21 มีนาคม 2565
อึดอัดใช่ไหม ระบายออกมาสิ
แม้ทุกวันนี้ทุกคนจะอยู่ภายใต้หน้ากากปิดปาก ปิดจมูก แต่ยังเหลือดวงตาเอาไว้ให้คนอื่นเห็นได้อยู่ และดวงตานี่เองที่ใช้สื่อสารบอกอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจเราได้ Magnolia เข้ารับการรักษาอาการตามวัยที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นประจำทุกสัปดาห์ หมอรู้อยู่แล้วว่าเรามีอาการทางกายหลักๆ คืออะไร รวมทั้งอาการทางใจด้วย แม้จะไม่ได้สาธยายลงรายละเอียดว่าเป็นมาอย่างไร แต่มีบทสนทนาของหมอที่ทำให้เรารู้สึกดี ทั้งที่วันนั้นเรายังไม่ได้เปรยเรื่องอาการทางใจเลย แค่เล่าว่าเพิ่งกลับจากกรุงเทพฯ หมอถามว่า “ไปเที่ยวไหนมาบ้าง” เราว่า “ไปกินข้าวกับเพื่อนเก่า เน้นคุยกันมากกว่า” หมอจึงสรุปว่า ถ้าเราได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาด้วยคำพูด ไม่ว่าจะคุยกับหมอ เพื่อนหรือใครก็ตามไม่จำเป็นต้องเป็นจิตแพทย์ มันจะโล่ง และคลายความวิตกกังวลลง ช่วยให้อาการทางกายลดลงด้วย จริงๆ มันเป็นเรื่องที่เรารู้และพยายามทำอยู่แล้วเวลาที่เราทุกข์หรือไม่สบายใจ แต่หมอคงมองเห็นดวงตาของเราที่ไร้แววความสดชื่นก็รู้ว่า ในใจเรายังมีเรื่องราวมากมายที่สุมอยู่ และคงอยากให้เราเอามันออกมาบ้าง หากคุยกันผ่านตัวอักษรมันก็ดีที่จะพิมพ์อะไรตอนไหนยาวแค่ไหนก็ได้ คนอ่านจะเปิดอ่านเมื่อไรก็ตามสบาย แต่ปฏิกิริยาตอบกลับมาหลังจากนั้นนี่สิ ถ้าไม่อ่านเลยหรืออ่านแล้วไม่ตอบ ความรู้สึกแย่ยิ่งกว่าก่อนพิมพ์ส่งอีกนะ เพราะเหมือนสิ่งที่เราส่งไปทั้งหมดเป็นศูนย์ อีกฝ่ายไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เราระบายออกมา จนบางครั้งอยากจะยกเลิกข้อความแต่ไม่ทันแล้ว คล้ายทำปืนลั่นส่งข้อความให้ผิดคน หากคุยกันต่อหน้า แม้จะไม่มีคำพูดใดๆ ตอบกลับ แต่เรายังเห็นสีหน้าคนฟังว่าเขายังฟังอยู่นะ แค่ “อืม...” ในลำคอ หรือพยักหน้าเบาๆ ก็ยังรู้สึกดีกว่าอ่านแล้วไม่ตอบเสียอีก แต่เราไม่สามารถพูดความในใจทุกเรื่องได้กับทุกคน และไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะรับฟังเราได้ทุกเรื่อง ถ้าวันหนึ่งเราอึดอัดทนไม่ไหวกับสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ไม่มีใครพร้อมจะรับฟังไม่ว่าช่องทางใดก็ตาม ลองใช้วิธีเขียนทุกอย่างที่คิดและรู้สึกลงในโน้ตโทรศัพท์สิ ยาวแค่ไหนก็เขียนไปเถอะไม่ต้องส่งให้ใครอ่าน สิ่งที่ได้รับกลับมาทันทีคือ ได้ปลดปล่อยพลังลบในตัวเองออกไปบ้าง แม้ไม่ทำให้น้ำตาแห่งความทุกข์เหือดหาย แต่มันทำให้เรารู้ว่าเราคิดและอยากพูดอะไรออกมาบ้างในช่วงเวลาแย่ๆ ทิ้งไว้สักวันสองวันหรือนานกว่านั้น แล้วว่างๆ ค่อยกลับมาอ่านอีกที เราจะเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองมากขึ้น ตอนนั้นอาจดีขึ้นบ้างแล้ว หรือสงสารตัวเอง หรือเสมอตัวก็ได้ จะลบทิ้ง พิมพ์ต่อ เก็บไว้ หรือส่งให้ใครอ่านก็แล้วแต่ แต่ยังดีกว่าเก็บทุกอย่างไว้ในใจให้อกแตกตายโดยไม่ได้ระบายอะไรออกมาเลย คนสุดท้ายที่ยังรับฟังทุกเรื่องของเราและยังไม่หายไปไหนก็คือตัวเราเองนี่แหละ Podcast ฟังเพลินสำหรับคนไม่ชอบอ่านแต่ชอบฟัง ติดตามเพจ https://facebook.com/magnoliadiaryVIDEO
Create Date : 21 มีนาคม 2565
Last Update : 20 สิงหาคม 2565 15:35:07 น.
0 comments
Counter : 571 Pageviews.