เป็นความหวังให้ตัวเองได้ก็พอแล้ว
ใครที่มีครอบครัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวขยายหรือครอบครัวเดี่ยวก็ตาม แล้วเกิดความรู้สึกว่าตนเองเป็นความหวังของสมาชิกในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือแม้แต่ญาติๆ กันเองรวมทั้งคนข้างบ้านก็จับจ้องมองอยู่ ความฝากหวังว่าเราโตแล้วจะทำให้ชีวิตพวกเขาอยู่ดีมีสุขมากขึ้น หรือรอคอยความสำเร็จจากเราอยู่ จึงมีคำตลกร้ายคำหนึ่งว่า “ความหวังของหมู่บ้าน” ซึ่งมักเกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาวที่เริ่มเข้าสู่วัยมหาวิทยาลัยที่พ่อแม่ต้องส่งเรียนต่อพร้อมหนี้สิน หากเรียนจบแล้วก็ต้องมีหน้าที่หางานหาเงินเพื่อมาจุนเจือครอบครัวต่อไป “ความหวังของหมู่บ้าน” อาจจะไม่ได้เป็นคำสัญญาที่จริงจังเหมือนสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง แต่เป็นความหวังลึกๆ ของคนข้างหลัง แม้เขาไม่คาดหวังว่าลูกหลานหรือสมาชิกในครอบครัวรุ่นหลังจะต้องเป็นเจ้าคนนายคนหรือเป็นเศรษฐีมาปลดหนี้ได้ แต่แค่ทำให้คนข้างหลังมีรอยยิ้มมากกว่าน้ำตาเขาก็ดีใจแล้ว เชื่อเถอะว่า การเป็น “เดอะแบก” ไม่ได้เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จหรือความอดทน เพราะถ้าแบกจนหัก คนที่เสียใจก็คือคนข้างหลังอยู่ดี เราอาจกดดันตัวเองว่าเราเป็นความหวังของหมู่บ้าน ไม่อยากให้คนข้างหลังต้องอับอายขายหน้า ไม่อยากให้ผิดหวังกับสิ่งที่เขามองมาที่เรา Magnolia ว่า การเป็นความหวังของคนอื่นมันเหนื่อยมาก ต้องเป็นคนดีคนเก่งคนชนะคนสำเร็จในสายตาคนอื่น เช่น นักกีฬาทีมชาติไม่น้อยที่แบกความหวังคนทั้งชาติไปด้วยเสมอเมื่อลงสนาม ดาราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งที่ตอนเข้ามาในวงการไม่ได้ทำข้อสอบวัดความดีด้วยซ้ำ แต่เมื่อเข้ามาแล้วต้องเป็นคนดี เช่นเดียวกับบุคคลสาธารณะอีกหลายอาชีพ ครู อาจารย์ ตำรวจ ทหาร แพทย์ ล้วนกลายเป็นความหวังของประชาชน ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของทุกคนได้ขนาดนั้น แค่แต่ละวันพวกเขาจะเอาตัวรอดในอาชีพของตนเอง เพื่อให้ครอบครัวไม่อดตายได้ในสังคมมันก็ยากแล้ว รวมถึงคนธรรมดาๆ ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสังคมนี้เท่านั้น หากจะต้องเป็นความหวังของใครอีก โลกก็ยิ่งอยู่ยากมากขึ้น ถ้าคนข้างหลังเข้าใจความแตกต่างของคนว่าเกิดมาหน้าตา สมอง ความสามารถ โอกาส และชะตากรรมก็ไม่เหมือนกันแล้ว ขณะที่วันพรุ่งนี้ก็คืออนาคตที่กำหนดไม่ได้ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จึงไม่ควรที่จะมีใครเป็นความหวังของหมู่บ้าน หรือเป็นความหวังของคนใดคนหนึ่งถึงขั้นพลิกชีวิตอีกคนได้ แม้เราจะไม่สามารถทำตามที่ใครๆ คาดหวังหรือพอใจได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนไร้คุณค่า กลับไปสู้หน้าสังคมไม่ได้ หรือทำลายความหวังของหมู่บ้าน แต่ผู้คนที่ปรารถนาดีกับเราจริงๆ ต้องเข้าใจ ให้กำลังใจ ไม่ซ้ำเติม โอบกอด แค่เรียกมากินข้าวยามหิว แค่นั้นก็เป็นการยอมรับกันและกันได้แล้วว่าไม่มีใครเป็นความหวังของหมู่บ้านได้ตลอดไป เราจำเป็นต้องเห็นแก่ตัวบ้างด้วยการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้สร้างความหวังแก่ตัวเรา และทำความหวังนั้นให้สำเร็จเล็กๆ น้อยๆ สร้างพลังงานบวกเกิดขึ้นในชีวิตแต่ละวัน ก่อนที่จะไปเป็นความหวังแก่คนอื่น ส่วนความหวังหมู่บ้านเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นเองVIDEO
Create Date : 18 พฤษภาคม 2567
2 comments
Last Update : 18 พฤษภาคม 2567 12:17:12 น.
Counter : 429 Pageviews.