แสงอาทิตย์ร้อนแรงส่องลงมาที่พวกทหารของโกร์ตีที่ยืนเรียงกันตามลำดับยศอยู่บนลานดินที่ใช้สำหรับตรวจพล ทหารแต่ละตัวยืนตรงแหนวราวกับไม้ที่ใช้กระทุ้งดินปืน พวกมันแต่งตัวเต็มยศด้วยอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งหอกอันหนัก โล่ห์และย่ามที่บรรจุก้อนหินจนเต็มที่ผูกไว้ข้างหลัง
แบล๊คทูธเลียหยดเหงื่อของมันที่ไหลลงมาตรงริมฝีปากแล้วพึมพำกับสปลิทโนสว่า “หึ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? เจ้ากลูมเมอร์ต่างหากที่พ่ายแพ้ไม่ใช่พวกเราซักหน่อย เราทำได้ไม่เลวหรอกนะตอนที่กลิ้งไปกลิ้งมาหรือกระโดดจากต้นไม้ตอนอยู่ที่ริมแม่น้ำน่ะ”
สปลิทโนสกระพริบตาไล่แมลงที่บินมาตอมตาของมัน “เจ้าพูดถูกแล้ว แบล๊คกี้ บางครั้งข้าเคยนึกอยากจะหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด”
บiร็อคซึ่งยืนอยูในแถวหลังอดหัวเราะกิ๊กกั๊กออกมาไม่ได้
“ฮิฮิ ลองดูสิ เจ้าตัวสโต๊ท เจ้าจะไปที่ไหนได้ล่ะ หึ นางแมวป่าจะได้ตามไปลากเจ้ากลับมาแล้วสั่งสอนให้เข็ดหลาบเป็นตัวอย่างไง”
สแครชท์ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังบร็อคอีกทีเห็นด้วย “เยเย เจ้าพูดถูกแล้ว บร็อค แต่ก็เคยมีบางคนทำสำเร็จมาบ้างแล้ว พวกเราน่าจะรวมกลุ่มกันสักสองสามคนแล้วลองหนีดูบ้างนะ”
แบล๊คทูธสงสัย “ยังงั้นหรือ? นี่แน่ะ สแครชท์ ข้าขอบอกเจ้าว่าทำอย่างนั้นน่ะแย่ยิ่งกว่าหนีไปคนเดียวเสียอีกนะ เพราะเท่ากับเป็นการกบถ หรือละทิ้งหน้าที่กันไปเป็นกลุ่ม---แล้วพวกเจ้าก็รู้กันดีนี่ว่านางทซาร์มีน่าจะลงโทษพวกเราอย่างไร”
สแครชท์รู้เสียยิ่งกว่ารู้ “ตายสถานเดียว!!”
แบล๊คทูธหัวเราะโดยไม่มีอารมณ์ขัน “ใช่แล้ว ตายสนิทยิ่งกว่าซุงล้มอีก ฮึ—เมื่อนางลงโทษจนหนำใจแล้วเจ้าจะขอตายดีกว่าอยู่ต่อไป ไอ้โง่”
เสียงหนักแน่นของคลัดด์ดังแหวกอากาศก้องไปทั่วบริเวณรวมพล “ทุกคนเงียบ! ห้ามพูด!!”
สแครชท์พึมพำเบาๆว่า “หุบปากเถอะไอ้บ้าน้ำลาย แกไม่ได้โผล่หัวเข้าไปในป่าด้วยซ้ำตอนที่พวกข้าต่อสู้แทบตายน่ะ”
“ไม่ได้ไปหรอก มันกลับมานี่ในชุดนอน แหกปากกรนยังกะหมาตายแน่ะ” สปลิทโนสหัวเราะคิกคัก
“ข้าจะไม่พูดซ้ำซากอีกแล้วนะ หุบปากนะพวกที่อยู่ในแถวน่ะ!!!”
เสียงบ่นพึมพำดังมาจากพวกที่อยู่แถวหลังๆว่า “พวกเรายืนมาเกือบสองชั่วโมงแล้วนะ ให้เรามายืนหาอะไรน่ะ?”
ก่อนที่คลัดด์จะทันสั่งให้เงียบก็มีเสียงบ่นเพิ่มมากขึ้น
“เย่เย่ แล้วทำไมต้องให้เราแต่งเครื่องแบบเต็มยศด้วยล่ะ แล้วก็ไอ้หินพวกนี้ด้วย เอามาทำอะไร? จะย่างสดพวกเราหรือไง?”
“บ้าฉิบ ข้าเป็นแค่ยามเฝ้าห้องเก็บของเท่านั้นนะ”
ทันทีที่ทซาร์มีน่าเดินเงียบๆออกจากห้องโถงใหญ่มาที่บริเวณรวมพล เสียงพึมพำก็เงียบสนิท นางส่งสัญญาณให้คลัดด์
เจ้ากัปตันของพวกทหารยามตะโกนสั่งทหารที่ยืนเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่ด้วยเสียงอันดังว่า “กล่าวคำสรรเสริญราชินีของพวกเรา แล้วตามด้วยการวิ่งย่ำเท้าสองจังหวะเป็นรูปสี่เหลี่ยมไปรอบสนาม เริ่มปฏิบัติ!”
ทหารทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยตัวพังพอน สโต๊ท และวีเซอร์แผดเสียงสรรเสริญประสานเป็นเสียงเดียวกัน
“ทซาร์ทีน่า ราชีนีแห่งมอสฟลาวเวอร์!”
“ผู้พิฆาตเหล่าศัตรู!”
“เลดี้แห่งตาพันดวง!”
“ผู้มีชัยเหนือสัตว์ทั้งปวง!”
“ผู้ปกครองโกร์ตี!”
“ธิดาของท่านลอร์ดกรีนอายน์!”
แล้วพวกทหารก็แตกแถววิ่งอย่างรวดเร็วไปรอบๆลานรวมพล อุ้งเท้าเสียดสีกับพื้นหินที่แข็งกระด้าง กล้ามเนื้อล้าจากน้ำหนักของย่ามบรรจุหินที่อยู่บนหลังและอาวุธยุทโธปกรณ์
นางแมวป่าจ้องมองอย่างเฉยเมยแล้วหันไปพูดกับแอชเลคว่า “ใครบอกให้เอาคำว่า ‘ธิดาของลอร์ดกรีนอายน์’ มาเป็นคำสรรเสริญข้า?”
แอชเลคซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหันไปสบตากับนางฟอร์จูนาต้าแล้วยักไหล่
ราชีนีแมวป่าจ้องเขม็งเมื่อพวกทหารวิ่งผ่านนางไปเป็นรอบที่สอง “ว่าไง ข้ากำลังรอคำอธิบายอยู่นะ ใครสั่งให้พวกทหารพูดถึงพ่อที่ตายไปแล้วของข้าแทนที่จะพูดแต่ชื่อข้า? ข้าไม่สามารถปกครองโกตีร์ได้เองหรือไง?”
นางหมาจิ้งจอกเดินมาข้างหน้าแอชเลค “ไม่มีใครเป็นผู้ปกครองที่วิเศษกว่าท่านอีกแล้วเจ้าค่ะ ท่านผู้หญิง ข้าขอสาบานในนามผู้รักษาว่าข้าไม่ได้เป็นผู้สั่งคำสรรเสริญพวกนั้น”
ทซาร์มีน่าถูอุ้งมือที่บาดเจ็บของนางไปมาอย่างครุ่นคิด แอชเลคซึ่งยืนอยู่ข้างหลังขยับขาไม้ของมันไปมาอย่างประสาทกิน
“เจ้าล่ะ ว่ายังไง?”
“ฝ่าบาท ข้าคิดว่า—“
ทซาร์มีน่าแผดเสียงกลบเสียงพึมพำของเจ้าแอชเลคเสียสนิท “คิดงั้นหรือ? ใครอนุญาตให้เจ้าคิด? ออกไปตรงที่รวมพลเดี๋ยวนี้เลย!”
แอชเลคกระโผลกกระเผลกออกไป รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอ้อนวอนหรือโต้แย้งใดๆ
ทซาร์มีน่าสั่งทหารที่กำลังวิ่งรอบต่อไปให้หยุด พวกมันหยุดอยู่ตรงหน้าแอชเลคพอดี นางแมวป่าสั่งคลัดด์ว่า “ให้เจ้าแอชเลคออกไปอยู่หน้าพวกทหาร ทหารแถวแรกทุกคนชี้ปลายหอกของพวกเจ้าไปที่เจ้าแอชเลค พวกเจ้าทุกคนในที่นี้จงฟังให้ดี ห้ามสรรเสริญข้าในตำแหน่งธิดาของลอร์ดกรีนอายน์อีกต่อไปเป็นอันขาด ไม่มีตำแหน่งนี้อีกแล้ว ต่อไปให้สรรเสริญข้าในนามทซาร์มีน่าผู้งามสง่าเลิสลอย”
เมื่อคลัดด์โบกหอกในมือพวกทหารก็พร้อมใจกันประสานเสียงออกมาว่า “ทซาร์มีน่าผู้งามสง่าเลิศลอย!”
แอชเลคมองไปรอบๆอย่างตื่นกลัว ตอนนี้มันยืนอยู่ข้างหน้าแถวปลายหอกที่ส่งประกายแวววาวซึ่งจ้องตรงมาที่ตัวมัน มันดึงเสื้อคลุมให้กระชับตัว รู้ตัวดีว่าคำสั่งที่โหดร้ายของทซาร์มิน่ากำลังจะนำอันตรายมาสู่มัน
แอชเลคหอบหายใจหนักหน่วงอย่างน่าเวทนา เสียงแผดกรรโชกของนางทซาร์มีน่าทำลายความคิดของมัน
“วิ่งเร็วขึ้นเป็นสองเท่า ปฏิบัติ!!!”
นางฟอร์จูนาตาขยับไปข้างหนึ่งรู้ดีว่าถ้าพูดผิดหูแม้แต่คำเดียว อาจทำให้นางต้องถูกส่งไปอยู่ข้างๆเจ้าแอชเลคผู้โชคร้าย
แอชเลคพยายามทำสมองให้ว่างเปล่า มันลากตัวเองวิ่งขโยกเขยกอย่างอกสั่นขวัญแขวนหมดอาลัยตายอยากไปบนพื้นหิน นำหน้าหอกมากมายที่จ่ออยู่ข้างหลัง แอชเลคพยายามวิ่งให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็พบว่ามันเป็นการยากที่จะวิ่งให้พ้นพวกทหารที่เพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าจากปกติ
ทซาร์มีนาเปล่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาพร้อมกับกระทุ้งสีข้างนางสุนัขจิ้งจอก
“ฮ่า น่าสมเพชนะ จริงไหม นางหมาจิ้งจอก เจ้าคิดว่ามันจะทนไปได้อีกนานเท่าไหร่?”
“คงอีกไม่นานหรอกเจ้าค่ะ คุณหญิง ดูสิ มันพยายามจะวิ่งให้พ้นคมหอกเหล่านั้น ถึงแม้เจ้าแอชเลคจะไม่ค่อยฉลาดนักแต่อย่างน้อยมันก็เชื่อฟังและจงรักภักดีต่อท่าน”
นางพญาแมวป่าถอนใจอย่างอารมณ์ไม่ดี ความสนุกของนางถูกทำลายไปแล้ว “อืมม์ เจ้าพูดถูก บอกเจ้าคลัดด์ให้สั่งหยุดแถวทหาร”
นางฟอร์จูนาต้าโบกมือส่งสัญญาณให้เจ้ากัปตันวีเซอร์ ซึ่งสั่งทหารให้หยุดวิ่งทันที แอชเลคซึ่งเบรคตัวหยุดไม่ทันล้มคมำหน้ากระแทกลงไปบนพื้นหิน ร่างอันอ่อนเปลี้ยของมันไม่อาจจะฝืนก้าวเดินออกไปได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว แอชเลคหายใจหอบๆอย่างน่าเวทนา
ทซาร์มีน่าเดินผึ่งผายออกไปหน้าแถวทหารอย่างมีจุดประสงค์ โดยไม่สนใจแอชเลคผู้ซึ่งกำลังพยายามพาตัวเองเข้าไปทางประตูเข้าห้องโถงเพื่อรับอากาศเย็น นางแมวป่าเผชิญหน้ากับพวกทหารของนางซึ่งยืนหอบอยู่ท่ามกลางฝุ่นหนา
“ดูพวกเจ้าสิ ปล่อยตัวเองให้อ้วนฉุและเกึยจคร้าน ไอ้พวกตัวทากตัวหนอน! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อฟังข้าพวกเจ้าก็จะต้องตาย ไอ้พวกหนูโง่ๆสองตัวแหกคุกออกไปได้ พวกมันทำให้พวกเจ้าทั้งหมดหน้าแตก”
อุ้งเท้าของพวกทหารที่สัมผัสพื้นหินอยู่พากันสั่นเทาด้วยความตระหนก เมื่อถูกเชือดเฉือนด้วยคำด่าทอเย้ยหยันของนางทซาร์มีน่า
“ข้าจะแก้แค้นการสบประมาทนี้ เจ้าพวกสัตว์ในป่ามอสฟลาวเวอร์ที่ไม่เชื่อฟังข้าจะต้องถูกทรมานจนเลือดหยดสุดท้ายรวมทั้งพวกเจ้าด้วย!”
นางฟอร์จูนาต้ารู้สึกขนหัวลุกเมื่อมองเห็นความบ้าคลั่งที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของนางพญาแมวป่าขณะพูดเช่นนั้น
“คลัดด์ แอชเลค แล้วก็นางหมาจิ้งจอก แบ่งกำลังทหารออกเป็นสี่หน่วย เจ้าแต่ละคนคุมไปหนึ่งหน่วย ทหารที่เหลืออยู่กับข้าที่นี่เพื่อปกป้องปราสาทโกตีร์ พวกเจ้าเข้าไปในป่าไปค้นหาพวกสัตว์ที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่แล้วจับมาเป็นเชลย ถ้าใครขัดขืนก็ฆ่ามันเสีย เชลยพวกนั้นจะมารับใช้เราทำให้โกตีร์ของเราเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง มันจะต้องเป็นทาสของเรา มันจะต้องมาทำการเพาะปลูกให้เราแถบทุ่งนาทางด้านตะวันตก พ่อของข้าดีกับพวกมันเกินไป ยอมให้พวกมันอยู่ในนิคมนอกเขตกำแพงทำให้พวกมันได้เปรียบและมีเสรีภาพมากเกินไป ข้าขอประกาศตอนนี้เลยว่าจะไม่มีนิคมให้พวกมันอยู่อีกต่อไป ต่อแต่นี้ไปพวกมันจะต้องถูกขังไว้ในคุก ในห้องขังเดี่ยวเป็นการลงโทษ เราจะจับพวกลูกๆของมันไว้เป็นตัวประกัน แล้วเราจะบังคับให้พวกมันทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อไม่ให้มันแพร่พันธ์ได้อีก และถ้ามันไม่ทำตามคำสั่งครอบครัวมันก็จะต้องอดอาหารจนตาย ไปได้แล้วและจำใส่สมองไว้ว่าคราวนี้พวกเจ้าจะพลาดอีกไม่ได้”
มีเสียงดังโคล้งเคล้งแคร้งครั้งอยู่โดยรอบจากอาวุธยุทโธปกรณ์และเสื้อเกราะที่พวกทหารบันทุกอยู่เต็มอัตราศึก มีเสียงออกคำสั่งและเสียงแตกแถว รวมแถว และเดินแถวของพวกทหาร เพียงชั่วครู่เดียวบริเวณนั้นก็ว่างเปล่ามีแต่นางทซาร์มีน่าเพียงผู้เดียวกับหอกด้ามหนึ่งที่หล่นอยู่บนพื้นหิน
ทหารคนใดก็ตามที่ทำมันหล่นไว้คงไม่กล้ากลับมาเก็บมันแน่ ขณะที่นางแมวป่าก้มตัวลงเก็บหอกด้ามนั้นก็มีเสียงวืดแหวกอากาศเฉียดหัวนางไป
เจ้าอากูเลอร์!!!
ถึงแม้จะตัวใหญ่และเต็มไปด้วยพลังทซาร์มีน่าก็ไม่รอเผชิญหน้ากับเจ้านกอินทรีย์ นางเผ่นแผลวอย่างว่องไวลอดผ่านหน้าต่างที่อยู่ระดับพื้นดินเข้าไปข้างใน โดยใช้ด้ามหอกเป็นที่ยัน เมื่อเข้าไปข้างในได้แล้วนางแอบมองที่หน้าต่างและเห็นเจ้านกอินทรียักษ์ตีวงบินกลับไปที่โพรงไม้ของมันไกลจากระยะยิงของธนู
นางพญาแมวป่ารู้สึกดีใจที่ไม่มีใครรู้เห็นการวิ่งหนีของนาง
แวะมาเจิมบอกเป็นคนที่ 1 มอร์นิ่งนะคะ