Secret of a happy life. Eat as if you are a horse. Drink as if you are a whale.

Mollydooker Wine Dinner @Water Library Chamchuri

ชื่อร้าน : Water Library Chamchuri
รายการอาหาร : Mollydooker Wine Dinner
ที่ตั้งร้าน : Chamchuri Square, กรุงเทพมหานคร ปทุมวัน Thailand
พิกัด GPS : 13° 43' 57.44" N 100° 31' 50.23" E



Water Library เป็นเครือร้านอาหารที่เปิดร้านอาหารหลากหลายรูปแบบในกทม. โดยสาขาที่จามจุรีสแควร์นี้เป็นสาขาแรกและเป็นร้านอาหารแบบ fine dining ผมเคยเขียนรีวิว lunch set ของร้านนี้ไว้ก่อนหน้านี้ด้วยครับ







เสาต้นใหญ่ตรงกลางเป็น show case น้ำแร่จากทั่วมุมโลก เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของร้านนี้เลยครับ



วันพฤหัสที่ 20 สค.ที่ผ่านมา ทางร้านได้จัด wine dinner โดย Mirco Keller เชฟชาวเยอรมันที่ควบคุมดูแลอาหารของร้านนี้ได้ปรุงอาหารจานพิเศษขึ้นมาจับคู่กับไวน์ Mollydooker จากออสเตรเลีย เป็นอาหาร 4 คอร์สกับไวน์ 4 ชนิด ราคา 2,900B++






ผ้าเช็ดมือร้านนี้เป็นแบบ dehydrate ครับ พอหยดน้ำลงไปจะคลายตัวกลายเป็นผ้าเช็ดมือพร้อมใช้งาน เป็น performance เล็กๆกอนเริ่มมื้ออาหาร






อันนี้เป็น complimentary อันขึ้นชื่อของร้านนี้ คือครัวซองค์ชิ้นเล็กๆที่กรอบนอกนุ่มใน หอมเนย มี layer สวยและชัดเจน เสิร์ฟมาพร้อมเนยทรัฟเฟิล





complimentary bread  อีกชิ้น manitoba canadian bread เสิร์ฟมาในกระบะไม้ใส่หินร้อน นอกจาก presentastion สวยแล้วยังช่วยให้ขนมปังไม่เย็นชืดด้วยครับ ขนมปังตัวนี้เปลือกข้างนอกกรอบมากเนื้อแน่นๆแต่ฉ่ำไม่แห้ง อร่อยมาก




อาหารจานแรก
Cream of Perigord foie gras
with Pineapple, Parmesan and roasted pumpernickel

มูสตับห่านเนื้อเนียนรสเข้มข้น มาพร้อมมูสที่ทำจากชีส permasan เสิร์ฟพร้อมสัปปะรดเพื่อตัดรส
ส่วนปุยๆสีน้ำตาลเข้มที่โรยมาด้วย คือ pumpernickel เป็นขนมปังข้าว rye รสหวานเล็กน้อยที่นิยมทานกันใน Westphalia ของเยอรมัน
มีกลิ่นหอมแบบคล้ายกาแฟหรือชอกโกแลต ช่วยเสริมรสได้ดีครับ


Verdelho "The Violinist" 2012
อาหารจานแรกเสิร์ฟคู่กับไวน์ขาวเพียงขวดเดียวของมื้อนี้ "The Violinist"



ไวน์ตัวนี้กลิ่นหอมผลไม้มากๆ รสหวานและเปรี้ยวกลมกล่อม คล้ายแอปเปิ้ลและสับปะรด มีกลิ่นหอมแบบ lemon zest ค่อนข้างชัดเจน ช่วยทำให้ทานอาหารรสเข้มได้ง่ายขึ้นครับ




อาหารจานที่ 2
Seared Canadian Scallop
yellow split pea soup, bacon
จานนี้เป็นการประยุกต์จาก comfort food จากวัยเด็กของเชฟ โดยเอาหอยเชลล์ไปนาบกระทะแค่พอข้างนอกสุกแต่ข้างในดิบนิดๆคงความชุ่มฉ่ำและรสหวาน เสิร์ฟมาบนซุปถั่วyellow split peaที่ค่อนข้างข้นและอยู่ท้อง
ส่วน bacon อบกรอบที่วางมาเป็น garnish ข้างบน มีรสเข้มข้นเหมือนผ่านการ aging หรือ cured มาแล้ว ถามเชฟทีหลังถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วมันคือ chorizo ครับ



Shiraz-Cabernet-Merlot "Two Left Feet" 2012
ไวน์ที่ paired คู่กับอาหารจานหอยเชลล์ที่มาพร้อมซุปถั่วแบบข้น เป็นไวน์แดงที่ blend เอาไวน์ 3 ชนิด คือ Shiraz-Cabernet-Merlot เข้าด้วยกัน



รสโดยรวมค่อนข้างหวานปลอดโปร่ง มีลูกไม้คล้าย raspberry และหวานกลมกล่อมแบบ stone fruit อย่าง plum กลิ่มหอมหวานและติด spice อย่าง licorice หน่อยๆ
ตอนเสิร์ฟ พี่sommelier แบ่งเสิร์ฟเป็น 2 ครั้ง คือ รินให้ชิมก่อนนิดนึง แล้วค่อยเอาไวน์ขวดเดิมไปปิดฝาแล้วเขย่าแบบแค่ยกขวดกลับหัวแค่ครั้งเดียว แล้วค่อยรินให้ชิมอีกครั้ง รอบ2นี่รสหวานปลอดโปร่ง และกลมกล่อมกว่ารอบแรกครับ



ที่ตกใจอีกอย่างคือ body ของแก้วนี้ คือมันข้นมาก swirl แก้วทีนึงมีคราบเกาะเป็นทางเลย ทำให้รสชาติอยู่บนลิ้นนานเวลาที่เราดื่ม ซึ่งก็เหมาะกับ texture ข้นๆของอาหารจานนี้ครับ



เมื่อ sorbet ยกมาวางที่โต๊ะก็แปลว่า ใกล้จะได้เวลาทานอาหารจานเนื้อกันแล้ว อันนี้เป็น sorbet ทำจาก blood orange กับ buttermilk ครับ



Wagyu Beef Roulade
with beetroot, caramelized onion and pepper
อาหารคาวจานสุดท้าย เป็นเนื้อวัว wagyu แล่บางแล้วม้วนผักกรอบๆเช่นแตงกวาไว้ข้างใน
ซอสที่ราดมามีสีแดงสดใสเพราะมี beetroot เป็นส่วนผสม โดยเชฟได้ไอเดียมาจาก Borscht อันเป็นซุปของทาง Ukraine และ Russia ครับ
รสของซอสจึงมีรสเค็มและเปรี้ยวค่อนข้างจัดจ้าน เพราะ Borscht ทำจากน้ำ beetroot ที่หมักจนเกิดรสเปรี้ยว เพื่อให้รสชาติกลมกลืนกันชิ้น beetroot เล็กๆที่เป็น garnish ข้างบนก็เอาไปดองให้เกิดรสเปรี้ยวมาก่อนด้วย

ส่วนครีมสีน้ำตาลที่อยู่ข้างๆ คือ ครีมที่ทำจาก caramelized onion หรือหัวหอมที่ผัดจนเป็นสีน้ำตาล รสหวานและหอมมาก



Cabernet Sauvignon "Maitre d'" 2011
ไวน์แดงแก้วที่ 2 ที่จับคู่กับอาหารจานเนื้อ มีรสฝาดจาก tannin มากกว่าแก้วแรกอย่างชัดเจน แต่ก็ค่อนข้าง smooth และดื่มง่าย




รสหวานแบบdark fruit คล้าย blackcurrant และหอมกลิ่น spice อย่าง nutmeg และ cloves ชัดเจน เรื่อง body ก็เข้มข้นนะครับแต่ไม่เท่าไวน์แดงก่อนหน้านี้




Homemade "Tiramisu"
cherry, crumble and coffee
เดินทางมาถึงของหวาน เป็น Tiramisu สูตรพิเศษ ที่ใส่เชอร์ compote ไว้ตรงกลางเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางรสชาติและ texture เชฟเลือกใช้ crumble แทน Ladyfinger biscuit เพราะอยากได้รสสัมผัสที่ชัดเจนกว่า ซึ่งผมก็ชอบนะครับในจุดนี้ รู้สึกว่าหอมมันกว่าด้วย



Mollydooker infused mulled wine (Enchanted PATH)
ไวน์ที่เสิร์ฟคู่กับของหวาน เป็นไวน์แดงที่ทางร้านเอามาปรุงรส (mull) เอง ไวน์ Mollydooker Enchanted Path 2010 ตัวนี้ทำจาก Shiraz กับ Cabernet Sauvignon ครับ



ทางร้านเอาไวน์ไปอุ่นร้อนแล้วผสมกับเครื่องเทศ,เปลือกส้ม และวนิลลา เอาไปแช่เย็นอีกรอบ ออกมาเป็น dessert wine ฉบับทำเองที่มีเอกลักษณ์ ตัวนี้ผมชอบมากเลยครับ



ปิดท้ายด้วยชา/กาแฟที่รวมอยู่ในคอร์สของไวน๋ดินเนอร์ ผมเลือกเป็น chamomile ครับ




ความประทับใจโดยรวมของอาหารมื้อนี้ ออกมาดีงามไม่เสียชื่อแบรนด์และร้านสาขาแรก Water Library ยังคงเป็นผู้นำด้าน fine dining ในกทม.อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ ตัวเชฟมีความคิดเป็นเอกลักษณ์และกล้าพอจะเป็นตัวของตัวเอง หยิบจับอาหารและวัตถุดิบจากประสบการณ์ของตัวเองมาปรุงเป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะตัว

ไวน์ดินเนอร์จะจัดขึ้นเดือนละครั้ง แต่ไม่ได้ระบุว่าวันไหนหรือคร้ังต่ออาหารจะออกมาเป็นยังไง สามารถติดต่อทางร้านหรือตามอ่านข่าวสารได้ทางเพจของทางร้านะครับ


Water Library Chamchuri
Level 2, Chamchuri Square, Bangkok

11:30 am – 2:00 pm
6 pm – 10:00 pm

02-160-5188 / 061-852-5411



Create Date : 22 สิงหาคม 2558
Last Update : 22 สิงหาคม 2558 13:19:50 น. 0 comments
Counter : 2350 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

amenochikara
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




[Add amenochikara's blog to your web]

MY VIP Friend