Mikaku คอลัมน์ ชิมชิล-ชิล โดย สุรนันทน์ เวชชาชีวะ
ช่วงนี้ "ผี" ญี่ปุ่นเข้า เวลาคิดหาอะไรทานออกแนว "ญี่ปุ่น" หมด และยังสังเกตด้วยว่า มีร้านญี่ปุ่นเปิดใหม่จำนวนมาก ซึ่งเมื่อเข้าไปสำรวจแล้ว ปรากฏว่าเป็นร้านขนาดเล็กๆ มีเคาน์เตอร์ที่มีไม่กี่ที่นั่ง
และที่สำคัญเชฟใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น!!
ความจริงชุมชนคนญี่ปุ่นในไทยมีจำนวนมากนับแสนคน หนังสือวารสารแจกฟรีภาษาญี่ปุ่น ที่ทั้งแนะนำร้านอาหาร ที่เที่ยว และให้ข่าวสารสาระมีนับสิบฉบับ แถบธนิยะหรือสุขุมวิทบางซอย กลายเป็นที่เรียงรายของร้านรวงที่ให้บริการคนญี่ปุ่นซึ่งพักอาศัยบริเวณนั้น
เดิมคนญี่ปุ่นเข้ามาทำงานในบริษัทที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทยครอบครัวตามกันมาด้วยก็เยอะ แต่หลังๆ จะเห็นคนหนุ่มสาวมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว หรือขนมหวาน ทั้งยังมีร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่ไม่เคยออกนอกประเทศมาเปิดสาขาด้วย
ผมถามเพื่อนว่าทำไมคนญี่ปุ่นมาทำงานและลงทุนประกอบการทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก ในประเทศไทยมากขึ้น เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นมองว่าเศรษฐกิจประเทศตนเองไม่ดี โอกาสเปิดน้อยขึ้น จึงมองเป้าที่เมืองไทยซึ่งมีความคุ้นเคย และถึงแม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบบ้าง การเมืองมีความไม่แน่นอน แต่อยู่สบาย และคนไทยให้การต้อนรับคนญี่ปุ่นด้วยมิตรไมตรีที่ดีเสมอ
ร้านหนึ่งซึ่งมาเปิดใหม่ เป็นร้านเนื้อเทปปันมาจาก เกียวโต ชื่อ "Mikaku-มิกากุ" ซึ่งแปลว่า "การรู้รส-A Sense of Taste" หรือ "อร่อย" อยู่ในซอยทองหล่อ ตอนที่ไปไม่ได้ตั้งใจ กะว่าจะไปซื้อขนมปังร้านดัง "อีรีค ไคเซอร์" (วันหน้าค่อยพาไปชิมชิล) แต่เหลือบเห็นป้ายรูปวัว จึงกดลิฟต์ขึ้นไปเซอร์เวย์ซะหน่อย จบลงด้วยการนั่งเคาน์เตอร์ ซึ่งมี 10 กว่าที่
ร้านสะอาดสะอ้าน แต่งเรียบๆ เคาน์เตอร์ต่อกับที่ย่างเนื้อเทปปัน เพื่อให้เชฟมาประกอบ "การย่าง" ให้เห็นๆ ต่อหน้าต่อตา ทั้งเนื้อ และผักประกอบ
พนักงานเรียบร้อย ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้การต้อนรับ และแนะนำเมนูอย่างดี ตามสไตล์ญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรม และสร้างวัฒนธรรมองค์กรร่วม แต่ที่ต้องให้ "คะแนนเต็ม" คือทีมเชฟหลังเคาน์เตอร์ 3-4 คน ซึ่งดูโหงวเฮ้งแล้วเป็นญี่ปุ่นเกือบทุกคน แต่จริงๆ เป็น "ชาวอาทิตย์อุทัย" เพียงสอง คนอื่นเป็นคนไทย แต่ "ลุค" เจแปน แต่ละคนแต่งกายเรียบร้อย สะอาด และมี "สมาธิ" ในการทำงาน
การบรรจงแล่เนื้ออย่างตั้งอกตั้งใจ การมานำเสนอวัตถุดิบ คือตัว "เนื้อสเต๊ก" ต่อลูกค้าที่สั่งแต่ละจานก่อนจะย่าง การค่อยๆ ย่างจนเนื้อได้ที่ ถึงการวางบนจาน แต่ละขั้นตอนดูมี "ศิลปะ" และ "ความประณีต" เสมือนเป็น "พิธีกรรม"
หลายคนอาจสงสัยว่า ความ "ตั้งใจ" ในการทำอาหารขนาดนี้ จะทำให้อาหาร "อร่อย" ขึ้นจริงหรือ?
สำหรับผมว่ามีส่วนสำคัญ เริ่มต้นจากวัตถุดิบดี เทคนิคการทำ ตั้งแต่ส่วนผสม ซอส ถึงความแรงไฟ ใส่ความรักความตั้งใจ บวกการสร้างบรรยากาศ เป็นการเพิ่ม "คุณค่า" ย่อมทำให้รสชาติอร่อยขึ้น
ที่มิกากุนี้ ช่วงเที่ยงมี "เซต" อาหารกลางวัน มี "Kobe Beef Hamburg Set" (450.-) "Stewed Ribs of Kobe Beef Set" (450.-) และ "Wagyu Filet Steak Set" (1,000.-) ราคาเอาเรื่องอยู่ แต่รสชาติ "คุ้ม" ครับ เนื้อนุ่มแทบละลายในปาก
ส่วนมื้อค่ำ (แอบไปอีกมื้อ) "เซต" ที่เสนอมีทั้งให้เลือกประเภทเนื้อ (Tenderloin, Sirloin) และเลือกวิธีทำ (Grilled Shabu Shabu, Sukiyaki หรือ Oil-yaki ซึ่งหมายถึงซอสพิเศษ "ต้นตำรับ" เจ้าของรุ่นปู่เมื่อ 80 ปีที่แล้ว (ราคาประมาณ 3,500.- ต่อเนื้อ 100 กรัม) ในเซตมีทั้งซุป อาหารทานเล่น สลัด ข้าว (ผัดกระเทียมหรือข้าวขาวปกติ) และของหวาน
ขอบอกว่า "มิกากุ" ทุกอย่าง!!
ขอบคุณ มติชนออนไลน์ คอลัมน์ ชิมชิล-ชิล คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 27 ธันวาคม 2558 |
Last Update : 27 ธันวาคม 2558 12:38:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 928 Pageviews. |
|
|