BlogGang.com : : sirivinit : "โอชา" (Osha) กับเมนูไม่ธรรมดา "Osha The Floral Set" : โดย ปิ่นโตเถาเล็ก

"โอชา" (Osha) กับเมนูไม่ธรรมดา "Osha The Floral Set" : โดย ปิ่นโตเถาเล็ก

ผัดไทยไชยา

ขนมต้มไส้ปลาดอกอัญชัน

โอชา ดูเผินๆ นึกว่านี่คือชื่อร้านอาหารไทยสมัยคนรุ่นพ่อ ซึ่งนิยมตั้งชื่อร้านบ่งบอกเป็นนัยว่า ถ้ามาร้านนี้ได้กินของอร่อยแน่ มีตั้งแต่ชื่อ โอชา โอชารส ไปจนถึงโอชาโภชนา

แต่ ร้านโอชา (Osha) ที่ผมกำลังจะสาธยายขยายความให้ฟังนั้นคือ ร้านอาหารไทยชั้นดีมีระดับจัดอยู่ในข่ายร้านประเภท ไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) ทัดเทียมร้านชั้นเลิศติดดาวของฝรั่งทีเดียว

ร้านโอชาแตกหน่อมาจากร้านอาหารไทยชื่อดังในซานฟรานซิสโกซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 สาขา แรกเริ่มประเดิมสาขาแรกในไทยตรง ปากซอยร่วมฤดี ฝั่งถนนวิทยุ ในโครงการ รอยัล เรสซิเดนซ์ ปาร์ค (Royal Residence Park) (จอดรถที่เดียวกัน) เมื่อเดือนกันยายน 2557

ตัวร้านอยู่ในอาคารสองชั้นเลิศหรูอลังการสไตล์ไทยร่วมสมัย ถ้ามองจากถนนวิทยุเข้ามาในยามค่ำคืน จะเห็นภาพเคลื่อนไหว เรื่องราวในวรรณคดีไทย สลับกันไปหลายธีมน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงประตูทางเข้าอันสูงตระหง่าน

เมื่อย่างก้าวเข้ามาด้านในจะเกิดความรู้สึกท่วมท้น ประทับใจในความวิจิตรงดงามของภาพพิมพ์จิตรกรรมฝาผนัง จากวรรณคดีรามเกียรติ์ปิดทองเป็นประกายเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งโถงและเพดาน

โดดเด่นด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดมหึมา ตรงทางขึ้นชั้นสอง ซึ่งด้านบนมีห้องส่วนตัวสำหรับผู้ที่มากันเป็นหมู่คณะด้วย

ความตื่นตาตื่นใจไม่ได้อยู่แค่การตกแต่งเท่านั้น เพราะแค่ได้ยลโฉมหน้าตาอาหารอันแลดูร่วมสมัยและงดงามแบบไทยๆ และลองชิมเข้าไปคำแรกก็จะต้องร้องว้าวขึ้นมาในบัดดล

ยิ่งตอนนี้ได้ เชฟปูริดา ธีระพงษ์ หรือ เชฟปู ที่ผมคุ้นเคยดี มาร่วมรังสรรค์เมนูไทยในธีมใหม่มีชื่อว่า Osha The Floral Set แล้ว รับรองว่าจะต้องตะลึงงันอิ่มอร่อยไปกับ เมนูชุดดอกไม้ไทย 6 คอร์ส เป็นแน่ (2,200 บาท++ต่อท่าน)

เชฟปูนำเมนูธีมดอกไม้ที่เคยแข่งชนะในรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย มารังสรรค์ได้อย่างอลังการที่ร้านโอชาแห่งนี้ ใครที่นึกว่าดอกไม้ไทยจะกินไม่ได้ หรือกินไม่อร่อย ให้ลองมาชิมจะรู้สึกได้ถึงความโอชะสมชื่อ ดูอ่อนหวานแต่รสจัดจ้านถึงใจจนผมประหลาดใจเอามากๆ

เริ่มกันด้วยเมนูแรกเป็นของกินเล่นชื่อ ดอกไม้กรอบซอสลูกหม่อน (Garden Talk Crispy & Berry Sauce) เชฟปูนำกลีบดอกไม้หลากชนิด ทั้งอัญชัน กุหลาบชมพู แดง ขาว และดาวเรือง มาอบบนแผ่นเปาะเปี๊ยะจนกรอบได้ใจ ราดด้วยซอสลูกหม่อน ที่มีทั้งลูกสีเข้มอมเปรี้ยวอมหวาน และลูกสีส้มอมเปรี้ยว

เคี่ยวกับเนื้อไก่และกะทิ รสชาติเหมือนกินข้าวตังหน้าตั้งเวอร์ชั่นอลังการ โรยหน้าซอสด้วยคาเวียร์กะทิเม็ดกลมๆ สีขาว ผลพวงจากการปรุงแบบ สเฟียร์ริฟิเคชั่น (Spherification) สไตล์โมเลกูล่า พอกัดเข้าไปกะทิเม็ดเล็กจะแตกในปากหอมนุ่มนวลเลยทีเดียว

ต่อกันด้วย ขนมต้มไส้ปลาดอกอัญชัน (Triple Senses of Deep Blue Marine) นำปลาร้าปลาช่อนเป็นชิ้นๆ มาปรุงให้สุกอย่างช้าๆ ในน้ำมัน จนได้น้ำมันปลาร้าหอมๆ และเอาไปผัดกับมะพร้าวทึนทึก น้ำตาลปี๊บและเกลือ ทำเป็นไส้

ห่อด้วยแป้งข้าวเหนียวหลากสี เป็นลูกกลมๆ เหมือนขนมต้มเสียบไม้ ใครที่ร้องยี้ทนกลิ่นปลาร้าไม่ได้ ขอบอกว่าขนมต้มนี้มีกลิ่นหอมจางๆ เหมือนหลนปลาร้าเมนูชาววังทีเดียว เหมือนกับกินสาคูไส้หมูหอมๆ แกล้มด้วยพริกขี้หนูสวน ผักสลัด ดอกอัญชัน งาดำบดกับน้ำตาล

เมนูที่สามนำเสนอของทะเลอันโอชะ ยำหอยเชลล์น้ำฟักข้าว (Osha Ocean & Flora Salad) หอยเชลล์สดๆ หวานๆ จาก ฮอกไกโด หมักกับน้ำยำฟักข้าว สีชมพูแดงๆ รสจัดจ้านจี๊ดจ๊าด และจิ้มกับน้ำมันผักชีไทยสีเขียวๆ แกล้มด้วยกลีบดอกไม้ ตะไคร้ ใบมะกรูด เกลี้ยงจานในพริบตา

มาถึงเมนูสวยทั้งรูป จูบและชิมก็หอม ปลาเต๋าเต้ยลวกจิ้ม แจ่วดอกขิงแดงและแจ่วมะเขือเทศ (Red Velvet Spell over Charming Fish) ปลาเต๋าเต้ย เนื้อมันๆ จากทะเลอันดามัน ลวกในซุปดอกขิงแดงหอมหวานเข้มข้น

จิ้มกับแจ่วขิงแดงรสเผ็ดร้อน และแจ่วมะเขือเทศรสเปรี้ยวอมหวานหอมปลาร้าจางๆ (แนะว่าจิ้มทั้ง 2 อย่างเลย) รองด้วยกลีบดอกบัวหลวง หยิบเข้าปากทั้งทั้งกลีบเลย อร่อยอย่าบอกใคร กลีบบัวไม่มีรสเฝื่อนๆ แม้แต่น้อย จานนี้ตกแต่งด้วยดอกบัวหลวงงดงามสุดจะบรรยาย

จานที่ห้า กั้งราดซอสผงกะหรี่ (Rock Lobster and Amber Curry Sauce) นำกั้งมาปรุงให้สุกอย่างช้าๆ ด้วยกรรมวิธีซูวี้ด (Sous-Vide) แล้วอบต่อให้เนื้อกั้งรัดตัว ราดซอสผงกะหรี่อำพัน

ที่ผัดกับน้ำมันพริกและน้ำสต๊อกที่ทำจากกุ้งแม่น้ำเผาทั้งเปลือก ปั่นและกรอง เติมนมสดเล็กน้อยจนได้น้ำสต๊อกหอมๆ แกล้มด้วยเม็ด คาเวียร์สีเขียวที่ทำจากขึ้นฉ่าย (Celery) และคาเวียร์แดงทำจากพริก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวหอมมะลิ

ปิดท้ายด้วย มูสมะม่วงสาคูใบเตยกะทิดอกอัญชัน (Pure Botanic Sweet Kiss) สาคูใบเตยรสอมหวาน กินคู่กับมูสมะม่วงน้ำดอกไม้รสหวานอมเปรี้ยว และกะทิดอกอัญชันเค็มๆ มันๆ

นี่คือชุดดอกไม้อลังการของเชฟปู ที่พวกเราชาวไทยไม่ควรพลาด อีกทั้งยังเหมาะสำหรับเลี้ยงรับรองแขกเมืองนักธุรกิจต่างชาติ ซึ่งเมนูดังดั้งเดิมของร้านโอชายังมีอยู่ครบถ้วน ทั้ง หมึกไข่เค็ม (Squids & Salted Egg) (220++) รมควันด้วยมะพร้าวคั่วจากในกะลามะพร้าวด้านล่าง

กุ้งแช่น้ำปลา (Dancing King Prawns) (380++) จิ้มกับ ซอร์เบท์ (Sorbet) หรือไอศกรีมเชอร์เบทที่ทำจากน้ำจิ้มซีฟู้ดพริกขี้หนูจัดจ้าน หอยนางรม (Poached Oyster) (250++) เนื้อหวานๆ ที่นำไปซูวี้ดจนสุก ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดกับเยลลี่วุ้นหมาน้อยของอีสาน

อีกทั้ง แกงเผ็ดห่านย่าง (Roasted Goose Curry) (550++) ใส่ลิ้นจี่ สับปะรด และเงาะ หุ้มด้วยแป้งพัฟเพสตรี้หอมมัน ผัดไทยไชยา (Pad Thai Chaiya) (450++) ใส่กุ้งแม่น้ำและไข่เค็มไชยา และเมนูอลาคาทตามสั่งอื่นๆ อีกมากมาย

ร้านโอชาเปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวันตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมงครึ่ง มื้อค่ำตอน 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน (สั่งอาหารได้ถึง 22.30 น.) โทรสอบถามได้ที่ 0-2256-6555

ข้อมูลร้าน

ร้านโอชา (OSHA Thai Restaurant & Bar)
โดย นพ.วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช

ที่ตั้ง 99 ซอยร่วมฤดี ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทร 0-2256-6555
เปิดบริการ 11.00-14.30 น. และ 18.00-24.00 น. ทุกวัน

แนะนำ เมนูชุดดอกไม้ไทย 6 คอร์ส (Osha The Floral Set) และอาหารไทยเมนูอลาคาทตามสั่งอื่นๆ

หมายเหตุ - จอดรถที่ รอยัล เรสซิเดนซ์ ปาร์ค (Royal Residence Park) ปากซอยร่วมฤดี ฝั่งถนนวิทยุ

//www.oshabangkok.com

ขอบคุณ มติชนออนไลน์
หม่อมปิ่นโตเถาเล็ก

สิริสวัสดิืภุมวารค่ะ

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2558

Last Update : 17 พฤศจิกายน 2558 14:08:25 น.

0 comments

Counter : 1924 Pageviews.