แสงแดดและสายฝน
24 มิถุนายน 2559
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เนื้อหาในบล็อกที่ผมเขียนในวันนี้ไม่ใช่บทวิจารณ์วรรณกรรม แต่เป็นแค่การรีวิวหนังสือโดยเขียนถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านหนังสือจบแล้วเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมจากการที่มีประสบการณ์การอ่านในระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ผมเขียนอาจจะไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือทฤษฎีทางวรรณกรรมก็เป็นได้ สำหรับในวันนี้ผมขอแนะนำหนังสือชื่อ แสงแดดและสายฝน ของอัศศิริ ธรรมโชติ เจ้าของผลงานวรรณกรรมซีไรต์และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
ตามคำโปรยที่หน้าปกหนังสือ แสงแดดและสายฝน ได้บอกไว้ว่า เป็นความเรียงเชิงวรรณกรรมชีวิตและธรรมชาติแดดน้ำในห้วงปีอุทกภัยใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เขียนเกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา เป็นการเขียนในลักษณะความเรียงที่ผสมผสานกับเรื่องสั้น มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำท่วม มีการพูดถึงตัวละครที่ประสบกับอุทกกภัย พูดถึงความรู้สึกและความคิดเห็นหลากหลายประเด็นของผู้เขียนที่มีต่อเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในครั้งนั้น หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นมาในช่วงเวลาหลังจากที่น้ำได้ลดจากหายไปแล้ว (1-2 ปีหลังจากน้ำท่วม) แต่ความทรงจำอันไม่น่าประทับใจนั้นยังไม่เหือดแห้งไปจากความรู้สึกของผู้เขียนเลย
ถ้าท่านใดเคยอ่านผลงานของอัศศิริ ธรรมโชติมาแล้วคงรู้ได้ดีถึงสำนวนและสไตล์การเขียนที่มีเอกลักษณ์อันนุ่มนวลของนักเขียนใหญ่ท่านนี้ ตามประวัติแล้วคุณอัศศิริ ธรรมโชตินั้นเป็นนักหนังสือพิมพ์ การเขียนของเขาจึงเป็นบันทึกภาพของเหตุการณ์เพื่อตีแผ่ให้สังคมได้ทราบ ตามคำกล่าวที่ว่าหน้าที่ประการหนึ่งของนักเขียนคือการบันทึกภาพความเป็นไปของสังคมในช่วงเวลานั้นเพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ด้วย ดังนั้นหนังสือ แสงแดดและสายฝน นี้คงทำหน้าที่บันทึกภาพเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ไว้ได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยที่สุดก็ภาพเดียวกับภาพในความทรงจำอันเลวร้ายของท่าน
ทางรถไฟและถนนยุคใหม่ รวมทั้งตึกอาคารโรงงาน บ้าน กลายเป็นปราการกำแพงที่กั้นน้ำเอาไว้ไม่ให้ไหลได้สะดวก ในขณะที่กระสอบทรายที่เรียงซ้อนกันสูงเป็นกำแพงกั้นน้ำตามหน้าบ้านและขอบถนนกลับถูกน้ำดันแตกกระจายเป็นแนวจมอยู่ใต้น้ำ เศษขยะถุงพลาสติก กล่องโฟม ลอยผ่านหน้าไป มีแต่รถทหารคันใหญ่กับเรือพายเรือเครื่องที่วิ่งสวนกันไปมา จะมีที่แห้งไม่เปียกน้ำเหลืออยู่ก็เฉพาะแต่บนสะพานกับถนนทางด่วนที่ยกระดับเท่านั้น
ที่ป้ายรถเมล์น้ำสูงท่วมเก้าอี้ที่พักผู้โดยสาร มีรถคันหนึ่งจมเกือบมิดหลังคาถูกทิ้งอยู่ข้าง ๆ กลายเป็นที่ที่เด็ก ๆ ใช้กระโจมน้ำเล่น มีคนพายเรืออยู่ทั้งที่หน้าสถานีรถไฟและในสนามบิน เครื่องบินเท่าที่เห็นห้าหรือหกลำจมอยู่กับน้ำ บางลำท่วมเกือบถึงปีก บ้านที่อยู่อาศัยในเวลานี้ไม่ต่างกัน จะราคาเรือนหมื่น เรือนแสน เรือนล้าน ต่างถูกน้ำท่วมเหมือนกันหมด (หน้า 86)
สำหรับท่านที่อยู่ในภาคกลางตอนล่างต่ำลงมาจนถึงกรุงเทพนั้น ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจำภาพของเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ได้เป็นอย่างดี มันเป็นความทรงจำอันเลวร้ายที่มาพร้อมกับสายน้ำและสายฝน ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานมากแล้ว แสงแดดได้แผดเผาให้มวลน้ำแห้งหายไปหมดแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เหลือไว้คือคราบรอยของระดับน้ำเป็นแนวยาว เส้นสีดำที่ไม่น่ามองนี้เหมือนมีปีศาจน้ำมาขีดเส้นขนานทิ้งไว้บนผนังบ้านและขอบกำแพง ถ้าผ่านไปนานแล้วมีใครสักคนถามว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 นั้นได้ให้บทเรียนอะไรกับเราบ้าง? เราคงได้แต่มองรอยคราบน้ำนั้นด้วยสายตาที่กล้ำกลืนแน่ ๆ เพราะหลายคนสูญเสียอะไรมากมายหลายอย่างไปกับน้ำท่วมในครั้งนั้น บางคนสูญเสียสิ่งของในขณะที่บางคนสูญเสียความรู้สึก บางคนอายุ 70 ปีกว่าแล้วก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นน้ำท่วมสูงและนานเท่านั้นเลย
ผมคิดว่าคุณอัศศิริ ธรรมโชติ คงได้รอยประทับในความทรงจำไม่สวยงามเช่นกัน ท่านจึงได้มีแรงสะเทือนใจที่เขียนบันทึกเรื่องราวของมาเป็นหนังสือเล่มนี้ ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดหนังสือเล่มนี้ก็คงเป็นบันทึกเหตุการณ์สำหรับในอนาคต แม้ว่าจะเป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ แต่ก็ให้ภาพที่ชัดเจนมากมาย ในหนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ได้ให้สาเหตุและแนวทางแก้ไขไว้อย่างชัดเจน แต่ภาพบันทึกเหตุการณ์นั้นได้อะไรแง่คิดอะไรมากมายแก่ผู้อ่านเป็นอย่างมาก สำหรับตัวผมเมื่อได้อ่านแล้วผมก็หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ขึ้นมาอีก เพราะผมอาจจะทนกับความรู้สึกร่วมอันเลวร้ายของคนหมู่มากอีกไม่ได้แน่
หนังสือ แสงแดดและสายฝน เล่มนี้เป็ฯหนังสือที่อ่านง่าย ภาษาเขียนของคุณอัศศิริ ธรรมโชตินั้นดูเหมือนจะธรรมดาแต่ว่าอ่านแล้วได้ความรู้สึกที่งดงามมาก คงเป็นเหมือนนักเขียนที่เป็นนักหนังสือพิมพ์มาก่อน นักเขียนในลักษณะนี้จะใช้ภาษาได้ดีกว่าระดับคนทั่วไป ถ้าท่านใดอยากจะลองทบทวนภาพความทรงจำในช่วงมหาอุทกภัยปี 2554 ก็ควรหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดู แสงแดดและสายฝน เล่มนี้เป็นผลงานใหม่ล่าสุดของคุณอัศศิริ ธรรมโชติ ที่จัดพิมพ์โดยแพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2558 ด้วยความหนาไม่มาก 218 หน้า ขนาดจับกระชับมือ ( 4.5 นิ้ว X 7 นิ้ว) ราคาปก 245 บาท
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
Create Date : 24 มิถุนายน 2559 |
|
21 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2559 0:07:30 น. |
Counter : 2132 Pageviews. |
|
|
|
ทะล่มตัวไปแล้ว..อาคุงกล่อง..
ถ้าอาคุงกล่องว่าดี..ก็แสดงว่าดี..
ก็จะได้ซื้อมาอ่านค่ะ..
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog