อย่าดูถูกพลังลบ หลายคนอาจจะบอกว่าอย่าไปอยู่กับคนที่มีพลังลบ ควรจะไปอยู่กับคนที่ให้พลังบวกกับเราเยอะๆ เราจะได้มีพลังที่จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับ Magnolia แล้วกลับเห็นแย้ง เราไม่เชื่อว่าจำเป็นต้องเสพแต่พลังบวกเท่านั้น แน่นอนว่าพลังบวกมันก็ดีถ้าวันที่เราต้องการกำลังใจหรืออยากได้แง่คิดดีๆ หรือมุมบวกในชีวิต แต่ถ้าวันหนึ่งเราต้องการคนที่เข้าใจจริงๆ เชื่อไหมว่าคนที่มีพลังลบเหมือนกันจะคุยกันเข้าใจมากกว่า เรียกว่าคนพังๆ มาคุยกันแล้วจะรู้ว่าความพังนั้นมันกลับเป็นพลังบวกขึ้นมา คือพยายามที่จะฉุดกันขึ้นมา ทั้งที่ต่างคนต่างก็จะไม่ไหวกันอยู่แล้ว แต่ยังช่วยร้องไห้น้ำตาไหลให้กับเรื่องของอีกฝ่ายหนึ่งได้ด้วยความสงสารและเห็นใจ ขณะที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าอีกคนเลย นั่นล่ะคือข้อดีที่พลังลบกับพลังลบมาเจอกัน ณ จุดนั้นเราอาจจะไม่ได้ต้องการกำลังใจ แต่เราต้องการความเข้าใจ สอดคล้องกับหนังสือชื่อ “ถ้าอีก 1 ปี ฉันต้องตาย” ของคุณหมอชาวญี่ปุ่น โอซาวะ ทาเคโทชิ เขียนไว้ในหน้าหนึ่งว่า “ทว่าเราบรรเทาความรู้สึกเสียใจภายหลังให้น้อยได้ วิธีหนึ่งก็คือ ระบายความรู้สึกกับคนที่กำลังเศร้าหรือเสียใจในเรื่องที่คล้ายๆ กับเรื่องของเรา” แสดงว่า Magnolia ไม่ได้ผิดปกติที่เชื่อเช่นนั้น คุณหมอยังคิดเหมือนกันเลย เคยสังเกตไหมล่ะว่าถ้าเรานั่งคุยกับคนที่ส่งพลังบวกมากเกินไป มีแต่คำพูดดูดีสวยงาม ราวกับวิ่งเล่นในลูกทุ่งลาเวนเดอร์ เราจะคุยได้ไม่นานเพราะมันไม่มีจังหวะที่ให้เราได้ถ่ายทอดพลังลบออกไปบ้าง มีแต่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวอึดอัดจนจะอกแตกตายอยู่แล้ว และยิ่งเหมือนถูกผละออกไปจากการยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ ไม่มีโอกาสได้เศร้าหรือเสียใจหรือฟูมฟายเลย ไม่แม้แต่จะร้องไห้ออกมาได้เพราะต้องพยายามเข้มแข็งเพื่อให้คนส่งพลังบวกสบายใจ คนที่เหงาเบื่อเศร้าเซ็ง เมื่อได้คุยกับคนที่มีความสุข ไม่ได้แปลว่าเขาจะต้องมีความสุขตาม แค่ทำให้ลืมความรู้สึกนั้นไปชั่วขณะแต่สุดท้ายเมื่อมาอยู่คนเดียวก็เหงาเศร้าเบื่อเซ็งตามเดิม แต่หากได้คุยกับคนที่อาการเดียวกัน เช่น อยากลาออกจากงานเหมือนกัน หมด passion เหมือนกัน มีโรคภัยไข้เจ็บเหมือนกัน อกหักเหมือนกัน ดิ่งเหมือนกัน เกลียดคนเดียวกัน แม้ไม่มีทางออกแต่มันก็เบาใจกว่า ส่วนคนที่ไม่รู้สึกแบบเดียวกันจะไม่เข้าใจ ถึงจะมีคำพูดสวยหรูดูดีแค่ไหนก็ไม่ทัชใจคนฟังที่กำลังพังอยู่ดี เคยมีน้องคนหนึ่งเล่าว่าเขาไปเจอคำด่าของคนดูแลร้านกาแฟที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วเขาไม่สามารถมูฟออนจากคำด่าตรงนั้นได้ รู้สึกแย่และไม่มีความสุขเพราะมันคิดวนอยู่ทั้งวันว่าทำไมต้องโดนด่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาถามเราว่าจะทำอย่างไรดีให้ออกจากความคิดนี้ได้ เราไม่ได้บอกว่า "ไม่เป็นไรอย่าไปคิดมากหรืออย่าไปให้ค่าอย่าไปสนใจคำด่าเหล่านั้น" เพราะเชื่อว่าน้องคงลองแล้วแต่ไม่สำเร็จถึงเล่าให้เราฟัง เราไม่มีคำแนะนำใดๆ นอกจากช่วยด่าคนๆ นั้นให้แทน เราบอกว่าคนแบบนี้เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้ด่าเขาแค่คนเดียว และไม่ได้ทำกับเขาเท่านั้น แต่ทำกับทุกคน เพราะคนปกติจะไม่แสดงออกอย่างนี้ อย่าคิดว่าคนแบบนี้จะเจริญ ลองดูรีวิวของร้านสิ มีคนโดนอย่างเขาบ้างไหม ถ้าไม่มีเขาก็เป็นแค่คนซวยคนหนึ่ง แต่ถ้ามีก็แปลว่าร้านนี้ไม่ดีพอที่จะเปิดให้บริการหากไม่ปรับปรุงพฤติกรรม ซึ่งก็จริงดังว่า รีวิวมีแต่คนติมากกว่าชม ดูจะเป็นคำแนะนำในเชิงลบที่เราตำหนิคนอื่นและให้พลังลบใช่ไหมคะ แต่หลังจากเราพูดไปไม่กี่นาทีน้องที่กำลังดิ่งกับคำพูดแย่ๆ ก็สบายใจขึ้นทันทีเพราะมีคนเข้าใจและช่วยด่าแทน เราไม่ได้บอกให้เขาคิดบวก แต่อะไรที่ติดอยู่ในใจเกะกะน่ารำคาญก็แกะออก ถ้าแกะออกไม่ได้ก็ให้คนอื่นช่วยแกะ คนไม่ดีมาด่าเราจะมาให้อภัยเพื่ออะไร หากเราไม่มีความสุขที่จะให้อภัยก็ไม่จำเป็น การไม่ให้อภัยใครที่ทำเรื่องแย่ๆ กับเราไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนไม่ดีเสมอไป บางครั้งพลังลบกับพลังลบก็กลายเป็นพลังงานบวกได้ เหมือนสูตรคณิตศาสตร์ เคยเห็นใครเป็นทุกข์แล้วนั่งคุยกับคนเป็นสุขแล้วหายทุกข์บ้างไหม อาจจะมีเยอะ แต่ Magnolia ว่าไม่ใช่ทุกคน เพราะเราเคยทำแล้ว กลายเป็นว่าอิจฉาคนที่มีความสุขง่ายๆ ไม่เครียดกับชีวิต แถมเรากลับมาเป็นทุกข์เหมือนเดิม ตรงข้ามกันพอเราได้คุยกับคนเป็นทุกข์เหมือนกัน แม้จะคนละเรื่อง แต่มันกลับให้เราได้ปลดปล่อยพลังลบออกไป อารมณ์ดีขึ้นเฉยเลย จริงอยู่ที่พลังบวกช่วยเยียวยาจิตใจ แต่อาจจะทำให้เราลืมยอมรับความจริงอันเจ็บปวดของตัวเอง ฉะนั้นอย่าเพิ่งดูถูกพลังลบเพราะมันก็มีคุณค่าในตัวของมันและหลายครั้งมันก็ทำให้เราเดินต่อไปได้เช่นกัน Create Date : 21 มกราคม 2567 Last Update : 21 มกราคม 2567 10:54:51 น. 0 comments Counter : 248 Pageviews.   (โหวต blog นี้)  Share Tweet ชื่อ : Comment :   *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก