"มะม่วง"เริ่มติดผลเล็กแนะหมั่นสำรวจสวนป้องกันศัตรูผลผลิต



นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามปกติมะม่วงจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดให้ผู้บริโภคได้รับประทานกันในช่วงฤดูร้อนหรือประมาณเดือนเมษายน แต่ก่อนที่จะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และอร่อยถูกปากเป็นที่ต้องการของตลาดนั้น เกษตรกรจะต้องคอยดูแลตลอดกระบวนการตั้งแต่เริ่มเพาะปลูก ออกดอก ติดผล ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชไม่ให้มาทำลายผลผลิตได้


โดยประเทศไทยสามารถเพาะปลูกมะม่วงได้ทุกภูมิภาคซึ่งจะให้ผลผลิตแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ สำหรับช่วงข้ามปีคือ ระหว่างเดือนธันวาคม – มกราคม เป็นช่วงที่มะม่วงออกดอกและทยอยติดผลเล็กแล้ว เริ่มจากสวนมะม่วงใน


พื้นที่ภาคกลาง ตามด้วยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงจึงควรเริ่มสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับมือกับโรคและแมลงศัตรูมะม่วง โดยเฉพาะโรคจุดดำ หรือโรคแอนแทรคโนส ซึ่งเป็นโรคสำคัญที่ทำให้ผลมะม่วงเสียหาย ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและรายได้จากผลผลิต





 






โรคแอนแทรคโนส เป็นเชื้อราสาเหตุโรคที่สามารถเข้าทำลายพืชได้ในทุกระยะการเจริญเติบโต โดยมีลักษณะอาการของโรค ที่เกษตรกรจะต้องหมั่นสังเกต คือ ใบอ่อนพบจุดฉ่ำน้ำ ต่อมาเปลี่ยนเป็นแผลสีน้ำตาลดำ หากอาการรุนแรงแผลจะขยายตัวอย่างรวดเร็วติดต่อกันทั้งผืนใบ ทำให้ใบบิดเบี้ยว เสียรูปทรง ยอดอ่อนเหี่ยวและดำ


ส่วนใบแก่พบแผลรูปร่างค่อนข้างเหลี่ยม หากอาการรุนแรงแผลจะทะลุเป็นรู ช่อดอกพบจุดหรือขีดสีน้ำตาลแดงเล็ก ๆ บนก้านช่อดอก ต่อมาแผลจะขยายใหญ่ขึ้น หากมีความชื้นสูงจะพบเมือกสีส้ม ซึ่งเป็นกลุ่มสปอร์ของเชื้อราอยู่ที่บริเวณแผล ทำให้ช่อดอกเหี่ยวแห้ง ดอกหลุดร่วงก่อนติดผล ผลอ่อนพบจุดแผลสีน้ำตาลดำ


ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมผลที่ถูกทำลายจะเป็นสีดำและหลุดร่วงก่อนกำหนด ในบางครั้งเชื้อสาเหตุโรคเข้าทำลายแบบแฝงในผลอ่อน โดยไม่แสดงอาการ แต่จะแสดงอาการของโรคเมื่อผลสุก และอาการรุนแรงมากขึ้นตามความสุกของผล ผลแก่ หรือผลสุกหลังเก็บเกี่ยวพบ


จุดแผลสีดำเล็ก ๆ ต่อมาแผลขยายลุกลามและยุบตัวลง ถ้ามีหลายแผลขยายมาติดกัน ขนาดของแผลจะกว้างขึ้นและยุบตัวเป็นแอ่งบุ๋ม ทำให้เน่าทั้งผล บางครั้งอาจพบเมือกสีส้ม ซึ่งเป็นกลุ่มสปอร์ของเชื้อราสาเหตุโรคอยู่ที่บริเวณแผลด้วย


การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว สปอร์ของเชื้อรามีการแพร่ระบาคโดยทางลมและฝน โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ชื้นสลับกับอุณหภูมิสูงและมีความแห้งแล้ง แปลงเพาะกล้าที่แน่นทึบ มีความชื้นสูงในระยะแตกยอดอ่อน แทงช่อดอกและติดผลอ่อนทำให้เป็นโรคได้ง่าย


สปอร์ของเชื้อราจากใบที่เป็นโรคจะไหลไปตามหยดน้ำลงสู่ขั้วผลแล้วกระจายไปทั่วผลทำให้ขั้วผลและกันผลเน่า โดยเชื้อราสามารถพักตัวในผลและทำให้ผลเน่าระยะหลังเก็บเกี่ยว จึงกล่าวได้ว่าโรคแอนแทรคโนสจัดเป็นโรคที่สำคัญที่สุดของมะม่วงในสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น





 






รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับการควบคุมและป้องกันกำจัดโรคแอนแทรคโนสในมะม่วงแบบผสมผสาน เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชรอบโคนต้น เพื่อลดความชื้นในทรงพุ่มและควบคุมปริมาณธาตุอาหารให้เหมาะสม ไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบมะม่วงเริ่มมีอาการของโรค ควรตัดแต่งและเก็บส่วนที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค สำหรับแหล่งปลูกที่พบการระบาดของโรคเป็นประจำ ในช่วงที่มะม่วงแตกใบอ่อน


เริ่มแทงช่อดอก และหลังติดผลอ่อน ควรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น แมนโคเซบ 80% WP อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อะซอกซีสโตรบิน 25% SC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โพรคลอราซ 45% EC อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 7 - 10 วัน และควรหลีกเลี่ยงการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช ในช่วงดอกบาน


เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการผสมเกสรของพืช หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง โดยเฉพาะกิ่งที่เป็นโรค และเก็บส่วนที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคในฤดูกาลผลิตต่อไป




 




 



Create Date : 19 ธันวาคม 2566
Last Update : 19 ธันวาคม 2566 15:48:55 น.
Counter : 240 Pageviews.

0 comments
ดราม่า "ออกัส วชิรวิชญ์" : สรุปประเด็นร้อนฉ่า สมาชิกหมายเลข 7995226
(17 เม.ย. 2567 17:07:47 น.)
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ haiku
(13 เม.ย. 2567 10:13:33 น.)
Heat Stroke โรคลมแดด / #ศิริราชWeAreReady #โรคฮีทสโตรก #โรคลมแดด newyorknurse
(10 เม.ย. 2567 02:31:37 น.)
มิ้งค์ พิรดา เตชะวิจิตร์ : ว่าที่นักบินอวกาศไทยคนแรก newyorknurse
(26 มี.ค. 2567 01:56:43 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thailand-agriculture.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด