Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2563
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 ธันวาคม 2563
 
All Blogs
 

[Great Expectations] การล่าฝันย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย


"Happiness is the matter of expectation" เราจะไม่รู้สึกเป็นทุกข์เมื่อพลาดในสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง

ข้างบนนี้เป็นคำโปรยของนิยายเรื่อง Great Expectations นิยายอันโด่งดังของชาร์ล ดิคเค่นส์ นักเขียนชาวอังกฤษที่เขียนขึ้นในปี 1861 เนื้อเรื่องหลักของนิยายนี้เล่าถึงความพังพินาศของชีวิตชายหนึ่งคน ที่มีความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ (Great Expectations) ที่จะเลื่อนฐานะทางสังคมเพื่อเข้าหาคนรัก แม้จะเป็นเรื่องราวที่อายุนับร้อยปีแล้ว แต่ยังคงกินใจผู้คนทุกยุคทุกสมัยและถูกนำมาสร้างภาพยนตร์หลายเวอร์ชั่น

ผมมีความทรงจำเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้มากมาย รู้จักมันครั้งแรกกับภาพยนตร์ปี 1998 ที่อีธาน ฮอร์ก และกวินเน็ธ พัลโทรว์ แสดงนำ หนังเรื่องนี้ฉายต้นปี 98 เลยชนโรงพร้อมๆกับหนังปลายปี 97 อย่าง Tomorrow Never Dies, As Good as It Gets รวมถึงอภิมหาภาพยนตร์อย่าง Titanic พอพลิกดูหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ว่าไททานิคจะอยู่ในโรงไปกี่เดือน ก็เจอโปสเตอร์หนังเรื่องนี้บ่อยไปด้วย แต่ได้ดูจริงๆคือตอนเอามาฉาย HBO แล้วนะครับ หลังจากนั้นได้อ่านนิยายต้นฉบับที่ Oxford University Press เอามาพิมพ์ย่อ สำหรับฝึกอ่านภาษาอังกฤษ และอ่านฉบับเต็มหนาเกือบ 500 หน้าตอนไปเรียนต่อ รู้สึกชอบเนื้อเรื่องจนต้องวนกลับไปหาภาพยนตร์มาเก็บอีกที



เอ็นทรี่นี้มารีวิวฉบับภาพยนตร์เวอร์ชั่น 1998 นี่ละครับ แม้ภาพยนตร์จะดัดแปลงไปจากนิยายต้นฉบับหลายส่วนแม้กระทั่งชื่อตัวละครหลัก แถมปรับฉากจากอังกฤษเมื่อร้อยกว่าปีก่อนเป็นอเมริกายุคปัจจุบัน แต่ก็ยังดึงความรู้สึกสำคัญของเรื่องนี้ออกมาได้อย่างมีอินเนอร์ ทั้งความรู้สึกโหยหาบรรยากาศของบ้านเกิด และความรู้สึกผูกพันอย่างประหลาดกับหญิงสาวลึกลับในคฤหาสน์รกร้าง

**Entry นี้มีการเปิดเผยสาระสำคัญของภาพยนตร์**


ฟินนิแกน เบลล์ (Finnegan Bell แสดงโดย Ethan Hawke ) หรือเรียกสั้นๆว่าฟิน เป็นเด็กที่เติบโตมาในหมู่บ้านประมง อาศัยอยู่กับโจ ชาวสวนที่เคยเป็นคู่หมั้นของพี่สาว (ส่วนพี่สาวหนีไปกับชู้) เขาชอบออกไปวาดรูปเล่นริมชายทะเล จนวันหนึ่งได้พบนักโทษที่หนีออกมาและฟินได้ช่วยเหลือไว้ มันเป็นความทรงจำที่แปลกประหลาด แม้ชายคนนี้จะน่ากลัว แต่ฟินรู้สึกอยากช่วยเหลือให้เขาหนีตำรวจพ้น โดยไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะมาส่งผลอะไรกับชีวิตเขาหลังจากนั้น


วันที่ตามโจมาทำงานที่สวนของคุณนายดินส์มอร์ (Ms. Nora Dinsmoor แสดงโดย Anne Bancroft) หญิงชราที่เคยถูกผู้ชายหักอกในวันแต่งงานจนวิปลาส ต้นฉบับคุณนายดินส์มอร์ในนิยายคือคุณนายฮาวิชแชม หญิงชราผู้น่ากลัวนัยน์ตากลวงโบ๋ หน้าตาซูบเซียว สวมชุดแต่งงานสีซีด นั่งอยู่ในห้องที่นาฬิกาหยุดเดินตั้งแต่วินาทีที่คู่หมั้นทิ้งเธอไป คุณนายดินส์มอร์ในเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้น่ากลัวแบบที่นิยายบรรยาย แต่ดูเป็นยัยแก่ติ๊งต๊องที่ชอบการเต้นรำ แต่ที่เหมือนกันคือการปล่อยคฤหาสน์ให้ผุพังที่ย้ำถึงการจมอยู่กับความทรงจำที่เลวร้าย


เขาได้พบกับเอสเทลล่า (Estella แสดงโดย Gwyneth Paltrow) หลานสาวคนสวยของดินส์มอร์และตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ Raquel Beaudene ที่เล่นเป็นเอสเทลล่าวัย 10 ขวบ เป็นนักแสดงเด็กที่สวยมาก แถมด้วยความเย็นชาถอดแบบจากนิยายมาเลย


ดินส์มอร์ได้จ้างฟินให้มาเล่นกับหลานสาวตั้งแต่นั้น ฟินต้องเผชิญกับความเย็นชาของเอสเทลล่าวันแล้ววันเล่า เขาต้องเจ็บทั้งกายทั้งใจหลายครั้งจนต้องประกาศตนว่า "ฉันจะไม่ร้องไห้เพราะเธออีกต่อไปแล้ว" แต่ภาพยนตร์ก็ยังลดดีกรีความโหดของเธอลงมาเยอะ ไม่เช่นนั้นฟินคงดูเป็นมาโซคิสม์เกินไป จนหลายปีผ่านไป ทั้งสองคนเติบโตขึ้น เอสเทลล่าเองแม้จะมีความรู้สึกดีๆกับฟินอยู่ แต่เมื่อฟินเข้าหา เธอจะเป็นฝ่ายหนีออกไป และทุกครั้งที่ฟินคิดเลิกสนใจเอสเทลล่า เธอจะเป็นฝ่ายกลับมาหาอีก เหตุการณ์ดำเนินไปแบบนี้เรื่อยไป ดินส์มอร์เคยเตือนฟินว่าการไปหลงรักเอสเทลล่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เพราะเธอจะต้องหักอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณนายเคยผิดหวังเรื่องผู้ชาย จึงเลี้ยงหลานสาวให้ไม่สามารถรักใครได้อีก


ตอนที่เอสเทลล่าทิ้งเขาไปเรียนต่อที่นิวยอร์ค ฟินเลิกคิดถึงเธอแล้วกลับไปใช้ชีวิตริมทะเลกับโจแบบเดิม จนกระทั่งฟินได้รับโอกาสให้มาจัดแสดงงานศิลปะที่นิวยอร์ค เขาคิดว่านี่เป็นความตั้งใจของคุณนายดินส์มอร์ที่อยากส่งเขากลับไปหาเอสเทลล่าอีกครั้ง ฟินตัดสินใจไม่ทิ้งโอกาสนี้ไป เพื่อยกฐานะของตัวเองให้เท่าเทียมกับคนที่เขารักด้วย ฟินได้ติดต่อกับผู้จัดงานศิลปะชื่อดัง แต่งประวัติตัวเองใหม่ ออกสื่อ จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เขาได้พบกับเอสเทลล่าที่นี่อีกครั้ง แต่ทุกสิ่งก็พังทลายเมื่อรู้ว่าเธอตกลงแต่งงานกับคนอื่นแล้ว


หากเขาไม่มี Great Expectations ชีวิตของฟินคงดำเนินไปอย่างสงบสุขกับโจในหมู่บ้านกันดารอันแสนไกล ฟินยอมทิ้งชีวิตริมทะเล ทอดทิ้งโจที่เลี้ยงดูเขามาตลอด แม้โจจะอุตส่าห์ขึ้นเครื่องบินมาร่วมงานเปิดตัวศิลปินของเขา แต่ความบ้านนอกของโจไม่เป็นที่ต้อนรับของสังคมชั้นสูงที่นี่ แม้แต่ฟินก็ไม่อยากให้โจอยู่ที่นี่ในวันที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว แต่เขาก็รู้ตัวทันทีว่านั่นเป็นความเห็นแก่ตัวที่เลวร้ายที่สุด สุดท้าย แม้เขาจะประสบความสำเร็จและได้เข้ามาใช้ชีวิตในสังคมชั้นสูงแบบที่ตั้งใจ แต่เอสเทลล่าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่กับเขา

"ผมทำได้แล้วนะ! ผมประสบความสำเร็จแล้ว! ผมขายภาพได้หมดแล้ว! คุณไม่ต้องอายเรื่องผมอีกแล้วหละ ผมรวยแล้ว! นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่รึไง? พอใจรึยังล่ะ? ไม่เข้าใจหรือไงทั้งหมดที่ผมทำนี่ก็เพื่อคุณนะ!" ฟินตะโกนขึ้นไปที่ห้องเอสเทลล่าอย่างเจ็บปวด ที่เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เพียงเพื่อให้เอสเทลล่ายอมรับ แต่เธอไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อฟังเขาด้วยซ้ำ

คุณนายดินส์มอร์หวาดกลัวความรักจนเลี้ยงดูหลานสาวให้รักคนไม่เป็น เพื่อไม่ให้เอสเทลล่าต้องเจ็บปวดเหมือนตัวเธอ แต่นั่นกลับทำให้ฟินเจ็บปวดยิ่งกว่า ตอนได้พบกันอีกครั้ง ฟินนำมือเธอทาบไว้บนอกเขาและบอกกับเธอว่า "นี่คือหัวใจของผม และตอนนี้มันแหลกสลาย" ดินส์มอร์รู้สึกผิดอย่างแสนสาหัส สิ่งที่เธอทำลงไปไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำลายชีวิตของเด็กผู้ชายจิตใจดีคนหนึ่งเท่านั้นเอง เธอร้องไห้ขอโทษฟิน และตายอย่างโดดเดี่ยวหลังจากนั้นไม่นาน

วันหนึ่งความจริงได้เปิดเผยขึ้น เมื่อฟินได้พบกับชายชราแปลกหน้าที่มาหาเขาที่ห้องเช่าในนิวยอร์ค ชายผู้นี้ยินดีกับความสำเร็จของฟินและทำเหมือนรู้จักเขามานานมาก ฟินต้องใช้เวลาอยู่สักพักจนนึกออกว่าชายผู้นี้คืออาเธอร์ ลัสติก (Arthur Lustig แสดงโดย Robert De Niro) อาชญากรที่เขาเคยช่วยไว้สมัยเด็กๆ คนที่หานายหน้าให้ฟินได้มาแสดงงานศิลป์ที่นิวยอร์ค ซื้อภาพทุกภาพของเขา อีกทั้งส่งเงินมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาหลายปีแท้จริงแล้วไม่ใช่คุณนายดินส์มอร์ แต่เป็นชายผู้นี้ คนที่ปรารถนาดีกับฟินมาโดยตลอด คนที่เห็นคุณค่าของภาพวาดของฟินอย่างแท้จริง โดยที่ฟินไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาเลยด้วยซ้ำ การที่ลัสติกช่วยเหลือฟิน เพราะเขาเห็นว่าฟินเป็นเด็กที่มีจิตใจดี เป็นคนๆเดียวที่ยอมช่วยเหลือเขาอย่างจริงใจ


แต่วิบากกรรมมากมายที่ก่อไว้ก็ทำให้ลัสติกไม่สามารถพบความสงบสุขได้แม้บั้นปลายของชีวิต ฟินพาลัสติกหนีจากการไล่ล่าของเพื่อนแก๊งเดียวกัน แต่ลัสติกก็ถูกแทงเข้าขณะอยู่บนรถไฟจนเสียชีวิต หลังจากนั้นฟินได้เดินทางไปปารีสตามคำแนะนำของลัสติก และทำงานที่นั่นอีกหลายปี ก่อนกลับไปบ้านเกิด

ฟินคิดถึงความสุขที่เรียบง่ายในชีวิตแบบเดิมของเขาอีกครั้ง ตอนนี้โจได้แต่งงานใหม่และมีครอบครัวเล็กๆ อย่างมีความสุขแล้ว วันหนึ่งฟินได้กลับไปยังคฤหาสน์ของคุณนายดินส์มอร์ที่กำลังจะถูกรื้อเพื่อสร้างหมู่บ้าน และได้พบเอสเทลล่าอีกครั้ง ราวกับภาพในความทรงจำเมื่อวัยเด็ก เธอหย่ากับสามีและพาลูกสาวมาที่บ้านเก่า ครั้งนี้ฟินได้ทำให้เอสเทลล่าที่หวาดกลัวความรักมาตลอดเชื่อมั่นว่าเขายังคงมีที่ว่างในหัวใจไว้สำหรับเธอเสมอ แม้จะต้องทนกับความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่หลุดจากฝันร้ายของคุณนายดินส์มอร์มาได้แล้วคงไม่กลับไปซ้ำรอยเดิมอีก

 


นับเป็นภาพยนตร์ที่ดำเนินไปอย่างสวยงามตลอดทั้งเรื่องจนประทับอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คน แม้คะแนนรีวิวจากหลายสำนักจะออกมากลางๆ แถมรายได้ก็ไม่ได้ดีนัก (หนังฉายหลังไททานิค 6 สัปดาห์ แต่หนังที่ฉายในปีนั้นทั้งปี ถูกไททานิคกลืนหมด) แต่เรื่องนี้ก็มีองค์ประกอบที่ทำให้หลงรักได้ไม่ยาก ทั้งนักแสดงระดับแม่เหล็กคับคั่ง โทนของภาพที่ดุจดังงานศิลป์ และเพลงประกอบที่แสนไพเราะ โดยเฉพาะเพลงจบ ซึ่งโรเบิร์ต เดอ นีโร เป็นคนเลือกเพลง Life in Mono (1996) ของวง Mono จากอังกฤษเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ทำให้เพลงขึ้นไปติด US Billboard100 ของปี 98 ที่หนังฉายด้วย เนื้อเพลงเกี่ยวกับการหลงไปกับความรักจนละเลยสิ่งสวยงามรอบตัว เข้ากับหนังเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะท่อนแรกที่พูดถึงชายแปลกหน้าที่ครวญเพลงเพื่อความฝันของคนอื่นนั้น ราวกับพูดถึงลัสติกที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อฟิน โดยฟินที่เอาแต่วิ่งตามเอสเทลล่าไม่รู้เรื่องนี้เลย


สิ่งที่ขัดใจที่สุดคงเป็นบทบาทของเอสเทลล่า จากคนที่มีสเน่ห์ ลึกลับ น่าหลงใหล แต่เข้าถึงยากด้วยความหวาดกลัวความรัก ในหนังดูตั้งใจมาปลุกเซ็กซ์ฟิน พอจะถึงจุดพีคก็ปล่อยให้อารมณ์ค้าง เหมือนตั้งใจมากวนประสาทไปวันๆ และในหนังไม่ได้เฉลยเป้าประสงค์ของเอสเทลล่าและคุณนายดินส์มัวร์ให้ชัดเจนว่าต้องการทำลายชีวิตฟินเพื่อล้างแค้นผู้ชาย หรือเพียงแค่ไม่สามารถรักใครได้เพราะความเจ็บปวดในอดีต ผมเชื่อเอาตามแบบหลังซึ่งงดงามและสมเหตุสมผลกว่า แต่มันก็ขัดกับพฤติกรรมของเอสเทลล่าตอนโตมากเกินไป

และด้วยการที่หนังปรับเนื้อหาเป็นยุคปัจจุบันทำให้ประเด็นทางชนชั้นถูกลดความสำคัญลงไป นิยายของชาร์ล ดิคเคนส์ กล่าวถึงสภาพสังคมแบ่งแยกชนชั้นของอังกฤษยุควิคตอเรียนเมื่อร้อยหกสิบปีก่อน ที่ผู้คนมักถูกตีตราจากฐานะ เสื้อผ้า บุคลิคภายนอก มากกว่าจิตใจที่แท้จริงภายใน พิพ (ชื่อพระเอกจริงๆตามนิยาย) อับอายในรากเหง้าของตนเอง จึงพยายามเลื่อนสถานะทางสังคมขึ้นมาเพื่อให้คู่ควรกับเอสเทลล่า หารู้ไม่เลยว่าสิ่งที่อุ้มชูเขามาถึงจุดนี้แท้จริงแล้วคือความดีภายในที่เขาเคยได้ช่วยเหลือนักโทษคนหนึ่งไว้เมื่อนานมาแล้ว

แม้จะมีปัญหาเรื่องชนชั้น แต่สังคมอังกฤษยุคนั้นยังมี social mobility (โอกาสในการเลื่อนชั้นทางสังคมด้วยการศึกษา) สูง สิ่งนี้เองที่ขับเคลื่อนให้หลายประเทศที่ทำลายระบอบชนชั้นลงมาได้พยายามกระจายการศึกษาให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนยุคปัจจุบันแม้จะหมดปัญหาเรื่องชนชั้นไปแล้ว แต่ประเทศที่ล้มเหลวด้านการกระจายทรัพยากรของภาครัฐจะเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมขึ้นมาแทน แต่ปัญหาแบบหนังเรื่อง Parasite หรือ Joker นี้ไม่ได้เกิดขึ้นใน Great Expectations เพราะฉากของเรื่องนี้คือประเทศที่ใช้ทุนนิยมอย่างประสบความสำเร็จและมีสวัสดิการพื้นฐานเพียงพอ ผู้คนจะสามารถเลือกแนวทางการใช้ชีวิตได้ตามแต่ทุนที่ตัวเองมี แม้จะอยู่ในครอบครัวยากจน ชีวิตก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร การพยายามหนีจากฐานะทางสังคมของตัวเองเพื่อคนอื่นจึงเป็นความคาดหวังที่ทำให้ฟินต้องพบเส้นทางที่ยากลำบากแสนสาหัส

ส่วนประเทศที่สภาพสังคมเหมือน Parasite แต่สั่งให้ผู้คนพอใจในความจนแบบ Great Expectations มันจะเกิดการชำระล้างสังคมแบบ Joker เอาน่ะสิครับ

ชื่อตัวละครหลักที่เปลี่ยนแปลงไปจากนิยายตามนี้เลยครับ
  • Finnegan "Finn" Bell ตัวเอกผู้ไล่ตามความฝันในการเป็นศิลปิน ในนิยายต้นฉบับคือ Philip Pirrip (Pip) ผู้พยายามเข้าสังคมชั้นสูงด้วยการเป็นเสมียน
  • Ms. Nora Dinsmoor ในนิยายต้นฉบับคือ Miss Havisham ปรับคาแรคเตอร์จากหญิงชราสวมชุดแต่งงานเป็นป้าฟรุ้งฟริ้ง
  • Arthur Lustig โจรหนีคดีผู้ทรงคุณ ในนิยายต้นฉบับคือ Abel Magwitch เปลี่ยนฉากที่พบกับพิพครั้งแรกจากริมหนองน้ำข้างสุสานเป็นริมทะเล
  • Joe Gargery หนุ่มบ้านนอกผู้เลี้ยงดูพิพใช้ชื่อเดิมแต่เปลี่ยนอาชีพจากช่างตีเหล็กเป็นคนทำสวน/ชาวประมง
  • Estella ใช้ชื่อเดิม แต่เปลี่ยนนามสกุลตามคุณนายดินส์มอร์ และหนังตัดพล็อตที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือลูกสาวของแมกวิชที่หายสาบสูญไปออก ทำให้เหตุผลในการอุปถัมภ์พิพแทนลูกสาวที่ตัวเองไม่มีวันได้พบหายไปด้วย เหลือเพียงการช่วยพิพเพราะพิพเคยช่วยตัวเองไว้ อีกทั้งยังทำให้ฉากที่พิพพูดกับแมกวิชในวาระสุดท้ายว่า "ลูกสาวของคุณยังมีชีวิตอยู่ ...และผมรักเธอหมดหัวใจ" ถูกตัดออกไปด้วย ทั้งที่มันเป็นฉากที่มีความหมายกับแมกวิชมากๆ

แม้จะรู้สึกเสียดายที่ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกว่าหนังนี้ยังสามารถดีกว่านี้ได้อีกมากๆ แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังถือเป็นสิ่งสวยงามที่อยู่ในความทรงจำมา 22 ปีครับ

ให้คะแนน 3 อาร์ตสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ


 




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2563
34 comments
Last Update : 29 ธันวาคม 2563 19:57:46 น.
Counter : 5190 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณSleepless Sea, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณThe Kop Civil, คุณmultiple, คุณกะว่าก๋า, คุณTui Laksi, คุณtoor36, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณkae+aoe, คุณSai Eeuu, คุณหอมกร, คุณmcayenne94, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณตะลีกีปัส, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณnonnoiGiwGiw, คุณเนินน้ำ, คุณRinsa Yoyolive

 

เจิมๆๆๆ
เป็นหนังอีกเรื่องที่ชอบๆๆ
ทั้งพระเอกอีธาน ฮอร์ก
และนางเอกเกวนเน็ท พัทโทร

สมัยสวยหล่อๆ

มาเจิม..ก่อนะคะ
จากกระบี่ถึงปทุม..แล้ว
จะมาเม้นท์ต่อ

 

โดย: เริงฤดีนะ 20 ธันวาคม 2563 10:45:53 น.  

 

สวัสดีครับ

หนังน่าสนใจครับ ชอบทั้ง อีธาน ฮอร์ก และกวินเน็ธ พัลโทรว์
เนื้อเรื่องน่าติดตาม ยังไม่เคยดูคงต้องไปหาดูครับ

ขอบคุณที่แวะไปทักทายที่บล็อกนะครับ

 

โดย: Sleepless Sea 20 ธันวาคม 2563 12:06:57 น.  

 

ผมได้ดูในโรงตอนโน้นเหมือนกันครับ แต่จำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว คุณชีริวมารีวิว ทำให้อยากกลับไปดูอีกครั้งเลยครับ เพลงนี่เพราะจริง ๆ ครับ แสดงว่าถ้าอ่านหนังสือ จะเข้มข้นกว่าในหนังใช่มั๊ยครับ

 

โดย: The Kop Civil 20 ธันวาคม 2563 16:04:15 น.  

 

อ.เต๊ะ ตามไปอ่านประวัติของ ชาร์ล ดิคเค่นส์ พบว่า สำเนาของต้นฉบับเรื่อง Great Expectations ปล่อยไปที่ 217,350 ดอลลาร์ หรือ 6,660,000 บาทเลยทีเดียวเขียว

ที่น่าสนใจคือ ชาร์ล ดิคเค่นส์ มีเมียหลายคน มีลูกกับเมียคนนึง ถึง 10 คน และเมียคนสุดท้าย อายุ18 ขวบ

พอตามไปดูตัวอย่างหนัง Great Expectations พบว่ามีหลายยุค หลายเวอร์ชั่นมาก สมัยก่อนแค่ เรท pg13 ส่วนเวอร์ชั่นของคุณซีริว เรท R อ.เต๊ะ พยายามหาต่อไป เผื่อจะเจอเรท 3xl ก็ไม่เจอ เสียดายจัง 555

จริงๆ ชอบทั้ง 2เวอร์ชั่นเลย เวอร์ชั่นเก่า ภาพและแสงสวย ดูคลาสสิคดี เวอร์ชั่นใหม่ ค่อนข้างเร่าร้อนหน่อย เดี๋ยวจะลองไปหาหนังเต็มเรื่องดูบ้าง ขอบคุณสำหรับ รีวิวนะครับ

 

โดย: multiple 20 ธันวาคม 2563 18:34:22 น.  

 

เรื่องนี้พี่ก๋าไม่เคยดูครับ
แต่นั่งอ่านรีวิวของน้องชีริว
ชอบช่วงที่ฟินบอกว่า

"ผมทำได้แล้วนะ ทั้งหมดนี้ผมทำเพื่อคุณ"

ประโยคนี้มันเหมือนมีทั้งความดีใจ ความสะใจ
จนเกือบจะเป็นความหลงตัวเองเลยนะครับ
เหมือนเอาความสำเร็จของตัวเอง
ไปขู่คนรัก
ไม่รู้พี่ก๋าตีความถูกรึเปล่า
แต่อ่านประโยคนี้ซ้ำสองครั้ง
รู้สึกเหมือนที่เม้นท์ไว้ครับ

ภาพบุ้งที่บล็อก
เป็นตัวที่สวยงามที่สุดที่พี่ก๋าเคยเห็นมาเลยครับ
เดินมาให้เห็นโดยบังเอิญ

เผด็จการที่บอกว่าตัวเองเป็นเผด็จการนั้น
ไม่น่ากลัวกับเผด็จการที่บอกว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยนะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 20 ธันวาคม 2563 18:47:07 น.  

 

แวะมาทักทายโหวตให้ก่อน อ่านไปช่วงต้นๆ ชอบอยู่คร้า
พอดีต้องออกจากหน้าคอมฯก่อนละเดี๋ยวมาอ่านต่อคร้า
เพราะชอบอ่านทุกบรรทัดทุกตัวอักษรที่เขียนรีวิว ...จ้า

 

โดย: Tui Laksi 20 ธันวาคม 2563 18:50:10 น.  

 

Tomorrow Never Dies, As Good as It Gets, Titanic พวกนี้ดังจริง แต่เรื่อง Great Expectations ไม่เคยได้ยินชื่อเลยครับ พวกหนังที่สร้างจากต้นฉบับนิยาย ถ้ามันไม่เหมือนกัน หรือมีจุดที่แตกต่างรวมไปถึงถูกดัดแปลงก็จะเป็นที่ถกเถียงกันล่ะ ว่าแบบไหนดีกว่า หรือชอบแบบไหนมากกว่า

สมัยก่อนเรื่องชนชั้นที่แรงจริงๆ หลากหลายประเทศมีปัญหาเรื่องชนชั้น แต่หลายประเทศก็ก้าวผ่านเรื่องพวกนี้มาได้ ก็ได้แต่หวังว่าประเทศที่ยังไม่สามารถก้าวผ่านมันไปได้จะสามารถแก้ไขในส่วนนี้ได้นะ

เรื่องความเหลื่อมล้ำแม้แต่ด๋อยที่ผมเอามาเล่นยังมีความเหลื่อมล้ำเลย ตัวที่เป็นรุ่นเก่าหน่อยไม่มีพาร์ทให้นั่งได้ แถมบางตัวก็ไม่ค่อยได้เข้าฉากแสดงในบล็อก ถ้ามันวิ่งเล่นได้ มันต้องประท้วงแน่ๆ ถ้ามันประท้วงผมคงนอนไม่หลับ มันคงวิ่งเล่นกันวุ่นวายน่าดู

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 20 ธันวาคม 2563 20:56:22 น.  

 

จากบล็อก
Terra Formar มันออกมา 21 เล่มได้แล้วมั้ง (มีเล่มพิเศษอีก) เล่มที่ยังไม่ได้อ่านเป็น Side Story ของตัวละครในเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่วางแผนจะไปดำรงชีวิตบนดาวอังคาร เลยเอาแมลงสาบ กับพืช (มอส) ส่งไปดาวอังคารให้ดาวมันปรับสภาพ แต่แมลงสาบมันดันปรับสภาพวิวัฒนาการตามไปด้วยนี่สิ

คุณชีริวได้อ่าน/ดู เรื่อง Attack on Titan ใช่มั้ยครับ? มันมาแนวเดียวกันแหละ สุดท้ายสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ แมงสาบหรือไททันหรอก มันคือ มนุษย์นี่แหละ (สปอยแค่นี้พอ) แนว ไซไฟ การเมือง


แก๊งสาวป่วนก๊วนฟิตเนส ตอนแรกผมกะซื้อด๋อยเรื่องนี้ แต่มันออกแค่ ฮิบิกิ ตัวเดียว ผมเลยไม่ซื้อครับ ถ้าออกมาสัก 2 ตัวให้มันมีเพื่อนหน่อยแบบนั้นสิ น่าซื้อ เห็นอย่างนี้มีออกเป็นอนิเมด้วยนะครับ


ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ผมกะไปซื้อตอนเมษายน เห็นว่าเล่มนี้เป็นวิทยานิพนธ์ที่โดนไอ้หนุ่มผมยาวฉีกบัตร ดองเอาไว้ พอเลยกำหนด 10 ปี ก็นั่นแหละอิสระแล้ว ประเด็นที่ถกเถียงมีการแก้ไขแล้ว ตอนแรกผมไม่ไ้สนใจเล่มนี้มากเท่าไหร่นะ แต่พอมีประเด็นไอ้หนุ่มผมยาวพยายามสกัด ผมเริ่มรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้หยิบมา แต่ทนหน่อย เดี๋ยวเดือนเมษายนปีหน้า งานหนังสือจะย้ายไปจัดที่ไบเทคบางนา เดินทางสะดวกกว่าอิมแพ็คเยอะ คงได้จักแน่นอน ตอนนี้เคลียร์กองดองไปก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวผมจะโดนพาชูลี่งาบหัวเอา

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 20 ธันวาคม 2563 21:11:55 น.  

 

สมัยนั้นยังบ้าดูหนังมากครับ The Great Expectation ก็ได้ดู แต่จำเรื่อง As Good as it Get ได้มากกว่า ไปดูรอบปฐมทัศน์ ได้รางวัลเป็นเสื้อหนาวปักชื่อหนังด้วย

 

โดย: ทนายอ้วน 20 ธันวาคม 2563 21:12:37 น.  

 

อ่านจบละ...จขบ.รีวิวเจาะลึกเปรียบเทียบดีมากๆ
สำหรับเราไม่เคยดูเลย แต่ จขบ.ประทับใจอินอยู่ในความทรงจำ
มาถึง 22 ปี...อ่านแล้วก็อินตามจนอยากหามาชมเองด้วย
ยุคนั้นเราดู ไททานิค ที่ดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลก ถึงสองรอบ
ดูอีกก็น้ำตาร่วงตามอีก สงสารพระเอก อิอิ ...

ขอบคุณค่ะ รีวิวหนังเก่านานโขเรื่องนี้ อ่านจนอย่างตามชมตามที่ว่าเล๊ย
๒ อาร์ท เพลงเพะาะ + ความประทับใจไม่รู้ลืมของ จขบ.การันตี

 

โดย: Tui Laksi 20 ธันวาคม 2563 21:36:10 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

 

โดย: กะว่าก๋า 21 ธันวาคม 2563 5:48:01 น.  

 

จากบล็อก "ยำวุ้นเส้นร้านสะดวกซื้อ"

ไปทวงคืนกองผักใน 7-11 เมื่อไหร่บอกด้วยครับ จะไปราวมด้วย อิอิ

 

โดย: ทนายอ้วน 21 ธันวาคม 2563 13:54:58 น.  

 

ปีนี้พี่ก๋าไม่ได้เที่ยวไหนเลยครับ
เก็บตัวเงียบ
เจียมเนื้อเจียมตัวมากครับ 555
ต้องระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายมากเป็นพิเศษเลย
เต็มที่ก็แค่ไปเยี่ยมพ่อแม่มาดามที่เชียงรายครั้งเดียว
หมิงหมิงก็เรียนด้วยครับ
จะลาไปไหนมาไหนก็ลำบากเลย

 

โดย: กะว่าก๋า 22 ธันวาคม 2563 0:06:03 น.  

 

ชาร์ล ดิคเค่นส์ แกใช้ชีวิตเต็มเหนี่ยว เรียกว่าคุ้มค่ามากๆ
แถมรสนิยมดี มีห้องใต้ดินเก็บสะสมไวน์ สะสมเหล้า มีบันทึกไว้อย่างละเอียดละออ เรื่องผู้หญิงก็ใช่ย่อย ชอบมีเมียเด็ก
เสียดายอายุสั้นไปหน่อย

ไม่งั้นได้อยู่ใช้เงินมหาศาลเลยนะครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ

 

โดย: multiple 22 ธันวาคม 2563 4:29:36 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

 

โดย: กะว่าก๋า 22 ธันวาคม 2563 6:12:42 น.  

 

ชีริว Movie Blog ดู Blog
ปกติหนังชีวิตแบบตะวันตกก็เข้าใจยากอยู่แล้ว
เพราะต้องเข้าใจเบื้องหลังของเรื่องราว
เช่นวัฒนธรรมการแบ่งชนชั้นของเรื่องนี้
ถ้าไปดูภาคซับไทยอีกยิ่งเข้าใจยากไปใหญ่จ้า


 

โดย: หอมกร 22 ธันวาคม 2563 8:14:51 น.  

 

เนื้อเรื่องน่าสนใจ ถ้าแสดงย้อนยุคก็น่าดูไปอีก
เรื่องนี้กว่าจะดูจบคงใช้พลังงานไปมากทีเดียว
หนังชีวิตที่ให้อารมณ์มาก และใช้อารมณ์มากๆในการชม
ขอบคุณที่ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ

 

โดย: mcayenne94 22 ธันวาคม 2563 12:45:48 น.  

 

สวัสดีจ้ะ น้องชีริว

คำโปรยของนวนิยายเรื่องนี้ "เราจะไม่รู้สึกเป็นทุกข์์ เมื่อพลาดในสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง"คำโปรยนี้ครูเห็นด้วยอย่างยิ่งจ้ะ เพราะถ้าเราไม่ได้หวัง เมื่อไม่ได้สิ่งนั้น ๆ เราก็ไม่ทุกข์ อยู่แล้วเนาะ อิอิ

ตัวละครสำคัญในภาพพยนตร์เรื่องนี้ มี 4-5 ตัว ล้วนแต่เป็น
ตัวแทนแห่งความทุกข์ เพราะยึดติดเรื่องราวในอดีตทั้งนั้น ไม่ว่าจะ
เป็นดินส์มอร์ ผิดหวังจากความรัก ฝังตัวอยู่ในอดีตแล้วยังทำร้าย
ปลูกฝังเรื่องเลวร้ายให้กับหลานสาว คือ เอสเทลร่า ให้เกลียดชัง
ความรัก ไม่มีความรักให้กับใคร (แต่ก็แต่งงาน นะ แล้วก็ต้อง
หย่าร้างกัน ) ส่วน ฟิน ผู้ใฝ่สูงอยากมีฐานะเท่าเทียมทางสังคม
เท่ากับ เอสเทลล่า จนสามารถก้าวเข้าสู่สังคมชั้นสูงเทียบเท่า
เอสเทลล่าแล้ว ก็ผิดหวัง เพราะหล่อนไม่่ได้สนใจตัวเขาเลย อิอิ

ทั้งหมด ครูชอบและสงสารมากที่สุด คือ ลัสติก ถึงเขา
จะเป็นนักโทษ แต่เขาก็เป็นคนดี ไม่ลืมบุญคุณคนที่ช่วยเขา คือ
ฟิน ได้แอบช่วยเหลือฟินตลอดเวลา น่าสงสารที่ในที่สุดเขาต้อง
ถูกแทงตาย เฮ้อ ! จบจ้ะ

โหวดหมวด ภาพยนตร์

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 22 ธันวาคม 2563 19:13:46 น.  

 

ขอขอบคุณคุณชีริวด้วยจ้า
นั่นแน่...มีแอบไปอยู่ FB.เหมือนกัน ใช้ชื่อรัยน๊า..
จะได้ตามไปกวน เอ๊ย...ตามไปคุยทักทายบ้างคร้า...

 

โดย: Tui Laksi 22 ธันวาคม 2563 20:00:14 น.  

 

ผมรู้จัก Great Expectations นะ แต่ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ซักที
และก็ไม่เคยดูหนังปี 1998 ด้วย เพราะร้านวีดีโอแถวบ้านไม่เปิดให้ดู
(i หมอนี่มาดูฟรีตั้งแต่ยุควิดีโอยันบลูเรย์เลยเรอะ)



ผมอ่านบล็อกนี้ของคุณชีริวแล้ว ก็พอเข้าใจนะครับ
ที่หนังปี 1998 ทำได้ไม่สุด ประเด็นในนิยายบางอย่างหายไป
ผมว่าปัจจัยหลักน่าจะมาจากเรื่อง
"ประเทศและยุค" ในการดำเนินเรื่องในหนังนี่แหละมั้งครับ
อเมริกายุคศตวรรษที่ 19 ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหาเรื่องชนชั้นเลย
แต่น่าจะเป็นดินแดนทีู่้ผู้คนมีโอกาสทำกินมากกว่าอังกฤษเยอะ
(เว้นแต่ว่าคุณไม่ใช่ทาสผิวดำในยุคนั้นนะ)
พอหนังดำเนินเรื่องในอเมริกา แถมยุคเกือบ ๆ ปี 2000 ด้วย
ประเด็นเรื่องชนชั้นแบบในนิยายเลยเบาบางลงไปเลย

ไม่เป็นไรหนังเวอร์ชันนี้คงมีอะไรดี ๆ อีกเยอะ
ดู Gwyneth Paltrow ไปเพลิน ๆ ก็ได้
เสียดาย...ที่ร้านวิดีโอแถวบ้านไม่เปิดหนังเรื่องนี้ให้ดู
(วกมาเรื่องดูฟรีอีกแระ)

 

โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก 22 ธันวาคม 2563 23:38:33 น.  

 

เปิดเข้ามา อ่านเรื่องย่อที่ยาวมาก 555 เลยคลิ๊กเข้าดูเข้า
ฟังเพลงไปด้วย เป็นการร้องเสียงสูงที่ร้องแบบเบา ๆ
ได้แปลก หาคนร้องแบบนี้ได้ยากมากครับ

..
การดัดแปลงเนื้อเรื่องสถานที่นิดหน่อยก็โอเค เพราะเขา
คงต้องการ เนื้อเดิมไว้... แต่ยังคงย้ำให้ พบความเจ็บปวด
ที่ต้องทน เพราะ รัก.. เรื่องแบบนี้หายากครับ
..

คุณชีริวไป โขทัยก่อนผมนิด ๆ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 23 ธันวาคม 2563 5:06:24 น.  

 

ที่พี่อ้อจำได้ติดตาจากหนังเรื่องนี้
คือฉากโถงบ้านที่รกรุงรังของคุณนายดินส์มอร์
พระเอก นางเอก เต้นรำกัน

ไม่ใช่เพราะมันโรแมนติก

เดาเอาเพราะความContrast มากกว่า


 

โดย: เริงฤดีนะ 23 ธันวาคม 2563 7:18:40 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณชีริว...

ไม่ค่อยได้ดูหนังบ่อยนัก..มีกิจกรรมหลายอย่างทำอยู่..

โดยเฉพาะฝึกร้องเพลงคะ...

แต่ก็ติดตามเป็นระยะๆนะคะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 23 ธันวาคม 2563 8:26:22 น.  

 

สวัสดีมีสุจค่ะ

มาอ่านเรื่องย่อ ของตัวเอกหญิงที่ถูกหล่อหลอมมาจากความเจ็บปวดจากชาย และตัวเอกชายที่เจ็บปวดจากหญิงนั้น กระจ่างอย่างไม่ต้องไปดูหนังก็ได้แล้วค่ะ

ผักเหมียง กับผักเหลียงคือชนิดเดียวกันค่ะ อยู่ต่างที่ก็เรียกต่างกันเท่านั้นเองค่ะ

 

โดย: ตะลีกีปัส 23 ธันวาคม 2563 13:47:56 น.  

 

สวัสดีครับ
ได้มาเห็นหนังที่เคยดูเมื่อก่อน
ตอนนั้นเช่า VCD มาดู
แต่ถ้าให้นึกเรื่องเองตอนนี้ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว
คุ้นแต่ว่าเป็นหนังที่โทนสวยเรื่องนึงทีเดียวครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 23 ธันวาคม 2563 17:52:39 น.  

 

ที่ไปคุย
กันซึผมไม่เคยอ่านด้วยเลยไม่รู้จะเทียบยังไง Terra Forma แรกๆ มันก็ปลาบแมงสาบ แต่ไปๆ มาๆ มันกลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศไปได้ไงก็ไม่รู้

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 24 ธันวาคม 2563 9:56:00 น.  

 

หนังแอบหลอนเหมือนกันนะครับเนี้ย
อ่านแรก ๆกำลังจะบอกเลยว่า หลอนๆ จิตๆ เหมือน Jocker เลย สุดท้ายคุณชีริวก็บอกว่ามีส่วนคล้าย Jocker
นี่แสดงว่าใจเราตรงกัน


คุณชีริวคงกำลังบอก....แกไปให้พ้น 55555

เข้าใจอารมณ์หนังที่เข้าช่วงไททานิคครับ
ผมอ่ะไม่ทันรู้เรื่องหรอกว่าตอนนั้นกระแส คู่รักเรือล้ม มันเป็นยังไง
แต่ดูจากปัจจุบันน่าจะดังสุด ๆ ผมมาดูเอาตอนโตหลายรอบยังไม่เบื่อเลย
รู้สึกว่า นี่ขนาดสร้างนานแล้วยังทำได้เนียนตาดี ดูกี่ทีก็ตื่นเต้นเลย

จากบล๊อก
ไปรถไฟชิลดีฮะ เหมาะกับคนไม่รีบด้วยประการใดๆ
ถนนนี่ ขับใหม่ๆ มันส์ดีครับ เสียดายเช่าซีวิค 1.8 ไป ถ้าได้ 1.5 turbo คงสนุกเท้ามาก ๆ(แค่นี้เพื่อนก็อ้วกแตกแล้วครับ5555)

ใช่ครับ หมู่บ้านรักไทยตอนเที่ยงรับแสงอาทิตย์แบบ super surround กลางคืนให้อารมณ์ spirite away มากๆ ชอบๆ

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 24 ธันวาคม 2563 10:43:12 น.  

 

หนังช่วงนั้นจำได้แต่ไททานิคจริงๆ นั่นแหละนะ.. แหะๆ


ช่วงนี้ ติดนิยายมาก งอมแงม ไม่ค่อยได้เปิดทีวีเลย
ล่าสุดเปิดเนตฟลิกดูหนังเกี่ยวกับคริสมาสไปครึ่งเรื่อง
แล้วดันง่วง ดูไม่จบ จากนั้นก็ถูกเราลอยแพ 5555+


จากบล็อก..
โควิดน่าเบื่อจริงๆ ค่ะ นี่ไม่ได้ไปรับแม่แล้ว
นางบอกว่าไม่ต้องมา สถานการณ์มันวุ่นวาย
หัวปลี ยังทำได้อีกหลายเมนูนะ ลาบก็อร่อย

ตุ๊บตั๊บ ตัวฟูเหมือนปู่เค้าแหละ หน้านี่ถอดปู่มาเลย
ไม่ได้มีความเหมือนพ่อมันเล้ยย 555+

ขอบคุณที่เข้าไปทักทายนะค้าาา

 

โดย: nonnoiGiwGiw 24 ธันวาคม 2563 14:55:31 น.  

 

Merry X'Mas ค่ะคุณซีริว
ไม่ค่อยได้ดูหนัง แต่คุณซีริวรีวิวได้ละเอียดครบถ้วนมาก ราวกับได้ไปนั่งดูด้วยตนเองค่ะ ชอบ ๆ
เรื่องนี้แม้เรื่องราวจะเนิ่นนานมาแต่ก็ไม่รู้สึกว่าล้าสมัยนะคะ ความเหลื่อมล้ำก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
ความรักความผิดหวังและความกลัวถ้าก้าวผ่านไม่ได้ก็จะอยู่ในใจไปชั่วชีวิตเนาะ

 

โดย: เนินน้ำ 25 ธันวาคม 2563 8:40:28 น.  

 


ส่งความสุขตามเทศกาลยามเช้าค่ะ




ส่งclip สวัสดีปีใหม่เพื่อนบล็อก
หรือยังคะ
รอชม รอฟัง ค่ะ

 

โดย: เริงฤดีนะ 25 ธันวาคม 2563 9:51:31 น.  

 

เพราะเราคาดหวังไว้ มันเลยทุกข์ยังไงล่ะ
สู้ปล่อยตามนาฬิกาชีวิตไปดีกว่าเยอะเลยนะ
แต่ก็อย่างว่า เอาความคิดเป็นนาย เลยทุกข์ ก็จะเป็นแบบนั้นจริงๆ

แล้วตัวละครในเรื่องนี้ก็เป็นตัวแทนความทุกข์ด้วย
กว่าจะผ่านมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกันนะ

แต่ยังไง ก็ปีใหม่จะเข้ามาแล้วผ่านได้ ผ่าน เกี่ยวมั้ยอ่ะ อิอิ

 

โดย: Rinsa Yoyolive 26 ธันวาคม 2563 15:27:12 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

 

โดย: กะว่าก๋า 27 ธันวาคม 2563 6:38:09 น.  

 

สวัสดีคุณชีริวครับ

ขอบคุณที่ไปทักทาย ให้กำลังใจที่บล็อกนะครับ

จากบล็อก :
มิตซึโกะ ใส่วิกครับ หลังจากพ่อบ้านรู้ความลับยังโดนกระชากวิกและข่มขู่อีกด้วย

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 27 ธันวาคม 2563 14:06:41 น.  

 

จากบล็อก
ตัวมันเล็กจริงๆ น่ะแหละ ขนาดลูบหัวยังต้องใช้แค่นิ้วเดียวเลย

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 27 ธันวาคม 2563 17:05:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.