สัตว์เล็กในป่าใหญ่ - บทที่ 15





เบลล่าหยุดเล่า นางจ้องมองไปยังเมล็ดข้าวที่อยู่บนโต๊ะเหมือนกำลังจดจำรำลึกถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นนานcแสนนานมาแล้ว
“ท่านลอร์ดบร๊อคทรีและนักรบโบอาร์ไปแสวงหาที่ไหน?” มาร์ตินถามเบาๆ นางแบดเจอร์ตอบเพียงคำเดียวว่า “ซาลามานดาสตรอน”
“ซาลามานดาสตรอนหรือ?” มาตินร์ทวนคำที่ฟังดูแปลกไม่คุ้นหู
เบลล่าพยักหน้าช้าๆ “ใช่แล้ว ภูเขาไฟ สถานที่เร้นลับของพวกมังกร”
มาร์ตินเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ “เบลล่า โปรดอย่าหยุดเล่า ช่วยเล่าต่อหน่อยเถอะ”
นางนากเบลล่ายิ้มอย่างละห้อยสร้อยเศร้า “อา..นักรบหนุ่มน้อย ข้าเห็นไฟที่คุโชนในดวงตาเจ้าเหมือนกับที่เห็นในพ่อและปู่ของข้า ทำไมชื่อซาลามานดาสตรอนนี้จึงมีอิทธิพลลำหรับพวกผู้กล้านักหนอ? ข้าเห็นได้ชัดว่าท่านปรารถนาที่จะเดินทางไปแสวงหาเช่นกัน ซึ่งข้าก็อยากให้เป็นเช่นนั้น”
มาร์ตินย่นหัวคิ้ว “ท่านต้องการให้ข้าเดินทางไปที่นั่นทำไม?”

เบลล่าเอนกายเข้ามาใกล้แล้วพูดอย่างหนักแน่นโดยเคาะอุ้งมือลงบนโต๊ะย้ำทุกคำ “หลังจากที่นักรบโบอาร์จากมอสฟลาวเวอร์ไปแล้ว พวกเราก็ถูกกลุ้มรุมโดยแท้จริง ตอนแรกก็มีการกบถที่ทำให้พวกสัตว์ในป่ามากมายต้องล้มตาย ต่อมาก็ถูกกวาดต้อนเข้าไปอยู่ในนิคม ซึ่งมีสภาพเป็นแค่เพิงเล็กๆโกโรโกโสและการถูกขูดรีดภาษี รวมทั้งพวกกองทหารก็คอยรังควานพวกสัตว์ที่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในนิคมนั้น ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกสัตว์อยู่กันที่บร็อคฮอลล์นี่ได้อย่างปลอดภัย แต่ใครจะรู้ว่าจะปลอดภัยไปได้อีกนานแค่ไหน? ตอนนี้นางทซาร์มีน่าเป็นผู้ปกครองโกตีร์อยู่และเราไม่รู้ว่านางมีแผนจะทำอะไรต่อไป เบน สติคเกิลพูดได้ถูกต้องว่าโกตีร์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพวกสัตว์คอยปันส่วนเสบียงอาหารให้ นางทซาร์มีน่าอาจจะกำลังพลิกป่ามอสฟลาวเวอร์เพื่อตามล่าหาพวกเราอยู่ ข้าเชื่อว่านางต้องพยายามทำอะไรบางอย่างก่อนหน้าหนาวจะเริ่มต้น เพราะนางต้องเลี้ยงทหารทั้งกองทัพ ข้ารู้สึกว่าขณะนี้เรากำลังอยู่บนคมหอกคมดาบ เบน สคิคเกิลต้องการสันติภาพ ส่วยสกิปเปอร์ต้องการทำสงคราม แม่อธิการต้องการสันติภาพ แต่เลดี้แอมเบอร์ต้องการสงคราม นักรบโบอาร์เป็นผู้ปกครองมอสฟลาวเวอร์ที่เหมาะสมที่สุด ข้าไม่อาจละทิ้งที่นี่ไปได้ ข้าต้องรับผิดชอบพวกสัตว์ในป่าที่เป็นเพื่อนของข้าและต่อสภาคอริม แล้วข้าจะส่งใครไปแทนข้าได้ล่ะถ้าไม่ใช่ท่าน มาร์ติน? ท่านเป็นนักเดินทาง ท่านมีประสบการณ์ในฐานะนักรบ ท่านเป็นผู้ที่ข้าไว้วางใจ อย่าเพิ่งรีบเร่งให้คำตอบข้าในตอนนี้เลย ข้าอยากให้ท่านคิดให้รอบคอบก่อน เพราะการเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย และถ้าไม่อยากไปข้าก็จะไม่ตำหนิท่านเลย ท่านอยู่ที่นี่ได้และขอให้ถือว่าเป็นบ้านท่านด้วยเหมือนกัน"


หลังจากนิ่งไปอึดใจหนึ่ง เบลล่าก็กล่าวต่อว่า “ข้าเชื่อว่าพ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านต้องนำเขากลับมามอสฟลาวเวอร์เพื่อทำลายอาณาจักรของนาง
ทซาร์มิน่า ภายใต้การนำของนักรบโบอาร์พวกเราจะสามารถทำลายล้างนางทซาร์มิน่าลงได้”


การสนทนาระหว่างมาร์ตินกับเบลลาถูกขัดจังหวะโดยเลดี้แอมเบอร์ ที่เดินเข้ามาสมทบด้วยหน้าตาที่เคร่งเครียดส่อเค้าถึงข่าวร้าย

“เฟอร์ดี้กับค็อกส์หายไปแน่ พวกเราตามหากันทุกหนทุกแห่งแต่ก็ไม่พบ ราวกับว่าถูกป่ามอสฟลาวเวอร์กลืนหายไปงั้นแหละ”

เบลล่าเกาลำตัวที่เป็นลายทางของนางไปมา “ท่านพบกับเจ้าชิบบ์หรือยัง?”
“พบกันแล้ว มันไปลาดตระเวณแถวโกตีร์แต่ก็ไม่มีข่าวอะไรจะรายงาน ข้าขอให้มันลองไปดูในป่าให้ทั่วๆอีกที มันอาจจะมีข่าวมาบอกเราก่อนมืดก็ได้”


พวกที่ออกไปตามหากลับมาในตอนบ่าย กู๊ดดี้ทำตัวให้วุ่นวายอยู่กับการเตรียมสลัดสำหรับมื้อกลางวันอยู่แถวสนามหญ้าด้านนอกของบร็อคฮอลล์ พวกสัตว์กินอาหารกันอย่างเงียบๆและเลี่ยงที่จะพูดถึงเจ้าลูกเม่นทั้งสองต่อหน้ากู๊ดดี้ หลังอาหารพวกสัตว์ก็ออกไปค้นหาอีกครั้งหนึ่ง เป็นวันที่แย่สำหรับมอสฟลาวเวอร์ มาร์ตินก้ำกึ่งอยู่ระหว่างอยากร่วมขบวนไปกับทีมค้นหา และความอยากรู้เรื่องสถานที่ลึกลับที่เรียกว่าซาลามานดาสตรอน แต่ในที่สุดความต้องการอย่างแรกมีอำนาจเหนือกว่า มาร์ตินร่วมขบวนออกไปกับทีมค้นหาในตอนบ่าย เขาแน่ใจว่าเบลล่าจะเล่าเรื่องสถานที่นั้นให้เขาฟังในตอนกลางคืน


ทซาร์มีน่ายืนอยู่ที่หน้าต่างบานสูงในห้องของนาง จ้องมองออกไปยังปริมณฑลของป่าตรงที่ต้นไม้ใหญ่ๆบางตาลงและต่อเป็นพืดด้วยตันไม้เตี้ยๆและพุ่มไม้ นั่นไง พวกทหารลาดตระเวณกลับมาแล้วในที่สุด!!!


พวกทหารที่ท่าทางกระปรกกระเปลี้ยเดินย่องออกมาจากจากเขตป่า โดยมีคลัดด์ตะโกนโหวกเหวกออกคำสั่ง

“เดินเร็วๆเข้า ไอ้พวกเหลวไหล เดินเข้าแถวให้เป็นระเบียบ ขวาหัน หน้าเดิน ก้าวเท้าให้พร้อมเพรียงกัน ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าทำท่าเหมือนตังเมเสียบไม้เข้าไปในป้อมทหา ราวกับพวกตัวเม่นในวันดอกเดซี่บานหรอกนะ ไอ้เจ้านั่นน่ะ! เจ้านั่นแหละ! ทำท่าให้มีชีวิตชีวาหน่อย ไม่งั้นข้าจะช่วยให้เจ้ามีชีวิตชีวาขึ้นด้วยหอกเล่มนี้”

เสียงของเจ้ากัปตันลอยตามลมไปถึงหูทซาร์มิน่า นางเห็นแล้วว่าพวกทหารกลับมากันครบ แต่ก็ไม่เห็นเชลยจำนวนมากติดมาด้วยเหมือนกัน ด้วยความโมโหโกรธาที่พลุ่งขึ้นมาโดยฉับพลันทันด่วน นางแมวป่าใช้กรงเล็บกระชากม่านหน้าต่างขาดเป็นริ้วยาวตั้งแต่บนลงล่าง ก่อนจะวิ่งโครมครามลงบันไดไปที่ลานฝึกทหาร


หน่วยลาดตระเวณทั้งสามหน่วยเดินโซเซอย่างไม่เป็นระเบียบเข้าไปหยุดอยู่ในลาน พวกมันเดินชนกันไปมาเข้าไปตั้งแถว โดยมีอาวุธแบกอยู่บนไหล่และโล่ห์รูปตาพันดวงทางด้านหน้าและตรงกลาง

เมื่อถึงประตูทางออกทซาร์มิน่าหยุดวิ่งและสำรวมกิริยา ก่อนที่จะเดินอย่างสง่างามออกมาที่ลาน หางของนางแกว่งไกวไปมาอย่างมีชั้นเชิง ดวงตาเจ้าเล่ห์ พวกทหารใจสั่นระริกขณะยืนระวังตรงตาจ้องเป๋งไปข้างหน้า แล้วทำความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง

“สวัสดีขอรับ คุณหญิงทซาร์มิน่า นางพญาแมวป่าแห่งตาพันดวง ผู้ปกครองป่ามอสส์…”
“หยุดพล่ามได้แล้ว ไอ้พวกโง่ ห้ามพูดก่อนได้รับอนุญาตจากข้า” นางแมวป่าเดินผ่านไปตามแถวทหาร ไม่มีอะไรรอดสายตาของนางไปได้ รวมทั้งร่างน่าสมเพชสองร่างที่นอนกองอยู่บนพื้นกรวด

นางฟอร์จูนาต้ายืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับรากงอก เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจเหม็นๆของนางทซาร์มิน่าที่รดต้นคออยู่

“ไง นังหมาจิ้งจอก พวกเจ้าคงสดชื่นรื่นเริงกันดีสินะที่ป่าข้างนอกนั่นน่ะ ข้ารู้สึกว่ามีผู้บาดเจ็บไม่มากก็น้อยสักครึ่งเลยนะ ไหนบอกข้าหน่อยสิว่าไอ้สัตว์ป่าเล็กๆสองตัวนั่นใช่ไหมที่ทำให้ทหารพวกนี้บาดเจ็บได้ถึงขนาดนั้น?”

ทซาร์มิน่าเดินวนรอบตัวนางหมาจิ้งจอก พร้อมกับพูดต่อไปด้วยเสียงเรียบๆแต่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย “ไม่มีประโยชน์ที่จะมาทำท่าทุกข์ร้อนในตอนนี้ จริงไหม นางหมาจิ้งจอก? คราวนี้เราจับนักรบระดับหัวหน้าของพวกมันมาได้สองตัว บอกข้าหน่อยสิว่าเจ้ามีส่วนร่วมในผลงานชิ้นเยี่ยมนี่ตรงไหนบ้าง?”

แข้งขาของนางฟอร์จูนาต้าสั่นเทิ้มจากความพยายามเกร็งตัวให้ยืนนิ่งๆ “คลัดด์เป็นคนจับพวกมันได้เจ้าค่ะ คุณหญิง เขาพบพวกมันนอนหลับอยู่ในเต้นท์ที่ทำจากผ้าห่ม แอฃเลคกับข้าช่วยพามันมาที่นี่”
ทซาร์มิน่าทวนคำพูดของนางสุนัขจิ้งจอกช้าๆ “ช่วยพามันมาที่นี่ ข้าเข้าใจแล้ว ช่างเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมเสียจริง!!”

เหยื่อรายต่อไปคือแอชเลค “อ้า แอชเลคเพื่อนยากผู้ปราศจากความกลัว เจ้าคงเจ็บปวดมากสินะ ไอ้เจ้าเด็กร้ายกาจตัวใดตัวหนึ่งนี่เป็นผู้แทะขาไม้ของเจ้าใช่ไหม?
“ไม่ใช่ขอรับ ใต้ฝ่าพระบาท ขาของข้าบาดเจ็บตอนที่หน่วยลาดตระเวณของข้าถูกหน่วยทหารของนางฟอร์จูนาต้าโจมตีในตอนกลางคืน” แอชเลคโพล่งออกมาและรู้สึกแปลกใจกับเสียงที่เยือกเย็นของตัวเอง
นางแมวป่าเบิกตากว้างอย่างเยาะหยัน “แย่จัง!! พวกเราปะทะกันเองในความมืด แน่นอนคงเป็นความเข้าใจผิดกันเล็กๆน้อยๆ”
“ถูกแล้วเจ้าค่ะ ท่านผู้หญิง แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้น ใครๆก็อาจจะเข้าใจผิดกันได้ทั้งนั้น” เสียงประท้วงของสุนัขจิ้งจอกเต็มไปด้วยความประหลาดใจ


ทซาร์มิน่าหันหลังให้กองทหาร มือทั้งสองข้างยกขึ้นท้าวไว้ที่สะเอว จ้องมองออกไปที่ป่ามอสฟลาวเวอร์ ในที่สุดก็สำรากออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยการเยาะหยันแดกดันและความโกรธ

“ไปให้พ้นหูพ้นตาข้า ไอ้พวกงี่เง่าทุกตัว นอนคว่ำลงไปบนพื้นแล้วคลานให้เหมือนหนอนกลับเข้าป้อมของพวกเจ้าไป ข้าจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าหนาๆของพวกเจ้าและคำพูดแก้ตัว ไปเลย!! ไปให้หมด! ฟอร์จูน่า แอชเลค คลัดด์--ลากเจ้าเชลยสองตัวนี่ไปที่ห้องข้า”


เพียงอีกไม่ถึงนาทีหลังจากนั้น อาร์กูเลอกระพือตัวอยู่บนกิ่งสนและทำตาปริบๆแบบเดียวกับนกฮูก ไม่รู้เหนือรู้ใต้เลยว่าเพิ่งพลาดโอกาสได้เหยื่ออันโอชะจากลานหัดทหารเบื้องล่าง มันโงกหลับไปอีกครั้งในยามบ่ายที่ร้อนอบอ้าวตอนที่เจ้าชิบบ์บินตัดผ่านหน้าไป มุ่งตรงสู่บร็อคฮอลล์และความปลอดภัย เจ้านกอกแดงไม่พลาดคำพูดหรือการเคลื่อนไหวใดๆที่เกิดขึ้นบนสนามนั้น


พวกสัตว์ฝูงใหญ่นั่งหน้าเศร้ารวมกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ของเบลล่า กอนฟฟ์โยนผ้าห่มและเหยือกเครื่องดื่มว่างเปล่าลงบนโต๊ะตรงหน้าพวกหัวหน้าสภาคอริม

“พบของพวกนี้ทางทิศใต้ประมาณครึ่งทางระหว่างที่นี่กับโกร์ตี แถวนั้นมีแต่กลิ่นพวกตัววีเซอร์กับพังพอนเต็มไปหมด มีร่องรอยเยอะแยะ ใครมีข่าวอะไรอีกไหม?”

เบลล่ามองไปยังกลุ่มพวกที่ออกไปค้นหาและเมื่อสังเกตเห็นว่าเบน สติคเกิลและภรรยาไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย นางพูดด้วยเสียงเบาๆว่า “วันนี้เจ้าชิบบ์เห็นพวกมันถูกมัดมือมัดเท้ากองอยู่บนลานฝึกทหารที่โกร์ตี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้เจ้าเฟอร์ดี้กับเจ้าค๊อกส์ถูกจับเป็นเชลยแล้ว มันถูกพาขึ้นไปที่ห้องนอนของทซาร์มีน่า อาจจะเอาไปสอบสวน”

สกิปเปอร์กระแทกอุ้งมือลงบนเตาผิง “ข้าแทบทนไม่ได้เมื่อคิดว่าเจ้าหนูน้อยที่น่าสงสารสองตัวนั่นต้องตกอยู่ในกำมือของนังแมวป่า”
นางหนูสาวโคลัมไบน์พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “แล้วเราจะบอกเบนกับกู๊ดดี้ว่าอย่างไรกันล่ะ ช่างน่าสงสารจริงๆ”
กอนฟฟ์ตอบโดยไม่ต้องหยุดคิดเลยว่า “บอกว่าพวกเรากำลังจะไปช่วยเจ้าเฟอร์ดี้กับเจ้าค๊อกส์ออกมาเดี๋ยวนี้เลย นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ!!!”

มีเสียงคำรามเป็นเชิงเห็นด้วยดังกระหึ่มขึ้น

เบลล่าขอให้สัตว์ทุกตัวเงียบ “กอนฟฟ์ มีเหตุผลหน่อย ข้าแน่ใจว่าสภาคอริมจะอนุมัติให้หน่วยกู้ภัยออกไปดำเนินการโดยเร็วที่สุด อย่าเพิ่งรีบรุดออกไปทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด จะทำให้พวกมันได้เชลยเพิ่มขึ้น หรืออาจจะมีใครต้องตายโดยไม่จำเป็น”

“เบลล่าพูดถูกแล้ว” เจอร์เมนพูดเสริมขึ้น “ข้าขอเสนอตัวเป็นหัวหน้าทีมกู้ภัย พวกท่านทุกคนก็เข้าร่วมทีมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าชิบบ์ มันจะมีประโยชน์กับเรามากกว่าครั้งไหนๆ ขอให้เราตั้งความหวังให้มากๆและเก็บอารมณ์เอาไว้ก่อน เบลล่ากับมาร์ตินคงไม่ต้องช่วยเราในเรื่องนี้ พวกเขากำลังวุ่นวายกับงานบางอย่างอยู่”

เบลล่าทำหน้าตายขณะหันไปจ้องหน้าแม่อธิการ

เจอร์เมนยิ้มให้ “ข้าก็ออกไปสูดอากาศในป่ามาเหมือนกันนะ เมื่อเช้านี้น่ะ”
เบลล่าคำนับแม่อธิการ “เพื่อนรัก ขอบใจท่านมากที่เสนอตัวช่วยเหลือ”

มาร์ตินกับเบลล่าขอตัวกลับไปที่ห้องทำงาน ทันทีที่เบลล่าปิดประตูห้องมาร์ตินก็หันไปเผชิญหน้า “ข้าตัดสินใจที่จะไปค้นหานักรบโบอาร์ ข้าจะเดินทางไปซาลามานดาสตรอน”
เบลล่าจับอุ้งมือทั้งสองข้างของเจ้านักรบหนุ่มมากุมเอาไว้ “ท่านแน่ใจหรือ มาร์ติน ว่าอยากไปจริงๆ?”
มาร์ตินพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “เพื่อท่านและเพื่อนๆทั้งหมดของข้าที่มอสฟลาวเวอร์ ข้าจะต้องหาสถานที่ประหลาดแห่งนี้ให้เจอ แม้ว่ามันจะอยู่สุดโลกก็ตาม แล้วข้าก็จะพานักรบโบอาร์ บิดาของท่านกลับมา…”

ประตูห้องถูกผลักเปิดออกโดยแรง กอนฟฟ์เดินเข้ามาในห้อง ใช้มือข้างหนึ่งขยี้หู “ประตูพวกนี้เป็นของตลก บางครั้งมันก็เหมือนไม่มีตัวตนเพราะเราสามารถได้ยินทุกอย่าง มิสเบลล่า ข้าประหลาดใจกับท่านจัง ท่านคิดยังไงถึงจะส่งสหายของข้าออกเดินทางแสวงหา โดยไม่มีผู้ช่วยที่มีร่างกายแข็งแรงเช่นข้าติดตามไปด้วย”
มาร์ตินมีท่าทางลังเลเมื่อหันไปมองเบลล่า “ข้าคงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมากถ้ามีเจ้าขโมยเก่งๆสักคนไปด้วย”
นางแบดเจอร์ผู้ใจดียิ้มให้ “โอ้ ข้านี่ช่างบกพร่องเสียจริงๆ ยินดีต้อนรับนะ กอนฟฟ์ เราคงต้องอาศัยสมองหลักแหลมของเจ้าในการเดินทางครั้งนี้”


มาร์ตินและกอนฟฟ์นั่งลงบนขอบโต๊ะที่ดารดาษไปด้วยม้วนหนัง ส่วนเบลล่าลงนั่งอย่างสบายในเก้าอี้นวมตัวเก่าที่เต็มไปด้วยฝุ่นแล้วถอนหายใจ ข้าจำได้ว่าพวกนักรบแบดเจอร์เดินทางออกไปแสวงหาซาลามานดาสตรอนกันนานมาแล้ว ลอร์บร็อคทรี ปู่ของข้าเดินทางไปตอนที่ข้ายังเล็กมาก หลังจากนั้นนักรบโบอาร์ พ่อของข้า ก็ออกเดินทางไปบ้าง”

“เคยมีบันทึกไว้บ้างไหมว่าเขาได้พบซาลามานดาสตรอน หรือมีแผนที่แสดงเส้นทางไปถึงที่นั่น?” มาร์ตินถามขัดขึ้น
เบลล่าลูบคลำลายทางของตัวเองอย่างใช้ความคิด “มันน่าจะต้องมีแผนที่อยู่ที่ไหนสักแห่งข้าเชื่อแน่ว่าคงยากลำบากอย่างแสนสาหัสที่จะไปถึงถิ่นของพวกมังกรโดยไม่มีแผนที่นำทาง พวกท่านจำเป็นต้องมีแผนที่”
กอนฟฟ์ยิ้มอย่างไม่ยั่น แล้วหยิบม้วนหนังหลายม้วนออกมาจากโต๊ะ
“เอาละ สหาย คำตอบง่ายมาก ช่วยกันหาแผนที่ที่ว่านี้กันเถอะ!”


เฟอร์ดี้และค๊อกส์พบว่าเป็นวันที่สับสนวุ่นวายและน่าสพรึงกลัวสำหรับพวกมัน มันทั้งสองนอนกองอยู่บนพื้นห้องนอนของนางทซาร์มิน่า พยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาจากมือทั้งสองข้างที่ถูกมัดแน่นหนา และปากที่ถูกอุดด้วยผ้าสกปรกเน่าเหม็น เฟอร์ดี้พยายามหายใจทางจมูกและชำเลืองมองค๊อกส์
ป่านนี้พ่อและแม่กำลังทำอะไรอยู่หนอ? พวกหัวหน้าสภาคอริมจะจัดส่งกำลังออกค้นหาและช่วยเหลือหรือไม่? พวกมันได้แต่เดาเอาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับมันต่อไป ซึ่งคงไม่น่าอภิรมย์นัก


ทซาร์มิน่าจ้องมองอย่างไม่แยแสเมื่อแอชเลคตัดเชือกที่มัดเชลย แล้วเอาผ้าที่ยัดปากอยู่ออก เจ้าเม่นน้อยทั้งสองนอนนิ่งอยู่บนพื้น พยายามกลั้นน้ำตาต่อสู้กับความเจ็บปวด ขณะที่เลือดเริ่มหมุนเวียนไหลกลับมาที่แขนขา ที่บวมเป่งของพวกมัน


คลัดด์ใช้ปลายหอกกระตุ้นร่างที่ไม่กระดุกกระดิก “ฮะ มันแข็งแรงดีแล้วละขอรับ คุณผู้หญิง ประเดี๋ยวพอมันพูดออกแล้วเราจะได้รู้ว่ามันมีอะไรจะบอกเราบ้าง”

ค๊อกส์กลิ้งตัวเข้าไปใกล้เฟอร์ดี้ “อย่าบอกอะไรพวกมันนะ เราต้องทำเหมือนมาร์ตินกับกอนฟฟ์ กล้าหาญและนิ่งเงียบ” มันพูดด้วยเสียงเกือบกระซิบ

นางฟอร์จูนาต้าเตะเจ้าค๊อกส์อย่างแรง แต่แล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่ออุ้งตีนของนางฟาดโดนขนแหลมๆของมันเข้าเต็มรัก

“หุบปาก นักโทษ รู้หรือเปล่าว่าเจ้ากำลังอยู่ต่อหน้ากับราชินีทซาร์มิน่า?”
เฟอร์ดี้ห่อลิ้นใส่นางสุนัขจิ้งจอกอย่างดื้อดึง “ไม่ใช่ราชินีของข้านี่—ข้าเป็นพวกสัตว์ในป่า”

ทซาร์มิน่าก้มตัวไปข้างหน้าที่เจ้าลูกเม่นนอนอยู่ตรงขาเก้าอี้ของนาง แล้วจ้องประสานตากับพวกมันราวกับอสรพิษ แสยะปากให้เห็นเขี้ยวมหึมาสีเหลือง พร้อมกับกางอุ้งเล็บอันน่าสพรึงกลัวออก ส่งเสียงขู่คำรามอย่างดุร้ายดังลั่น

“เยี๊ยกกกกการูรูรูรู!”

เฟอร์ดี้และค๊อกส์กอดกันแน่น ตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
นางแมวป่าหัวเราะลั่นออกมาแล้วเอนหลังไปพิงเก้าอี้ “เจ้าฮีโร่ตัวน้อยๆจากฝืนป่าของข้า ทีนี้เราจะเริ่มต้นคุยกันได้หรือยัง?”

นางทซาร์มิน่าเปลี่ยนทีท่าไปเป็นเมตตากรุณาขณะหยิบถาดอาหารจากโต๊ะมาวางลงบนตัก

“เจ้าคือเฟอร์ดี้หรือค๊อกส์? อยากกินนมกับขนมปังกรอบไหม? หรือจะเอาแอปเปิลฤดูใบไม้ผลิสีชมพูดอกกุหลาบนี่? หรือชอบลูกนัทกับผลไม้แห้ง? ดูสิ มันไม่กัดเจ้าหรอกน่า” ว่าแล้วนางก็ยกแอปเปิลขึ้นกัดแล้วตามด้วยนม

ลูกเม่นทั้งสองจ้องมองอาหารที่นางแมวกำลังกินอยู่อย่างหิวโหย ตั้งแต่เช้าตรู่พวกมันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

ทซาร์มิน่าโยนแอปเปิลทิ้งไปแล้วหยิบขนมปังกรอบชิ้นหนึ่งขึ้นมาและเล็มอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับปัดเศษที่ร่วงออกจากหนวด

เฟอร์ดี้เลียริมฝีปาก ค็อกส์ใช้ศอกกระทุ้งและเตือนว่า “อาหารพวกนั้นอาจจะใส่ยาพิษไว้ก็ได้นะ อย่าแตะเป็นอันขาดเชียวนา”
นางพญาแมวป่าวางจานอาหารลงบนพื้นใกล้ตัวมัน “อย่าโง่ไปหน่อยเลย ถ้ามียาพิษจริงข้าก็คงป่วยไปแล้วละ ลองกินดูสิ อาหารพวกนี้มาจากครัวพิเศษของข้า ข้าต้องการเพียงให้เจ้าเล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับพวกสัตว์ในป่าที่เป็นเพื่อนของเจ้าเท่านั้นแหละ”
ค๊อกส์อ้าปากหาวหวอดและพึมพำอย่างเหนื่อยอ่อนว่า “อย่าบอกอะไรมันเลยนะแม้แต่คำเดียว”
เฟอร์ดี้หาวบ้าง

นางทซาร์มิน่ามองดูเจ้าเชลยตัวน้อยทั้งสองซึ่งเปลือกตากำลังจะปิดอยู่แล้ว นางเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ทำเป็นหาวออกมาอย่างยืดยาวแล้วซุกตัวลึกลงไปในเก้าอี้นวมตัวหรู

“เจ้าทั้งสองคงเหนื่อยมาก ดีไหมล่ะถ้าได้นอนบนเตียงที่มีฟางสดสอาดแล้วหลับให้สบายนานที่ต้องการ? เจ้าก็มานอนที่สบายๆแบบนี้ได้นะ ง่ายนิดเดียวแหละ แค่เล่าเรื่องพวกเพื่อนๆของเจ้าให้ข้าฟังหน่อย เช่นว่าพวกเขาเป็นใครกันบ้าง อยู่ที่ไหน อะไรๆทำนองนี้แหละ ข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายพวกเขา แถมเมื่อพวกเขาได้รับอิสระภาพอย่างแท้จริงแล้วพวกเขายังจะขอบใจเจ้าเสียอีก เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
เฟอร์ดี้ซึ่งใกล้จะหลับเต็มทีแล้วพยายามต่อสู้กับความง่วง”เพื่อนๆของเรามีอิสระภาพอยู่แล้ว”

นางทซาร์มิน่าพยายามสะกดกลั้นความโกรธด้วยการจิกอุ้งเล็บเข้าไปในลูกแอปเปิลสีแดง

“อาจจะจริงอย่างที่เจ้าว่า แล้วสภาพของเจ้าตอนนี้ล่ะ เจ้าทั้งสองไม่มีอิสระและจะไม่มีต่อไปอีกนานจนกว่าเจ้าจะสำนึกได้แล้วตอบคำถามข้า ได้ยินไหม?”

คำขู่ของนางไม่มีผลอันใดเพราะเจ้าเม่นน้อยทั้งสองหลับสนิทไปแล้ว มันนอนเอาหัวชนกันไว้ หัวของมันสั่นน้อยๆขณะกรนสนั่น

คลัดด์แตะเจ้าตัวน้อยทั้งสองเบาๆด้วยด้ามหอก “ฮะ! กระผมไม่เข้าใจเลยขอรับว่าทำไมท่านไม่มัดมันไว้แล้วใช้อุ้งเล็บลงโทษมัน กระผมเชื่อว่ามันจะต้องยอมเปิดปาก”

สุ้มเสียงของนางทซาร์มิน่าเต็มไปด้วยการแดกดันถากถางเมื่อพูดว่า “เจ้าก็คิดได้แค่นั้นแหละนะ เจ้าหัวสมองทึบ ถ้าข้าทำกับพพวกมันอย่างที่เจ้าว่า เจ้าคิดว่ามันจะทนทานไปได้นานเท่าสักไหร่? เจ้าสองตัวนี่เป็นตัวประกันที่มีค่า อุ้มมันลงไปไว้ที่คุกใต้ดินแล้วใส่กุญแจเสียด้วย พรุ่งนี้ค่อยดูอีกทีว่ามันจะหิวจนยอมเปิดปากไหม”

จินจิเวียร์ได้ยินเสียงประตูชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปเปิดออก แสดงว่ามีใครกำลังลงมา
เจ้าคลัดด์นั่นเองที่ลงมา มีแอชเลคและนางฟอร์จูนาต้าติดตามมาด้วย เสียงลูกกุญแจถูกสอดเข้าไปในล้อคประตูห้องขังที่อยู่ติดกันทางด้านซ้าย ต่อจากนั้นมีเสียงออกคำสั่งของคลัดด์ดังแว่วมา

“ตัวหนึ่งอยู่ห้องนี้ อีกตัวอยู่ห้องที่อยู่ติดกับห้องของนักโทษที่ห้ามออกนาม ต้องแยกมันไว้คนละห้อง”

เมื่อเจ้าสามตัวเดินจากไปแล้ว จินจิเวียร์คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ เขาเชื่อว่าเมื่อเจ้าชิบบ์มาเยี่ยมในครั้งต่อไปมันจะต้องสนใจอยากรู้ ว่าใครที่ถูกส่งมาขังอยู่ในห้องสองห้องที่ขนาบห้องของเขาอยู่





































Create Date : 04 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 11:00:10 น.
Counter : 1380 Pageviews.

10 comments
  
มาจองที่ค่า พี่ตุ้ย
พรุ่งนี้มาโหวตแน่นอน
วันนี้งบหมดแล้วค่า
โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 4 พฤศจิกายน 2555 เวลา:14:59:35 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ลงสะพาน...เลี้ยวขวา Klaibann Blog ดู Blog
กิ่งฟ้า Photo Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
---------------------------------------------------------
แวะมาโหวตให้คุณตุ้ยค่ะ สบายดีนะคะ
โดย: เกศสุริยง วันที่: 4 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:40:04 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย
แวะมาเยี่ยมและโหวตให้ค่ะ
สบายดีนะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: pantawan วันที่: 4 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:58:10 น.
  
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
โดย: panwat วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:23:30 น.
  



More Flowers Greetings Comments

-------------------------------------
อัฟเอนทรี่ใหม่ตั้งแต่เมื่อวาน เพิ่งจะมีเวลาจริงๆก็ตอนนี้ที่จะแวะมาทักทาย ใกล้ลอยกระทงเข้าทุกทีงานรุมหน้ารุมหลังอยู่ค่ะ ขอให้มีความสุขนะคะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:12:23 น.
  
โหวตค่า พี่ตุ้ย

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555 เวลา:2:38:45 น.
  
อถ ปจฺฉา กุรุเต โยคํ กิจฺเจ อาวาสุ สีทติ

ถ้ามัวล่าช้าเพียรทำกิจล้าหลังไป จะจมลงในห้วงอันตราย

ใช้สติและปัญญาพร้อมความเหมาะสมในทุกกิจที่ทำ ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:20:39 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: เวียงแว่นฟ้า วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:22:39 น.
  
ส่งความคิดถึงค่ะคุณตุ้ย
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:40:37 น.
  
ปุพพาจริยาติ วุจฺจเร

มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นบูรพาจารย์คือครูคนแรก

บูชาครูคนแรกด้วยความเคารพสูงสุด ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:54:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com