1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
[Titanic] เรื่องจริงในคืนที่ไททานิคจม
ไททานิคชนก้อนน้ำแข็งเกือบเที่ยงคืนของคืนวันที่ 14 เม.ย. และจมลงช่วงตีสองของวันที่ 15 เม.ย. 1912 นั่นก็คือคืนนี้จะครบรอบ 109 ปี ที่ไททานิคจมลงสู่ก้นมหาสมุทร บล็อกรีวิวหนังครั้งนี้ขอชวนคุยเรื่องภาพยนตร์ Titanic อภิมหาภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเรื่องหนึ่งของโลก ทั้งรายได้ เสียงวิจารณ์ และรางวัล หนังเรื่องนี้เข้าฉายปลายปี 1997 ประสบความสำเร็จถล่มทลายทั่วบ้านทั่วเมือง เพื่อนมันเข้าไปดูกัน 3-5 รอบ ส่วนผมกว่าจะได้ดูก็รอจนสอบหมดจบเทอม แล้วหาเวลาไปดูตอนอ่านหนังสือเตรียมเอ็นทรานซ์ ซึ่งเลทกว่าชาวบ้านไป 3 เดือน แต่หนังก็ยังไม่ออกจากโรง และนี่คงเป็นหนังที่อยู่ในโรงยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วครับ อยู่ได้ 1 ปีเต็ม!! หนังเรื่องอื่นแทบไม่เป็นอันฉายเลย โดนไททานิคแย่งรอบไปยาวๆ นอกจากรายได้ 2.2 พันล้านเหรียญที่ทำลายสถิติใหม่ (รวมการฉายรอบสองปี 2012) ก่อนจะถูก Avartar (2009) และ Avenger: End Game (2019) ทำลายสถิติแซงไปแล้ว หนังเรื่องนี้ยังกวาดรางวัลอีกมากมาย ลบอาถรรพ์ที่ว่าหนังทำเงินมักไม่ได้กล่อง โดยไททานิคกวาดรางวัลออสการ์ไปถึง 11 รางวัล เทียบเท่าเรื่อง Ben-Hur (1959) และ The Lord of the Rings: The Return of the King (2003) ในงานแจกรางวัลออสการ์ครั้งที่ 70 นั้น แจ็ค นิโคลสัน ที่ได้รับรางวัลดารานำชายจาก As Good as It Gets ถึงกับบอกว่าคืนนี้รู้สึกเหมือนจมอยู่ในน้ำทั้งคืนเลย สิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งความรักของพระเอก-นางเอก ดนตรีและเพลงประกอบที่ไพเราะ เอฟเฟ็คต์ตอนเรือจมที่ยอดเยี่ยม และอื่นๆอีกมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมทั้งเป็นหัวข้อหลักที่จะคุยกันในบล็อกนี้คือ ไททานิค ได้ถ่ายทอดสภาพสังคมชนชั้นช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และการแสดงความเป็นมนุษย์ในขณะที่เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้อย่างทรงคุณค่า ทั้งวีรกรรมและความต้องการเอาชีวิตรอดของผู้คนที่เกิดขึ้นในคืนอันโกลาหลนั้นถูกบันทึกเรียบเรียงไว้มากมาย และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ชวนพวกเรากลับไปสู่ปี 1912 อีกครั้ง ขอบคุณที่ทำภาพสวยๆ ให้เห็นนะจ๊ะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ มันผิดจากนี้ไปมาก -- โรสในวัยชรากล่าวกับทีมล่าสมบัติไททานิค แม้สาเหตุที่เรือจมและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะถูกต้องตามบันทึกและตามหลักทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ทีมล่าสมบัติไม่ได้สะท้อนออกมาคือเจตจำนงอันหลากหลายของผู้โดยสารที่กำลังเผชิญกับความตาย และภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำมาถ่ายทอดให้พวกเราได้รับรู้...อาร์เอ็มเอส ไททานิค (RMS Titanic) เป็นเรือโดยสารที่สร้างขึ้นในปี 1909-1911 โดยบริษัทไวท์สตาร์ไลน์ มีความยาว 269 เมตร ภายในแบ่งเป็น 10 ชั้น จุผู้โดยสารได้สูงสุด 3,547 คน ใช้ลูกเรือ 860 คน เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น ส่วนสถิติปัจจุบันตกเป็นของ Seawise Giant (ยาว 458 เมตร) เป็นเรือบรรทุกน้ำมัน หากนับเฉพาะเรือโดยสารก็คือ Harmony of the Seas (ยาว 362 เมตร) เรือไททานิคออกเดินทางจากท่าเซาท์แธมป์ตันไปยังอเมริกาในวันที่ 10 เมษายน 1912 มีผู้โดยสารตั้งแต่มหาเศรษฐีไปจนถึงผู้อพยพจากยุโรปเพื่อไปแสวงโชคที่อเมริกา นับเป็นการออกสู่มหาสมุทรครั้งแรกของไททานิค ผู้คนทั้งตกตะลึงในความใหญ่โตมโหฬาร และเชื่อมั่นในโฆษณาที่กล่าวว่าเป็นเรือที่ไม่มีวันจม ในการเดินเรือครั้งปฐมฤกษ์นี้เรือบรรทุกผู้โดยสารไป 2,224 ชีวิต ผู้คนมากมายได้มาร่ำลาคนรักของตนเองที่ท่าเรือเซาท์แธมป์ตันนี้ โดยไม่คาดคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเนื้อหาหลักของภาพยนตร์คือความรักต่างชนชั้นของแจ็ค ดอว์สัน จิตกรเร่ร่อนที่ต้องการเดินทางไปอเมริกา และโรส เดวิด บูเคเตอร์ ลูกสาวของตระกูลไฮโซที่จำต้องแต่งงานเพื่อปลดหนี้ให้ครอบครัว ช่วงเวลาในหนังจะตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ยกเว้นวันที่แจ็คและโรสออกจากท่าที่เซาท์แธมป์ตัน เหตุการณ์จริงจะออกมาวันที่ 10 เม.ย. ในขณะที่ภาพยนตร์เรือออกจากเซาท์แธมป์ตันในวันที่ 12 เม.ย. หรือเพียงสองวันก่อนเรือจม12 เม.ย. - โรสและแจ็คขึ้นเรือไททานิคจากท่าเซาท์แธมป์ตัน, โรสอึดอัดกับสภาพสังคมไฮโซและชีวิตที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับแคลที่ตัวเองไม่ได้รัก จึงตั้งใจจะฆ่าตัวตาย เคราะห์ดีแจ็คที่นอนกินลมอยู่บนดาดฟ้าเรือได้มาห้ามไว้13 เม.ย. - แคลเชิญแจ็คมาร่วมมื้ออาหารค่ำ เพื่อตอบแทนที่ช่วยโรสไว้ หลังมื้อค่ำ แจ็คพาโรสไปสนุกกับงานปาร์ตี้ของผู้โดยสารชั้นสาม14 เม.ย. - แจ็คพาโรสไปโบยบินบนดาดฟ้าเรือ วาดภาพเปลือยของโรส มีซัมติงกันในรถ เรือชนภูเขาน้ำแข็ง15 เม.ย. - ไททานิคจม ผู้โดยสารที่ขึ้นเรือช่วยชีวิตถูกเรือคาร์พาเธียช่วยไว้18 เม.ย. - เรือคาร์พาเธียมาถึงนิวยอร์ค ซึ่งในบล็อกนี้จะไม่เน้นเรื่องของแจ็คกับโรส ซึ่งเป็นตัวละครสมมุตินะครับ มาชมเหตุการณ์จริงที่หนังได้ถ่ายทอดออกมากันดีกว่า เรื่องจริงในคืนที่ไททานิคจม 14 เม.ย. 1912 มีสัญญาณเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็งส่งมายังเรือไททานิค แต่เจ้าหน้าที่ห้องวิทยุวุ่นอยู่กับการส่งโทรเลขให้คนบนเรือ ในขณะที่เจ้าหน้าที่บนหอสังเกตการณ์ก็ไม่ได้รับกล้องส่องทางไกล ทำให้วิสัยทัศน์แย่มากเวลา 23.40 น. - เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ แต่อยู่ใกล้เรือมากและไททานิคก็เร็วเกินกว่าจะหลบได้ทัน แม้หักหางเสือสุดทางและเคลื่อนเรือถอยหลังแล้ว แต่ก้อนน้ำแข็งก็ขูดด้านข้างเรือจนเสียหาย เวลาที่พบก้อนน้ำแข็งห่างจากเวลาชนเพียง 37 วินาที15 เม.ย. 1912 เวลา 00.00 น. - น้ำเข้าท่วมห้องชั้นล่างของเรือ แม้จะปิดประตูน้ำแล้ว แต่ชั้นล่างท่วมไป 5 ห้อง เกินกว่าที่เรือจะลอยอยู่ได้ จากการประชุมเจ้าหน้าที่เรือแสดงความตึงเครียดของทุกคนที่รู้ว่าโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น กัปตัน "เหลือเวลาอีกแค่ไหน?" แอนดรูว์ "ชั่วโมงเดียว อย่างเก่งก็สอง" กัปตัน "มีกี่ชีวิตบนเรือ?" เมอร์ด็อค "2,200 ชีวิตครับผม" เวลา 00.05 น. - กัปตันสมิธสั่งการให้เตรียมเรือบดและปลุกผู้โดยสารเพื่อแจกเสื้อชูชีพและรวมพลที่ดาดฟ้าเรือ ทุกคนรู้ดีว่าจำนวนเรือบดเพียงพอสำหรับช่วยชีวิตคนเพียงครึ่งหนึ่ง ผู้โดยสารยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนยังไม่เชื่อว่าเรือกำลังจะจมเวลา 00.25 น. - สัญญาณขอความช่วยเหลือที่ถูกส่งออกไป มีเรือตอบกลับมาเพียงลำเดียวคือคาร์พาเธีย ซึ่งอยู่ห่างออกไป 58 ไมล์ ต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมงจึงจะมาถึง ส่วนเรือแคลิฟอร์เนียนที่อยู่ใกล้ที่สุดไม่ได้ตอบกลับเพราะพนักงานวิทยุหลับเวลา 00.45 น. - เรือช่วยชีวิตลำแรกถูกส่งลงน้ำ แต่โหลดผู้โดยสารเพียง 28 คน ทั้งที่เรือโหลดได้ 65 คน (ในหนังบอกว่านั่งกันเพียง 12 คน) เจ้าหน้าที่ขอให้เด็กและสตรีขึ้นเรือก่อน และต้องคอยควบคุมฝูงชนที่เริ่มโกลาหล เริ่มยิงพลุส่งสัญญาณนัดแรก จากทั้งหมด 8 นัดที่ยิงออกไปในคืนนี้เวลา 01.25 น. - เจ้าหน้าที่ต้องเริ่มใช้ปืนควบคุมฝูงชนที่แตกตื่น วงดนตรีบนดาดฟ้ายังคงบรรเลงไม่หยุดเพื่อขับกล่อมผู้คนเวลา 02.00 น. - น้ำเริ่มท่วมดาดฟ้าเรือ ปล่องควันที่ 1 หักโค่นทำให้น้ำทะลักเข้าตัวเรือมากขึ้นเวลา 02.05 น. - เรือช่วยชีวิตลำสุดท้ายถูกส่งลงน้ำ โดยยังมีอีก 1,500 ชีวิตตกค้างอยู่บนเรือเวลา 02.18 น. - กัปตันสมิธประกาศครั้งสุดท้าย ขอให้ทุกคนรักษาชีวิตไว้ให้ได้ แล้วขังตัวเองในห้องบังคับการเพื่อจมไปพร้อมเรือ ระบบไฟฟ้าหยุดทำงาน เรือจมจนท้ายยกขึ้นและเริ่มขาดเป็นสองท่อนเวลา 02.20 น. - เรือจมลงมิดลำ ผู้โดยสารจำนวนมากสวมเสื้อชูชีพลอยอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่หนาวเย็น หากเรือช่วยชีวิตเข้าไปช่วยจะถูกฝูงชนรุมเข้าหาจนเรือจมไปด้วย จึงจำเป็นต้องคอยให้คนส่วนใหญ่หนาวตายไปก่อน แล้วค่อยวกกลับมาช่วยเวลา 03.00 น. - มีเรือบดไม่กี่ลำที่วกกลับมาตามหาคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ แต่คนส่วนใหญ่แข็งตายไปหมดแล้ว พวกเขาสามารถช่วยชีวิตคนเพิ่มได้อีกเพียง 11 คน (ในเรื่องบอก 6 คน)เวลา 04.10 น. - เรือคาร์พาเธียมาถึง และรับผู้รอดชีวิตขึ้นเรือเวลา 08.30 น. - ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายถูกช่วยขึ้นมาบนเรือคาร์พาเธีย18 เม.ย. 1912 เรือคาร์พาเธียมาถึงนิวยอร์ค จากการเช็คยอดมีผู้รอดชีวิตจากไททานิค 710 คน จาก 2,224 คน22 เม.ย. - 15 พ.ค. 1912 ปล่อยฝูงเรือออกเก็บศพบริเวณที่ไททานิคจม เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา พบทั้งสิ้น 328 ร่าง สรุปจำนวนผู้โดยสารไททานิค 2,224 คน รอดชีวิต 710 คน เสียชีวิต 1,514 คน สัดส่วนผู้ชายที่รอดชีวิต 20% ผู้หญิง 74% เด็ก 51% สัดส่วนผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่รอดชีวิต 62% ผู้โดยสารชั้นสอง 41% ผู้โดยสารชั้นสาม 25% ลูกเรือ 23% บุคคลในประวัติศาสตร์ ปี 1912 ยังถือว่าคาบเกี่ยวอยู่ในยุคพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดซึ่งสื่อมวลชนเริ่มมีความสำคัญในการต่อต้านระบบชนชั้นวรรณะ พวกแรงงานและสตรีเริ่มมีบทบาททางสังคมมากขึ้น และเหตุการณ์ไททานิคเองก็เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่สำคัญด้วย บนเรือเที่ยวแรกนี้มีผู้โดยสารเป็นคนที่มีฐานะในสังคมสูงเป็นจำนวนมาก และตัวละครหลายคนในเรื่องก็เป็นบุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริง ขอหยิบยกมาเฉพาะตัวละครเด่นๆ นะครับEdward John Smith (แสดงโดย Bernard Hill) กัปตันเรือผู้โด่งดังแห่งยุค การล่องเรือไททานิคเป็นภารกิจที่เขาตั้งใจออกทะเลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณ แต่เรือก็อับปางลง กัปตันสมิธตัดสินใจเข้าไปกักตัวในห้องควบคุมเรือและยอมจมไปพร้อมเรือ เสียชีวิตในวัย 62 ปี Thomas Andrews (แสดงโดย Victor Garber) วิศวกรผู้ออกแบบเรือไททานิค อ่อนน้อมถ่อมตนและใจดี เขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าไททานิคกำลังจะจม และสั่งอพยพผู้โดยสาร เขาแสดงความรับผิดชอบด้วยการยอมจมไปพร้อมเรือ เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 39 ปีJ. Bruce Ismay (แสดงโดย Jonathan Hyde) ผู้บริหารบริษัทไวท์สตาร์ไลน์ เจ้าของเรือไททานิค ต้องการสร้างชื่อเสียงด้วยการล่องเรือใหญ่ที่สุดในโลกไปถึงอเมริกาให้เร็วที่สุดจึงขอให้เร่งความเร็วจนเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรม เขาหนีขึ้นเรือช่วยชีวิตขณะที่ผู้หญิงและเด็กอีกมากถูกทิ้งอยู่บนเรือ ทำให้ถูกสื่อประณาม ความสูญเสียครั้งนี้หลอกหลอนจนเขาต้องลาออกจากไวท์สตาร์ไลน์และใช้ชีวิตห่างไกลผู้คนWilliam McMaster Murdoch (แสดงโดย Ewan Stewart) ต้นเรือชาวสก๊อตและทำหน้าที่ผู้คุมการอพยพคนขึ้นเรือช่วยชีวิต ในภาพยนตร์เมอร์ด็อคพลั้งมือยิงผู้โดยสารที่วุ่นวาย สุดท้ายจึงยิงขมับปลิดชีวิตตนเอง เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 39 ปี จากบทบาทนี้ทำให้ลูกหลานของเมอร์ด็อคโกรธหนังเรื่องนี้มาก จนทีมงานต้องบินไปขอโทษถึงสก๊อตแลนด์ ตัวคาเมร่อนเองมองว่าบทนี้ไม่ได้ทำให้เมอร์ด็อคเสื่อมเกียรติแต่อย่างใด แต่กลับแสดงถึงความมั่นคงต่อหน้าที่จนถึงที่สุด จากบันทึกมีเจ้าหน้าที่ยิงผู้โดยสารและยิงตัวตายจริง ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเมอร์ด็อคหรือคนอื่น อีกกระแสก็บอกว่าเขาถูกคลื่นที่ซัดขึ้นมาบนเรือกวาดตกทะเลขณะพยายามช่วยชีวิตผู้โดยสารMargaret "Molly" Brown (แสดงโดย Kathy Bates) สามีไปเจอเหมืองทอง เธอจึงกลายเป็นเศรษฐีนีหน้าใหม่ ไม่ได้รับการยอมรับจากเศรษฐีคนอื่นเพราะยังมีนิสัยแบบชนชั้นล่างอยู่เยอะ แต่นั่นก็ทำให้เธอเข้าใจคนชั้นล่างดีกว่าคนอื่นๆ มอลลี่คอยช่วยเหลือผู้โดยสารคนอื่นๆ ให้ขึ้นเรือช่วยชีวิตได้อย่างปลอดภัย และยังขอให้เรือบดของเธอกลับไปช่วยคนที่ยังลอยคออยู่ในทะเล แต่คนคุมเรือปฏิเสธ หลังรอดชีวิตเธอได้ร่วมกับผู้โดยสารชั้นหนึ่งหลายคนตั้งทีมงานช่วยเหลือผู้โดยสารชั้น 2-3 ที่รอดชีวิตด้วย จากวีรกรรมนี้ทำให้มอลลี่ได้รับการขนานนามว่า "มอลลี่ผู้ไม่มีวันจม"Benjamin Guggenheim (แสดงโดย Michael Ensign) นักธุรกิจผู้ขึ้นเรือมากับ Madame Aubert เมียน้อย ในขณะที่เมียหลวงและลูกๆอยู่ที่บ้าน ในวันที่เรือจม เขาช่วยผู้โดยสารหลายคนรวมถึง Madame Aubert ให้ขึ้นเรือชูชีพอย่างปลอดภัย ในขณะที่ตนเองปฏิเสธเสื้อชูชีพและแต่งตัวเต็มยศเพื่อจมพร้อมเรืออย่างสุภาพบุรุษ เสียชีวิตในวัย 46 ปีJohn Jacob Astor IV (แสดงโดย Eric Braeden) ผู้ร่ำรวยที่สุดบนเรือไททานิคและว่ากันว่ารวยที่สุดในโลกยุคนั้นด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเขียนหนังสือ มีเมียเด็ก Madeleine อายุรุ่นเดียวกับโรส เขาเป็นอีกหนึ่งสุภาพบุรุษที่สละที่บนเรือช่วยชีวิตให้ภรรยาแล้วยอมจมพร้อมกับเรือ เสียชีวิตในวัย 47 ปีSir Cosmo Duff-Gordon (แสดงโดย Martin Jarvis) เป็นเศรษฐีที่ดิน Lady Duff-Gordon ภรรยาของเขาเป็นผู้ออกแบบชุดชั้นในวาบหวามที่ถูกใจพวกราชวงศ์มาก ในตอนที่เรือจมทั้งสองคนขึ้นเรือช่วยชีวิตลำแรกๆ โดยติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้ออกเรือทั้งที่ยังบรรทุกไม่เต็มน้ำหนัก (12 จาก 40 คน) ทำให้เสียพื้นที่โดยสารไปอีกมาก จากความเสื่อมเสียนี้ทำให้ชีวิตทั้งสองคนตกต่ำและแยกกันอยู่โดยไม่ได้หย่าร้างNoël Leslie เคาน์เตสแห่งโรเธส (แสดงโดย Rochelle Rose) ผู้นำทางจิตวิญญาณและงานกุศล มีความสามารถในการออกนำผู้คน เธอจึงเป็นวีรสตรีในการพายเรือบดเข้าหาคาร์เพเธียและคอยช่วยเหลือดูแลพวกเด็กๆ บนเรือจนถึงอเมริกานักดนตรีบนเรือไททานิค มีทั้งหมด 8 คน พวกเขาไม่ได้เป็นพนักงานของไวท์สตาร์ไลน์แต่ถูกจ้างมาเล่นบนเรือผ่านสัญญาจ้างของ C.W. & F.N. Black มีหน้าที่บรรเลงเพลงช่วงทีไทม์และดินเนอร์ ช่วงที่เรือจม วงดนตรีได้ออกมาบรรเลงขับกล่อมผู้คนบนดาดฟ้าเรือ ผู้รอดชีวิตหลายคนยืนยันว่าวงดนตรียังคงบรรเลงเพลงจวบจนวาระสุดท้าย พวกเขาเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ทั้งหมดจากบทเพลงที่ขับกล่อมไม่ให้ผู้คนโกลาหล ในช่วงเวลาที่เรือใกล้จมทุกคนรู้ว่าเรือชูชีพมีไม่เพียงพอ และผู้โดยสารมากกว่าครึ่งจะต้องถูกทิ้งให้ตาย เพลงสุดท้ายที่บรรเลงคือ Nearer, My God, to Thee เป็นเพลงสวดเพื่อแสดงความอาลัย มีทั้งคนที่ยอมสละชีวิตบนเรือ คนที่พยายามแก่งแย่งเพื่อเอาชีวิตรอด และคนที่รู้ว่าตนเองจะไม่ได้รับสิทธิให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งพวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความตายแต่โดยดี ฉากคู่สามีภรรยาที่นอนกอดกันและจมไปพร้อมกันบนเรือเป็นหนึ่งในฉากที่สะเทือนใจผู้คนอย่างถึงที่สุด คู่นี้คือสามีภรรยาที่มีตัวตนจริงเช่นกันครับ Isidor และ Ida Straus เป็นผู้โดยสารชั้นหนึ่ง Isidor เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองที่มีชื่อเสียง สามีภรรยาคู่นี้กำลังเดินทางกลับจากทริปฝรั่งเศส แม้ Ida ที่เป็นสตรีและเป็นผู้โดยสารชั้นหนึ่งมีสิทธิอย่างเต็มที่บนเรือช่วยชีวิต แต่เธอเลือกที่จะตายพร้อมสามี ใน deleted scene มีฉากที่สามีภรรยาคุยกันบนดาดฟ้าและตัดสินใจจะตายพร้อมกันก่อนจะกลับลงไปที่ห้อง มีอีกหลายฉากการเสียชีวิตของผู้คนที่ถูกถ่ายทอดออกมาในเรื่องนี้ ช่างที่ถูกขังในห้องเชื้อเพลิงเพราะหนีออกมาไม่ทันตอนประตูกั้นน้ำปิด ผู้โดยสารชั้นสามที่ถูกขังไม่ให้ออกมาแย่งที่บนเรือช่วยชีวิต แม่ลูกอ่อนที่ขอให้กัปตันช่วยแต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ แม่ที่อ่านนิยายให้ลูกทั้งสองฟังจนหลับไปบนเรือที่กำลังจม เจ้าหน้าที่ที่ถูกไฟฟ้าช็อต คนที่ถูกปล่องควันเรือหักทับ คนที่ตกลงไปจากเรือขณะเรือยกลำตั้งฉาก คนที่ถูกลำเรือร่วงลงมาทับหลังเรือขาด บาทหลวงที่พยายามสวดอ้อนวอน เจ้าหน้าที่ที่เป่านกหวีดขอให้เรือกลับมาช่วยจนแข็งตายกลางทะเล และผู้เสียชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งสิ้น 1,514 คน ในหนังได้แสดงให้เห็นนาทีสุดท้ายของหลายๆ ท่านอย่างกุ๊กเกนไฮม์ กัปตันสมิธ และสามีภรรยาสเตราส์ ซึ่งมีสีหน้าหวาดกลัว แม้พวกเขาจะเต็มใจสละชีวิตอยู่บนเรือ แต่ความทรมานกับการจมน้ำที่เย็นเฉียบนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำใจรับได้ง่ายนัก โศกนาฏกรรมนี้ล่วงเลยไป 109 ปีแล้ว ขอให้ทุกดวงวิญญาณได้พบความสงบสุข แจ็คและโรส ถึงเนื้อหาบล็อกนี้จะเน้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่จะไม่พูดถึงพระเอกนางเอกเรื่องนี้ก็ดูจะขาดๆ นะครับแจ็ค ดอว์สัน (แสดงโดย Leonardo DiCaprio) เคยใช้ชีวิตวัยเด็กที่วิสคอนซิน สหรัฐ ใกล้น้ำตกชิพโพว่า หลังเสียพ่อแม่ตอนอายุ 15 เขาออกเร่ร่อนไปทั่ว เคยไปสเก็ตซ์ภาพขายที่ปารีส ทำงานบนเรือตกปลาหมึกที่มอนทาเรย์ และวาดภาพเหมือนที่ท่าเรือ LA ก่อนจะเล่นพนันชนะได้ตั๋วชั้นสามขึ้นเรือไททานิคมาพร้อมกับฟาบริซิโอ้เพื่อนสนิทของเขาโรส เดวิด บูเคเตอร์ (แสดงโดย Kate Elizabeth Winslet) เด็กสาวอายุ 17 ปี จากฟิลาเดลเฟีย ครอบครัวเธอเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ทำให้เธอถูกแม่บังคับให้แต่งงานกับแคลเวิร์ต ฮอว์คลีย์ ทายาทเจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่ เพื่อกอบกู้ฐานะวงศ์ตระกูลโดยที่โรสไม่ได้รักแคล และเธอก็เบื่อหน่ายชีวิตชนชั้นสูงที่ถูกบังคับให้อยู่ในกรอบแบบนี้ การที่โรสได้พบกับแจ็คทำให้เธอได้พบโลกที่เธอควรอยู่ แม้อีกใจจะทนไม่ได้ที่แม่จะต้องมีชีวิตตกต่ำ แต่ที่ผ่านมาครอบครัวก็ไม่ได้คิดถึงความสุขของเธอเลย เมื่อรู้ว่าครอบครัวไม่ควรค่าให้เธอต้องสละทั้งชีวิตลงไปกอบกู้แล้ว เธอก็เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับแจ็ค แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นกับไททานิคก็ทำให้ภาพอนาคตของทั้งคู่ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนที่พบกันครั้งแรก แจ็คห้ามไม่ให้โรสกระโดดลงจากเรือเพื่อฆ่าตัวตาย เขาเล่าให้โรสฟังว่าเขาเคยตกลงไปในน้ำเย็นตอนไปตกปลาใต้น้ำแข็งที่ทะเลสาบวิสโซต้า น้ำที่เย็นเฉียบเปรียบเหมือนมีดนับพันเล่มทิ่มเข้าทั่วร่าง มันทรมานจนหายใจไม่ออก คิดอะไรไม่ออก และความทรมานจากนรกน้ำแข็งที่บรรยายไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องนี้ ก็เกิดขึ้นกับผู้โดยสารไททานิค 1,500 กว่าชีวิตที่ต้องลงไปลอยคออยู่กลางมหาสุทร รวมถึงตัวแจ็คด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้เจมส์ คาเมรอน เป็นทั้งผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้เขียนบท คัดเลือกนักแสดง ไปจนถึงงานยิบย่อยอย่างภาพนู้ดของโรสที่แจ็ควาดจริงๆแล้วก็เป็นฝีมือวาดภาพของเจมส์ คาเมรอนนะครับ คาเมรอนทาบทามนักแสดงหญิงที่โด่งดังหลายคนเพื่อมารับบทโรส ทั้ง กวินเน็ธ พัลโธรว วิโนนา ไรเดอร์ แคลร์ เดนส์ ฯลฯ แต่พวกเธอปฏิเสธ ในขณะที่เคทแสดงเจตจำนงว่าเธอต้องการบทนี้อย่างถึงที่สุด "ฉันนี่แหละโรส ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงพยายามมองหาคนอื่นอีก!" ด้วยความตื๊อนี้ทำให้เธอได้รับบทนางเอกไททานิคในที่สุด แม้หน้าตาแบบเคทจะไม่ใช่ทรงนิยมของยุคนี้แต่เธอก็สวยแบบผู้ดีต้นศตวรรษที่ 20 จริงๆ แถมเคทยังเชียร์ให้คาเมร่อนเลือกลีโอมารับบทแจ็คด้วย เพราะรู้สึกใช่กับพ่อหนุ่มคนนี้มาก ก่อนหน้านี้ลีโอนาโด้เล่นหนังมาหลายเรื่อง ที่ผมได้ดูก็ The Quick and the Dead และ Romeo+Juliet พอเล่นไททานิคอีกเรื่องก็มั่นใจว่าไอ้หมอนี่เล่นเรื่องไหนเรื่องนั้นรับบทตาย แต่ช่วงหลังๆ เฮียแกรับบทเป็นอาเสี่ยก็ไม่ค่อยตายละ ช่วงที่ไททานิคฉาย กระแสกรี๊ดแจ็ค ดอว์สัน รุนแรงมาก ลีโอนาร์โด้วัย 20 ต้นๆ หล่อวัวตายควายล้ม นับว่าเป็นเป็นดาราชายที่มาแรงสุดๆ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เลย ทั้งแจ็คและโรส รวมถึงตัวละครแวดล้อมอย่างแคล (คู่หมั้นโรส) รูธ (แม่ของโรส) เลิฟจอย (คนใช้แคล) ฟาบริซิโอและทอมมี่ (เพื่อนของแจ็ค) เป็นตัวละครสมมุติ แม้จะมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไททานิคล่มชื่อ J.Dawson จริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระเอกของเรานะครับ คาเมรอนเพิ่งทราบว่ามีชายชื่อนี้จริงๆ หลังเขียนบทไททานิคเสร็จแล้วด้วยซ้ำ คุณโจเซฟ ดอว์สัน ที่ถูกฝังอยู่นี้มีหน้าที่เป็นคนเติมถ่านหินในเรือไททานิค โรสในวัย 100 ปี สัญญานะ ว่าเธอจะรอดไปจากที่นี่ กลับบ้าน มีลูกหลาน มองดูพวกเขาเติบโต และเสียชีวิตยามชราบนเตียงอันอบอุ่น -- แจ็ครู้ดีว่าผู้หญิงอย่างโรส ไม่ควรมาจบชีวิตกลางทะเลที่หนาวเย็นแบบนี้ จึงขอให้เธอสัญญาว่าจะรอดกลับไปมีชีวิตที่มีความสุขให้ได้ หลังรอดชีวิตจากไททานิคมาได้ โรสใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่ให้สัญญากับแจ็คไว้ โรสได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเธอคือโรส ดอว์สัน ตามนามสกุลของแจ็ค และไม่ได้กลับไปหาแม่หรือแคลอีกเลย ทำให้ทุกคนเชื่อว่าโรส เดวิด บูเคเตอร์ เสียชีวิตบนเรือไททานิคไปแล้ว ทางด้านแคลรับช่วงต่อธุรกิจจากพ่อ แต่วิกฤตตลาดหุ้นล่มในปี 1929 ทำให้แคลเอาปืนกรอกปากฆ่าตัวตาย เธอแต่งงานมีลูกหลาน แต่สามีก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ปัจจุบันอาศัยอยู่กับหลานสาวชื่อลิสซี่ ชื่อปัจจุบันของเธอคือโรส ดอว์สัน แคลเวิร์ต (แคลเวิร์ตคือนามสกุลสามีอย่างเป็นทางการ แต่เป็นคนละคนกับแคลเวิร์ต ฮอว์คลีย์)เหตุการณ์ปัจจุบันในเรื่องไททานิคเกิดขึ้นในปี 1996 ซึ่งโรสมีอายุ 100 ปี 11 เดือน โรสวัยชรานี้รับบทโดยคุณยายกลอเรีย สจ๊วต (Gloria Stuart) นักแสดงชาวอเมริกันผู้เกิดในปี 1910 แม้จะเกิดทันช่วงที่ไททานิคจมแต่ตอนนั้นคุณยายก็ยังเด็กจนไม่รู้ความ คุณยายเป็นนักแสดงสาวที่โด่งดังในยุค 30s และว่างเว้นอาชีพนักแสดงไปพักใหญ่ ก่อนรับมารับบทคุณยายในภาพยนตร์ยุค 80s-90s (ภาพซ้าย) คุณยายกลอเรียสมัยสาวๆ มีความเป็นโรสมาก (ภาพขวา) คุณยายกลอเรียขณะแสดงเรื่องไททานิคมีอายุ 86 ปี (แสดงเป็นคนอายุ 100 ปี)
ในตอนจบ โรสนอนนิ่งบนเตียง ก่อนภาพจะดิ่งลงไปยังซากเรือที่จมอยู่ก้นมหาสมุทร เรือกลับมามีสภาพสวยงามเหมือนก่อนจม โรสได้กลับมาหาแจ็คที่คอยอยู่พร้อมเสียงปรบมือจากเหล่าผู้คนที่เสียชีวิตไปแล้วและตอนนี้ได้อยู่รายล้อมพวกเขาทั้งสอง ซีนนี้ผู้กำกับยกให้เป็นการตัดสินใจของผู้ชมว่าจะให้โรสหลับแล้วฝันถึงไททานิค หรือให้โรสเสียชีวิตและวิญญาณล่องลอยกลับไปยังเรือไททานิคก็ได้ ซึ่งสำหรับตัวนักแสดงทั้งเคท วินสเล็ต และคุณยายกลอเรีย สจ๊วต ตีความให้โรสเสียชีวิตในฉากนี้ คาเมรอนเองได้สั่งให้โรสวัยชรากลั้นหายใจขณะถ่ายฉากนี้ จะว่าไปก็เหมือนตั้งใจให้หมายถึงเสียชีวิตนั่นแหละ คุณยายกลอเรียเสียชีวิตในปี 2010 เมื่ออายุครบ 100 ปี อายุเท่าโรสวัยชราพอดี จากสถิติโลกในประชากร 1 แสนคน จะมีเพียง 6 คนที่อายุยืนถึง 100 ปี ในหลายประเทศจะมีการมอบใบประกาศเกียรติคุณยกย่องให้บุคลากรผู้รักษาสุขภาพและใช้ชีวิตโดยไม่ประมาทจนอายุยืนขนาดนี้ ของสหรัฐเองจะมีจดหมายของประธานาธิบดีส่งให้ทุกคนที่อายุครบ 100 ปี เพื่อแสดงความยินดีที่รักษาชีวิตได้เป็นยอด นับว่าโรสรักษาสัญญาที่ให้กับแจ็คเป็นอย่างดีทั้งในและนอกบทเลยนะครับ หัวใจมหาสมุทร (The Heart of the Ocean) มาพูดถึงต้นเหตุที่ทำให้เรื่องราวนี้เกิดขึ้นอย่างหัวใจมหาสมุทรกันบ้าง ทีมสำรวจของบร็อคได้ระดมทุนเพื่อออกตามหาหัวใจมหาสมุทรซึ่งเชื่อกันว่าจมลงไปพร้อมเรือไททานิค เขาสามารถเข้าไปในเรือและนำกล่องสมบัติมาได้ แต่ภายในก็มีเพียงภาพเขียนของแจ็คที่ใช้โรสเป็นแบบเปลือย จากข่าวนี้ทำให้โรสในวัย 100 ปี เดินทางมาหาทีมสำรวจและบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่เรือจม แท้จริงแล้วโรสเก็บหัวใจมหาสมุทรไว้กับตัวตลอดเวลา แต่หลังบอกเล่าเรื่องราวของไททานิคจบแล้วเธอก็โยนอัญมณีที่แพงที่สุดในโลกลงก้นมหาสมุทรไป หัวใจมหาสมุทร หรือเลอคูเดอลาแมร์ เป็นเพชรสีน้ำเงินขนาด 56 กะรัต เนธาน ฮอว์คลีย์ เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็ก พ่อของแคลเวิร์ต ได้ซื้อให้ลูกชายมอบให้เป็นของขวัญแต่งงานกับโรส เพชรเม็ดนี้เดิมทีเป็นเพชรยอดมงกุฏของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่ถูกเจียรไนใหม่และหายสาบสูญไปหลังพระเจ้าหลุยส์ถูกโค่นในปี 1792 เพชรหายสาบสูญไปในวันที่เรือจม แต่บ้านฮอว์คลีย์ก็ยังได้เงินประกันเพชรนะ เพชรเม็ดนี้ไม่ได้มีอยู่จริง แต่ได้อิทธิพลจาก Hope Diamond เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลกขนาด 45 กะรัต ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ Smithsonian Institute หัวใจมหาสมุทรในหนังทำจากเซอร์คอเนียต้นทุน 8,000 EU (หากใช้เพชรจริงจะมีราคาถึง 300 ล้าน EU) แต่มีการเจียรไนหัวใจมหาสมุทรแบบจำลองขึ้นมาให้กลอเรีย สจ๊วต และซิลีน ดิออน สวมในงานรางวัลออสการ์ปี 1998 ของกลอเรีย สจ๊วต เป็นเพชรสีน้ำเงินขนาด 15 กะรัต ส่วนของซิลีน ดิออน เป็นไพลิน 171 กะรัต เรือไททานิคและผู้รอดชีวิตหลังจากนั้น หลังเหตุการณ์ไททานิคจม ผู้รอดชีวิตทั้ง 710 คน ใช้ชีวิตกันต่อมายาวนานบ้าง สั้นจุ๊ดบ้าง หลายคนเป็นบันทึกเหตุการณ์ชั้นดีที่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมาบอกเล่า ช่วงที่ไททานิคเข้าฉาย ยังมีคนรอดชีวิตจากเรือไททานิคชมภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่หลายคน แต่กาลเวลาผ่านไป พวกเขาก็ค่อยๆจากโลกนี้ไปตามเวลาอันสมควร ผู้รอดชีวิตคนท้ายๆ ขึ้นเรือตอนยังเด็กมากๆ คนที่จำเหตุการณ์ตอนเรือจมได้ขณะหนังฉายมีเพียง Winnifred Vera van Tongerloo (เสียชีวิตในปี 2002 ขึ้นเรือตอน 8 ขวบ) และ Lillian Gertrud Asplund (เสียชีวิตในปี 2006 ขึ้นเรือตอน 5 ขวบ) Eliza Gladys "Millvina" Dean เป็นผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่คนสุดท้าย คุณยายดีนเกิดในวันที่ 2 ก.พ. 1912 นั่นคือเธอได้ขึ้นเรือไททานิคขณะอายุได้เพียงสองเดือน ในฐานะผู้โดยสารชั้นสาม นับเป็นผู้โดยสารที่อายุน้อยที่สุดบนเรือด้วย คุณยายดีนเสียชีวิตด้วยโรคปอดในปี 2009 อายุได้ 97 ปี หลังจากนั้นไม่มีผู้โดยสารไททานิคคนไหนอยู่บนโลกอีกต่อไปแล้ว (ภาพซ้าย) คุณยายดีนในวัยสองเดือนและพี่ชาย (ภาพขวา) คุณยายดีนในวัย 97 ปีขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล สมัยที่ไททานิคเพิ่งฉายคุณยายยังสดใสแข็งแรงอยู่นะครับ มีคนมาขอลายเซ็นกันเยอะมากด้วย
ส่วนลำเรือไททานิคนั้นจมลงไปลึก 3,821 เมตร หากนึกไม่ออกว่ามันลึกขนาดไหนลองไล่ระดับความลึกกันดู... มนุษย์ปกติดำน้ำดูปะการังลึกไม่เกิน 40 เมตร มนุษย์ดำน้ำสคูบาสถิติโลกได้ลึก 318 เมตร เรือดำน้ำทั่วไปดำได้ลึก 1,000 เมตร พื้นที่น้ำลึกซึ่งกินพื้นที่ผิวโลกครึ่งหนึ่งคือก้นทะเลที่ระดับความลึก 1,800 เมตรขึ้นไป พวกปลาน้ำลึกหน้าตาประหลาดจะพบที่ความลึกระดับนี้ หมึกยักษ์ดำลงมาได้ลึกสุด 2,200 เมตร วาฬดำลงมาได้ลึกสุด 3,000 เมตร ไททานิคจมลงมา 3,821 เมตร <<ลึกมั้ย มาเรียน่าสเนลฟิชสิ่งมีชีวิตน้ำลึกที่สุดถูกค้นพบที่ความลึก 8,178 เมตร จุดที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรแอตแลนติกลึก 8,605 เมตร จุดที่ลึกที่สุดในโลกในร่องน้ำมาเรียน่าลึก 10,916 เมตร บริเวณที่เรือจมอยู่ห่างชายฝั่งของนิวฟันด์แลนด์ 600 กม. หลังจากเรือจม 73 ปี ทีมสำรวจของโรเบิร์ต บาลลาร์ด จึงค้นพบซากเรือในวันที่ 1 ก.ย. 1985 มีการเก็บกู้ของมีค่าและชิ้นส่วนเรือบางส่วนขึ้นมาจัดแสดง ภาพถ่ายที่เผยแพร่กันทั่วไปจะเห็นเฉพาะส่วนหัวเรือ แต่ตัวเรือผุพังจนไม่เหลือสภาพแล้ว เพราะแบคทีเรียใต้น้ำกัดกินเรือขนาดหนักจนเชื่อกันว่าเรือจะย่อยสลายหมดในปี 2030 นั่นทำให้การกู้เรือทั้งลำนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ ผู้คนจึงทำได้เพียงทิ้งประวัติศาสตร์ไททานิคให้นอนอยู่ที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกไปตลอดกาล ...นอกจากคุณจะรวย ในปีนี้บริษัท OceanGate Expeditions มีโปรแกรมดำลงไปชมซากเรือไททานิคด้วยนะครับ รับ 6 รอบ รอบละ 9 คน ค่าตั๋ว 125,000 USD ก็ประมาณ 4 ล้านบาทเอง รีบไปกันก่อนเรือจะถูกเชื้อโรคกินหมดนะ ข้าวของที่เก็บกู้จากซากเรือถูกนำไปจัดแสดงตามที่ต่างๆ ของไทยก็เคยมาแสดงที่เซ็นทรัลเวิลด์ในปี 2012 (ครบรอบ 100 ปีที่เรือจม) แต่ค่าชม 500 บาท และถ่ายรูปไม่ได้ เลยไม่ได้ไปดูครับ ที่พิพิธภัณฑ์ริปลีย์พัทยาก็มีถ่านหินจากในเรือไททานิคให้ดูตั้งก้อนนึง My Heart Will Go On Last but not least, สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเพลงประกอบที่นับเป็นเดอะเบสต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่ฉายภาพผู้คนโบกมืออำลาคนที่ขึ้นเรือไททานิค ภาพเกลียวคลื่นในมหาสมุทรและไตเติ้ลหนังที่ขึ้นมาพร้อมเพลงบรรเลงล้วนชวนเราหวนกลับไปในยุค 1912 อย่างพร้อมเพรียงกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความโรแมนติกนะครับ ต่อให้ไม่รวมเรื่องราวของแจ็คกับโรส ทั้งเหตุการณ์ในอดีตอันแสนไกลและตัวเรือที่จมอยู่ใต้มหาสมุทรอย่างไม่มีวันหวนกลับมาก็ล้วนเป็นสิ่งโรแมนติก และสิ่งที่กระเพื่อมมันขึ้นมาให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นก็คือเพลงประกอบที่แสนไพเราะซึ่งใช้เป็นธีมของภาพยนตร์เรื่องนี้ VIDEO
ท่อนสุดท้าย We'll stay forever this way. You are safe in my heart and my heart will go on and on. นับว่าตราตรึงเป็นอมตะ ทุกครั้งที่พูดถึงไททานิคไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับหนัง เพลงนี้จะแว่วขึ้นมาในหูโดยอัตโนมัติ My Heart Will Go On ขับร้องโดย Celine Dion ประพันธ์โดย James Horner ทีแรกเขาแต่งเพลงบรรเลงขึ้นมาเพื่อประกอบหลายๆ ฉากในเรื่อง จากนั้นจึงค่อยแต่งเวอร์ชั่นแบบมีเนื้อร้องขึ้นภายหลัง แม้ว่าทีแรกคาเมร่อนไม่ได้ต้องการให้หนังเรื่องนี้มีเพลงแบบมีเนื้อร้องก็เถอะ เพลงนี้ชนะรางวัลออสการ์ครั้งที่ 70 สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย เสียดายแทนเพลง How Do I Live จากเรื่อง Con Air ถ้าประกวดปีอื่นก็พอลุ้นได้แท้ๆ ทรงคุณค่าเท่าหัวใจมหาสมุทร 5 ดวงครับ สำหรับหนังที่ผู้คนทั่วโลกหลงรักมายาวนานเรื่องนี้
Create Date : 14 เมษายน 2564
Last Update : 15 เมษายน 2564 10:20:00 น.
49 comments
Counter : 8273 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า , คุณtoor36 , คุณThe Kop Civil , คุณสองแผ่นดิน , คุณhaiku , คุณไวน์กับสายน้ำ , คุณเริงฤดีนะ , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณmariabamboo , คุณหอมกร , คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา , คุณอาจารย์สุวิมล , คุณmultiple , คุณจันทราน็อคเทิร์น , คุณSweet_pills , คุณnewyorknurse , คุณtuk-tuk@korat , คุณภาวิดา คนบ้านป่า , คุณTui Laksi , คุณคนผ่านทางมาเจอ , คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก , คุณที่เห็นและเป็นมา , คุณกาบริเอล , คุณสาวไกด์ใจซื่อ , คุณSertPhoto , คุณ**mp5** , คุณเนินน้ำ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 14 เมษายน 2564 เวลา:21:21:49 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 เมษายน 2564 เวลา:21:44:59 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 14 เมษายน 2564 เวลา:22:05:36 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 14 เมษายน 2564 เวลา:23:13:12 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 15 เมษายน 2564 เวลา:3:46:03 น.
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 15 เมษายน 2564 เวลา:6:05:38 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 เมษายน 2564 เวลา:7:15:57 น.
โดย: หอมกร วันที่: 15 เมษายน 2564 เวลา:9:42:40 น.
โดย: multiple วันที่: 15 เมษายน 2564 เวลา:13:12:40 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 เมษายน 2564 เวลา:14:16:26 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 16 เมษายน 2564 เวลา:1:11:42 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 เมษายน 2564 เวลา:6:57:32 น.
โดย: Tui Laksi วันที่: 16 เมษายน 2564 เวลา:12:12:50 น.
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 16 เมษายน 2564 เวลา:20:26:06 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 เมษายน 2564 เวลา:21:08:23 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:23:19:14 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:7:31:11 น.
โดย: อัอมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:8:53:57 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:8:55:12 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:10:23:45 น.
โดย: Tui Laksi วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:12:31:09 น.
โดย: กาบริเอล วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:10:40:50 น.
โดย: SertPhoto วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:13:52:51 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:15:41:14 น.
โดย: **mp5** วันที่: 20 เมษายน 2564 เวลา:8:49:24 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 20 เมษายน 2564 เวลา:20:31:31 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 เมษายน 2564 เวลา:22:07:20 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 เมษายน 2564 เวลา:7:14:51 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 22 เมษายน 2564 เวลา:13:38:46 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 เมษายน 2564 เวลา:22:25:31 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 26 เมษายน 2564 เวลา:0:03:29 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 เมษายน 2564 เวลา:7:42:29 น.
ก่อนเข้าชมเค้าจะให้เราเลือกชื่อผู้โดยสารจริงๆ 1 ชื่อ
เค้าจัดบรรยากาศให้เหมือนในคืนทีเรือจม มีให้ออกไปดาดฟ้าเรือที่สามารถมองเห็นก้อนน้ำแข็งยักษ์ได้ อากาศหนาวยะเยือกมากครับ
ของใช้ต่างๆที่อยู่ในเรือเค้าก็เอามาจัดแสดงแบบที่พบใต้ทะเลเลยครับ สร้างพื้นกระจกให้เดินดู
พอชมเสร็จเค้าจะให้เราไปตรวจชื่อคนที่เราเลือกว่ามีชีวิตรอดหรือเปล่า
บอลไม่ได้ไปตรวจครับ บรรยากาศมันมืดๆ เศร้าๆ โหวงๆ ยังไงไม่รู้ครับ เลยขยำชื่อทิ้งๆไป ไม่อยากรู้แล้วครับ