ถนนสายนี้มีตะพาบ 199. บ้านเกิด (เมืองนอน และเรือนตาย) โจทย์โดย Jinny Tent
ถนนสายนี้มีตะพาบ 199. บ้านเกิด (เมืองนอน และเรือนตาย) โจทย์โดย Jinny Tent ขอบคุณของแต่งบล็อกจากอินเทอร์เน็ตและ Pinterest เอนทรี่นี้อยู่ในหมวด งานเขียนและบทประพันธ์
 credit: YouTube & Uploader:Nimit R. บ้านเรา บ้านเรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดด ส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวงสตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอกไม้ ชาติไทย ยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญนำพา กลับมา ถึงถิ่น ทรุดกายลง จูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัวใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จากกัน แสนไกล ยังเก็บไว้หรือเปล่า เมฆจ๋า ฉัน ว้าเหว่ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่อง ไป ยังบ้านเขา จงหยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือนตาย...
********************** เครดิตภาพ: https://suvarnabhumiairport.com
บ้านเกิด เมืองนอน และ เรือนตาย บ้านที่เธอเกิดอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในช่วงมหาสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกในไทยนั้น บ้านเธออยู่ท่ามกลางจุดยุทธศาสตร์ ซึ่งทุกครั้งเมื่อเสียงสัญญาณให้หลบภัยทางอากาศดังขึ้น คุณแม่ของเธอจะจูงเธอลงจากบ้านเพื่อหลบภัยบนพื้นดินใต้ถุนบ้านหลังนั้น คุณแม่จะบอกให้เธอหมอบลงบนเสื่อที่ปูไว้และคุณแม่กอดไว้ด้วย แต่แสงเพลิงจากระเบิดเพลิงเกือบจะล้อมรอบบริเวณนั้นพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าก็น่ากลัวมิใช่น้อย เธอซึ่งในตอนนั้นอายุเพียงห้าขวบกว่ายังจำสภาพน่าหวาดกลัวนั้นได้ตลอดมา เพราะทุกครั้งที่ต้องหมอบหลบภัยนั้น พอสัญญาณปลอดภัยดังขึ้น เธอก็ยังหมอบตัวแข็งอยู่เช่นนั้น คุณแม่ต้องอุ้มเธอเหมือนอุ้มก้อนหินขึ้นบ้านไปนวดเฟ้นจนกว่าร่างกายเธอจะคลายความเกร็งจากความกลัว
บ้านนั้นเป็นบ้านใต้ถุนสูงแบบที่นิยมสร้างกันในสมัยนั้น เผื่อว่าน้ำท่วมก็จะไม่เดือดร้อน แถมมีใต้ถุนไว้นั่งเล่น ทำธุระบางอย่างและแม้แต่เลี้ยงไก่ไว้กินไข่ แต่ครั้งที่น้ำท่วมใหญ่ในปี 2485 ใต้ถุนก็เต็มไปด้วยน้ำ ไก่ที่เลี้ยงไว้ก็ถูกน้ำพัดหายไปหมด เหตุการณ์น้ำท่วมนี้เกิดขึ้นก่อนภัยสงคราม และเมื่อสงครามดุเดือดขึ้นจนไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้อีก ครอบครัวสามพ่อแม่ลูกก็ต้องอพยพออกไปนอกเมืองเพื่อหาที่อยู่ใหม่
ชีวิตของเธอผ่านการย้ายบ้านด้วยเหตุต่างๆหลายครั้งจนจำแทบไม่ได้ว่าเคยอยู่ที่ไหนในกรุงเทพมหานครนี้บ้าง แทบจะพูดได้ว่า อยู่เสียทั่วกรุงเทพฯ เป็นชีวิตความเป็นอยู่ที่ทำให้ครอบครัวเล็กๆซึ่งเกือบไร้ญาติขาดมิตรนี้ผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น
เมื่อเห็นโจทย์นี้ให้เขียนเรื่องบ้านเกิด เธอก็บอกตัวเองว่า เราไม่เหลือแล้วบ้านที่เกิด ถ้าต้องเขียนก็จะเขียนได้เพียงเท่านี้ แต่กระแส บุพเพสันนิวาส ทำให้นึกถึงอีกช่วงหนึ่งของชีวิตที่ต้องไปอยู่ห่างครอบครัวที่นับว่าคือบ้านนี้นานหลายปี บอกได้เลยว่า ความรู้สึกที่ต้องจากบ้านที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างหลากหลายและยาวนานนั้น คือกลัวมากที่สุด กลัวการต้องไปเรียนรู้อยู่กับคนแปลกหน้าในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง กลัวมากจนฝันร้ายเสมอว่า ไม่ได้กลับบ้านอีก แต่ก็ต้องอดทนเพื่อไปเรียน
แม้ว่าการอยู่ต่างแดนจะไม่ยุ่งยากเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะคุณพ่อของเธอส่งค่าใช้จ่ายผ่านก.พ. แต่ก็ให้เงินใช้ส่วนตัวไม่มาก เธอใช้ชีวิตแบบเด็กฝรั่ง ประหยัดทุกอย่างเหมือนคนในประเทศนั้น ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอที่ใช้จ่ายไปในทางเที่ยวเตร่ แต่งตัวตามแฟชั่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน เธอมีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัว และติดนิสัยมาจนบัดนี้ว่าเสื้อตัวหนึ่งที่มีต้องใส่จนใส่ไม่ได้หรือขาดจนหมดสภาพ โชคดีที่เธอได้อยู่กับครอบครัวดีๆทั้งนั้น เขาไปไหนกันก็พาเธอไปด้วย เมื่ออยู่กันไปนานๆ บ้านหนึ่งอยากได้เธออยู่ด้วยตลอดไปในฐานะลูกสาว ตั้งใจส่งเสียให้เธอเรียนมากที่สุดที่เธอจะอยากเรียนเพราะผลการเรียนของเธออยู่ในระดับดีเยี่ยม บ้านนั้นมีลูกชายสองคน อยากมีลูกสาว ส่วนอีกบ้านมีน้องชายที่เรียกได้ว่าหน้าตาดีและสุภาพมาก แต่เธอก็ไม่คิดจะรับข้อเสนอที่จะใช้ชีวิตตลอดไปอยู่ที่นั่น อย่างมากก็จะได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเพียงนานๆครั้ง เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ในความรู้สึกของเธอ หรือไม่ก็เพราะไม่ได้มีบุพเพสันนิวาสระหว่างเธอและเขาผู้นั้น
เมื่อถึงเวลาที่ได้กลับบ้าน นาทีที่ลงจากเครื่องบินเหยียบแผ่นดินไทยอีกครั้ง น้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้สาเหตุ และบอกตัวเองว่า เธอจะไม่ส่งลูกหลาน(ถ้ามี)ไปต่างประเทศเป็นเวลาหลายๆปี นอกเสียจากจะอยากไปเอง
ประเทศไทยคือบ้านเกิด เมืองนอนและเรือนตายของเธอโดยแท้
LITERATURE งานเขียนและบทประพันธ์
|