ถนนสายนี้...มีตะพาบ โจทย์ก.ม.ที่ 187 "รักที่ปราศจากถ้อยคำ" โจทย์โดย คุณกะว่าก๋า
ถนนสายนี้...มีตะพาบ โจทย์ก.ม.ที่ 187 "รักที่ปราศจากถ้อยคำ" ขอบคุณของแต่งบล็อกจากอินเทอร์เน็ต เอนทรี่นี้อยู่ในหมวด งานเขียนและบทประพันธ์ Extreme - More Than Words credit: YouTube & Uploader ExtremeVEVO
ถนนสายนี้...มีตะพาบ โจทย์ก.ม.ที่ 187 "รักที่ปราศจากถ้อยคำ" โจทย์โดยคุณกะว่าก๋า โจทย์นี้คงจะเขียนกันได้ทุกคน และความคิดน่าจะหลากหลาย ที่เห็นๆแล้วก็มีทั้ง รักต้องมีถ้อยคำ (ไม่งั้นไม่รู้กัน) และ รักที่ไม่ ต้องพูดก็ได้ (ไม่บอกก็มีทางรู้ได้ดีกว่า แน่ใจกว่า) หลายวันก่อน (อีกแล้ว เที่ยวไปเก็บผลงานเพื่อนมาหากิน) เราไป บ้านคุณตุ๊ก tuk-tuk@korat พบเธอถอดความเพลง More Than Words อ่านทั้งเนื้อเพลง original และข้อความที่เธอถอดเป็น ไทยไว้ อ่านไปก็พยักหน้าไปหงึกๆ ไม่ได้หงึกๆเพราะเธอ แปลถูกแปลผิดอะไรหรอก ไม่สามารถขนาดนั้น แต่สรุป ประเด็นของเพลงได้ว่า คำว่า รัก นั้น ไม่ได้บอกความ รู้สึกจริงใจและจริงจังได้สักเท่าไร พูดไปสักร้อยครั้งมันก็แค่ลมปาก แน่จริงต้องพิสูจน์ให้เป็นรูปธรรมเลยดีกว่า แค่ลมปากยังไม่พอ ประมาณว่า อย่าเอาแต่พูดพร่ำคำว่ารัก จงแสดงให้ประจักษ์ว่ารักจริง ท่านที่สนใจเนื้อเพลงและการถอดความของคุณตุ๊ก เชิญที่นี่ค่ะ ส่วนเพลงนั้นเป็น bg อยู่ที่นี่แล้วค่ะ ขอบคุณคุณตุ๊กด้วยนะคะ ฟังผลงานของคุณตุ๊กแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า โจทย์ตะพาบของคุณก๋า ก็อาจตีความได้ว่า รักไม่จำเป็นต้องอาศัยวาจาใดเลย พิสูจน์ให้ เห็นว่ารักจริงเป็นรูปธรรมไปเลยดีกว่า ด้วยประสบการณ์จากวัย เราก็เห็นคนรักกันมามาก หลายคนยืนยัน ว่ารักต้องบอก "ฉันรักเธอ" เป็นประโยคที่ต้องได้ยินกับหู ยิ่งได้ยิน มากครั้งยิ่งยืนยันว่าอีกฝ่ายรักจริง ภรรยาบางคนน้อยอกน้อยใจ จนตลอดชีวิตการแต่งงานว่าสามีไม่รักเพราะเขาไม่เคยพูดคำนี้ เราเคยเห็นครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกสามคน ใช้วัน หยุดขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เวลากินข้าวตามร้าน พ่อจะนั่ง ดูความเรียบร้อยให้ครอบครัวได้กินอิ่มหนำสำราญ ทุกคนเลือก อาหารคนละอย่าง ส่วนพ่อมักจะบอกว่า พ่อเอาอะไรก็ได้ แล้ว พออาหารมาครบ ทุกคนก็จะลงมือกินตามสบาย จานไหนอร่อย ลูกๆที่ยังเล็กๆก็แทบจะแย่งกันตัก พ่อก็นั่งชิมนี่นั่นโน่นนิดๆ หน่อยๆ จนทุกคนใกล้อิ่มซึ่งก็แปลว่า จานที่อร่อยสุดหมด ไปแล้ว พ่อจึงจะตักกินอย่างจริงจัง แล้วก็กวาดหมดทุกจานที่เหลือ หลายๆครั้งเข้า ผู้เป็นแม่ซึ่งคุ้นเคยกับอัธยาศัยของสามีมาตั้งแต่ เริ่มรู้จักและมีใจให้กันว่า นี่คือการแสดงออกของสามีในเรื่อง ความรักใคร่ อาทรห่วงใย ดูแลการอยู่ดีกินดีของครอบครัว ที่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่เธอก็ต้องจัดระบบใหม่ด้วยเกรงว่า ในที่สุดลูกๆจะไม่เห็นคุณค่าของความรักของพ่อ เห็นเป็นเรื่องปกติ ที่พ่อต้องทำ แม่จึงต้องห้ามพ่อทำตัวเสียสละเสียเกินเหตุ ใช่ว่า สั่งมาแล้วไม่พอกินจะสั่งเพิ่มไม่ได้ แต่เราเห็นว่า พ่อคนนี้แคร์ความสะดวกสบายของครอบครัวด้วยการ แสดงออกเช่นนี้ และนี่คือความรักที่เป็นรูปธรรม ไม่ต้องเพ้อพล่าม คำว่ารักแล้วนั่งรอบริการจากคนรอบข้าง คนที่มีเคมีสื่อเข้ามารักกัน ไม่ต้องการคำพูดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ ใด รัก เอ็นดู ห่วงใย หรืออยากให้กำลังใจ บางคนแค่เดินเข้ามาหากัน โอบกอดสื่อส่งความปรารถนาดี อบอุ่นและจริงใจอยากให้อีกฝ่าย มีความสุข คลายความทุกข์ยากกังวล บอกได้ด้วยสีหน้าแววตาว่า เขาจะอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งคู่จะร่วมกันฝ่าฟัน เชื่อได้เลยว่า เขาจะร่วมทุกข์สุขกันจนกว่าจะตายจาก เมื่อใจถึงใจ รวมการแสดงออกที่อบอุ่นและมั่นใจ คำรักก็ไม่จำเป็นต้องพร่ำซ้ำซากแล้วนะคะ คนพิการทั้งหูหนวก เป็นใบ้และตาบอดจึงสามารถสื่อส่งความรักแก่กัน ได้ด้วยพลังรักจากใจ เสียงจากใจสื่อถึงใจที่ไม่ต้องอาศัยถ้อยคำ จขบ.ขอลาโจทย์นี้ไปเพียงเท่านี้นะคะ ไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้แต่อย่างใด เพียงแต่ได้ดูๆฟังๆเรื่องราวของคนอื่นมาเทียบเคียงกับคนใกล้ตัว ที่ถนัดทำมากกว่าพูดเช่นกัน ขอขอบคุณความรักที่ปราศจาก ถ้อยคำตลอด 50 ปีที่ผ่านไป จขบ.ก็ยังคงต้องนอนพักวันละไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมง หลับให้ได้สัก 8-9 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ที่เหลือก็นอนเพื่อให้ร่างกายได้พักนิ่งๆ คุณหมอได้ทำกายภาพเคลื่อนย้ายหินปูนในหูชั้นในที่เคลื่อนออกมาซึ่งทำให้เกิดอาการบ้านหมุนกลับเข้าที่แล้ว บ้านก็เลยหยุดหมุน แต่ทุกวันนี้ก็ยังต้องนอนให้ศีรษะสุงกว่าพื้นเตียงประมาณ 30 องศา และตะแคงซ้ายได้ข้างเดียว นอกจากเมื่อยมากก็ตะแคงขวาได้บ้างพอหายเมื่อย ก็เป็นชีวิตประจำวันที่ต้องปรับเปลี่ยนอย่างมาก แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดและเราก็คงพบกันได้บ้างตามสมควร ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ LITERATURE
แวะมาโหวตให้พี่ภา พร้อมเก็บเกี่ยว
เรื่องราวจากประสบการณ์ชีวิตค่ะ