Eros ในราคะและรักใคร่
Eros ในราคะและรักใคร่พล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 21 สิงหาคม 2548 นี่คืองานรวมกันเฉพาะกิจที่ใครต่อใครเฝ้ารอคอยเมื่อรู้ข่าว เมื่อสุดยอดผู้กำกับภาพยนตร์ 3 คน จาก 3 ทวีป มีโอกาสสร้างสรรค์งานภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน Eros เป็นดำริริเริ่มของโปรดิวเซอร์ที่อยากให้ มิเคลันเจโล อันโตนิโอนี ปรมาจารย์หนังชาวอิตาเลียน เจ้าของงานขึ้นหิ้งอย่าง L' Avventura(1960) L' Eclisse(1962) และ Blow-up(1966) ซึ่งปัจจุบันอายุกว่า 90 ปี จึงไม่สามารถทำหนังขนาดยาวได้อีก(หนังยาวเรื่องสุดท้ายของเขาคือ Beyond the Clouds ปี 1995 ได้ วิม เวนเดอร์ ช่วยสานต่อจนเสร็จ) มาเล่าถึงเรื่องรัก-ใคร่ในช่วงบั้นปลายชีวิต อันโตนิโอนีจึงทำหนังสั้นเรื่อง Il filo pericoloso delle cose หรือ The Dangerous Thread of Things ก่อนที่หว่องกาไว และสตีเวน โซเดอร์เบิร์ก จะทำหนังของแต่ละคนเพื่อนำมารวมไว้เป็นเรื่องเดียวกัน โดยใช้คอนเซ็ปต์และชื่อเรื่องว่า Eros สำหรับ 2 ผู้กำกับฯที่มาร่วมโปรเจ็คต์นี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมากนัก โดยเฉพาะรายแรกซึ่งมีแฟนหนังระดับสาวกอยู่ทั่วโลก เป็นผู้กำกับฯที่ทุกคนรอคอยผลงานใหม่อย่างใจจดใจจ่อ ส่วนรายหลังคือเจ้าของงานฮิตอย่าง Erin Brockovich(2000) และ Oceans Eleven(2001) เป็นผู้ริเริ่มทำหนังแบบขายตรงโดยนำร่องด้วยเรื่อง Bubble(2006) ทั้งยังเคยทำหนังอาร์ตเรื่อง Sex, Lies, and Videotape(1989) ซึ่งมีแก่นเกี่ยวกับตัณหาราคะใกล้เคียงกับ Eros มาแล้ว Eros คือเทพแห่งความรักในตำนานกรีก ซึ่งก็คือคิวปิดหรือกามเทพในตำนานโรมันนั่นเอง ในที่นี้ Eros ไม่ได้หมายถึงเทพ แต่หมายถึงเรื่องราวเกี่ยวกับราคะ-รักใคร่ ตามแต่มุมมอง ทัศนคติ และสไตล์ของผู้กำกับฯแต่ละคนที่จะใช้นำเสนอ เรื่องแรก The Hand ของหว่องกาไว ใช้ฉากฮ่องกงช่วงทศวรรษที่ 60 เกี่ยวกับ คุณนายหัว(กง ลี่)โสเภณีชั้นสูง กับเสี่ยวจาง(จาง เชง) ช่างตัดเสื้อหนุ่มผู้ลุ่มรักลูกค้าสาว เขาถูกคุณนายหัวสะกดให้ติดกับอารมณ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ครั้งนั้น เสี่ยวจางนั่งรอเพื่อเข้าพบคุณนายหัว เขาได้ยินเสียงบทรักของหญิงสาวกับชายหนุ่มดังทะลุผนังห้องจนไม่อาจสะกดความรู้สึกไว้ได้ เมื่อได้เข้าพบคุณนายหัว เธอบังคับให้เขาถอดกางเกงแล้วใช้มือลูบไล้ขับไล่อาการกำหนัดให้ จากนั้นเป็นต้นมา หนุ่มช่างตัดเสื้อก็กลายเป็นทาสรักของคุณนายหัว หลายต่อหลายครั้งที่เขาได้ใกล้ชิดเธอ แต่ก็เป็นแค่การวัดสัดส่วนเพื่อนำไปตัดเสื้อผ้าชุดแพงๆ ให้เธอเท่านั้น เวลาที่เสี่ยวจางไปหา เขามักจะพบเธออยู่กับผู้ชายเสมอ เบื้องหลังผนังห้องและภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์คือพื้นที่ส่วนตัวของคุณนายหัวที่เสี่ยวจางไม่อาจก้าวล่วงเข้าไปได้ดังเช่นผู้ชายคนอื่นๆ เมื่อวันเวลาดีๆ ของคุณนายหัวหมดลง เงินทองร่อยหรอ ซ้ำยังเป็นโรคร้าย ผู้ชายที่เคยคบหาก็จากไปไม่เหลียวแล มีเพียงเสี่ยวจางเท่านั้นที่ยังอยู่เคียงข้างเธอจนถึงเวลาสุดท้ายของชีวิต The Hand คืองานที่มีร่องรอยเดียวกับงานยุคหลังอย่าง In The Mood for Love และ 2046 นั่นคือเรื่องราวอารมณ์รักใคร่ของคนหนุ่มสาวฮ่องกงยุค 60 ที่ถูกอดีตหน่วงรั้งไว้จนเกินกว่าหันหลังลาจาก คอนเซ็ปต์ Eros จึงถือว่าเข้าทางหว่องกาไว... อาภรณ์อันงดงามจากฝีมืออันประณีตคือสัญลักษณ์แห่งราคะ-รักใคร่ที่เสี่ยวจางมีต่อคุณนายหัว ชุดที่แนบชิดห่อหุ้มร่างกายเสมือนเป็นตัวแทนชายหนุ่มผู้ไม่อาจได้ครอบครองร่างกายหญิงสาว เมื่อได้งานกำกับภาพของขาประจำอย่าง คริสโตเฟอร์ ดอยล์ มาช่วยขับเน้นลายผ้าเลื่อมพรายตรึงสายตาผู้ชม อีกทั้งงานกำกับศิลป์ของวิลเลี่ยม ชาง ขาประจำอีกคนซึ่งโดดเด่นไม่แพ้กัน ยิ่งทำให้ทุกๆ ภาพของหนังสั้นเรื่องนี้งดงามเกินกว่าจะละความสนใจไปได้ ที่สำคัญ ความที่เป็นหนังขนาดสั้นเพียง 40 นาที การนำเสนอเรื่องราวเดียว พล็อตเดียว โดยมีตัวละครหลักแค่ 2 คน ทำให้หว่องน่าจะทำงานง่ายยิ่งขึ้น กระทั่งได้ผลลัพธ์ในระดับที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ เรื่องที่ 2 Equilibrium ของโซเดอร์เบิร์ก เกี่ยวกับหนุ่มนักโฆษณา นิค เพนโรส(โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) ที่ฝันวาบหวามถึงหญิงสาวแปลกหน้า เขาเล่าให้ ดร.เพิร์ล(อลัน อาร์กิน) จิตแพทย์ฟัง แต่ ดร.เพิร์ลไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าใดนัก เพราะมัวแต่ชะเง้อมองไปนอกหน้าต่าง หยิบกล้องส่องทางไกลมาส่องดู และพับเครื่องบินกระดาษร่อนออกไป เมื่อนิคตื่นขึ้นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เขาเห็นภรรยาหน้าตาเหมือนหญิงสาวในฝัน ขณะที่ ดร.เพิร์ล ก็ช่างคล้ายคลึงกับ ฮัล เพื่อนร่วมงานในบริษัทเอเยนซี่โฆษณา นิคคิดถึงเครื่องบินกระดาษที่ร่อนออกทางหน้าต่าง...เรื่องใดคือความจริง-ความฝันกันแน่ โซเดอร์เบิร์กใช้เทคนิคด้านภาพสร้างความแตกต่างระหว่างความฝัน-ความจริง โดยความฝันถึงหญิงสาว เขาใช้สีโทนน้ำเงิน เปลี่ยนเป็นขาว-ดำ เมื่อนิคอยู่กับจิตแพทย์ และเป็นภาพปกติเมื่ออยู่กับภรรยาและฮัล หากงานของหว่องกาไว เป็นความรักใคร่ที่ติดค้างในความรู้สึก Equilibrium ของโซเดอร์เบิร์ก ก็คือความรักใคร่ที่คั่งค้างอยู่ในความฝัน โซเดอร์เบิร์กตีความเรื่องรักใคร่ด้วยอารมณ์ขัน ขณะเดียวกันความซับซ้อนของเรื่องราวก็ส่งผลให้ทำความเข้าใจได้ยาก และทำให้หนังแปลกแยกจากเรื่องแรกของหว่อง และเรื่องปิดท้ายของอันโตนิโอนีที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกมากกว่า สำหรับ The Dangerous Thread of Things ของอันโตนิโอนี เกี่ยวกับคริสโตเฟอร์และโคลอี้ คู่รักซึ่งมาพักผ่อนที่รีสอร์ตหอคอยหินในทัสคานี เขาและเธอทะเลาะกันตลอดเวลาด้วยเรื่องที่จับใจความไม่ได้ การพูดคุยของทั้งสองไม่ใช่คำพูดที่เป็นธรรมชาติ การกระทำของพวกเขาหลายครั้งก็ไร้จุดหมาย เมื่อโคลอี้บอกคริสโตเฟอร์ว่ามีหญิงสาวเซ็กซี่พักอยู่ที่รีสอร์ตใกล้กัน เขาจึงไปหาและมีเซ็กซ์เร่าร้อนกับเธอ ฉากสุดท้าย หญิงสาวที่มีเซ็กซ์กับคริสโตเฟอร์เปลือยร่างโลดเต้นอยู่ริมหาดทราย โคลอี้ก็เช่นกัน เธอเปลือยเปล่าหมดจดและเต้นรำอย่างงดงาม ก่อนที่ทั้งสองจะได้มาพบกันในที่สุด The Dangerous Thread of Things ดัดแปลงจากหนังสือ Quel Bowling sul Tevere ของอันโตนิโอนีเอง เช่นเดียวกับ Beyond the Clouds หนังเรื่องหลังสุดของเขาซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์บนขอบเขตและเงื่อนไขมากมาย ใครคุ้นเคยกับงานของผู้กำกับฯอาวุโสท่านนี้คงพอนึกภาพออก เขาทำหนังเป็นเหมือนบทกวีไร้ฉันทลักษณ์ งดงามโดยสัมผัสแต่ยากเข้าถึง เป็นงานนามธรรมที่ยากอธิบายด้วยคำพูด แม้ว่าผู้ชมจะสามารถสัมผัสอารมณ์รักใคร่-ราคะจากงานนี้ได้ก็ตาม หากเปรียบเทียบกัน 3 เรื่อง 3 รส ภายใต้โจทย์ Eros ซึ่งเป็นรากศัพท์ของคำว่าอีโรติก งานของหว่องกาไวตอบโจทย์ได้ตรงและให้ผู้ชมเสพซับเรื่องราวและอารมณ์ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้น ใครชอบ หว่องกาไว ไม่ควรพลาด แต่หากอยากเห็นงานเซอร์เรียลของโซเดอร์เบิร์ก และหนังอารมณ์กวีของอันโตนิโอนี เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับเรื่องอื่นๆ ของเขา หนังสั้นใน Eros ถือได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้กันจะมองว่าเป็นจุดด้อยก็ตรงที่หนังแต่ละเรื่องไปกันคนละทิศทาง จนเกินกว่าจะรวมไว้ด้วยกัน
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2549
9 comments
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2549 20:24:15 น.
Counter : 5734 Pageviews.
โดย: khk IP: 61.91.204.18 18 ธันวาคม 2551 16:24:06 น.
โดย: FeRn IP: 61.91.204.18 18 ธันวาคม 2551 16:37:03 น.
โดย: น้อง บางปะกง IP: 125.25.5.106 22 กรกฎาคม 2552 19:48:19 น.
โดย: ต๋อม อุดรธานี IP: 192.168.182.29, 58.147.103.69 4 พฤศจิกายน 2552 14:12:00 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
ขอบคุณนะค๊า ที่เอามาแนะนำกัน จะไปหามาดูแน่ๆค่ะ