มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาทอย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจงอย่าจ่ายลงให้มากจะยากนานไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวานเมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาลจงเลี้ยงท่านอย่าให้อดรันทดใจสุนทรภู่เจ้ากระต่ายอ้วนปุ๊กนั้นเป็นกระปุกออมสินที่คุณแม่ซื้อให้เมื่อจขบ.เริ่มไปโรงเรียนและได้เงินค่าขนม พร้อมทั้งสอนให้ท่องจำบทกลอนของสุนทรภู่ เป็นเพียงการสอนให้ท่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง แต่ก็จำได้ฝังใจ เป็นต้นกำเนิดของการรู้จักใช้ชีวิตเรียบง่ายและประหยัดอดออมทุกอย่างเพื่อให้ปลอดภัยจากการขาดเงินเมื่อจำเป็นต้องมีคงจะพอเห็นว่า เจ้ากระปุกกระต่ายมีช่องให้หยอดเงินตั้งแต่ยังมีเงินเหรียญหนึ่งสตางค์และห้าสตางค์ หยอดเต็มแล้วต้องค่อยๆแคะออกมาเอง โตแล้วจึงถามคุณแม่ว่าทำไมต้องหยอดกระปุกแล้วแคะออกมาก็ลำบาก ทำไมไม่ให้ใส่อย่างอื่นที่เปิดปิดง่ายกว่า คุณแม่บอกว่า ยากๆแหละดี จะได้ไม่แอบหยิบไปใช้เสียเอง แล้วเมื่อต้องพยายามแคะออกมาเพื่อเอาไปฝากออมสิน ก็จะได้ฝึกความอดทนและใจเย็นแล้วคุณแม่ก็จะเตือนเสมอว่า อย่าทำเจ้ากระต่ายอ้วนตกแตกนะ สงสารมันสอนให้รู้จักรักของใช้เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตจากการมีเจ้ากระปุกกระต่ายและบทกลอนสอนใจนี้มาตั้งแต่เด็ก จึงหล่อหลอมความประหยัดอดออมให้แก่ชีวิตของจขบ.มาจนบัดนี้เวลาเห็นอะไรต้องใจจนอยากซื้อ จะเกิดคำถามขึ้นมาในใจทันทีว่า จำเป็นต้องมีหรือไม่ ของเก่ายังใช้ได้หรือเปล่า แล้วถ้าเป็นของไม่จำเป็น จะบอกตัวเองว่า ไว้กลับไปคิดดูก่อน ถ้ายังอยากได้จริงๆค่อยกลับมาซื้อ อันนี้ก็จะเกิดผลสองประการคือ ถ้าไม่ได้อยากได้จริงก็ลืม แต่ถ้าตกลงใจว่าซื้อแน่ แต่กลับไปแล้วปรากฏว่า เขาขายไปแล้ว หนแรกๆก็เสียดาย แต่หลังๆก็เรียนรู้ว่า เมื่อของนั้นจะไม่ใช่ของเรามันก็จะไม่รอเรา แล้วเราก็คงได้อย่างอื่นที่สมควรได้มากกว่า การอดใจรอของที่เราแน่ใจว่าอยากได้มากที่สุด จึงเป็นการประหยัดได้อย่างแท้จริงลาไปก่อนนะคะ ขอให้มีความสุขทุกท่าน