไม่ได้
เธอนั้นเป็นคนรักคนแรกของฉัน ฉันนั้นก็รักเธอมากนะนิกร
แต่ชีวิตของเราไม่ได้เป็นของเราเพียงคนเดียว
พ่อแม่คือเจ้าของชีวิตที่แท้จริง ฉันไม่กล้าทำสิ่งที่ทำให้ท่านเสียใจ
ฉันไม่กล้าทำให้ลูกๆฉันไม่สบายใจที่จะมีพ่อคนใหม่
สุดท้ายนี้ฉันหวังว่าเธอจะได้พบเจอผู้หญิงที่ดีพร้อมและเหมาะสม
กับคนดีๆอย่างเธอ
ลาก่อนชาตินี้ชาติหน้าถ้ามีจริงเราคงได้เกิดมาคู่กัน
ตัวผมชา น้ำตาไหลพราก หัวใจผมสลายไปแล้ว
หนทางข้างหน้าผมสว่างไสว แต่ชีวิตต่อไปข้างหน้าของผมมืดมิด
เพราะไม่รู้จะก้าวไปทางไหนได้อีก
เธอผู้เป็นความหวังหนึ่งเดียวในชีวิตได้ทอดทิ้งผมไปเสียแล้ว
ความรักของเธอก็เป็นเพียงความสงสารคนจนๆคนหนึ่งเท่านั้น
เธอที่เหมือนดังดอกฟ้า เธอช่างเมตตาต่อผมเสียนี่กระไร
แต่สู้เธอเกลียดผมแต่แรกจะดีกว่า ปล่อยให้ผมอยู่ในสภาพเช่นนี้
ผมควรดีใจหรือเสียใจกับความรักความหวังดีที่เธอนั้นมีให้กันแน่
เธอผู้ที่มีความกตัญญูรักพ่อแม่ รักลูก จนไม่คิดถึงความสุขของตัวเอง
โธ่! หนูแดงของนิกรนางฟ้าคนเดียวของผม
ชาตินี้เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว?
ผมร้องไห้คร่ำครวญน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาปานว่าชีวิตจะดับสูญไป
ผมจะรักเธอจวบวันสุดท้ายของชีวิต
ผมจึงเขียนหนังสือฉบับนี้ซ่อนไว้ในเปียโนหลังเก่าตัวนี้
หวังว่าหนูแดงจะได้กลับมาพบมันเข้าและเข้าใจความรู้สึกของผม
แต่ถ้าไม่มีใครได้มาพบมันและตัวผมไม่ได้เป็นเจ้าของเปียนโนนี้แล้ว
ก็แสดงว่าผมได้จากโลกนี้ไปแล้วด้วยความตรอมใจ
ที่ชีวิตนี้เกิดมาอาภัพในความรัก
และต้องจบชีวิตลงอย่างขมขื่นและน่าเศร้าใจ
สวรรค์ใยเล่นตลกกับความรักของผมเช่นนี้
หรือเป็นบาปกรรมติดตามมาแต่ชาติไหน
จึงทำให้ผมต้องมาชดใช้กรรมในชาตินี้
ลงชื่อ นิกร ซื่อในรัก
ข้าพเจ้าอ่านจนจบบรรทัดสุดท้ายด้วยความสะเทือนใจ
ในเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นแล้วได้แง่คิดขึ้นมาว่า
ชีวิตของคนแต่ละคนนั้นสั้นเกินไปกว่าที่เราจะทำได้
สำเร็จในทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเรียน การทำงาน การมีคู่ครอง
การสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคง จนเราอาจทำได้ไม่ครบทั้งหมด
ทุกอย่างที่กล่าวมาเพราะช่วงเวลานั้นคาบเกี่ยวกัน
เช่นมีรักในวัยเรียนจนเรียนไม่จบ
หลงเพลินกับงาน จนเลยช่วงเวลาแห่งความรักไป
ทำงานสร้างฐานะจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวอย่างเต็มที่
จนครอบครัวแตกสลายไป
เวลาที่ผ่านไปทุกๆวินาทีเราไม่สามารถย้อนมันกลับมา
เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
หรือสิ่งที่ละเลยหรือไม่เห็นความสำคัญไปได้เลย
แต่เราทำปัจุบันเพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้กับตัวเองได้เสมอ
บางครั้งชีวิตเรานั้น เราไม่สามารถเลือกเกิดเลือกทางเดินชีวิตเองได้
หรืออาจจะเดินผิดหรือเลือกผิดพลาดไปบ้างตามโชคชะตาฟ้าลิขิต
เราจะเลือกที่จะใช้ชีวิต เพื่อที่จะจมอยู่กับอดีตวันแล้ววันเล่า
หรือจะลืมอดีตและเริ่มต้นทำวันนี้ให้ดีที่สุดด้วยตัวเอง
ตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนที่ได้รับมา
เพื่อสุดท้ายเราจะได้มีความภูมิใจในชีวิตที่เกิดมาชาติหนึ่งแล้ว
ไม่ได้ปล่อยเวลาในชีวิตให้สูญไปโดยไร้ประโยชน์เลย.
แต่บางคนอาจแย้งว่า
"บางครั้งการได้รักใครสักคน
การได้รู้จักความรักแท้สักครั้ง
ก็อาจคุ้มค่าแล้วที่ได้เกิดมาเป็นคน
ดีกว่าใช้ชีวิตโดยไม่เคยรู้จักรักแท้เลย"
ก็อาจเป็นไปได้นะครับ
หมายเหตุ :เรื่องนี้มีเค้าโครงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนานแล้ว
หวังว่าเพื่อนๆคงได้ประโยชน์จากแง่คิดดีๆ
ที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านเรื่องนี้นะครับ
เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์
หลังปีใหม่แล้วก็มีงานรับผิดชอบตามหน้าที่ กลับมาอีก
ช่วงนี้ จขบ. ขอลาเพื่อนๆไปสักพักหนึ่ง
แล้วเจอกันในวันงานตะพาบ วันที่ 26 มกราคมนี้นะครับ ^^
โชคดีมีชัย สบายกายสบายใจกันทุกๆคนนะครับ
Create Date : 11 มกราคม 2556 |
Last Update : 21 มกราคม 2556 21:49:46 น. |
|
17 comments
|
Counter : 2643 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตาลเหลือง วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:13:28:06 น. |
|
|
|
โดย: noname IP: 118.173.170.224 วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:14:28:05 น. |
|
|
|
โดย: วนารักษ์ วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:16:17:28 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:16:26:23 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:16:57:53 น. |
|
|
|
โดย: ธูปหอม IP: 119.42.87.95 วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:18:02:46 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:18:49:47 น. |
|
|
|
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:19:48:36 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:21:05:59 น. |
|
|
|
โดย: วนารักษ์ วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:11:23:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ปราจีนบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]
|
ขอต้อนรับสู่บล็อกเล็กๆแห่งนี้มีมิตรภาพและความจริงใจให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน ^^
บทความและรูปภาพนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน พร้อมทั้งขอมอบเป็นน้ำใจกับเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามา สามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ได้ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าซึ่งต้องขออนุญาตก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่
เพื่อนบางคนมาครั้งเดียว นานๆมาที มาไม่บ่อย มาบ่อยๆ บางคนมาเยี่ยมทุกวันให้ชื่นใจ
บางคนเคยมาทุกวัน บางคนเคยมานานแล้ว บางคนหายไปจากบล็อก บางคนก็จะไม่แวะมาทักทายกันอีก
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเก็บความรู้สึกดีๆที่มีให้กันไว้ตราบนานเท่านาน เพราะเมื่อรักกันแล้วย่อมเข้าใจกันได้ไม่ยาก
จขบ.เป็นคนซื่อๆง่ายๆจริงใจ ไม่มีเจตนาแอบแฝงในการทำบล็อก แต่บทความหรือรูปภาพก็อาจทำให้ผู้อ่านขัดใจได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของ จขบ.หรืออาจเป็นเพราะเราไม่เคยรู้จักดีพอ จึงกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความจริงใจนะครับ ^^
ฝากข้อความหลังไมค์
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อิอิ งานนี้เขียนถึง ปราจีนบุรี บ้านเก่าด้วย ไม่รู้มันจะเปลี่ยนสภาพไปขนาดไหนเเล้ว คิดถึงจังครับ
งานตะพาบ โจทย์กิโลเมตรที่ 72 นะครับบ อิอิ
บ้านเช่าหลังสุดท้าย..ท้ายซอย 4