วันนี้ขอเสนอภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง The Jungle Book ที่สร้างจากนิยายที่ทุกคนคุ้นเคย ชื่อภาษาไทยคือเมาคลีลูกหมาป่าครับ หลายคนรู้จักเรื่องนี้เพราะตอนเรียนลูกเสือมักให้เราสวมบทเมาคลีกระโดดเหยงๆ ท่องคติพจน์ว่า อาคีล่า จงทำดีๆๆ แล้วก็ร้องเพลง เมาคลีล่าสัตว์ๆ ล่าแชร์คานๆ ~♫ ทำไมลูกเสือถึงถูกเลี้ยงโดยหมาป่าแล้วออกล่าเสือวะ? อันที่จริงคลาสลูกเสือก้อปมาจาก Cub Scout ของฝรั่ง ที่บาวเดน พาวเวล ใช้นิยายเรื่องเมาคลีเป็นธีม เรียกอีกชื่อว่า Wolf Cubs แต่พอ ร.6 อิมพอร์ทเข้าไทยตั้งกองเสือป่าขึ้นก็เปลี่ยนเป็นลูกเสือ แต่ยังคงใช้เรื่องเมาคลีลูกหมาป่าเป็นธีมอยู่ เด็กก็เรียนไปงงกันไป
The Jungle Book เป็นนิยายที่เขียนโดย Rudyard Kipling ในปี 1894 เรื่องของเด็กชื่อเมาคลีที่ถูกทิ้งไว้ในป่าลึกของอินเดียและถูกเลี้ยงดูโดยหมาป่า นิยายเรื่องนี้ถูกทำเป็นการ์ตูนและภาพยนต์หลายเวอร์ชั่นมาก แต่ที่ประทับใจเจ้าของบล็อกที่สุดถ้าเป็นฉบับการ์ตูนก็ต้อง ซีรี่ยส์การ์ตูนเมาคลีของญี่ปุ่นปี 1989 (เคยฉายทางช่อง 9 การ์ตูน) และถ้าเป็นหนังโรงก็ต้อง The Jungle Book live action ของดิสนีย์ปี 2016 ที่จะพูดถึงในบล็อกนี้เลยครับ
ภาพยนตร์เวอร์ชั่นนี้นำแสดงโดย Neel Sethi ส่วนตัวละครหลักอื่นๆ รวมทั้งฉากต่างๆ เป็นคอมพิวเตอร์กราฟฟิคทั้งหมด! เห็นงานภาพของเรื่องนี้แล้วตะลึงกับพลัง CG ของศตวรรษนี้จริงๆ ปนด้วยความตะลึงกับจินตนาการของผู้กำกับและเจ้าหนูนีล ที่ตอบโต้กับโฟมและวิ่งบนฉากเขียวได้ตลอดการถ่ายทำ
นอกจากงานภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว เนื้อหาของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายไปพอสมควรก็ได้เรียงร้อยให้หนังเรื่องนี้สามารถวางบทบาทให้องค์ประกอบต่างๆของป่าแสดงจุดเด่นของตนเองออกมา และยังนำเสนอแนวคิดเรื่องวิถีของป่าและวิถีของมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่งแบบที่ไม่ต้องเอาวิถีของใครมาข่มใคร เอาคะแนน 5 ดอกไม้แดง ไปก่อนเลยครับ
**Entry นี้ มีการสปอยล์สาระสำคัญของเรื่อง**
เมาคลี เป็นลูกมนุษย์ที่ถูกทิ้งไว้ในป่า และบากีร่าเสือดำได้พามาให้ฝูงหมาป่าที่มีอาคีล่าเป็นจ่าฝูงช่วยเลี้ยง รัคช่าหมาป่าสาวได้เลี้ยงดูเมาคลีร่วมกับลูกหมาป่าตัวอื่นๆ เหมือนเป็นลูกตัวเอง
แม้ความสามารถทางกายและสัญชาตญาณต่างๆ จะสู้สัตว์ป่าไม่ได้ ทำให้ในการฝึกเอาตัวรอดเขาถูกบากีร่าจับตัวได้ทุกครั้ง แต่เมาคลีก็มีความสามารถที่เป็นจุดเด่นของมนุษย์คือการสร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ แต่นั่นไม่เป็นที่ยอมรับในป่า บากีร่าเตือนอยู่เสมอว่าการใช้ลูกเล่นแบบมนุษย์นั้นมันไม่ใช่วิถีของหมาป่า
นั่นทำให้เมาคลีไม่สามารถแสดงจุดเด่นที่เหนือกว่าสัตว์อื่นๆ ได้
ซ้ำร้ายด้วยความเป็นมนุษย์ ทำให้เขาถูกเกลียดชังโดยแชร์คาน เสือโคร่งผู้โหดเหี้ยมที่เป็นที่หวาดกลัวของสัตว์อื่น เพราะมันฆ่าเพื่อความสนุก ผิดกับการล่าเพื่ออยู่รอดแบบสัตว์ทั่วไป แชร์คานเคยเข้าจู่โจมพ่อของเมาคลีที่เข้ามาในป่า และถูกคบเพลิงจี้จนตาบอด แต่ก็สามารถสังหารพ่อของเมาคลีได้ แชร์คานยื่นคำขาดให้ฝูงหมาป่าตัดขาดจากเมาคลีก่อนหมดหน้าแล้ง ไม่เช่นนั้นเขาจะกลับมาจัดการ
เมาคลีอาสาขอออกจากฝูงมาเอง เขาได้พบกับบาลูเข้า บาลูเป็นหมีสลอธที่ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่เคร่งครัดกับกฎของป่ามากนัก กฎแห่งพงไพรที่ท่องให้ยึดถือกันนักหนาสำหรับเขาก็เป็นแค่พร็อพพาแกนดา (โฆษณาชวนเชื่อที่หลอกให้ทำตามเพื่อประโยชน์ของชนชั้นปกครอง) เท่านั้นเอง แม้แต่ศัตรูอย่างแชร์คานเองก็เคยบอกว่าเมาคลีถูกกฎฝังหัวให้ยอมละทิ้งความร้ายกาจที่สุดของมนุษย์ไป แท้จริงแล้ววิถีที่มนุษย์ที่เติบโตขึ้นในป่าอย่างเมาคลีควรเลือกเป็นแบบไหนกันแน่? -- ทำตามวิถีแห่งป่าเพื่ออยู่ร่วมกับสัตว์อื่น หรือทำตามวิถีของมนุษย์เพื่อดึงคุณค่าที่แท้จริงของตนเองออกมา
ครั้งหนึ่ง ลิงยักษ์ลูอี้ที่ปกครองฝูงลิงอยู่ในวิหารโบราณ ได้สั่งให้ฝูงลิงบันดาโล้กพาตัวเมาคลีมา ลูอี้ได้ครอบครองข้อมูลข่าวสารทั้งป่า แถมยังมีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล แต่เขาต้องการให้เมาคลีมอบสิ่งที่เขายังไม่มีให้ นั่นคือดอกไม้แดง
"ดอกไม้แดง" คือชื่อที่พวกสัตว์ป่าใช้เรียก "ไฟ" มันมีอำนาจเผาทำลายทุกสิ่งที่สัมผัสถูก และด้วยการที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถควบคุมไฟได้ ทำให้พวกสัตว์ป่าหวาดกลัวมนุษย์มาก ลูอี้เชื่อว่าหากเมาคลีมอบดอกไม้แดงให้ลูอี้ เขาจะได้ครอบครองอำนาจเหนือผู้ใดในป่าแห่งนี้โดยสมบูรณ์
ควมแตกต่างของมนุษย์จากสัตว์อื่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เอาตัวรอดมาจนอยู่บนจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตได้ แต่แรกเริ่มเดิมทีจีนัสเซเปี้ยนกำเนิดขึ้นมาเมื่อราว 2.5 ล้านปีก่อน เคยมีมนุษย์อยู่หลากหลายเผ่าพันธํุ์ เช่น โฮโมอิเรคตัส โฮโมฮาบิลิส โฮโมนีแอนเดอธัล และเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ที่หลงเหลือเพียงเผ่าเดียวจนถึงยุคปัจจุบันก็คือพวกเราๆ โฮโมเซเปี้ยน
มนุษย์เคยอยู่ตอนล่างของห่วงโซ่อาหาร แต่การใช้ไฟทำให้มนุษย์ขยับขึ้นมาอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารได้ การที่หนังเรื่องนี้ยกเอาคีย์สำคัญของการอยู่รอดของมนุษย์อย่างไฟให้เป็นที่หวาดกลัวไปทั่วผืนป่านั้นได้ตอกย้ำความหวาดกลัวที่ถูกฝังในวิวัฒนาการผ่านกาลเวลานับล้านปี พวกสัตว์ทั้งมวลรู้ดีว่าแม้จะมีร่างกายแข็งแกร่งกำยำเพียงใดก็ไม่อาจเอาชนะมนุษย์ที่ครอบครองดอกไม้แดงได้ และโฮโมเซเปี้ยนเองก็ขึ้นมาอยู่เหนือมนุษย์เผ่าอื่นๆ แม้กระทั่งมนุษย์นีแอนเดอธัลที่มีทั้งกำลังและมันสมองเหนือกว่าได้ ก็เป็นเพราะการสร้างภาษาที่ซับซ้อนทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากกว่า และโฮโมเซเปี้ยนยังอยู่รอดจนเกิดการรวมกลุ่มทางสังคมขนาดใหญ่กว่าสัตว์อื่นๆ ได้ด้วยการมีสิ่งที่ยึดถือร่วมกัน เช่น ศาสนา ทำให้สังคมของมนุษย์เติบโตแข็งแกร่ง ทิ้งห่างฝูงสัตว์อื่นๆออกไปแบบที่การวิวัฒนาการตามธรรมชาติไม่สามารถตามได้ทันแล้ว
แม้เมาคลีจะเป็นมนุษย์ที่โดดเดี่ยว แต่เขาก็ยังครอบครองปัจจัยขั้นต่ำสุดที่ทำให้มนุษย์ก้าวข้ามสัตว์ทั้งปวงอยู่ นั่นก็คือ "ไฟ"
แต่ตอนนี้เขายังไม่เต็มใจมอบมันให้กับใคร เมาคลีหนีการไล่ล่าของลูอี้ออกมา แต่ข่าวร้ายที่แชร์คานได้ฆ่าอาคีล่าและขึ้นปกครองฝูงหมาป่าก็มาถึงหู ทำให้เมาคลีต้องเดินทางกลับไปต่อสู้ตัดสินกับแชร์คาน ในทีแรกเมาคลีตัดสินใจสู้ด้วยไฟ ที่เป็นข้อได้เปรียบของมนุษย์ แต่การที่เมาคลีเอาคบเพลิงมาจากหมู่บ้าน และทำให้ไฟลามไปทั่วป่า แทนที่จะทำให้แชร์คานกลัว แต่กลับทำให้สัตว์ป่าที่เคยเป็นพวกเดียวกันหวาดกลัวเมาคลีที่กลายเป็นมนุษย์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว
เมาคลีตัดสินใจทิ้งคบเพลิง แม้จะไม่เหลือเขี้ยวเล็บอะไรจะต่อสู้กับเสือร้าย แต่อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดก็คือพวกพ้อง บากีร่า บาลู และเหล่าหมาป่า พร้อมใจลุกขึ้นช่วยเมาคลีต่อสู้กับแชร์คาน พร้อมตะโกนกฎแห่งป่าดังกึกก้อง
"NOW this is the law of the jungle, as old and as true as the sky, And the wolf that shall keep it may prosper, but the wolf that shall break it must die. As the creeper that girdles the tree trunk, the law runneth forward and back; For the strength of the pack is the wolf, and the strength of the wolf is the pack."
นี่คือกฎแห่งพงไพร
เก่าแก่แน่แท้เท่าผืนฟ้า
หมาป่าใดยึดถือจักก้าวหน้า
หมาป่าใดฝืนฝ่าจักวอดวาย
เฉกไม้เลื้อยที่โอบพันไม้ใหญ่
กฎว่ายเวียนวนกลับมา
ความแกร่งของฝูงอยู่ที่หมาป่า
ความแกร่งของหมาป่าอยู่ที่ฝูง
ผมชอบท่อน For the strength of the pack is the wolf, and the strength of the wolf is the pack. มาก น่าให้เอาไปท่องแทนกฎของลูกเสือจริงๆ
แม้พวกจะเยอะ แต่พวกบาลูก็ไม่สามารถเอาชนะแชร์คานด้วยกำลังได้โดยง่าย เมาคลีจะเข้าตะลุมบอนพร้อมฝูงหมาป่า แต่ก็ถูกบากีร่าห้ามไว้ "จะสู้อย่างหมาป่าไม่ได้ เจ้าไม่ใช่หมาป่า จงสู้อย่างมนุษย์"
บาลูเคยบอกว่าการใช้เครื่องมือไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นวิถีของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ซึ่งการที่คนใช้ชีวิตไม่ยึดติดกับกฎอย่างบาลูบอกเองก็คงไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่ แต่หนนี้แม้แต่บากีร่าที่สั่งสอนเมาคลีให้ทำตามกฎมาตลอดกลับบอกให้เขาแหกกฎ บากีร่าได้เห็นเมาคลีใช้อุปกรณ์ช่วยลูกช้างขึ้นจากหลุมได้ จึงเปลี่ยนความคิดและพบว่าการดึงศักยภาพสูงสุดของเมาคลีออกมานั้น ต้องไม่ยึดติดกับกฎแห่งป่า และประโยคนี้ได้ปลดปล่อยเมาคลีให้เป็นอิสระ การใช้ร่างกายเข้าสู้กับแชร์คานก็เหมือนกระโดดเข้าไปให้เสือจับกินฟรีๆ เขาต้องใช้จุดแข็งของมนุษย์ เมาคลีได้ล่อแชร์คานเข้าไปในป่าที่เพลิงกำลังลุกไหม้ และหลอกให้แชร์คานตกลงไปในกองเพลิงได้สำเร็จ ในขณะที่เขาใช้อุปกรณ์เชือกผูกตัวเองกับต้นไม้จึงไม่ร่วงตามลงไป
เมาคลีใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์ป่าต่อไป โดยรัคชาขึ้นเป็นจ่าฝูงหมาป่าแทนอาคีล่า เรื่องราวจบลงอย่างสวยงามครับ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแต่ละคนมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันได้ ขอเพียงให้ดึงคุณค่าของตนเองออกมาได้สูงสุด
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือการใช้องค์ประกอบของป่าในการวางบทบาทให้สัตว์ต่างๆ นั้น เซตติ้งของเรื่องนี้คือป่าดงดิบของอินเดีย และสัตว์กินเนื้อที่แข็งแกร่งที่สุดคือเสือโคร่งก็ถูกกำหนดให้เป็นตัวร้ายหลักไปแล้ว เรื่องนี้ยังวางตำแหน่งของสัตว์ป่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างแท้จริงไว้อย่างงดงาม ผมกำลังพูดถึงทีเร็กซ์ครับ... ทุ้ยยย! ช้างตะหาก! ในหลายๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่ามักยกให้สิงโตเป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่าทั้งมวล ด้วยความสง่างามแบบไม่สนสเป็คที่แท้จริงเลย แต่เรื่องนี้ให้ช้างเป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าสัตว์ป่าต้องเคารพบูชา ในฐานะผู้สรรค์สร้างทุกสิ่งในป่า ลงมือขุดที่ไหนก็จะเกิดเป็นสายน้ำ ขยับตัวเมื่อใดเหล่ากิ่งไม้ใบไม้ก็ร่วงหล่น หลังจัดการแชร์คานได้แล้ว เมาคลีก็ขอร้องให้ฝูงช้างช่วยเปลี่ยนทางน้ำจนสามารถดับไฟป่าได้สำเร็จ ถือว่าครั้งนี้เมาคลีสามารถใช้ทั้งวิถีของมนุษย์และวิถีของป่าได้อย่างสมบูรณ์
เบ็ดเตล็ดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย - ที่อยู่ของเมาคลีคือป่าซีโอนี่ ในรัฐมัธยประเทศ ตอนกลางของประเทศอินเดีย
- สัตว์ที่ปรากฎตัวในเรื่องล้วนมีอยู่ตามธรรมชาติในป่าของอินเดียจริง ยกเว้นลูอี้ เป็นลิงยักษ์ไจแกนโทพิธิคัสที่สูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อ 300,000 ปีที่แล้วอะนะ ถือเป็นตัวละครที่ปรากฏตัวออกมาดูมีบารมีน่าเกรงขามมาก แต่อยู่ๆก็ร้องเพลงทุเรศๆออกมา สงสัยเป็นคำสาปของดิสนีย์
- แม้ตัวละครสัตว์ต่างๆ จะเป็นภาพ CG แต่พากย์โดยดาราดังๆหลายคน โดยเฉพาะพญางู "คา" ที่พากย์โดยสการ์เล็ต โจฮันสัน เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ชมได้ส่วนนึงเลย แต่บทชีน้อยมาก
- ภาพยนตร์ดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายหลายจุด โดยเฉพาะจุดจบของแชร์คาน เดิมเมาคลีจะล่อให้แชร์คานลงไปในหุบเขาและถูกฝูงควายป่าเหยียบตาย แต่ฉากฝูงควายถูกใช้ตอนต้นเรื่องเพื่อพาเมาคลีหนีจากแชร์คานไป และให้ศึกตัดสินแชร์คานถูกล่อให้ตกลงไปในกองเพลิงแทน
- จากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีแผนทำภาคต่อนะครับ แต่ไม่รู้กว่าจะได้ถ่ายทำเจ้าหนูนีลจะโตขึ้นขนาดไหนแล้ว เพราะทีมงานก็เสียเวลาทำ The Lion King (2019) ไปนานอยู่
ได้เนียน คนนี่เก่งจริง ๆ 555
เรื่องนี้คงน่าดูอีกเช่นกัน
คุณชีริวเขียน เรื่องแบบนี้ดีเหมือนกัน เพราะคนไทยเริ่มเอียน
ข่าว ตาหาน ข่าวโควิด ข่าวนักกินเมือง 555